ฟางเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อจะปิดแต่คนตัวโตตรงหน้าประตูกลับไม่ยอม
“ห้ามล็อก ถ้ามีอะไรขึ้นมาจะได้วิ่งมาช่วยทัน ห้ามดื้อด้วยนะ ถ้าไม่เชื่อฟังวันนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับบ้าน”
“ค่ะ”
ฟางไม่กล้าพูดต่อล้อต่อเถียงกับเขาซึ่งเวย์รู้สึกแปลกใจเอามาก ๆ เพราะเธอเมื่อคืนนี้กับตอนนี้ต่างกันราวกับคนละคน แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเดินมาที่มือถือของเธอก็รีบเปิดเครื่อง เขาเห็นว่ามีข้อความหลายข้อความที่เด้งมาที่มือถือของเธอและมีหลายสายที่ไม่ได้รับ
“ไอ้คนกระจอกไหนบอกว่าอยากเลิกไงล่ะ มาตอนนี้มันช้าไปแล้วฝันไปเถอะว่าจะได้คืน”
เวย์ลบข้อความที่อ่านแล้วทั้งหมดทิ้งก่อนจะทำบางอย่างกับมือถือของฟางและวางเอาไว้ที่เดิม ไม่นานอาหารเช้าที่เขาสั่งเอาไว้ก็มาส่ง เมื่อฟางออกมาก็ได้กลิ่นอาหารจึงเริ่มหิวทันที
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ มากินข้าวก่อนสิ”
“พี่เวย์ไม่อาบน้ำเหรอคะ”
“พี่อาบตั้งแต่เช้าแล้วแต่ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าน่ะ ปกติอยู่ห้องคนเดียวก็จะชอบสวมแค่นี้ไม่ถือใช่ไหม”
เธอส่ายหน้าแทนคำตอบเมื่อค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ เขาและมองอาหารของโรงแรมที่มีมากจนเลือกไม่ถูก
“พี่เวย์หิวเหรอคะ ทำไมสั่งอาหารมาเยอะขนาดนี้ละคะ”
“อืม ก็คงเพราะเมื่อคืนใช้พลังกับฟางไปเยอะละมั้งก็เลยกินเยอะ”
เขาหันไปมองหน้าที่แดงจัดจนถึงกกหูก็ต้องตกใจ นี่ไม่ใช่ว่าฟางจะเก่งแค่ตอนที่เธอเมาหรอกนะ เพราะตอนนี้ท่าทีที่นิ่งและอายแบบนี้เขาแทบไม่คุ้นเคยเลย
“พี่ล้อเล่นน่ะ ไม่รู้ว่าฟางชอบกินอะไรก็เลยสั่งมาเยอะหน่อยจะได้เลือกน่ะ กินอะไรดี ข้าวต้มหรือว่าไข่กวน ขนมปัง”
“ขอแค่ข้าวต้มก็พอค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เวย์ยกชามข้าวต้มให้เธอตรงหน้า เขาขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้หญิงอยู่แล้วเพราะด้วยอาชีพของเขา แม้ว่าจะไม่ได้เจอคนมากแต่ด้วยความคุ้นเคยกับพวกลูกเรือและแอร์โฮสเตรสก็รู้วิธีการดูแลคนอื่น ๆ อย่างดี
“ค่อย ๆ กินนะมันยังร้อนอยู่”
ฟางเริ่มหันไปมองหาของ กระเป๋าและมือถือของเธอ เวย์รู้ว่าเธอจะมองหาอะไรเพราะเธอเริ่มคิดได้เมื่อเห็นว่าเขาหยิบมือถือของตัวเอง
“เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้ วางอยู่ที่เคาน์เตอร์น่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาเดินเอามือถือมาให้เธอ เมื่อฟางกินข้าวต้มไปสองสามคำและเปิดดูมือถือที่ว่างเปล่าก็ค่อย ๆ วางลงข้าง ๆ
