ตัดภาพกลับมาที่ฟากฝั่งของเจฟเฟอร์อีกครั้ง เขาค่อย ๆ พยุงตัวขึึ้นจากเตียงพร้อมกับลำควยที่เข้าที่เข้าทางดีแล้ว แม้ว่าความเจ็บปวดอันแสบระบม อันเป็นผลพวงมาจากขั้นตอนการรักษาจะยังคงอยู่ก็ตามที
.
"ตื่นแล้วเหรอคุณเจ้าหน้าที่ เป็นไงบ้างล่ะรู้สึกยังไงบ้าง?"
หมอยูมิโกะถามและขณะที่เจฟเฟอร์กำลังจะอ้าปากตอบ หูเจ้ากรรมก็ดันไปได้ยินเสียงฉึกฉัก ๆ คล้ายกับเครื่องยนต์อะไรสักอย่างเข้า แล้วเสี้ยวอึดใจที่หันไปหาต้นตอเท่านั้นแหละ โอ้พ่อเจ้าพ่อคุณเอ๊ย!
.
"นี่มึงยังอยู่อีกเหรอ!"
.
"พั๊ว!"
ฝ่าเท้าขนาดใหญ่จากเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ประทับลงกลางอกของมันในทันที! เจ้าหุ่นยนต์นาริตะคอขาดล้มหงายท้องหงายไส้ในบัดดล! ครานั้นด้วยคุณภาพระดับสูงที่หมอยูมิโกะผลิตเอาไว้ เจ้าหุ่นกลับยังขยับแขนสาวดุ้นอากาศฉึกฉัก ๆ ๆ ต่อไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
.
"ฉึกฉัก ๆ ๆ ฉึกฉัก ๆ ๆ"
.
"บ้าเอ๊ย! เวรแท้ ๆ !"
.
"ช่วยหยุดมันทีหมอ! ได้โปรดเถอะอวัยวะเพศผมโอเคแล้ว แต่ยิ่งผมเห็นมันน้องชายผมก็ยิ่งหดลง ถ้าหมอไม่ทำอะไรสักอย่างอีกไม่นานจากการรักษาโรคโด่ไม่รู้ล้ม มันจะกลายเป็นการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแทนเอานะครับ"
เจฟเฟอร์ร่ายยาว เขางอตัวคุดคู้จ้องมองมันสลับกับการเหลือบดูอวัยวะ ที่เหมือนเพิ่งผ่านการถูกข่มขืนมาหยก ๆ
.
"แหมคุณก็พูดเกินไป ไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่พฤติกรรมของคุณสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ดูสิ! เห็นไหมว่าผู้ช่วยคนสนิทของฉันเขาทุกข์ใจแค่ไหน ไม่เป็นไรนะจ๊ะยูมิจังเดี๋ยวหมอจะสร้างนาริตะจังขึ้นมาใหม่่ เอาให้เหมือนเดิมเป๊ะเลย หมอบันทึกพิมพ์เขียวเอาไว้แล้วไม่ต้องห่วงนะจ๊ะคนดี.. โอ๋ ๆ "
.
ตัดภาพมาที่ยูมิจังที่บัดนี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนจะช้อนตัวเอาร่างของน้องสาวขึ้นมากอด เธอร้องห่มร้องไห้ออกมาน้ำตาท่วม
.
"ฮือ ๆ ฮือ ๆ ค่ะหมอ หมอรับปากยูมิแล้วนะคะ ฮือ ๆ "
.
"ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจที่สุดกับศพคนตายก็ไม่เว้น น้องนาริตะไม่มีหัวด้วยซ้ำยังถีบลงมาได้แย่ที่สุดเลย หมออย่าต่อแขนให้เขานะยูมิเกลียดคน ๆ นี้ อะไรที่พวกเราคุยกันไว้ยูมิขอลืมและยกเลิกทั้งหมดค่ะ เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! "
.
ลืมตาตื่นขึ้นมายูมิก็ได้สร้างความมึนงงให้แก่เจฟเฟอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว ในหัวเขาคิดแต่เพียงว่านี่ร่างเทียมสังเคราะห์มีสิทธิ์จะทำหรือไม่ทำอะไรได้ด้วยเหรอ พวกเธอมีสิทธิเสรีภาพตั้งแต่เมื่อไหร่ เจฟเฟอร์ตั้งใจจะสวนคารมกลับไปเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีที่มีหมอยูมิโกะอยู่ใกล้ ๆ แล้วเธอก็อ่านพฤติกรรมของเขาออก
.
