หากเป็นเมื่อก่อนฉากนี้คงต้องพรรณนาว่า เกิดลมหมุนมหาศาลดูดสารพัดสิ่งอย่างเข้ามาในฝ่ามือ แต่ครั้งนี้ไม่เจฟเฟอร์ไม่ต้องการใช้มุกเดิมอีกแล้ว ประกอบกับเขาเองก็ต้องการที่จะแสดงกล้ามดาก ให้ไอ้หนุ่มข้างหลังเห็นว่าเขาคือของจริง กระบวนท่าทำลายล้างแบบใหม่จึงถูกสถาปนาขึ้น
.
เริ่มจากสอดแขนขวาที่ถนัดทะลุช่องว่างลูกกรงออกไป กัดฟันกลั้นใจอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งสักพักท่อนแขนส่วนล่างไล่จากข้อศอกลงไปถึงข้อมือ ก็เริ่มส่งเสียงสนั่นดัง เปรี๊ยะ ๆ เปรี๊ยะ ๆ มันแตกร้าวลงมาเป็นแถบตรงราว 7 - 8 เส้น อ้อมท่อนแขนจรดข้อมือ มิหนำซ้ำยังแพลมแสงสีขาวพุ่งออกมาเป็นริ้ว ๆ ราวกับหุ่นยนต์ที่กำลังเปลี่ยนร่าง
.
"เฮือกกก.. นี่คุณจะทำอะไรน่ะ? คุณเป็นตัวอะไรกันแน่? ผมแสบตาไปหมดแล้ว! , อ๊าาาา!"
หรี่ตาเหยเกพิงหลังใส่กำแพง ถามไปก็เท่านั้นในเมื่อเจฟเฟอร์เลือกที่จะไม่ตอบ
.
สายลับหนุ่มแค่หันมาพยักหน้าให้ แล้วทันใดนั้นเองเนื้อแขนของเขาก็ฉีกตัวออก มันเด้งง้างขึ้นตามแนวขอบแสงเป็นซี่ ๆ ทีละชิ้น ๆ จากหนึ่งเป็นสอง , จากสองเป็นสาม , จากสามเป็นสี่ , ไล่ไปจนครบรอบวงแขน จนมีลักษณะคล้ายกับก้านร่มที่ไม่มีผ้าใบ ซี่ชิ้นส่วนที่ง้างตัวขึ้นมาเหล่านั้นคลี่ตัวออกเป็นรัศมีล้อมรอบข้อมือเอาไว้ ราวกับกระบอกข้าวหลามเวลาที่เราฉีกคว้านยังไงยังงั้น
.
สาบานได้ว่าเจฟเฟอร์ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ชิ้นส่วนท่อนแขนที่ง้างขึ้นทำมาจากเหล็กกล้าที่แข็งกว่าหินผา แข็งยิ่งกว่ากล้ามแขนของท่านชัชชาติ อดีตรัฐมนตรีผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในปัฐพีซะอีก สายไฟ , แผงวงจร , ฉนวนกันความร้อน , กับน็อตสกรูนับพัน ๆ เชื่อมกันยึกยืออยู่ใต้กาบแขนที่เผยอขึ้น พวกมันทำงานประสานกันอย่างแข็งขันทั้งยังสปาร์คไฟแตกใส่กัน เปรี๊ยะ ๆ เปรี๊ยะ ๆ อยู่เป็นระยะ ทำเอาไอ้หนุ่มที่หลบอยู่ถึงกับต้องชะเง้อคอออกมาจ้อง
.
"คุณไม่ใช่คนจริงหรอก! คุณไม่ใช่ของจริง! คุณมันหุ่นยนต์ทั้งแท่ง!"
"แล้วนี่คิดจะทำอะไรอีก อี๋สะอิดสะเอียนน่าขนลุกชะมัด!"
.
จะไม่ให้เขาพูดแบบนั้นก็ไม่ได้เพราะจู่ ๆ ซี่ชิ้นส่วนแขนที่ง้างขึ้นมาก็พากันยืดตัวออกยาวเฟื้อยเป็นแฉกรัศมี ก่อนจะงุ้มโค้งลงมาห่อหุ้มกำปั้นของเจฟเฟอร์เอาไว้ กลายเป็นก้อนกำปั้นขนาดมหึมายักษา ที่โคตรจะหนักอึ้งและทรงพลังสุด ๆ ขนาดของมันน่าจะใหญ่ยิ่งกว่ากรงขังส่วนหน้าทั้งหมดอีกมั้ง สองข้างซ้าย - ขวาถึงถูเข้ากับกำแพงดิน บดขยี้คบไฟให้มอดมิดดับสนิทไม่เหลือซาก แม้แต่โต๊ะนั่งกับเก้าอี้ของพวกผู้คุม (ที่ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหน) ก็ยังละเอียดเป็นผุยผง
.
