คืนนั้นหลังจากที่แพรววามาส่งนับดาวที่หน้าบ้านเด็กสาวก็เดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุขและก็พบว่าแม่ปรานียังคงนั่งรอเธอกลับมาจากที่ทำงานเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กสาวเดินเข้าไปกอดมารดาด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ
“ไม่ยอมนอนอีกแล้วนะคะ”
น้ำเสียงสดใสร่าเริงของนับดาวแซวปรานีอย่างต้องการหยอกล้อผู้เป็นมารดา ปรานีกอดตอบลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะกว่าลูกสาวจะเลิกงานก็ปาไปตีหนึ่งเศษ เรื่องการทำงานที่สถานบันเทิงของนับดาวเธอคัดค้านตั้งแต่ครั้งแรกที่เด็กสาวไปสมัครงาน แต่ด้วยเหตุผลที่ทั้งบ้านไม่มีเงินพอที่จะส่งเสียนับดาวให้เรียนต่อสูง ๆ ในระดับมหาวิทยาลัย
และเธอเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะทำให้ปรานีต้องยอมที่จะให้นับดาวไปทำงานในสถานที่อโคจรแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ห่วงแสนห่วง แต่แพรววาก็ได้ให้สัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของเธอให้ดีที่สุดมันก็ทำให้เธอวางใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสองเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลยสักครั้งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
“อยากเห็นหนูกลับเข้าบ้านมาก่อนถึงจะหลับลง”
แววตาของนับดาวหม่นแสงลงเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินประโยคที่ชวนเศร้าใจก่อนที่ดวงตากลมโตของเด็กสาวจะกลับมาสดใสร่าเริงเช่นเดิม มือที่กอดมารดาเอาไว้กระชับกอดแน่นขึ้นมากกว่าเดิมความรู้สึกอบอุ่นพลันแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย หัวใจที่หม่นเศร้าชั่วครู่คล้ายถูกเติมเต็มด้วยความสุขที่ไม่สามารถประเมินค่าออกมาได้
“ไม่ต้องรอทุกวันก็ได้ค่ะ วันไหนง่วงแม่ก็นอนเลยนับดาวสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
นับดาวบอกมารดาให้คลายใจก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนบ้านแล้วแยกย้ายกันเข้าห้องนอน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนับดาวก็ล้มตัวลงนอนด้วยความสุข ใบหน้าของเก้าทัพยามที่กำลังเดินออกไปจากผับลอยเด่นขึ้นมาในมโนสำนึกก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม มือบางคว้าตุ๊กตามานอนกอดและค่อย ๆ หลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราที่ฝันดีตลอดทั้งคืน
คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก
“วันนี้ทำไมน้องเก้าตื่นแต่เช้าเชียว” ที่รักที่เดินเข้ามาในครัวมองลูกชายที่กำลังนั่งปั้นแป้งด้วยความตั้งใจ สองมือเต็มไปด้วยแป้งทำขนมเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นมารดาได้เป็นอย่างดี ตอนเด็ก ๆ เก้าทัพค่อนข้างใจร้อนด้วยเหตุนี้พี่หมอกฤษฎิ์จึงส่งเด็กชายตัวน้อยไปเรียนทำขนมกับคุณยาย มันเลยทำให้เก้าทัพกลายเป็นคนที่มีความอดทน ละเมียดละไม และใจเย็นขึ้นมาก
เย็นจนถึงขั้นที่ว่าเย็นชากับผู้หญิงแทบทุกคนยกเว้นกับเธอผู้เป็นมารดา แก้มใสพี่สาว และลูกพี่ลูกน้องอย่างน้องเกรซ รวมไปถึงกอหญ้าหลานสาวและน้องเพลง เพียงฝันลูกสาวคนเล็กของคุณหมอเพลิงกัลป์ที่ค่อนข้างสนิทกับบ้านของเธอ
“ตื่นมาทำขนมบัวลอยไข่หวานให้คุณแม่ที่รักก่อนจะกลับคอนโดครับ”
รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ผู้เป็นมารดาอย่างออดอ้อนก่อนที่ที่รักจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายแล้วช่วยลูกชายปั้นขนมบัวลอยกันสองคนแม่ลูกอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าภายนอกเก้าทัพจะเย็นชาไร้ความรู้สึกกับผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับมารดาที่เขารักสุดหัวใจแล้วมุมอ่อนโยนของเก้าทัพจึงมีให้เห็นตลอดเวลา
“อืม ฝีมือไม่ตกเลยนะเรา” คำชมแรกหลังจากที่กฤษฎิ์ตักบัวลอยขึ้นชิมหลังอาหารมื้อเช้าทำเอาเก้าทัพถึงกับอมยิ้มออกมาน้อย ๆ น้อยครั้งที่เก้าทัพจะแสดงฝีมือการทำอาหารหรือทำของหวานให้คนที่บ้านทาน แต่ถ้าได้เข้าครัวแล้วคำชมคือสิ่งที่เก้าทัพมักจะได้รับตามเสมอ
“แน่นอนสิครับ ลูกชายหมอกฤษฎิ์เสียอย่าง”
คำพูดที่เหมือนจะโอ้อวดตนเองอยู่ในทีทำเอากฤษฎิ์ถึงกับหลุดยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนที่จะตักของหวานกินคำต่อไปไม่หยุดอย่างถูกปาก สายตาคมกริบจ้องมองลูกชายที่กำลังพูดคุยกับภรรยาตัวน้อยอย่างอ่อนโยน ปีนี้เก้าทัพอายุย่างยี่สิบปีแล้วลูกชายของเขาโตขึ้นมากและความเฟียร์สก็เพิ่มมากขึ้นไม่มีแผ่ว
เมื่อเช้าเขาได้รับรายงานจากเรียวคนสนิทว่าเมื่อคืนลูกชายตัวน้อยของเขาสร้างวีรกรรมเอาไว้ไม่น้อยทั้งฟาดคนหัวแตกเลือดอาบ ทั้งชักปืนขู่คนจนพวกนั้นวิ่งหนีแทบไม่ทัน อืม นี่สินะลูกพ่อที่แท้จริง นิสัยห้าวตีนเหมือนเขาไม่มีผิด หึ นายมันแน่มากนะกันต์ดนัยลูกพ่อ
“เรียนรู้แต่สิ่งดีไปจากพ่อขาก็พอ อะไรที่มันห้าว ๆ เฟียร์ส ๆ แม่ขอละอย่าเรียนรู้เลยนะลูกนะ สงสารแม่เถอะแม่แก่แล้ว”
คุณแม่ยังสาวบอกลูกชายตัวน้อยที่เธอยังคงมองว่าเป็นเด็กตลอดเวลาในสายตาของเธออย่างขอร้องอ้อนวอน ทำเอาเก้าทัพถึงกับก้มหน้าซ่อนยิ้มที่มารดาแอบเหน็บบิดา คนที่ถูกพาดพิงถึงกับบึนปากทำหน้างอนใส่ภรรยาตัวน้อยที่แอบเหน็บตนเข้าให้อย่างน่ารัก
“อะไรที่ได้ไปจากพ่อมีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นลูกจ๋า เพราะพ่อคนนี้เป็นพ่อที่ดีและสามีที่ดีของแม่เราเสมอมาไม่เค้ยไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีเลยสักนิด”
กฤษฎิ์ตีหน้าตายเยินยอตัวเองให้ลูกชายฟังก่อนที่จะยกน้ำขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อประโยคถัดมาของที่รักดังขึ้นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปถึงกับพุ่งกระฉูดลงบนโต๊ะอาหารอย่างไม่ตั้งใจ เพราะประโยคของภรรยาจี้ใจดวงน้อย ๆ ของกฤษฎิ์เข้าเต็ม ๆ
“เรื่องผู้หญิงเพลา ๆ บ้างก็ดีนะลูกอย่าเผลอไปทำลูกสาวใครเขาท้องเข้าจนลืมรับผิดชอบล่ะ”
เก้าทัพหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อน้ำเปล่าพุ่งออกมาจากปากของบิดาจนสำลักไอหน้าดำหน้าแดงร้อนถึงพี่ชินที่ต้องรีบวิ่งมาช่วยลูบหลังเจ้านายด้วยความเป็นห่วง
เรื่องราวระหว่างบิดามารดาของเขาในอดีตใช่ว่าเขาจะไม่รู้ เพราะคุณลุงเรียวอิจิพ่อของพี่หมอวายุเคยแอบเล่าให้เขาฟังว่าพ่อขาเคยทำแม่ขาท้องกว่าจะกลับมาเจอกันอีกทีก็ตอนพี่แก้มใสอายุสี่ขวบแล้ว
“ลูกเรานิสัยดีขนาดนี้จะไปทำใครท้องได้จริงไหมลูกรัก”
กฤษฎิ์หันมาหาลูกชายที่พยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนที่คำพูดของที่รักจะพูดขึ้นมาลอย ๆ อีกหนึ่งประโยคทำเอาคุณพ่อสุดมั่นถึงกับเงียบปากลงในทันที
“ก็ไม่แน่ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจริง ๆ แม่จะปล่อยให้เลี้ยงลูกเองเสียให้เข็ด”