"หยุดเลยทั้งคู่จะทะเลาะกันทำไมมิทราบ เอางี้เรื่องแขนซ้ายที่ขาดของคุณเจฟเฟอร์ เดี๋ยวคุณตามฉันเข้าไปด้านหลังม่านเจลฉันจะหาแขนที่เหมาะสมเปลี่ยนให้จะได้จบ ๆ แล้วก็จะได้ไปจากชั้น 4 นี่ซะที (อยู่มาหลายตอนแล้วนี่เราอ่ะ) ส่วนยูมิจังเดี๋ยวพอพวกเราเข้าไปข้างในแล้ว ให้เธอเอาร่างของนาริตะมานอนบนเตียงแทนนะ เก็บหัวเธอมาด้วยแล้วก็เอาป้ายงดให้บริการไปแขวนไว้ที่หน้าประตู"
.
"หมอคิดจะทำอะไรคะ?"
.
"เปล่าหรอกหมอก็แค่ต้องการจะใช้อะไหล่ มีพิมพ์เขียวอยู่ก็จริงแต่ถ้ามีชิ้นส่วนอะไหล่เดิมผสมอยู่ด้วย นาริตะจังคนเดิมจะออกมาสมบูรณ์แบบมากกว่า เพราะงั้นยูมิจังเฝ้าน้องไว้ดี ๆ ล่ะ"
.
"ได้ค่ะยูมิจะไม่กระพริบตาเลย รีบไปรีบมานะคะหมอ"
.
.
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หลังจากจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่องกันเสร็จ เจฟเฟอร์ก็พร้อมแล้วสำหรับภารกิจตะลุยแดนสนธยา เพื่อแสวงหาแขนซ้ายข้างใหม่ของตัวเอง เขาเดินตามชุดหนังรัดรูปสีเหลืองสดของหมอยูมิโกะเข้าไปติด ๆ ซึ่งในขณะที่แพทย์หญิงใช้เพียงฝ่ามือทั้งสองข้างแหวกเจลตึ๋งหนืดให้สยายออกแล้วก็แทรกตัวเข้าไป เจฟเฟอร์กลับต้องใช้ความพยายามมากกว่านั้นมาก
.
"เวรเอ๊ย! หมอลืมไปรึเปล่าว่าผมมีมือข้างเดียว อย่าเร็วนักสิรอผมด้วย"
เขาสบถในใจทันทีที่เริ่มรู้ตัวว่างานนี้แม่งไม่ได้ง่่ายอย่างที่คิด หมอยูมิโกะเดินเบียดกับเจลยางยืดเข้าไปลึกมากแล้ว แต่เขายังอยู่ที่ด้านนอกและเพิ่งสอดเพียงฝ่ามือเข้าไปได้เท่านั้น
.
"หยี! อะไรว่ะเนี่ยะเหนียวจัง น่าขนลุกชะมัด!"
เสี้ยววาบหนึ่งในภวังค์ความคิด เจฟเฟอร์ชักเร่ิมสงสัยว่าขนาดสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์เทียมอย่างยูมิยังทำได้ แล้วทำไมเขาจะทำบ้างไม่ได้ ยิิ่งเจ้าตัวหันหลังกลับไปมองใบหน้าแสยะยิ้มแกมเย้ยหยันของจักรกลพยาบาล เขายิ่งเกิดแรงฮึด
.
"เอาวะเป็นไงเป็นกัน สู้ตายโว๊ยไอ้เจฟ!"
กันกรามแน่นออกแรงสุดพลัง ดันตัวเองโดยใช้หัวไหล่แทนแขน แหวกข้างซ้ายไม่ได้ก็ช่างมันใช้แค่มือขวาข้างเดียวก็พอ เจลยางค่อย ๆ ยืดออกเมือกเหนียวเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ซ้ำร้ายหนักขึ้นเมื่อเสื้อผ้าชุดผู้ป่วยที่เจฟเฟอร์ใส่อยู่เองก็แสนจะอุ้มน้ำ นั่นยิ่งทำให้ตัวเขาหนักอึ้งเป็นเท่าทวี หายใจก็ไม่ออก! กว่าจะก้าวได้แต่ละขาหมดพลังงานไปมากกว่า 8,000 แคลอรี่
.