เจฟเฟอร์เหงื่อไหลต่างสายน้ำ แขนขวาของเขาคงจะรับภาระหนักเกินไป ควันมหาศาลจากเครื่องยนต์ภายในจึงพ่นละอองฟู่ ๆ ออกมาถี่รัวในทุกชั่วขณะจิต นี่ขนาดยังไม่ทำอะไรเลยยังกินแรงขนาดนี้ ก็สมแล้วแหละที่เจ้าตัวจะเก็บมันไว้เป็นอาวุธไม้ตายก้นหีบ เอาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น
.
"ฟู่~!!!"
.
"เครื่องแม่งร้อนไปหน่อย!"
.
"ไม่ต้องตกใจไปไอ้หนู! กูเอาอยู่กูคอนโทรลมันได้ หยิบหมวกไหมพรมขึ้นมาสวมซะ แล้วก็อย่าหลับตาเพราะนี่คือท่าจู่โจมที่รุนแรงที่สุดของกู"
.
สมาชิกอันเดอร์กราวน์ทำตามอย่างว่าง่าย เขาหยิบหมวกขึ้นมาสวมกันเศษละออง พลางสืบเท้าถอยหลังจนไม่รู้จะถอยยังไง แผ่นหลังชิดผนังแล้วเลยได้แต่ดู ๆ ว่าเจฟเฟอร์จะทำยังไงต่อ
.
หากเป็นการ์ตูน "วันพีช" หมัดข้างนี้คงไม่ต่างจากเกียร์ 3 ของลูฟี่ ที่พร้อมจะประเคนใส่ทุกสิ่งอย่างออกไปตรง ๆ แต่กลับ "Just say noting" ชื่อไทยมันก็บอกอยู่แล้วว่า "โคตรคนปฏิเสธโลก" จะให้ทำตามคนอื่นมันก็ยังไง ๆ อยู่ สายลับหนุ่มจึงตัดสินใจใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ดึงกำปั้นกลับหลัง! ย้ำว่ากลับหลัง! ชักแขนกลของตัวเองให้ลูกตุ้มหนังเนื้อมหาประลัยลูกนี้ ลอยพุ่งเข้าหาตัวเองในทิศตรงข้าม! พร้อมกับช่ือท่าที่ลอกเลียนมาจากรายการทีวีสมัยก่อนที่ตนชอบดู
.
"ทลายลงไปซะ.!"
.
"จงรับไป "พลัง M-150 กำปั้นสะท้านโลกถล่มปัฐพี!" ของช้านนน~!"
.
"ย๊ากกกกกก!!!"
.
"โครมมมมม! , โครมมมมม!"
.
แรงปะทะนั้นโคตรจะรุนแรง! ก้อนกำปั้นกระชากแผงลูกกรงเหล็กทั้งแผงจนหัวน็อตยึดหลุดกระเด็น พอขืนตัวเองไม่ได้แผ่นลูกกรงก็เลยครูดถอยหลังมาพร้อมกับกำปั้น ทั้งยังหักพับลงบุบบู้บี้จนไม่เหลือสภาพของการเป็นกรงเหล็กที่เคยขังคนมาก่อน จนท้ายที่สุดก็มาหมดกำลังล้มครือลงแทบเท้าเด็กหนุ่มอันเดอร์กราวน์ กับเจฟเฟอร์ที่ยืนหอบแฮ่ก ๆ อยู่ข้าง ๆ
.
"โครมมมมม!!!"
.
ฝุ่นโขมงฟุ้งกระจุยกระจาย แผ่นดินแตกแยกเป็นริ้วด้วยฤทธาจากน้ำหนักที่่มากเป็นตัน ๆ
.
"โห..คุณพระช่่วย! โคตรเจ๋งเลยอ่ะ!"
เสียงชื่นชมอู้อี้ใต้หมวกไหมพรมดังลอดออกมา ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงแนะนำให้ใส่
.