“ทำไมทำหน้าตาผิดหวังแบบนั้นล่ะ หรือว่าคิดว่าจะมีใครติดต่อมางั้นเหรอ”
“เปล่านี่คะ แค่คิดว่าโรงพิมพ์จะติดต่อมาเร็วกว่านี้เสียอีก นี่ก็เลยเวลาส่งงานมาวันหนึ่งแล้วปกติก็จะส่งตัวอย่างมาก่อน”
ฟางหันไปกินข้าวต้มเงียบ ๆ แต่เวย์ที่ทำเป็นมองที่มือถือตัวเองและแวบไปมองสีหน้าของเธอก็รู้ว่าฟางกำลังรอการติดต่อจากผู้ชายที่พึ่งทิ้งเธอเมื่อวานนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเขากับเธอพึ่งผ่านคืนที่เร่าร้อนขนาดนั้นมายังทำให้เธอลืมไอ้บ้านั่นไม่ได้หรือยังไงกันนะ แค่คิดก็เริ่มหงุดหงิดจนเผลอวางมือถือแรงไปหน่อยจนเธอตกใจ
“พี่เวย์เป็นอะไรไปเหรอคะ”
"เปล่า รีบกินเถอะ"
“อิ่มแล้วค่ะ”
“อะไรนะ อิ่มแล้วเหรอ”
“ค่ะ อิ่มแล้วถ้าอย่างนั้น…”
“อะไรเหรอ”
“เมื่อวานนี้ขอบคุณมากเลยนะคะที่อยู่ฉลองเป็นเพื่อนฟาง ถ้ายังไงวันนี้ฟางคงต้องขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว! จะไปง่าย ๆ แบบนี้น่ะเหรอ”
“เอ่อ…ก็”
“นั่งลงก่อนคุยกันก่อนสิพี่ไม่ได้บอกเหรอว่าจะต้องคุยกันก่อนน่ะ”
“แต่ที่นี่ไม่ใช่ว่าต้องเช็คเอ้าท์…”
“พี่อยู่ที่นี่ประจำ ปกติก็นอนมากกว่าสองคืนอยู่แล้ว”
“ออ จริงด้วยสิคะลืมไปเลยว่าที่นี่ใกล้สนามบิน”
“นั่งลงก่อนพี่ยังไม่ได้คุยกับฟางเลย”
ฟางนั่งลงแต่โดยดี เธอเองก็อยากรู้ว่าเขาจะคุยอะไรกับเธอเมื่อเขาค่อย ๆ ยกน้ำแร่ขึ้นมาดื่มและวางเอาไว้ก็หันมาคุยกับเธออีกครั้งด้วยหน้าตาที่จริงจัง
“เมื่อคืนนี้เราสองคน…”
“เอ่อ ฟางไม่ได้อยากให้พี่เวย์รับผิดชอบหรอกนะคะเรื่องนั้นฟางเป็นคนเริ่มก่อนอีกอย่าง… พี่เวย์ก็ไม่ได้คิดอะไรกับฟางด้วย”
“นี่ฟางคิดจะกินพี่แล้วทิ้งแบบนี้เลยเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ! ฟางจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ก็กำลังพูดอยู่นี่ไม่ใช่เหรอว่าจะทิ้งพี่น่ะ"
“แต่ว่าเมื่อคืนนี้ คือว่าพี่เวย์คะเราสองคน…”
"ทำไมล่ะ พี่ไม่มีแฟน ฟางเองก็…หรือว่าอย่าบอกพี่นะว่ายังรอไอ้คนเฮงซวยนั่นมาง้ออยู่น่ะ"
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย!”
“แล้วอะไร! ก็พูดออกมาสิว่าทำไมถึงจะคบกันไม่ได้”
“ฟางเคยเป็นเพื่อนกับหยีแล้วพี่ก็เคยเป็นแฟนหยีเรื่องนี้…”
“แต่พี่กับเพื่อนของฟางเลิกกันไปนานแล้วนะ เกือบสามปีแล้วยังจะเอามาพูดอีกทำไม”
“มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ ทำแบบนี้ถ้าใครรู้เข้า”
“แคร์ด้วยเหรอ พี่ไม่เห็นจะสนใจเลยชีวิตเป็นของเรานะฟางทำไมจะต้องสนใจคนอื่นมากขนาดนั้นด้วย มองพี่สิ!”
เขาตะคอกเธอเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้าเหมือนกับกำลังถูกต่อว่าอยู่ ซึ่งเขาสวมบทกัปตันจอมโหดทำเอาเธอเริ่มกลัวจนนั่งตัวลีบกับเก้าอี้ ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิดเขาจึงจับเธอลุกมาและโยนไปที่เตียง
“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่เวย์ อย่านะคะ”
“พูดไม่รู้เรื่องก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“ไม่เอาค่ะฟาง…ยังเจ็บอยู่”
“พี่จะทำเบา ๆ”
“ไม่เอา เดี๋ยวไม่มีแรงกลับบ้าน”
“ใครจะให้กลับล่ะ”
เมื่อเขากระโจนใส่เธออีกครั้งฟางก็ไม่มีแรงที่จะต่อต้าน ขนาดกินข้าวแล้วแต่ก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของคนตรงหน้าได้ เวย์เริ่มดึงชุดของเธอออกอีกครั้งจนมันขาดแต่เขาก็ไม่สนใจ
“อ๊ะ ชุดของฟาง”
“ไม่ต้องสนหรอกน่าเดี๋ยวพาไปซื้อใหม่”
“จะออกไปยังไงละคะ!”
“พูดมากน่าสนใจพี่สิ สนใจแค่พี่ก็พอแล้วเลิกคิดถึงไอ้คนเฮงซวยนั่นได้แล้ว”
“ไม่ได้คิดสักหน่อย”
“แน่ใจเหรอ”
“ทำไมถามแบบนี้ละคะ”
“แสดงว่าคิด”
“พี่เวย์! อื้อ…อ๊าา”
เขาจูบจนเธอต้องยอมแพ้ ไม่นานฟางก็ตอบรับเขาและแน่นอนว่าเธอแทบจะไม่มีแรงลุกไปไหนอีกแล้ว แค่จูบก็แทบจะละลายอยู่แล้ว
“อ๊าา เดี๋ยวค่ะ พี่เวย์ไม่ป้องกันเหรอคะ!”
“หมดแล้วน่ะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่พาไปฉีดยาคุมแทน”
“แต่ว่า อ๊าา!!!”
เวย์เองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะติดใจคนตรงหน้าได้ถึงกับไม่ป้องกันตัวเองขนาดนี้ เดิมทีเขาเป็นคนระวังตัวมาก แม้ว่าจะผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแต่เขาก็ป้องกันทุกครั้งและตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีตามโปรแกรมของบริษัท
“อาา…ฟาง แน่นมาก เสียว อาา…”
“อื้อ พี่เวย์ มันยัง เจ็บอยู่อ๊าา…เบา ๆ หน่อยค่ะ”
“ได้ พี่จะทำเบา ๆ หันหลังหน่อยสิ”
เธอทำตามที่เขาบอกและหลังจากนั้นก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคำเดียวที่ขอร้องเขาได้ เพราะกว่าจะได้ลุกจากเตียงอีกครั้งก็เกือบบ่ายโมงเมื่อเขาเดินมาบอกเธอว่า…
“พี่สั่งข้าวเที่ยงมาให้แล้วนะ เดี๋ยวบ่าย ๆ ออกไปซื้อของกัน”
ฟางส่ายหัวและหันไปอีกทาง เธอเพลียเกินกว่าจะลุกไปไหนได้เวย์เองก็พอจะเข้าใจ เขาเผลอรังแกเธอมากเกินไปหน่อยทั้ง ๆ ที่ฟางพึ่งผ่านคืนแรกมา แต่เขากลับอดใจไม่ไหวและหักห้ามใจไม่ได้จนเธอหมดเรี่ยวแรง
ตอนนี้เวย์รู้สึกผิดอย่างรุนแรงเมื่อเห็นฟางนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและหลับสนิท เขาเดินไปหยิบมือถือมากดโทรออกไป ไม่นานปลายสายก็รับเขาจึงรีบพูดด้วยเสียงที่เบาลงเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กที่นอนอยู่ตื่น
“พี่จินนี่ผมขอความช่วยเหลือหน่อย”