เจ้าหน้าที่หนุ่มรู้สึกได้เลยว่าเหมือนตัวเองกำลังจะขาดใจตาย ม่านเจลตึ๋งหนืดนี่คืออะไรกันนะ ความหนาแน่นขนาดนี้อย่าว่าแต่กันคนเข้าเลย เขาว่ามันกันได้แม้กระทั่งแรงระเบิดไดนาไมซ์เลยด้วยซ้ำ
.
"เชี้ยเอ๊ย.. ทั้งเหนียวทั้งหนัก อึบ! ย๊ากกก! อึบ! หมอแม่งหลอกูมาฆ่าทิ้งรึเปล่าวะเนี่ยะ อึบ!"
.
"สติ! สติ! ตั้งสติไว้ไอ้เจฟ! อย่าไปยอมแพ้แขนซ้ายข้างใหม่รออยู่เฟ้ย! ย๊ากกกก! อั๊ก!"
ไม่มีคนบิ้วท์ก็ต้องบิ้วท์ตัวเอง กัดฟันหลับตาปี๋ ทุ่มเททุกอย่างที่ตัวมีทะลวงมันให้ทะลุอย่างไม่หยุดยั้ง
.
แล้วทันใดนั้นเอง ผลพวงจากความพยายามก็ออกดอกออกผล แน่นอนว่าหมอยูมิโกะไม่สละมือเรียวบางของเธอเข้ามาช่่วยแน่ ๆ หากแต่เป็นตัวเขาเองที่ไล่ตามเธอทัน ลมหายใจกำลังจะหมดปอดอยู่รอมร่อ และเขาเองก็กำลังจะหมดแรง จิตสุดท้ายเจฟเฟอร์ก็เลยต้องใส่สุด เขาพยายามทิ้งทั้งหัวไหล่กระเด้าบั้นเอว เอื้อมตัวไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด เพียงเพื่อที่จะสะกิดหลังของหมอยูมิโกะให้ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ ถ้าเธอรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้และกำลังจะตาย หมอสาวต้องหันกลับมาช่วยแน่
.
"หมอ.. ช่วยผมด้วย.. ผมไม่ไหวแล้ว.. อ๊ากกกกกก! ยืดสุดแขนแล้ว ขอให้ถึงตัวที่เถอะ!"
.
"วืดดด!"
.
คุณพระช่วย! เมื่อสิ่งที่เจฟเฟอร์จับได้ดันเป็นแค่ปอยผมบาง ๆ ของหมอยูมิโกะเท่าน้ัน มันเบาเกินกว่าที่เธอจะรู้สึกตัวซ้ำร้ายที่เธอเองก็ดันหลุดบุ๋มออกไปจากม่านเจลไปโผล่อีกฟากเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งให้เจฟเฟอร์ค้างเติ่ง ติดแหงกและกำลังจะสำลักเมือกที่ซึมเข้าไปทางโพรงจมูก!
.
"อึกอัก ๆ ๆ อึก ๆ อัก ๆ ชะ.. ช่วย.. ด้วย..ย..ย"
.
ความโง่เกาะกินสมองตะโกนไปก็มีแต่จะยิ่งสำลัก ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายเจฟเฟอร์ตายแน่ถ้าไม่แก้ปัญหานี้ เวลาของเขาเหลืออีกไม่ถึง 10 วิ ก่อนที่มวลยางตึ๋งหนืดด้านข้างจะบีบรัดตัวคืนสภาพ สายตาฝ้าฟางเลือนลางหนัก แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เจ้าตัวคิดออก!
.
"ไอ้สัดกูคือสายลับเบอร์หนึ่งของ Parallel นะโว่ย โหมดจู่โจม สวิซท์ออน!"
.
