หลังจากวันนั้นนับดาวก็ไม่ได้เจอเก้าทัพอีกเลย หรือพรหมลิขิตจะไม่มีอยู่จริง ๆ กันนะเด็กสาวได้แต่คิดถึงเขาอย่างเศร้าใจ ตอนนี้นับดาวมาทำงานที่ผับของขุนพลได้เกือบสองเดือนแล้วซึ่งรายได้ในแต่ละวันรวมทิปด้วยทำให้ตอนนี้นับดาวมีเงินเก็บเกือบสี่หมื่นบาท อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสดใสร่าเริงยิ้มง่ายทำให้พี่ ๆ ที่มาเที่ยวต่างพากันรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษจึงพากันเปย์ทิปให้เธอเยอะทีเดียวในแต่ละคืน
แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้โชคดีเหมือนเฉกเช่นทุกวัน...
“อะนับนี่ของโต๊ะเก้า”
พี่คิวพนักงานจัดชุดเหล้าในร้านยื่นถังน้ำแข็งกับเหล้าราคาแพงให้นับดาวที่รับมาอย่างแข็งขัน เด็กสาวรีบเดินไปยังโต๊ะหมายเลขเก้าตามที่คนพี่บอก โต๊ะตรงนั้นล้วนมีแต่ชายฉกรรจ์พลันให้หญิงสาวหยุดชะงักเพราะผู้ชายที่นั่งล้อมรอบโต๊ะแต่ละคนดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร แต่เมื่อคิดได้ว่ามันคืองานเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจแล้วเดินนำถังน้ำแข็งกับเหล้าไปวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนที่จะรีบปลีกตัวออกมาทันที
แต่เพียงแค่หันหลังเพื่อที่จะเดินจากมามือที่หยาบกระด้างของใครบางคนก็ฉุดข้อมือของเธอเอาไว้จนนับดาวถึงกับเซไปปะทะที่ตัวของผู้ชายคนนั้นด้วยความไม่ทันระวังทันที
“จะรีบไปไหนจ๊ะน้องสาว คืนนี้สนใจไปต่อกับพี่ไหมจ๊ะ”
ผู้ชายที่กระชากข้อมือของนับดาวยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูหอมกรุ่น นับดาวพยามย่นคอหนีด้วยความหวาดกลัวจับใจกับสถานการณ์ที่เธออยากหลีกหนีออกไปให้ไกล ปกติแล้วแทบไม่ค่อยจะมีใครกล้าทำรุ่มร่ามกับบรรดาเด็กเสิร์ฟสาว ๆ เพราะที่ร้านมีกฎว่าห้ามแขกลวนลามพนักงานในร้านอย่างชัดเจน
คำสั่งเฮียขุนพลใครก็ห้ามขัดแต่กลับใช้ไม่ได้กับผู้ชายที่กำลังจับมือเธอเอาไว้แน่นจนยากที่เธอจะสะบัดหลุดออกโดยง่าย
“ปล่อยหนูนะคะพี่” เสียงเล็กของนับดาวร้องบอกพี่ผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่กำลังจับแขนเธอไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยความกลัวปนขยะแขยง ดวงตากลมโตพยายามสอดส่ายมองหาพี่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไปเพื่อจะร้องขอให้ช่วย แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับนับดาวเลยสักนิด
“จะเล่นตัวไปทำไมวะ ขายเท่าไรว่ามา”
ตะวันจับแขนสาวน้อยที่มาเสิร์ฟน้ำแข็งเขาเอาไว้แน่น ตัวเล็ก ๆ ผิวขาวผ่องโคตรน่ารักเลย วันนี้เขาต้องได้เธอไปนอนกอดสักคืน ยิ่งได้สูดกลิ่นกายหอม ๆ ความปรารถนาในกายก็พุ่งขึ้นจนยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้กระทำการลวนลามสาวน้อยคนนี้ได้ทั้ง ๆ ที่กฎของผับก็ระบุชัดเจนว่าห้ามลูกค้าลวนลามพนักงานเสิร์ฟสาว ๆ ภายในร้านเด็ดขาด
“หนูไม่ได้เล่นตัวนะคะ แต่หนูมาทำงานหาเงิน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอกให้ปล่อย” นับดาวพยายามสะบัดแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุดสักที เพราะมือที่จับเธอไว้นั้นแน่นราวกับคีมเหล็ก รู้สึกเจ็บระบมที่ข้อมือเล็กจนน้ำตาแทบไหล เพราะพี่ผู้ชายคนนี้จับมือเธอเอาไว้แน่นโดยที่ไม่ถนอมเลยสักนิด