ที่รักยกนิ้วขึ้นชี้หน้าลูกชายอย่างคาดโทษก่อนที่เก้าทัพจะรีบขยับมากอดเอวเอาหน้าซุกที่อกอวบของมารดาอย่างแสนรัก กฤษฎิ์ที่เห็นแบบนั้นถึงกับตาเขียวปั๊ดมองลูกชายที่บังอาจเอาหน้าหล่อ ๆ มาซบนมเมียเขาอย่างออดอ้อน
“หยุดเลยนะเจ้าเสืออย่ามาเนียนอ้อนซบนมแม่ พ่อหวง”
กฤษฎิ์ขู่ลูกชายฟ่อ ๆ ราวกับจงอางหวงไข่ก่อนที่เก้าทัพจะยิ้มออกมาอย่างซุกซนแล้วอ้อนมารดาไม่หยุด ที่รักยกมือขึ้นมาลูบผมลูกชายด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะก้มหน้าลงหอมหัวลูกชายด้วยความรักสุดหัวใจ
“กลับคอนโดไปแล้ววันไหนเหงาก็กลับมาที่บ้านนะลูกนะแม่ที่รักรอน้องเก้าเสมอ”
น้ำเสียงนุ่มละมุนที่แสนอบอุ่นบอกลูกชายคนเล็กก่อนที่เก้าทัพจะพยักหน้ารับคำมารดา สองแม่ลูกกอดกันอย่างแนบแน่นภาพนั้นทำเอากฤษฎิ์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ในใจได้แต่คิดว่าสิ่งที่ภรรยาพูดขึ้นมามันคงไม่มีทางเป็นจริงหรอก เพราะเจ้าลูกชายของเขามันเย็นชากว่าเขาเสียอีกคงไม่มีทางไปทำผู้หญิงท้องได้หรอกเนอะ
กฤษฎิ์ไม่รู้เลยว่าความมั่นใจในความคิดของตัวเองต้องพังทลายลงในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อลูกชายได้เจอกับใครบางคน
วันเวลาที่ผ่านไปเร็วราวกับเข็มนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดินทำให้ตอนนี้กองทัพกับพราวฟ้าใกล้จะจบปีการศึกษาแล้วซึ่งสำหรับกองทัพเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกเขาก็ต้องไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้เรียนที่ไหน ตอนนี้เก้าทัพกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าบิดาในห้องทำงาน เขามาที่นี่เพื่อมาขอคำปรึกษาจากบิดาถึงเรื่องเรียนต่อของลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่การเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว“ผมอยากให้ลูกไปเรียนต่อมัธยมที่เมืองนอกพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ” เก้าทัพถามบิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่กฤษฎิ์จะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะตัวเขาเองก็ส่งเก้าทัพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเช่นกัน แต่เป็นการส่งไปเรียนหลังจากที่เก้าทัพเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยแล้ว แต่เก้าทัพกลับคิดต่างจากเขาคือให้ส่งเจ้ากองทัพไปตั้งแต่ยังเด็ก“ทนคิดถึงลูกไหวไหมล่ะ” คำถามของบิดาทำให้เก้าทัพถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะคำถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเห็นด้วยกับการที่เขาจะส่งกองทัพไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากด้วย แต่เก้าก็อยากให้พี่ทัพไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของการเป็นเด็กวัยรุ่นไปจนถ
หลายปีต่อมาพราวฟ้าเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่จากนับดาวและเก้าทัพที่ดูแลลูกสาวด้วยตัวเอง หลังจากพราวฟ้าอายุได้สองขวบ กองทัพก็ให้นับดาวกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ส่วนเขาก็รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยที่กำลังซนและยิ้มเก่งอย่างมีความสุข โดยที่มีพี่แก้มใสรับอาสาช่วยเลี้ยงในบางวันที่เก้าทัพต้องไปตรวจดูงานที่กาสิโนที่เขาชอบเอาลูกสาวไปฝากพี่แก้มใสให้ช่วยเลี้ยงเป็นเพราะว่าเก้าทัพไม่อยากรบกวนบิดามารดากับคุณแม่ปรานีที่อายุมากแล้ว