โชคดีที่แขนที่ขาดเป็นแขนซ้ายที่ใช้สำหรับการ Drain ก้อนความทรงจำ เพราะฉะนั้นแขนขวาที่ใช้สำหรับยิงกระสุนพลังจึงยังใช้การได้อยู่ มุมมองสายตาบุคคลที่หนึ่งเปลี่ยนทุกอย่างให้เห็นเป็นสิีแดง (ทั้งๆ ที่ข้างนอกเองก็เป็นสีแดงอย่างกับเลือดอยู่แล้ว) พร้อมกับตัวเลขยึกยือบอกพิกัดองศา กับสไตล์การยิงแบบต่าง ๆ ที่เด้งขึ้นมาเป็นออฟชั่นให้เลือก
.
"ช่างแม่งเถอะ ล็อคเป้าข้างหน้าแล้วยิงเลย!"
.
"ยิง!!!"
.
ปลายนิ้วชี้เจฟเฟอร์หักพับลงเหมือนตอนต้นเรื่อง ชั่วพริบตาเลเซอร์ทำลายล้างพลังงานสูงก็พุ่งตรงเป็นลำส่งเสียงดัง จิ้ววววววว!!!"
.
องศาความร้อนที่แผดพุ่งเผาผลาญม่านเจลให้ลุกเป็นไฟ จากที่เคยหนาแน่นอยู่ดี ๆ กลับยุบวูบไหวเว้าแหว่ง ไอ้เจ้าเมือกเหนียวเหนอะนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มันคือเชื้อเพลิงอย่างดีเลย ผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจร่างของเจฟเฟอร์ก็หลุดจากการถูกพันธนาการ เขาล้มคะมำลงก่อนจะลุกขึ้นยืนได้โดยง่าย มองออกไปข้างหน้าเห็นเป็นอุโมงค์เจลโล่ง ๆ ที่มีแสงสว่างอยู่ตรงปลาย
.
"เฮ้อ.. รอดแล้วกู โคตรแม่งเอ๊ยเกือบตายห่าแล้วไหมล่ะ ไป ๆ เดินต่อยังไม่จบเรื่องเว่ย"
.
เปลวไฟลุกท่วมอยู่รอบตัว แต่ก็ยังดีที่บางส่วนของม่านเจลยังมีความหนาแน่นอยู่ก็เลยกันเปลวไฟไว้ได้บ้าง ระหว่างเดินตรงเข้ามาเจฟเฟอร์ก็เลยจินตนาการไปว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในวงล้อมของบ่วงบาศไฟของคณะละครสัตว์ เขาผายมือออกกว้างสุดไหล่ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเหลือแขนอยู่ข้างเดียวก็ไม่สน
.
"เฮ้อ..สวยดีจังเลยเว๊ยยย! คือโคตรภูมิใจในตัวเองอ่ะ เรานี่แม่งไหวพริบดีเหมือนกันนะเนี่ยะ ภาพสวยงามเช่นนี้คือรางวัลแห่งความสำเร็จสินะ"
.
"วู้ววว! , ยะฮู้!"
.
ความเหน็ดเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง เจฟเฟอร์กำลังสนุกสนานกับการได้มีชีวิตเขาแทบจะเต้นระบำหมุนไปมากับอุโมงค์ไฟเลยมั้ง จนกระทั่งเริ่มสังเกตเห็นเงาตะคุ่มที่ปลายอุโมงค์
.
"โอ้ว.. ถึงแล้วสินะ ดินแดนสนธยาที่เขาร่ำลือกันว่าอยู่อีกฟากหนึ่งของชั้น 4 "
.
"แล้วนั่นเงาใครวะน่ะ ยืนกอดอกอยู่เชียว"
.
กระพริบตาแปร๊บ ๆ พลันใช้ม่านตาเรติน่าคลี่ตัวเป็นใบพัดเพื่อซูมภาพให้ชัดขึ้น
.
"แกร็ก ๆ ซึบบบบ!"
.
"อ๋อ.. คุณหมอยูมิโกะนางฟ้าซามูไรเสื้อเหลืองนี่เอง บัดโถ่ทีอย่างงี้ดันมายืนรอต้อนรับกอดอกโพสต์ท่าซะเหมือนเชียว ถ้าหมอรู้ว่าเมื่อกี้ผมเกือบตาย หมอคงไม่ได้ยืนเก็กแบบนี้หรอกบัดโถ่"
.