“หมื่นนึงเอาไปเลยสำหรับคืนนี้” ตะวันแสยะยิ้มก่อนจะเสนอราคาให้สาวน้อยตรงหน้าด้วยค่าตัวที่สูงมาก ทำมาเป็นขัดขืนจะโก่งราคาค่าตัวหรือไงวะ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทางของเด็กสาวที่พยายามขัดขืนดึงมือเล็กนุ่มนิ่มออกจากมือใหญ่ของเขา
“จะกี่บาทก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละค่ะ หนูมาทำงานไม่ได้มาขายตัว”
นับดาวตะโกนใส่หน้าตะวันก่อนที่จะสะบัดออกจนมือขาวของเธอแดงเถือกไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการที่น่าขยะแขยงนี้สักที
“หึ กะหรี่อัปเกรดเหรออีหนู”
ทุกประโยคของหนุ่มสาวของทั้งสองคนดังไปกระทบโสตประสาทของใครบางคนที่นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ เพียงแค่โซฟากั้น พอจบประโยคนั้นของตะวันเก้าทัพที่ลุกเดินมาถึงพอดีก็ฟาดขวดเหล้าลงไปที่หัวของอีกฝ่ายเต็มแรง เขาแอบฟังอยู่นานแล้วในเมื่อผู้หญิงเขาไม่ยินยอมก็ปล่อยเขาสิ ไม่ใช่มาพูดจาเหี้ย ๆ ใส่เขา
เพล้ง
เสียงขวดเหล้าฟาดลงบนหัวตะวันเต็มแรงจนแตกกระจาย หัวเขาแตกเลือดไหลอาบใบหน้าเต็มไปหมด ทำเอาตะวันรีบปล่อยมือสาวน้อยที่เขาจับเอาไว้ทันที มือใหญ่เปลี่ยนมากุมหัวเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันรีบกรูเข้ามาดูทันทีที่เพื่อนโดนฟาดจนเลือดอาบ
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยมึงเป็นใครกล้าดีอย่างไรมาตีกู” ตะวันตะโกนร้องด่าผู้ชายตรงหน้าที่อยู่ ๆ ก็เดินมาตีหัวเขาเสียงดังลั่นร้านทำเอาคนที่นั่งแถวนั้นต่างพากันมองมาอย่างให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ผู้หญิงเขาไม่ยอม มึงไม่ควรบังคับเขานะ”
เก้าทัพค่อย ๆ ดึงมือนุ่มนิ่มของเด็กสาวให้มาหลบที่หลังของตัวเองโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยสักนิดว่าผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าอยู่คือนับดาวก่อนที่เขาจะใช้สายตาคมดุมองตะวันอย่างพร้อมที่จะฟาดต่อ ได้นะเขาไม่ติดพร้อมเสมอกับพวกหน้าตัวเมียที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ผู้หญิงเป็นเพศแม่พวกมันไม่สมควรมารังแกหรือตอแย
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยไอ้เวร” ตะวันตะโกนด่าแสกหน้าเก้าทัพด้วยความโมโห เก่งนักรึไงรู้จักไอ้ตะวันคนนี้น้อยไปเสียแล้ว
“พวกมึงจัดการมัน” ตะวันร้องสั่งเพื่อนที่มาด้วยกันให้จัดการเก้าทัพก่อนที่เพื่อนของตะวันทั้งสี่คนจะลุกขึ้นเตรียมจัดการเก้าทัพ แต่เก้าทัพกลับควักปืนที่เหน็บเอวขึ้นมาจ่อไปที่มันทั้งสี่คนจนพวกมันหยุดชะงักไปในทันที
“พวกมึงเข้ามากูยิง ลองไหม” เก้าทัพแสยะยิ้มร้ายให้เพื่อนตะวันทั้งสี่คนรวมถึงลากสายตาดุ ๆ กลับมามองตะวันอย่างท้าทาย เก้าทัพพกปืนไปไหนมาไหนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะเขาคือลูกชายมาเฟียใหญ่แถมยังมีพี่เขยเป็นมาเฟีย รอบ ๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยศัตรูในที่มืดที่เขามองไม่เห็นทั้งนั้น
“กูกำลังคันมือพอดี มึงเลือกเอาจะไปจากที่นี่แบบครบสามสิบสองประการหรือเหลือแต่วิญญาณเฝ้าผับ”
เก้าทัพเอ่ยบอกฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับมือที่เตรียมจะลั่นไกใส่ แต่ตะวันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ในทันที สู้คนที่ไม่มีอาวุธตะวันพร้อมกระทืบสุดใจ แต่ให้สู้กับคนที่กำลังเตรียมลั่นไกเขาขอยอมศิโรราบแต่โดยดี