ถึงท่านทั้งสามคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม เพราะลูกสาวเขาซนมากถึงมากที่สุดสงสัยเขาคงปล่อยให้อยู่กับพี่แก้มใสมากเกินไปเลยค่อนข้างซนและดื้อมากทีเดียว“พี่ทัพอย่าลืมไปส่งน้องที่ห้องเรียนด้วยนะคะ” นับดาวกำชับกองทัพที่โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อวัยประถมหน้าตาดีจนเด็กสาวหลาย ๆ คนตกหลุมรักพากันซื้อขนมมาฝากแทบทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียน กองทัพพยักหน้ารับคำสั่งของมารดาพร้อมกับจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพราวฟ้ามากุมเอาไว้ ปีนี้พราวฟ้ากำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ส่วนกองทัพก็กำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หกซึ่งเก้าทัพให้ลูกทั้งสองคนเรียนในรั้วโรงเรีย
เช้าวันหนึ่งนับดาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนกว่าที่น้องพราวจะยอมเข้านอนเธอกับพี่เก้าทัพก็แทบจะหลับก่อนลูกสาวตัวน้อยเสียอีก เมื่อวานพราวฟ้านอนกลางวันตื่นอีกทีเกือบเย็นเลยทำให้ลูกสาวของเธอไม่ยอมหลับเสียทีส่วนกองทัพที่ตอนแรกเล่นกับน้องสาวอยู่ดี ๆ ก็นอนหลับคากองของเล่นจนเก้าทัพต้องอุ้มลูกชายไปส่งที่ห้องนอน“แอ๊ แอ๊ เก้า เก้า หม่ำ ๆ ๆ”เด็กหญิงพราวฟ้าในวัยสิบเดือนคลานซุกซนบนเตียงนอนใหญ่ไปมาอย่างอารมณ์ดี นี่ขนาดนอนดึกแล้วนะ แต่ลูกสาวเธอกลับตื่นแต่เช้าในขณะที่เธอเพิ่งลืมตาตื่น นับดาวฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงข้าง ๆ ลูกสาวของเธอโดยมีพี่เก้าทัพที่กำลังหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยอย่างอารมณ์ดี“ตื่นแล้วเหรอคะคนสวยของพี่เก้า” เก้าทัพเงยหน้าขึ้นมาแซวนับดาวที่ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้สองพ่อลูกก่อนที่เด็กหญิงพราวฟ้าจะค่อย ๆ คลานไปหามารดาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ นับดาวที่เห็นเช่นนั้นรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาในอ้อมอกทันทีพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มป่องหอม ๆ ของลูกสาวอย่างแสนรักลูกสาวของเธอจ้ำม่ำเหลือเกิน“นับไปอาบน้ำเถอะค่ะเดี๋ยวพี่จะพาน้องพราวลงไปเล่นข้างล่างกับกองทัพรอพี่ทำม
โรงพยาบาล N“น้องพราวค้าบ” กองทัพร้องเรียกเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของมารดาพร้อมกับยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเนียนนั้นอย่างรักใคร่ น้องสาวของเขาน่ารักมากแก้มป่อง ๆ เหมือนเขาเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างมีความสุขก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่“ดีใจไหมคะต่อไปพี่ทัพจะมีเพื่อนเล่นแล้วน้า” นับดาวถามลูกชายยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพพยักหน้ารับคำมารดาด้วยความดีใจ เพราะต่อไปตนจะไม่ต้องเล่นของเล่นคนเดียวอีกแล้ว“พี่ทัพจะพาน้องพราวคนสวยไปเตะบอล ปั่นจักรยาน แล้วก็ขับรถแข่งด้วยกันนะค้าบ”กองทัพบอกเด็กหญิงตัวน้อยที่มองเขาด้วยดวงตากลมโตอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอกในขณะที่นับดาวกับเก้าทัพได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กันเมื่อลูกชายตัวน้อยบอกว่าจะพาน้องสาวคนสวยไปเตะบอลแข่งรถ ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจกรรมของเด็กผู้ชายทั้งสิ้นโตขึ้นนี่โตไปลูกสาวของพวกเขาคงห้าวแบบแมน ๆ คุยกันน่าดูแกรก แอด“น้องพราวหลานป้า ป้าแก้มมาแล้วลูก” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงสดใสของแก้มใสที่วิ่งดุกดิกเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อยด้วยความดีใจ โดยที่มีรามสูรกับกอหญ้าลูกชายลูกสาวฝาแฝดที่เดินตามหลังเข้ามาพร้อมวายุผู้เป็นสามี“น่ารักน่าชังจังเ