สี่ปีต่อมา “ขอบคุณนะคะ”“ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ “กัปตันเย็นชากับนางฟ้าสายโหด” เขียนแนวนี้อีกนะคะ”“ขอบคุณที่ชื่นชอบนะคะ จะเก็บไปพิจารณาเลยค่ะ”“เชิญเลยค่ะ คนต่อไปค่ะ”ด้านนอก“รามิลเห็นคุณแม่ไหมครับ พ่อคิดว่าตอนนี้คุณแม่เริ่มเหนื่อยแล้ว”“งั้นมิลจะเอาน้ำไปให้คุณแม่นะครับ”“ดีมากลูก พ่อจะนั่งรออยู่นี่นะ อ่ะนี่ครับ”“รามิล” เด็กน้อยวัยสี่ขวบรับน้ำจากคุณพ่อของเขาและเดินตรงไปที่โต๊ะแจกลายเซ็นนักเขียนของฟางในงานเปิดตัวหนังสือเรื่องใหม่ ซึ่งเป็นภาคต่อจาก "Love Flight" ที่เธอเขียนเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อนซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดเพราะนักอ่านต่างเฝ้ารอภาคต่อของเรื่องนี้มานานหลายปี สาเหตุเพราะนักเขียนคนโปรดของพวกเธอแต่งงานและต้องเลี้ยงลูก ทำให้เรื่องนี้ต้องรอเวลามากว่าสี่ปีถึงจะได้อ่านอีกครั้ง“คุณแม่ครับ มิลเอาน้ำมาให้ครับ”“กรี๊ด!!! นี่น้องรามิลใช่ไหมคะคุณซีซี”“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะครับลูก มานั่งตรงนี้กับแม่มา”ฟางหันมารับน้ำและยกตัวเด็กน้อยวัยเกือบสี่ขวบขึ้นมานั่งที่ตัก บางส่วนเริ่มขอถ่ายรูปเด็กน้อยคู่กับแม่ หลายคนนึกเสียดายที่พ้นคิวของตัวเองมาแล้วก็เลยอดถ่ายกับหนูน้อยรามิลถึงกับนั่งบ่น เ
หลังจากงานแถลงข่าว / คอนโด “พี่เวย์วางแผนมานานสินะคะ”“พี่เปล่านะ”“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ของพี่เวย์จะมาได้ยังไงคะ ไหนจะพาคุณพ่อคุณแม่ของฟางที่จะไปเที่ยวภูเก็ตมาด้วยอีก”“นั่นพี่ก็แค่บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของฟางในฐานะนักเขียน และเป็นวันที่ต้องจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ครอบครัวว่าพี่จะทำเรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียว พ่อแม่พี่จะยอมพลาดงั้นเหรอ”“พี่เวย์… แอบอ่านนิยายของฟางเหรอคะ”เวย์ยิ้มก่อนจะดึงตัวคู่หมั้นของเขามากอดเอาไว้“รู้ไหมว่าพี่คิดหาวิธีขอแต่งงานมานานแค่ไหน พี่ว่ามันยากกว่าการที่จะทำข้อสอบตอนสอบกัปตันเสียอีกให้ตายเถอะ ทั้ง ๆ ที่ฟางก็ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอะไร แต่พี่กลับรู้สึกกดดันมากกว่าทุกครั้ง คงเพราะพี่อยากจะให้มันออกมาพิเศษและประทับใจที่สุด ที่สำคัญต้องทำให้ฟางปฏิเสธพี่ไม่ได้ด้วย”“พี่เวย์บ้าหรือเปล่าคะ ปกติเราสองคนก็พูดกันตรง ๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลย ฟางอายแทบตาย”“แต่ก็แอบยิ้มไม่ใช่เหรอ”“ไม่ใช่แค่ยิ้มค่ะ ดีใจและภูมิใจในตัวพี่เวย์มากเลยค่ะ วันนี้ทุกคนคงคิดว่าฟางเป็นนางเอกในนิยายที่ตัวเองเขียนแน่ ๆ เลย”“แต่นักอ่านดูจะอินมากเลยนะ”“จริงเหรอคะ”“งั้น…เราจ
หลังงานเปิดตัวหนังสือ “คุณอาร์ม แก้วจำได้ว่าคุณบอกกับคุณพิศาลว่าจะไปหน้างานที่ระยองไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้”“คุณแก้ว ไม่เอาน่าอย่าพึ่งมาทำหน้าที่เลขาจอมโหดอยู่แถวนี้ วันนี้มันเป็นวันสำคัญของเพื่อนสนิทผมเชียวนะ”“เหรอคะ แล้ว…”“ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่กันล่ะ นี่นะเหรอที่บอกว่าขอลางานไปทำเรื่องสำคัญ”“ฉัน!