"เท่านี้พวกเราก็ออกไปได้แล้ว ไชโย! ไชโย! ว่าแต่แล้วแบบนี้แขนของคุณมันจะ? คือมันจะใหญ่เบิ้มแบบนี้ต่อไปรึเปล่าครับ?"
.
"แฮ่ก ๆ ไม่หรอก.. ไม่.. แค่แป๊บเดียวอีกประเดี๋ยวก็กลับคืนสู่สภาพเดิม.. ให้กูพักหน่อยนึงก่อนเถอะวะแล้วค่อยไปต่อ.. แฮ่ก ๆ ๆ อย่าเพิ่งถามอะไรอีกเลย กูเหนื่อยอยู่.. แค็ก ๆ ๆ แค็ก ๆ ๆ "
.
เหมือนจะเก่งแต่ปากแต่ก็จริงอย่างที่เจฟเฟอร์พูด เขาหายใจหอบรัวอยู่พักใหญ่ ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่เสี้ยวอึดใจกำปั้นลูกตุ้มที่ห้อยต่องแต่งอยู่ก็สยายตัวออก ซี่ชิ้นส่วนจากท่อนแขนพากันดีดสะพัดอย่างรุนแรงราวกับตลับเมตรเวลาเก็บสาย! เหมือนพวกมันจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย และหากย่างกายเข้าไปใกล้ก็อาจจะโดนบาดเอา
.
"ฟืดดดด.. , ซูดดดด.. , ฟวับบบ..! , ฟวับบบ..! , ฟืดดดด~!"
.
"ซึบ!!!"
.
4.67589 ของเศษเสี้ยววินาทีก็เป็นอันเรียบร้อย เป็นอันว่าแขนขวาของเจฟเฟอร์นั้นกลับคืนสู่รูปลักษณ์ปกติ และขณะที่กำลังหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาไอ้หนุ่มอันเดอร์กราวน์ คบไฟบนกำแพงที่มอดไปแล้วก็ถูกจุดขึ้นใหม่ แสงสว่างจ้าเฉิดฉายออกมาอีกครั้งโดยมีเจ้าหมอนั่นเองที่ถือมันอยู่
.
"เชิญทางนี้ครับคุณ.. ออกจากลูกกรงได้เราต้องไปที่ประตู ผมต้องนำทางคุณต่ออีกหน่อย เสร็จแล้วอย่าลืมดูดความจำเกี่ยวกับแม่ออกไปให้ผมด้วยนะครับ"
.
"เออ..กูไม่ลืมหรอก กูรักษาสัญญาอยู่แล้วไว้ใจได้เลย"
.
"ว่าแต่มันจะไปยากอะไรวะก็แค่ประตูบาง ๆ ผลักออกไปก็หมดเรื่อง ส่องไฟไว้นะ! เดี๋ยวกูจัดการเอง!"
.
เจฟเฟอร์เดินโทง ๆ กระโจนข้ามเศษเหล็กกรงขัง ตัดหน้าไอ้หนุ่มไหมพรมตรงดิ่งไปที่บานประตูที่อยู่ส่วนหน้าสุดของห้อง เขาใช้หูแนบฟังเสียงเพื่ออ่านการเคลื่อนไหว แถมยังใช้จมูกสูดกล่ินฟุดฟิด ๆ พิจารณาหาศัตรูว่ามีใครอยู่ข้างนอกรึเปล่า พอไม่พบเจ้าตัวก็เลยตัดสินใจผลักบานประตูออกไปแบบพรวดเดียวจบ โดยไม่ยอมสังเกตสังกาให้ดีก่อนว่าที่ข้างวงกบนั้น ยังมีกล่องทรงประหลาดขนาด 9 x 15 ซม. ส่องแสงสีเขียวเหมือนเป็นเครื่องแสกนติดตั้งอยู่ข้าง ๆ
.
"เดี๋ยวคุณ! อย่าเพิ่งเปิด! ออกไปแบบนั้นไม่ได้นะ! , เฮ๊ยยย!"
.
ซุ่มเสียงแห่งความห่วงใยตะโกนไปแต่ก็ไม่ทันการณ์ คฑาชายนายอันเดอร์กราวน์เห็นจะ ๆ กับตาตัวเองว่าร่างของเจฟเฟอร์ร่วงหล่นลงไปทันใดเมื่อพ้นประตูออก!
.
"พรืดดดด!"
.
สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น!
.