เจฟเฟอร์เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้มพอ ๆ กับเปื้อนคราบเมือกเจลสกปรก แถมยังทำท่าทะเล้นเป็นเด็ก ๆ ดีใจเหลือเกินกับการพบหมอหนนี้ หนที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งทันทีที่ฝ่าเท้าของเขาเหยียบย่ำลงมายังแผ่นดินที่ยูมิโกะเป็นประมุข!
.
"ไงครับหมอ มารอต้อนรับผมเหรอ? ต้องขอโทษด้วยนะครับเรื่องม่า... ! "
.
"เปรี๊ยะ!"
.
หน้าแหว่งไปครึ่งซีก! กระดูกกรามแตกยับ! มิหนำซ้ำทั้งเนื้อทั้งตัวยังปลิวละลิ่วไปอัดเข้ากับดงป่าละเมาะ พื้นดินบริเวณที่กระเด็นไปแตกระแหงเป็นทางยาวราวกับโดนซุนโกคูดักทำร้าย! แต่ไม่เลย! นี่คือแรงตบเพียงแค่ 1 กระพี้ฝ่ามือจากผู้หญิงที่เป็นหมอคนหนึ่ง บอกแล้วไงว่านี่คือดินแดนพิศวงของเธอ ใครที่มันทำกับสมบัติส่วนตัวของเธอ เธอไม่เคยให้อภัยเลยสักคน
.
.
"คิดว่าฉันตลกด้วยเหรอ! คิดว่าฉันใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะสร้างผนังเจลที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ขึ้นมาได้ คุณกลับเผามันจนไม่มีชิ้นดีไอ้สารเลว!"
ชั่วเคี้ยวหมากแหลก หุ่นงามภู่ระหงษ์ของสาวตาคมผมสั้นซอยไสลด์ก็ปรากฏกายขึ้น ยอมรับตามตรงว่าเธอคนนี้เจฟเฟอร์ไม่ได้คัดดีนัก เพราะเจ้าตัวนั้นเงี่ยนซะจนรีบ หล่อนแทบจะโผล่ออกมาด้วยวิธีการสุ่ม ในลักษณะที่ว่าแค่ปาดตาผ่าน ๆ แล้วก็จิ้มเลือกออกมาเลย."ไงคะที่รัก.. อยากให้ครีสช่วย.. อุ๊ย! คุณมีคู่อยู่แล้วนี่"Ai สาวในชุดนุ่งลมห่มฟ้าแสร้งทำเป็นปิดตาไม่อยากมอง แต่ก็เห็นอยู่ดีแหละว่า Emily กำลังนั่งคุกเข่าแล้วก็โดนควยกระแทกหน้าอยู่.เจฟเฟอร์กวักมือเรียก พลางชี้มาที่ฐานหัวนมตัวเอง."มานี่มา.. เธออ่ะ มาเลียหัวนมให้ฉันหน่อย อึ๊ยยย! ฉันอยากเสียวให้มันสุด ๆ ไปเลย".ร่างเปลือยทำตามอย่างว่าง่าย และด้วยความที่เธอเป็น Ai กึ่งโฮโลแกรมเช่นกันกับ Emily จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้ฝูงแมลงหนุนที่่ฝ่าเท้า ครีสลอยวาร์ปเข้ามาหาเจฟเฟอร์ในชั่วพริบตา พลางเผยอริมฝีปากดูดหัวนมเม็ดแกร่งเข้าไปดุนกับโคนลิ้น."แผล็บ ๆ แผล็บๆ อืมมม.. ใช่ทำแบบนี้รึเปล่าคะที่รัก แผล็บ ๆ "."คริสทำถูกไหมเอ่ย?"."แล้วอีกข้างล่ะให้คริสทำยังไงกับมันดี..?".เป็นคำถามที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาในชั่วขณะจิต เจฟเฟอร์แปลกใจมากเพราะโดยปกติแล้ว Ai ใน The
ฟองฟดฟอด ๆ ออกมาตามลำควย คราบน้ำลายไหลเยิ้มออกมาตามร่องปาก แต่ครานั้นสาวเจ้าก็ยังดูดซดกลับคืนไปจนหมดเกลี้ยง พลันตะปบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนแก้มก้นของเจฟเฟอร์เสียงดัง!."เปรี๊ยะ!!!".เธอบีบเค้นมันจนสุดแรง มองไม่เห็นหรอกแต่คิดว่าน่าจะเริ่มแดงตอนที่เธอเร่ิมข่วน ในร่างที่ใกล้เคียงกับ ไอซ์ อภิษฎา Emily โคตรจะเร่าร้อน นางแมวยั่วสวาทจิกเล็บคมลงแนบก้น ก่อนจะครูดลงมาพรืดเดียวจนกระทบเข้ากับหนังไข่ เล่นเอาฝ่ายชายถึงกับสะดุ้งตัวเกร็ง! เจฟเฟอร์แยกเขี้ยวกัดกรามแน่น พลางลงน้ำหนักมือกับเผ้าผมเธอมากขึ้น."ซี๊ดดดดด! อ้าาาาา! มันเจ็บนะเว๊ยอีกระหรี่!"."มึงชอบรุนแรงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ ห๊ะ! มึงอยากให้กูเย็ดมึงแรง ๆ ใช่ไหม!"