“โอเค ไป...กูไปแล้วไม่อยู่แล้ว ไปเว้ยพวกมึง” ตะวันบอกเก้าทัพด้วยความกลัวสายตาคมกริบที่มองมายังเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาและเขาไม่ควรไปต่อกรด้วย เมื่อพวกมันไปหมดแล้วนับดาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังก็เอ่ยขอบคุณคนใจดีเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะพี่ที่ช่วยหนู”
เสียงเล็กที่สั่นด้วยความกลัวบอกขอบคุณอีกฝ่าย น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นเคยนักในความรู้สึกของเขา แต่เก้าทัพกลับคิดไม่ออกว่าเจ้าของน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้คือใครกัน เขาไม่พูดตอบอะไร แต่กลับหันหลังไปมองสาวน้อยที่ก้มหน้าลงด้วยความกลัว
“คราวหน้าระวังตัวด้วยนะ คิดจะทำงานในที่อโคจรเธอต้องรู้จักเอาตัวรอดให้เป็นนะรู้ไหมสาวน้อย ส่วนค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เสียงนุ่มทุ้มบอกนับดาวก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่เดิมส่วนนับดาวได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างรู้สึกขอบคุณผู้ชายที่เธอเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง ผู้ชายตัวหอมที่เดินห่างออกไป แต่กลิ่นหอมยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเธอไม่จางหาย
เธอจะจำเขาเอาไว้ไม่มีวันลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยเธอถึงจะไม่เห็นหน้าเขาชัดก็เถอะ หน้าสวยหวานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บกวาดโต๊ะอย่างมีความสุข
อย่างน้อยชีวิตที่อาภัพของเธอก็ยังมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น หัวใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะรีบเก็บกวาดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ
“แม่ง อย่างโหดว่ะไอ้เก้า มึงจะเฟียร์สไปไหนวะ” พอร์ชเอ่ยแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เมื่อเก้าทัพเดินกลับมาที่โต๊ะ ความเฟียร์สของเก้าทัพไม่เคยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวเพื่อนเขาก็ตีหัวคนเลือดอาบไปแล้ว
“ขัดลูกตาฉิบหายว่ะ แม่งพวกเหี้ยเดนสังคม” สบถคำหยาบใส่เพื่อนก่อนที่จะหยิบแก้วเหล้าที่ชงค้างไว้ขึ้นมาดื่มดับความหัวร้อน แม้ว่างานอดิเรกของเขาคือการทำขนมที่ช่วยให้เขาเป็นคนใจเย็นในระดับหนึ่ง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาหายหัวร้อนได้เลยสักนิด
สาวน้อยคนนั้นน่าสงสารชะมัด
“ถ้ามันพร้อมวอร์มึงจะทำไงวะกูถามจริง” ดาร์คถามเพื่อนด้วยความจริงจัง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าพวกมันไม่กลัวเก้าทัพจะทำอย่างไร คำถามของเพื่อนทำเอาเก้าทัพแสยะยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนที่จะพูดออกไปโดยไม่หยุดคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ยิงทิ้งไง ไม่เห็นยากเลย” บอกเพื่อนเสร็จก็กระดกเหล้าที่เหลือเข้าปากจนหมดแก้วก่อนจะลุกขึ้นหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“ฝากเคลียร์ค่าเสียหายที กูกลับบ้านก่อนนะ วันนี้กูนอนบ้านเดี๋ยวแม่ขาของกูจะรอนาน พอดีน้าอ้อยฝากขนมมาให้แม่ด้วย บายเพื่อนเลิฟ”