"เหวอ.. , เหวอ.. อ.. อ..!"
.
"ช่วยด้วย! กูจะหล่นแล้ว..ว..ว..ว อร๊ายยยย! กูตกลงไปแล้ว..ว..ว..ว!"
.
"อ๊ากกกกกก! มันเรื่องเหี้ย! อะไรกั๊นนนนน!"
.
"อร๊ายยยยยย~!"
.
"หมับ!"
.
โชคดีที่คนข้างบนยังไวพอขืนปล่อยให้เจฟเฟอร์กรี๊ดเสียงดังลั่นอยู่แบบนี้ต่อไป อีกไปเกิน 3 - 4 เดซิเบลเขาคงได้กลายเป็นนักแคสเกมในตำนานอย่าง "พี่เอก Heart Rocker" เป็นแน่แท้! และเพื่อให้นิยายเรื่องนี้ได้ดำเนินต่อไป ไม่ค้างเหมือนเกมที่พี่แกเล่นเขาเลยต้องสู้ต่อ เจฟเฟอร์ตะเกียกตะกายสุดฤทธิ์ดึงแขนป่ายปีนขึ้นไป ตามร่างกายของคฑาชายนายอันเดอร์กราวน์ที่อุตส่าห์กระโจนลงมาช่วย เขาเกาะขอบวงกบเอาไว้แน่น ในขณะเดียวกันเจฟเฟอร์ก็กัดฟันเกร็งแขนสุดแรงเกิด เพื่อยื้อยุดฉุดกระชากให้ร่างกายตัวเองผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้
.
นี่มันโลกหรืออะไรกัน? นี่เขาตกนรกหรือกำลังฝัน? เหตุไฉนข้างล่างนั่นถึงได้ดูเร้นลับถึงเพียงนี้ เสี้ยววินาทีที่กำลังจะกอดเกยกันขึ้นไปได้สำเร็จเจฟเฟอร์ลองหันดูด้านล่าง
.
มันมืดดำปิ๊ดปี๋มีกลุ่มเมฆเทาทะมึนกับสายฟ้าสีแดงช้ำเลือดช้ำหนองร้องคำรามอยู่ เศษหินกรวดที่หล่นลงไปลอยหายไปไกลลับ โดยไม่ได้ยินแม้แต่เสียงตกกระทบพื้น มันเหมือนกับกระเพาะอาหารของสัตว์ประหลาด มันร้องคำรามเหมือนกับจะเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างลงไปไม่ให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง อื้อหือมีของแบบนี้อยู่บนโลกเราด้วยหรือ หรือข้างล่างนั่นคือมิติอื่น มิติที่เจฟเฟอร์ไม่เคยรู้จักและไม่ควรไปสอดรู้สอดเห็น
.
"เร็วสิคุณ! มัวมองอะไรอยู่ได้ส่งมือมาอีกนิดเดียว..ว..ว ถึงแล้วผมจะได้ปิดประตู!"
.
"เออ ๆ รู้แล้ว ๆ"
.
"ฮึบบบ!"
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
ประตูโกโรโกโสปิดกระแทกลงด้วยความโล่งอก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าระหว่างเสียงดังของมัน กับเสียงถอนลมหายใจของคนทั้งคู่อันไหนจะดังกว่า
.
จวนเจียนจะหมดสภาพเจฟเฟอร์เป่าปากพรูเกลือกกลิ้งไปมาพยายามจะลุกขึ้น ในขณะที่อีกคนที่เหมือนจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้ลุกยืนอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับสมุดปกหนังเก่า ๆ เล่มหนึ่ง ที่ดูไม่เข้ายุคเข้าสมัยเอาซะเลย
.
"อะไร?"
เจฟเฟอร์ถาม
.
"ก็วิธีใช้ประตูของโลกอันเดอร์กราวน์ที่ถูกต้องไงครับ ถ้าคุณถามผมสักนิดเมื่อกี้เราคง.."
.
"เออ ๆ ๆ กูขอโทษ กูผิดเอง ขอบใจที่ช่วยพอใจยัง!"
.
"........"
ยิ้มเฝื่อนเจือจางความรู้สึก
.
.
"เฮ้อ.."
"โอเคครับ..โอเค..งั้นก็ได้ บอกผมมาสิว่าคุณอยากไปที่ไหน ผมจะพาคุณไปเองผ่านไอ้ประตูโสโครกบานนี้"
สายลับบางคนเก่งเรื่องข้อมูลบางคนเก่งเรื่องความขยัน แต่สำหรับเจฟเฟอร์นั้นแม่ง "พรสวรรค์ล้วน ๆ " ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 30 ตอน หากยังจำกันได้เกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดในเมืองยอร์คชิน ที่สถานที่การประชุมพรบ. ฟรีเซ็กส์ถูกโจมตีจนเละเทะ ในครั้งนั้นมีบุคคลระดับ V.I.P ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก แม้แต่ปิเก้เพื่อนสายลับที่สนิทที่สุดในองค์กรก็ยังเอาตัวไม่รอด แต่เจฟเฟอร์ของเรากลับใช้พรสวรรค์ของตัวเองแกะรอยตามหาองค์หญิงนาตาชาจนเจอด้วยการดมกลิ่น.ยีนเด่นในร่างกายทำให้จมูกเขาดีกว่าคนปกติ มันน่าจะดีกว่าสุนัข K - 9 ของตำรวจหลายสิบเท่า แถมยังสามารถบันทึกข้อมูลรูปพรรณสัณฐานเอาไว้ในคลังความจำได้อีกต่างหาก เสียอย่างเดียวตรงที่ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการใช้อยู่ กล่าวคือเจฟเฟอร์ไม่ชอบที่จะใช้มันนัก มันทำให้บุคลิกเขาดูแย่ ปีกจมูกจะต้องเผยอฟุดฟิด ๆ หัวก็ต้องสั่นดุ๊กดิ๊ก ๆ ไม่ต่างจากหมาน้อยตัวหนึ่ง ใช้โหมดนี้ทีไรจึงมักหลงคิดว่าตัวเองเป็น "ไอ้หน้าหมา" ทั้งที่ความจริงแล้วเขาคือ "ไอ้หน้าม่อ" ผู้ชอบจัดช่อสาว ๆ คราวละหลาย ๆ ดอกซะมากกว่า.แต่ก็อีกนั่นแหละในเมื่อความจริงก็คือความจริง พอหมดหนทางไปต่อ ๆ ให้ไม่หล่อยังไงฟังค์
"อยากไปที่ไหน? หมายความว่าไง? ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเปิดออกไปมันคือหุบเหวนรก!".เด็กหนุ่มหัวไหมพรมส่ายหน้า เขาก้มลงมองสมุดปกหนังที่ถืออยู่ในมือพลางคลี่มันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแผ่นสไลด์สีน้ำตาลหลายแผ่นสอดอยู่ข้างใน ลักษณะมันคล้ายกับอัลบั้มรูปภาพที่เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันแล้ว.ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจฟเฟอร์เริ่มนึกย้อนถึงความหลัง ก่อนหน้านี้ราว 1 - 2 ชั่วโมง เขาจำได้แม่นว่าองค์หญิงนาตาชาเองก็เคยใช้ประตูลักษณะนี้มาก่อน ใช่แล้วประตูห้องส้วมสาธารณะนั่นไงเล่า! มันคือประตูแบบเดียวกันที่พาเขาวาร์ปลงมายังฐานที่มั่นของกลุ่มอันเดอร์กราวน์ที่อยู่เบื้องล่างตรงนี้."เอาสิครับรีบบอกมาเร็วเข้าผมจะได้แสดงให้ดู คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะถ้าใช้ประตูไม่เป็น จะได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับแม่ให้ผมซะที ยิ่งต้องมาสอนคุณแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณไนฟ์"."พรึบ! , พรึบ! , พรึบ!".เสียงหน้าอัลบั้มแผ่นแล้วแผ่นเล่าพลิกตัวผ่านไปขณะรอฟังคำตอบ ทำเอาเจฟเฟอร์ถึงกับเหงื่อตกต้องเกร็งคอตวาดเสียงดัง เพราะรำคาญท่าทางยียวนของไอ้หนุ่มอันเดอร์กราวน์รายนี้เต็มที."ชิ! เวรเอ๊ยกดดันกูชะมัด!""ไปทะเลเอ้า! กูเลือกได้แล้วไป
หากเป็นเมื่อก่อนฉากนี้คงต้องพรรณนาว่า เกิดลมหมุนมหาศาลดูดสารพัดสิ่งอย่างเข้ามาในฝ่ามือ แต่ครั้งนี้ไม่เจฟเฟอร์ไม่ต้องการใช้มุกเดิมอีกแล้ว ประกอบกับเขาเองก็ต้องการที่จะแสดงกล้ามดาก ให้ไอ้หนุ่มข้างหลังเห็นว่าเขาคือของจริง กระบวนท่าทำลายล้างแบบใหม่จึงถูกสถาปนาขึ้น.เริ่มจากสอดแขนขวาที่ถนัดทะลุช่องว่างลูกกรงออกไป กัดฟันกลั้นใจอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งสักพักท่อนแขนส่วนล่างไล่จากข้อศอกลงไปถึงข้อมือ ก็เริ่มส่งเสียงสนั่นดัง เปรี๊ยะ ๆ เปรี๊ยะ ๆ มันแตกร้าวลงมาเป็นแถบตรงราว 7 - 8 เส้น อ้อมท่อนแขนจรดข้อมือ มิหนำซ้ำยังแพลมแสงสีขาวพุ่งออกมาเป็นริ้ว ๆ ราวกับหุ่นยนต์ที่กำลังเปลี่ยนร่าง."เฮือกกก.. นี่คุณจะทำอะไรน่ะ? คุณเป็นตัวอะไรกันแน่? ผมแสบตาไปหมดแล้ว! , อ๊าาาา!"หรี่ตาเหยเกพิงหลังใส่กำแพง ถามไปก็เท่านั้นในเมื่อเจฟเฟอร์เลือกที่จะไม่ตอบ.สายลับหนุ่มแค่หันมาพยักหน้าให้ แล้วทันใดนั้นเองเนื้อแขนของเขาก็ฉีกตัวออก มันเด้งง้างขึ้นตามแนวขอบแสงเป็นซี่ ๆ ทีละชิ้น ๆ จากหนึ่งเป็นสอง , จากสองเป็นสาม , จากสามเป็นสี่ , ไล่ไปจนครบรอบวงแขน จนมีลักษณะคล้ายกับก้านร่มที่ไม่มีผ้าใบ ซี่ชิ้นส่วนที่ง้างตัวขึ้นมาเหล่านั้นคลี่ต
ดวงหน้าแปดเปื้อนพรายน้ำตาเละเทะ สวนทางกับเจฟเฟอร์ที่อยากฟังต่อใจจะขาด เขาไม่อยากทรยศการแข็งตัวของควยตัวเองเลย เพราะอุตส่าห์ได้รับโหวตจากอารมณ์เงี่ยนในร่างกายให้ชูชันขึ้นมาแล้วแท้ ๆ จะมาถูกเชิญออกจากหว่างขาเหมือน สส. บางคนในสภาฯ มันก็น่าเสียดาย."ไม่เป็นไรครับคุณผมยังไหวอยู่ ผมขอเล่าต่อเลยนะ"."อืม.. เอ้อ!"."แม่คุกเข่าลงที่เตียงพลางโน้มตัวลงมาคร่อมร่างผม ในจังหวะนั้นผมรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของแม่ที่กดเตียงนอนให้จมลงเป็นหลุม ด้วยความสัตย์จริงผมขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนร่างกายนั้นแหวกว่ายอยู่ในบ่ออารมณ์เสพสมบ่มีสมที่แม่สถาปนาขึ้น เอวผม , สะโพกผม , แล้วก็ตูด จมยุบลงไป มิหนำซ้ำแผ่นหลังยังโค้งเป็นคันศรด้วยฤทธาจากที่นอนซึ่งต่างระดับ"."โดนขนาดนี้แต่คุณรู้อะไรไหมว่าไอ้นั่นของผม ยังคงโด่ต่อหน้าแม่ได้อย่างไม่สะทบสะท้าน ที่ใต้ผ้าห่มซุ่มเสียงจากสาวคนรักยังคงรุกเร้าผมด้วยความเร้าใจ หล่อนไม่เปิดช่องให้ผมได้อธิบายอะไรเลย แท่งควยป้อม ๆ ในวัย 17 ก็เลยเสยเนื้อผ้าในองศาที่สูงขึ้น ให้ตายเถอะผมกำลังมีอารมณ์อยู่กับสาวที่ไม่เห็นหน้าทางโทรศัพท์แท้ ๆ แต่ไอ้จ้อนใต้ผ้ามันดันโก่งขึ้น! โก่งขึ้น! แล้วก็