."อ่ม..ม..ม อ่ำ..อม..ม..ม".จะให้เธอตอบได้ยังไงในเมื่อลำควยมหึมายังคงคาอยู่เต็มปาก แรงจิกจากฝ่ามืออันรุนแรงรั้งให้ตีนผมของแหม่มสาวถลกขึ้น Emily ตาถลนทึงพลางผงกหัวตามเพื่อลดแรง แล้วก็เป็นวินาทีนั้นเองที่แท่งควยดันเลื่อนหลุดออกมาพอดี."เฮืออออก! ค่ะที่รัก! ฉันอยากเจอ! ฉันอยากโดน! Fuck me please Huney and a hurry up!".ฮวบบบบ! บ๊วบ! บ๊วบ! ๆ ๆ ".อ้าปากกว้างงับเอ็นอุ่นกลับเข้าไปอีกหน คร
ปล่อยผ่านแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ในเมื่อคิดแผนไม้ตายขึ้นมาได้ สายลับอันดับหนึ่งแห่ง Parallel อย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดูภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นอีกต่อไป เขาปล่อยให้เจ้ายักษ์แซนดี้งอกแขนงอกขาออกมาใหม่ได้ตามอำเภอใจ เพราะตราบใดที่เจ้าตัวยังมีหูฟังของหมอยูมิโกะยัดอยู่ในหูตลอดเวลาแล้วล่ะก็ มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ตรงกันข้าม! กลับกลายเป็นเขาเองต่างหากที่จะได้เปรียบหากประวิงเวลาไว้ได้นานพอ.เจฟเฟอร์จึงรีบยกมือขึ้นป้องหู พลางกดปุ่มสัญญาณเพื่อที่จะออกคำสั่งต่อไป."ตั้งแนวกำแพงป้องกันค้างไว้ ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ อย่าให้ทรายเข้าถึงตัวฉันได้เป็นอันขาด!".ฝูงแมลงบินขึ้นลงหึ่ง ๆ คล้ายกับเป็นการตอบรับ หลังจากนั้นพวกมันเกือบทั้งหมดก็เกาะกลุ่มกันเป็นกำแพงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โตมโหฬาร ที่ถอดแบบร่างมาจากพิมพ์เขียวของกำแพงเมืองจีนชัด ๆ ทั้งหมดทั้งมวลลอยอยู่กลางอากาศ โอบล้อมเจฟเฟอร์เอาไว้ทุกทิศทุกทาง ดุจดั่งป้อมปราการขององค์จักรพรรดิอหังการจิ๋นซีฮ่องเต้.ชายหนุ่มหันมองซ้ายทีขวาที สลับกับการหลุบตาขึ้นลงมองจากบนลงล่าง พลางพยักหน้าหงึก ๆ พออกพอใจกับสิ่งปลูกสร้างชีวะมวล ที่บรรดาลูกน้องจัดทำให้."เยี่ยมไปเ
"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"."เฮืออออกกก!"."โคร่งงงงงง!!!".สโตกสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น."ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!""ฮึบ!"."วืดดดดดดดด!".จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ."ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"."หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "."รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย.ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำลั
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกันพวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมือนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ชำเลืองไปเจอเข้าพอดี เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลยจู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.และพอวัตถุเล็กจิ๋วนั้นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ยหล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ!."ฟึบบบ! , หึ่ง ๆ ๆ
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา