@ร้านไอศกรีม“เอาอันนี้ค่ะ” นิ้วเรียวเล็กจิ้มไปที่ไอศกรีมรสช็อกโกแลตมินต์สุดโปรดปรานในเมนู แต่ยังไล่มองบนแผ่นกระดาษเคลือบใส ก่อนจะปิดจบที่รสวานิลลา ซึ่งน่าจะเป็นของผม “แล้วก็นี่ด้วยค่ะ”เธอยื่นเมนูคืนให้พนักงานหญิง ก่อนจะหันกลับมาหาผม“เราสั่งให้เฮียแล้วนะ”“อือ” ผมครางรับ หลังจากนั้นก็เอื้อมไปคว้ามือเล็กข้างขวาที่วางอยู่บนโต๊ะมาสำรวจ แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดร่องรอยบาดเจ็บให้เห็นเด่นชัดจากภายนอก ผมจำเป็นจะต้องขยับข้อมือเธอเพื่อดูรีแอคชั่น แต่เธอยังเก็บอาการได้ดีเสมอเพราะไม่อยากให้ผมกังวล“มันไม่ค่อยเจ็บแล้ว” คนตัวเล็กรีบออกปาก“ได้ทายาที่เอาให้รึเปล่า”“ทาค่ะ คุณยูริ…”“มิเชล”เจ้าของชื่อหยุดพูดกะทันหัน ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ผมเองก็เลื่อนสายตาไปโฟกัสผู้มาเยือนใหม่เช่นกัน ปรากฏร่างเด็กชายในชุดพละแบบเดียวกันกับคนตัวเล็กที่ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงข้ามผม“...” ไม่มีสัญญาณตอบกลับจากคนที่ถูกทักทาย แม้แต่รอยยิ้ม มิหนำซ้ำยังเบือนหน้าหนี ส่งผลให้คนเอ่ยทักหน้าเจื่อนไปทันที ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการหันมายกมือไหว้ผมแทน“สวัสดีครับคุณลุง”ผมตวัดตาคาดโทษไอ้เด็กนรกที่ใช้สรรพนามไม่เข้าหูด้วยความหงุดห
เด็กหญิงมิเชลเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากประถมเข้าสู่มัธยม ส่วนผมยังทำหน้าที่พี่ชายคนโปรดได้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ในบรรดาเฮียๆ ทั้งหมด ผมเป็นคนที่เธอให้ความสนิทสนมและไว้ใจมากที่สุด นั่นคงเป็นเพราะผมตามใจและใช้เวลาอยู่กับเธอมากกว่าคนอื่นๆ ถึงงานจะรัดตัวแค่ไหน ก็สามารถละทิ้งทุกอย่างเพื่อมาหาเธอได้เสมอครั้งนี้ก็ด้วย…ฝีเท้าผมหยุดชะงักทันทีที่เห็นร่างเล็กในชุดพละโรงเรียนเอกชนชื่อดัง นั่งฟุบหน้าลงกอดเข่าตัวเองอยู่บริเวณบันไดหน้าศูนย์วิชาการใจกลางเมือง แล้วก้าวไปหยุดยืนต่อหน้าเธอบนขั้นบันไดที่ต่ำกว่าหัวใจผมกระตุกวูบ เมื่อเด็กสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมคราบน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดแบบลวก ๆ ขณะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ก็ยังเทียบผมไม่ได้ หน้าผากมนเอนมาแอบอิงบนแผงอกข้างซ้ายของผม คล้ายกับเธออยากหาที่พักพิงในตอนที่กำลังหมดแรง“ฮะ…เฮีย เราทำไม่สำเร็จ ฮึก” น้ำเสียงสั่นปนสะอื้นที่พยายามเปล่งออกมาให้จับใจความได้นั้น ทำผมชาวาบไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของเด็กหญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยแรกรุ่นไม่เข้าใจทำไมผมรู้สึกมีก้อนตีขึ้นจุกอยู่กลางอก บ้าฉิบ…เหมือนความเจ็บปวดทั้งห
“เดี๋ยวไปโรงเรียน ก็เจอเพื่อนใหม่ เดี๋ยวก็ไม่เหงาแล้ว”“ไม่อยากมีเพื่อน” เธอสวนกลับด้วยประโยคที่เหนือความคาดหมาย“ทำไมละ” หัวคิ้วผมย่นเข้าหากันจนแนบชิด“เพื่อนไม่ชอบเรา…อุ๊บ”“เป็นอะไร” ผมตกใจ เอียงคอมองเด็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเธอเลื่อนมือออกแล้วอธิบาย “ขอโทษค่ะ พี่มิณบอกไม่ให้แทนตัวเองแบบนี้กับผู้ใหญ่ มันไม่น่ารัก”ผมหลุดยิ้ม “น่ารักดีออก ใช้กับเฮียได้ คิดซะว่าเฮียเป็นเพื่อนก็ได้”“ได้ไงคะ เฮียอายุมากกว่าตั้งเยอะ”อึก! รู้สึกเหมือนถูกทุบกลางหลังอย่างแรง จุกอยู่นะ นี่ผมไม่ได้กำลังโดนหลอกด่าอยู่ใช่ไหม เด็กน้อยไร้เดียงสาตรงหน้ากะพริบตามองผมปริบๆ“เหอะ…” ผมทำได้แค่ยิ้มแห้ง “เป็นเพื่อนไม่ได้จำกัดอายุสักหน่อย”“จริงเหรอคะ” นี่เป็นประโยคแรกที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียง“อือ”“เฮียอยากเป็นเพื่อนกับเราเหรอ” เสียงสดใสและตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ“ใช่ เฮียอยากเป็นเพื่อนกับน้อง”“แล้วทำไมเรียกเราว่าน้องละ” ตุ๊กตาในอ้อมกอดเริ่มไม่จำเป็นอีกต่อไป เธอคลายมันออกโดยที่ไม่รู้ตัว“ก็น้องยังเรียกเราว่าเฮียเลย” ผมตอบริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานให้ผมเป็นครั้งแรก นี่สิถึงเหมาะสมกับใบหน้าอ่อนหวา
สิบกว่าปีก่อน…@บ้านเหมบดินทร์“เฮ้ย! ไอ้เฮียมึงล่ะ” ผมร้องถามลูกชายคนกลางของบ้าน กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดในชุดแสนสบายสำหรับการเล่นน้ำด้วยความเร่งรีบ หลังจากผมเพิ่งก้าวผ่านวงกบประตูบ้านเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่“ข้างบน” มันตอบแบบปัด ๆ โดยไม่หันมอง“รีบห่าอะไรขนาดนั้นวะ” เสียงบ่นพึมพำไล่ตามหลังมัน ก่อนจะพาตัวเองขึ้นบันไดไปยังจุดหมายที่รู้จักเป็นอย่างดีประตูห้องเพื่อนรักถูกดันเข้าไปด้วยความมั่นใจ แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำผมชะงักนิ่ง คนที่อยู่บนเตียงไม่ใช่คนในความคิด แต่เป็นเด็กหญิงที่เพิ่งถูกรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเหมบดินทร์หมาด ๆ วันนี้เลยดูเหมือนผมจะทำให้เธอตกใจจากการพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ส่งสัญญาณ ร่างเล็กขยับถอยไปชิดหัวเตียง หน้าตาตื่นตระหนก คว้าตุ๊กตาหมีขาวตัวใหญ่เข้าสู่อ้อมกอดแน่น ราวกับเธออยากใช้มันเพื่อเป็นเกราะกำบังตัวเองจากภัยอันตราย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ เด็กที่มาจากบ้านเด็กกำพร้าล้วนแต่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น แล้วแต่ว่าใครจะเจอในรูปแบบไหนอีกอย่างอาจเป็นเพราะเธอยังไม่คุ้นชินสถานที่ และเรายังไม่เคยเจอกันสักครั้ง เพราะฉะนั้นตอ
แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะตัดสินใจตามผู้หญิงคนเดียวที่จะสามารถให้คำตอบผมได้ไปด้วยความที่ผมเข้าออกที่นี่ราวกับเป็นบ้านตัวเอง จึงไม่มีใครใส่ใจว่าผมจะไปไหนหรือทำอะไร แม้แต่การขึ้นมาถึงห้องหนังสือชั้นบนนี้ก็ด้วยประตูถูกเปิดและปิดลงในเวลาไล่เลี่ย ซึ่งผมยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน เจ้าของห้องตัวน้อยหันกลับมา รอยยิ้มที่มีในตอนแรกหายวับไปกับตา หัวคิ้วบางย่นขึ้นเล็กน้อย“เข้ามาทำไมคะ” คำถามที่เหมือนจะสุภาพ แต่น้ำเสียงแข็งกระด้าง ฟังไม่รื่นหูเลยสักนิด หนังสือที่กำลังจะหยิบออกมาถูกดันกลับเข้าที่เดิม จากจุดที่เธอยืนอยู่ตอนนี้ห่างจากผมประมาณสิบก้าว“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ผมเริ่มขยับปลายเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น“เราไม่มีอะไรจะคุย” เจ้าของใบหน้าหงุดหงิดก้าวเดินเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพื่อล้นระยะทาง ในขณะที่ผมหยุด แต่เธอยังเดินต่อ ดูเหมือนจุดหมายจะเป็นประตูบานใหญ่ที่ผมเพิ่งทิ้งห่างออกมา“แต่เฮียมี” ผมคว้าข้อมือเล็กในตอนที่กำลังจะผ่านผมไป หวังแค่จะให้เธอหยุดและรับฟัง“อย่ามาโดนตัวเรา” คำสั่งเสียงเครียดดังขึ้นพร้อมกับการสะบัดมือออก ก่อนจะหมุนตัวเดินต่อผมอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่า ก้าวเพียงไม่เท่าไหร่ก็พาตัวเองไปขวางหน้าปร
โถงใหญ่ภายในคฤหาสน์ประจำตระกูลเหมบดินทร์คือทางผ่านที่จะทะลุไปยังสระว่ายน้ำด้านหลัง ซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นลานปาร์ตี้ขนาดย่อม ประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีและโต๊ะยาวราวสองเมตร ที่นำมาใช้สำหรับวางอาหาร เครื่องดื่มและเหล่าของขวัญน้อยใหญ่“อาหมอ!!!”ผมหันไปตามเสียงประสาน คลี่ยิ้มบางและโบกมือให้สามแสบของไอ้ฟิวส์ ไอ้ธามและก็ไอ้ยูตะที่พร้อมใจกันตะโกนเรียกจากกลางสระขณะผมเดินผ่าน โดยที่มีผู้เป็นพ่อคอยประกบอยู่ข้างกายไม่ห่าง ไหนจะพี่โตสุดอย่างสองแฝดของไอ้ดินนั่นอีก ดูวุ่นวายดีจัง ถัดไปก็เป็นโซนหน้าเตาปิ้งย่างและก็มีแม่ครัวประจำกลุ่มคนเดิม เฌอณารีน แถมด้วยลูกมือคนสวยอย่างโรส ส่วนหนูดากับคุณหนู ลลินก็เฝ้าดูลูกน้อยวิ่งเล่นอยู่ในสวนด้วยเวลาที่หมุนผ่านไป พวกเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมาก มีสมาชิกตัวเล็กตัวน้อยเพิ่มมาอีกหลายชีวิต และคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าพวกมันไม่หยุดผลิตกันสักทีแก้วแอลกอฮอล์ในมือพี่ชายคนโตของบ้าน ไอ้วาโย ยกขึ้นชูใส่ผมเพื่อเป็นการทักทาย ก่อนมันจะผละออกจากวงนักร้องมือสมัครเล่น ที่ประกอบไปด้วย ไอ้ดิน ไอ้แม็กซ์ เพลินตา และมิณ นั่งห้อมล้อมชุดโฮมเธียเตอร์สุดหรูพร้อมจอ LED ขนาดใหญ่แล