เวลาผ่านมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้อายุครรภ์ของนับดาวก็ใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้วทั้งเก้าทัพและเด็กชายกองทัพต่างนั่งนับวันและตั้งตารอคอยลูกสาวและน้องสาวตัวน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกในไม่ช้า โดยที่เก้าทัพไม่ได้ให้นับดาวอัลตราซาวนด์ เพราะเก้าทัพอยากลุ้นว่าเพศของลูกที่เขามีความมั่นใจมากว่าต้องเป็นลูกสาวอย่างแน่นอนจะถูกเหมือนที่เขาคาดเดาไหม“พี่จะรีบไปรีบกลับนะคะ”เก้าทัพก้มลงจูบหน้าผากมนของนับดาวอย่างแสนรักก่อนที่จะก้มลงจูบแก้มลูกชายตัวน้อยที่พองลมแก้มป่องรอให้ผู้เป็นบิดาหอมฟอดใหญ่อย่างรู้งาน เพราะไม่ว่าเก้าทัพจะไปไหนเด็กน้อยมักจะให้บิดาหอมแก้มก่อนไปเสมอจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนที่บิดาลืมเด็กน้อยก็จะคิดค่าปรับเป็นของเล่นราคาแพงอยู่บ่อยครั้ง“พี่ทัพครับดูแลแม่นับดี ๆ นะครับ ถ้าแม่นับปวดท้องจะคลอดน้องต้องรีบโทรรายงานพ่อเก้าทันทีเลยนะครับ” เก้าทัพไม่ลืมที่จะย้ำลูกชายตัวน้อยที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่บิดาบอกก่อนที่เก้าทัพจะเดินไปขึ้นรถที่มีฮารุสตาร์ตรออยู่แล้ว รถแล่นออกจากหน้าบ้านไปโดยที่มีรอยยิ้มหวานของนับดาวยิ้มส่งตามเก้าทัพไปอย่างมีความสุข“ไปกันครับพี่ทัพ วันนี้เรามาทำขนมบัวลอยไข่หวานรอพ่อเก้ากั
หลายวันต่อมา“เมียจ๋าวันนี้เราไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกกันดีไหมคะ อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลย ช่วงนี้อากาศดี พี่อยากพานับออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้านบ้าง”หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วเก้าทัพก็เอ่ยปากชวนนับดาวไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกตามแผนขอแต่งงานที่เขาได้วางเอาไว้ นับดาวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เพราะเธอไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องเธอก็มีแต่กินกับนอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยจะมีก็แค่ออกไปเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้านในบางวันเท่านั้นไม่ก็เดินเล่นในสวนหย่อมหน้าบ้าน แต่วันนี้พี่เก้าทัพกลับชวนเธอไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกมันเลยทำให้นับดาวเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย“นับอย่างไรก็ได้ค่ะ พี่เก้าอยากไปไหนนับก็พร้อมจะไปกับพี่เก้าเสมอ”นับดาวบอกเก้าทัพด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนก่อนที่เก้าทัพจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากนับดาวเบา ๆ อย่างแสนรัก แต่คนที่นั่งข้าง ๆ กลับกอดอกมองพ่อกับแม่ที่กำลังแสดงความรักกันต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจตัวเองอย่างงอน ๆ“พ่อเก้าหอมพี่ทัพด้วยสิค้าบ หอมแม่นับคนเดียวได้ไงพี่ทัพก็อยากโดนห