เก้าทัพส่งจูบให้เพื่อนสนิททั้งสอง ทิ้งให้ดาร์คกับพอร์ชขนลุกเบา ๆ กับการกระทำนั้น ส่วนเก้าทัพหัวเราะออกมาน้อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป นับดาวที่มาแอบมองเพื่อที่จะรอเจอหน้าผู้มีพระคุณถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เพราะผู้ชายที่ลุกเดินจากโต๊ะไปก็คือพี่ชายใจดีของเธอ...พี่เก้าทัพ
ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างออกมาด้วยความรู้สึกดีใจที่พรหมลิขิตที่เธอเฝ้ารอคอยในที่สุดก็เกิดขึ้นจริง ผู้ชายที่เธอคอยเฝ้าคิดถึง คนที่เธอคะนึงหาในที่สุดเขาก็มาให้เธอได้เจออีกครั้ง
รักแรกพบของเธอพี่เก้าทัพ
วันเวลาที่ผ่านไปเร็วราวกับเข็มนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดินทำให้ตอนนี้กองทัพกับพราวฟ้าใกล้จะจบปีการศึกษาแล้วซึ่งสำหรับกองทัพเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกเขาก็ต้องไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้เรียนที่ไหน ตอนนี้เก้าทัพกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าบิดาในห้องทำงาน เขามาที่นี่เพื่อมาขอคำปรึกษาจากบิดาถึงเรื่องเรียนต่อของลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่การเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว“ผมอยากให้ลูกไปเรียนต่อมัธยมที่เมืองนอกพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ” เก้าทัพถามบิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่กฤษฎิ์จะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะตัวเขาเองก็ส่งเก้าทัพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเช่นกัน แต่เป็นการส่งไปเรียนหลังจากที่เก้าทัพเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยแล้ว แต่เก้าทัพกลับคิดต่างจากเขาคือให้ส่งเจ้ากองทัพไปตั้งแต่ยังเด็ก“ทนคิดถึงลูกไหวไหมล่ะ” คำถามของบิดาทำให้เก้าทัพถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะคำถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเห็นด้วยกับการที่เขาจะส่งกองทัพไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากด้วย แต่เก้าก็อยากให้พี่ทัพไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของการเป็นเด็กวัยรุ่นไปจนถ
หลายปีต่อมาพราวฟ้าเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่จากนับดาวและเก้าทัพที่ดูแลลูกสาวด้วยตัวเอง หลังจากพราวฟ้าอายุได้สองขวบ กองทัพก็ให้นับดาวกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ส่วนเขาก็รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยที่กำลังซนและยิ้มเก่งอย่างมีความสุข โดยที่มีพี่แก้มใสรับอาสาช่วยเลี้ยงในบางวันที่เก้าทัพต้องไปตรวจดูงานที่กาสิโนที่เขาชอบเอาลูกสาวไปฝากพี่แก้มใสให้ช่วยเลี้ยงเป็นเพราะว่าเก้าทัพไม่อยากรบกวนบิดามารดากับคุณแม่ปรานีที่อายุมากแล้ว ถึงท่านทั้งสามคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม เพราะลูกสาวเขาซนมากถึงมากที่สุดสงสัยเขาคงปล่อยให้อยู่กับพี่แก้มใสมากเกินไปเลยค่อนข้างซนและดื้อมากทีเดียว“พี่ทัพอย่าลืมไปส่งน้องที่ห้องเรียนด้วยนะคะ” นับดาวกำชับกองทัพที่โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อวัยประถมหน้าตาดีจนเด็กสาวหลาย