ได้ยินแบบนั้นเจฟเฟอร์ก็อึ้งกิมกี่พลันรีบนึกย้อนกลับไปยังภาพทรงจำ ที่ตัวเองเพิ่งหลุดพ้นออกมา."ผู้หญิงผมยาวท่าทางใจดีคนนั้นอ่ะนะ.. ที่คิดจะทำมิดีมิร้ายมึง! เหอะ! กูเชื่อมึงกูก็ปัญญาอ่อนแล้วล่ะ!"."ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับเพราะฟังดูแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อจริง ๆ แม่เวอร์ชั่นปกติน่ะใช่! แต่ถ้าเป็นแม่ที่สวาปามยาอลาลัสเปี้ยนส์เข้าไปแล้วล่ะก็ มันก็คนล่ะเรื่อง!""แล้วผมก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมยินยอม.. ผมดิ้นสุดกู่ผมสู้สุดใจ แต่เป็นแม่ต่างหากที่ "ข่มขืน" ผม! ย้ำว่าแม่ "ข่มขืน" ผม!".อารมณ์มาคุเกาะกินหัวใจ เด็กหนุ่มกระชับฝ่ามือกำลูกกรงแน่น พลันเขย่า ๆ ๆ จนฝ่ามือช้ำเป็นเปื้อน ๆ."บัดโถ่เอ๊ย! ตอนนั้นผมอายุ 17 เองผมยังซิงอยู่เลย! คนเหี้ยอะไรเสียซิงให้แม่ตัวเอง! เหี้ย! ทุเรศชะมัด! คิดขึ้นมาทีไรผมล่ะแค้นใจชิบหาย ราชาเด็มบ้าบาเพราะท่านแท้ ๆ ที่ทำให้ผมต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ , หึ๊ยยย!".เห็นท่าไม่ดีจึงรีบปรี่เข้าไปขวาง สายลับหนุ่มขยุ้มคอเสื้อกระชากเขาเอาไว้."เฮ๊ย! ใจเย็นก่อนไอ้หนุ่ม สงบจิตสงบใจลงหน่อยเถอะวะ สนิมมันจะซึมเข้ามือมึงเอานะมึงนั่งลงก่อน เหมือนอยากจะระบายอะไรใช่ไหมกูรู้สึกได้?".เจฟเฟ
"แม่ครับแม่! แม่จะพาผมไปไหนเหรอครับ ขาผมสั้นผมก้าวไม่ทัน".จู่ ๆ ซุ่มเสียงของเจฟเฟอร์ก็เปลี่ยนคีย์ไปในบัดดล ไม่เฉพาะแค่รูปร่างบุคลิกแล้วที่เปลี่ยน มาตอนนี้สายลับอย่างเขารับรู้ได้เลยว่าทุกอย่างรอบตัว แม้แต่ชีวิตจิตใจก็คงเข้ามาสิงสู่อยู่ในร่างของเจ้าของเรื่องแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เขาคอนโทรลตัวเองไม่ได้ ใจจะเลี้ยวไปทางขวาขามันก็ก้าวไปทางซ้าย พอตั้งใจจะหยุดก็โดนหญิงวัยกลางคนที่เรียกตนเองว่าแม่ยื้อยุดฉุดกระชาก แม้แต่คำพูดคำจาที่ตั้งใจจะพูดอีกอย่างก็กลายเป็นอีกอย่าง.เหมือนกับว่าสิ่งเดียวที่อนุญาตให้เจฟเฟอร์ทำได้ ในโลกแห่งความทรงจำนี้คือการมองเห็น เขากำลังเห็นในสิ่งเดียวกับที่หนูน้อยวัย 10 ขวบเห็น มันคือประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของอลาลัสที่ไม่ได้โชกชุ่มไปด้วยน้ำกาม แต่อิ่มพลีไปด้วยคาวเลือด แอ่งโลหิตแห่งความอัปรีย์ของสตรีผู้อยู่ในฐานันดรสูงสุด."ก็ไปดูองค์ราชินีเสด็จไงลูก พระองค์กับบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมดจะเสด็จเยี่ยมราษฎรณ์พร้อมกันเชียวนะ นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักครั้ง ไม่งั้นคนไม่เต็มถนนแบบนี้หรอกลูกรัก รู้สึกจะขาดแค่ราชาองค์เดียว"."ราชาเด็มบ้าบา! เอ๋? ทำไมท่านไม่มาล่ะครับ?"ขยับปากถามไปเอง