ๆ คนตกหลุมรักพากันซื้อขนมมาฝากแทบทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียน กองทัพพยักหน้ารับคำสั่งของมารดาพร้อมกับจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพราวฟ้ามากุมเอาไว้ ปีนี้พราวฟ้ากำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ส่วนกองทัพก็กำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หกซึ่งเก้าทัพให้ลูกทั้งสองคนเรียนในรั้วโรงเรีย
เช้าวันหนึ่งนับดาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนกว่าที่น้องพราวจะยอมเข้านอนเธอกับพี่เก้าทัพก็แทบจะหลับก่อนลูกสาวตัวน้อยเสียอีก เมื่อวานพราวฟ้านอนกลางวันตื่นอีกทีเกือบเย็นเลยทำให้ลูกสาวของเธอไม่ยอมหลับเสียทีส่วนกองทัพที่ตอนแรกเล่นกับน้องสาวอยู่ดี ๆ ก็นอนหลับคากองของเล่นจนเก้าทัพต้องอุ้มลูกชายไปส่งที่ห้องนอน“แอ๊ แอ๊ เก้า เก้า หม่ำ ๆ ๆ”เด็กหญิงพราวฟ้าในวัยสิบเดือนคลานซุกซนบนเตียงนอนใหญ่ไปมาอย่างอารมณ์ดี นี่ขนาดนอนดึกแล้วนะ แต่ลูกสาวเธอกลับตื่นแต่เช้าในขณะที่เธอเพิ่งลืมตาตื่น นับดาวฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงข้าง ๆ ลูกสาวของเธอโดยมีพี่เก้าทัพที่กำลังหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยอย่างอารมณ์ดี“ตื่นแล้วเหรอคะคนสวยของพี่เก้า” เก้าทัพเงยหน้าขึ้นมาแซวนับดาวที่ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้สองพ่อลูกก่อนที่เด็กหญิงพราวฟ้าจะค่อย ๆ คลานไปหามารดาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ นับดาวที่เห็นเช่นนั้นรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาในอ้อมอกทันทีพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มป่องหอม ๆ ของลูกสาวอย่างแสนรักลูกสาวของเธอจ้ำม่ำเหลือเกิน“นับไปอาบน้ำเถอะค่ะเดี๋ยวพี่จะพาน้องพราวลงไปเล่นข้างล่างกับกองทัพรอพี่ทำม
โรงพยาบาล N“น้องพราวค้าบ” กองทัพร้องเรียกเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของมารดาพร้อมกับยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเนียนนั้นอย่างรักใคร่ น้องสาวของเขาน่ารักมากแก้มป่อง ๆ เหมือนเขาเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างมีความสุขก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่“ดีใจไหมคะต่อไปพี่ทัพจะมีเพื่อนเล่นแล้วน้า” นับดาวถามลูกชายยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพพยักหน้ารับคำมารดาด้วยความดีใจ เพราะต่อไปตนจะไม่ต้องเล่นของเล่นคนเดียวอีกแล้ว“พี่ทัพจะพาน้องพราวคนสวยไปเตะบอล ปั่นจักรยาน แล้วก็ขับรถแข่งด้วยกันนะค้าบ”กองทัพบอกเด็กหญิงตัวน้อยที่มองเขาด้วยดวงตากลมโตอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอกในขณะที่นับดาวกับเก้าทัพได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กันเมื่อลูกชายตัวน้อยบอกว่าจะพาน้องสาวคนสวยไปเตะบอลแข่งรถ ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจกรรมของเด็กผู้ชายทั้งสิ้นโตขึ้นนี่โตไปลูกสาวของพวกเขาคงห้าวแบบแมน ๆ คุยกันน่าดูแกรก แอด“น้องพราวหลานป้า ป้าแก้มมาแล้วลูก” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงสดใสของแก้มใสที่วิ่งดุกดิกเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อยด้วยความดีใจ โดยที่มีรามสูรกับกอหญ้าลูกชายลูกสาวฝาแฝดที่เดินตามหลังเข้ามาพร้อมวายุผู้เป็นสามี“น่ารักน่าชังจังเ
เวลาผ่านมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้อายุครรภ์ของนับดาวก็ใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้วทั้งเก้าทัพและเด็กชายกองทัพต่างนั่งนับวันและตั้งตารอคอยลูกสาวและน้องสาวตัวน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกในไม่ช้า โดยที่เก้าทัพไม่ได้ให้นับดาวอัลตราซาวนด์ เพราะเก้าทัพอยากลุ้นว่าเพศของลูกที่เขามีความมั่นใจมากว่าต้องเป็นลูกสาวอย่างแน่นอนจะถูกเหมือนที่เขาคาดเดาไหม“พี่จะรีบไปรีบกลับนะคะ”เก้าทัพก้มลงจูบหน้าผากมนของนับดาวอย่างแสนรักก่อนที่จะก้มลงจูบแก้มลูกชายตัวน้อยที่พองลมแก้มป่องรอให้ผู้เป็นบิดาหอมฟอดใหญ่อย่างรู้งาน เพราะไม่ว่าเก้าทัพจะไปไหนเด็กน้อยมักจะให้บิดาหอมแก้มก่อนไปเสมอจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนที่บิดาลืมเด็กน้อยก็จะคิดค่าปรับเป็นของเล่นราคาแพงอยู่บ่อยครั้ง“พี่ทัพครับดูแลแม่นับดี ๆ นะครับ ถ้าแม่นับปวดท้องจะคลอดน้องต้องรีบโทรรายงานพ่อเก้าทันทีเลยนะครับ” เก้าทัพไม่ลืมที่จะย้ำลูกชายตัวน้อยที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่บิดาบอกก่อนที่เก้าทัพจะเดินไปขึ้นรถที่มีฮารุสตาร์ตรออยู่แล้ว รถแล่นออกจากหน้าบ้านไปโดยที่มีรอยยิ้มหวานของนับดาวยิ้มส่งตามเก้าทัพไปอย่างมีความสุข“ไปกันครับพี่ทัพ วันนี้เรามาทำขนมบัวลอยไข่หวานรอพ่อเก้ากั
หลายวันต่อมา“เมียจ๋าวันนี้เราไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกกันดีไหมคะ อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลย ช่วงนี้อากาศดี พี่อยากพานับออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้านบ้าง”หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วเก้าทัพก็เอ่ยปากชวนนับดาวไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกตามแผนขอแต่งงานที่เขาได้วางเอาไว้ นับดาวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เพราะเธอไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องเธอก็มีแต่กินกับนอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยจะมีก็แค่ออกไปเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้านในบางวันเท่านั้นไม่ก็เดินเล่นในสวนหย่อมหน้าบ้าน แต่วันนี้พี่เก้าทัพกลับชวนเธอไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกมันเลยทำให้นับดาวเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย“นับอย่างไรก็ได้ค่ะ พี่เก้าอยากไปไหนนับก็พร้อมจะไปกับพี่เก้าเสมอ”นับดาวบอกเก้าทัพด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนก่อนที่เก้าทัพจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากนับดาวเบา ๆ อย่างแสนรัก แต่คนที่นั่งข้าง ๆ กลับกอดอกมองพ่อกับแม่ที่กำลังแสดงความรักกันต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจตัวเองอย่างงอน ๆ“พ่อเก้าหอมพี่ทัพด้วยสิค้าบ หอมแม่นับคนเดียวได้ไงพี่ทัพก็อยากโดนห