…”“แก้ว” กวีณาเถียงไม่ออกเมื่อ “อาร์ม” พิศุจน์ยอกย้อนเธอกลับมา แก้วถลึงตาใส่เขาโดยมีอิงและนิดจับแขนเอาไว้คนละข้าง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะแก้วมีอะไรกันเหรอ นี่แกรู้จักกับพี่อาร์มด้วยเหรอ”""รู้จักสิ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ""ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้เวย์และฟางเดินลงมาจากเวทีแล้วและแฟน ๆ หนังสือเริ่มจะต่อแถวเพื่อจะถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักเขียนคนโปรดของพวกเธอ “น้องแก้ว น้องอิงน้องนิด ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ไอ้อาร์มมึงอย่าบอกนะว่าเลขาหน้าโหดที่มึงเคยพูดถึงคือ…”“อะไรนะ เลขาอะไรนะนี่คุณกล้าพูดว่าฉันเป็น...”“ก็มันจริงนี่ วัน ๆ เอาแต่จับผิดคนอื่นแต่ตัวเองก็หนีงานมาเที่ยว”“ฉันไม่ได้มาเที่ยว ไอ้นิดแกปล่อยฉันจะต่อยปากมัน”“แกใจเย็น ๆ ก่อนแก้ว ยังไงพี่อาร์มก็เป็นรุ่นพี่ของเรานะ”“รุ่นพี
ห้องนอน“ฟาง หลับแล้วเหรอ”“พี่เวย์… มีอะไรเหรอคะ”“หายปวดท้องหรือยัง”ฟางหันมามองหน้าคนที่นอนข้าง ๆ เธอเครียดกับงานเปิดตัวหนังสือที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ อีกอย่างช่วงนี้เวย์ก็เริ่มทำท่าทางแปลก ๆ แม้ว่าเธอจะอยากถามแต่เขาก็มักจะตอบแบบเลี่ยง ๆ เสมอ“หายแล้วค่ะ พี่เวย์เป็นอะไรคะ พรุ่งนี้จะต้องบินแล้วไม่รีบนอนล่ะคะ”“พี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ อยากกอดฟาง”“อืม…ตื่นเต้นอะไรคะ หลังจากเรื่องนั้นก็บินมาสองรอบแล้วนี่คะ ยังกลัวอยู่อีกเหรอ”“เปล่าพี่ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากอยู่ห่างฟาง ช่วงนี้พี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากห่างจากฟางไปไหนเลย แค่วันนั้นไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ ก็เอาแต่คิดถึงฟาง”“หึ พี่เวย์เคยชินน่ะสิคะ เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้จนไม่มีเวลาไปเจอคนอื่น ฟางผิดเองที่ทำตัวติดกับพี่เวย์มากเกินไป บางครั้งควรจะปล่อยให้พี่เวย์ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ บ้าง”“ไม่ใช่แบบนั้นพี่รู้สึกไม่อยากไปเองต่างหาก เมื่อวานก็รีบไปรีบกลับเพราะเป็นห่วงฟาง พี่กลายเป็นคนติดเมียไปแล้วจริง ๆ สินะแบบนี้”“อือ… นอนเถอะค่ะ”“ลูกแมวน้อยทำไมง่วงเร็วแบบนี้ล่ะ”“ขอโทษค่ะแต่ฟางมัวแต่ตรวจงานจนเพลีย…”สองวันมานี้ฟางทำแต่งาน ส่วนเวย์เอง
เวย์แค่มองตามฟางที่เดินเข้าห้องไปเงียบ ๆ อีกสองวันเขาจะบินอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ไปไกลมากและใช้เวลาไม่นานแต่เมื่อเห็นแฟนสาวเป็นแบบนี้เขาจึงไม่ค่อยสบายใจนักวันถัดมาอาร์ม รุจและราเชนทร์มาพบกับเวย์ที่ร้านอาหาร เพื่อน ๆ ต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่เขานัดมาที่นี่ ปกติแล้วไม่เจอกันตามร้านเหล้าก็จะเป็นในผับ แต่พอมาเจอเวย์อีกครั้งกับสีหน้าที่ตึงเครียดพวกเขาจึงอดถามไม่ได้“ทำไมมึงนัดพวกกูมาแต่หัววันแบบนี้วะ ปกติต้องนัดหลังสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอไอ้เวย์”“นั่นสิไอ้อาร์มพูดถูก ว่าแต่มึงหายดีแล้วเหรอตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุครั้งก่อนพวกกูก็ไม่มีโอกาสได้เจอมึงเลย”“หายดีแล้วล่ะ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพียงแต่มันเป็นข่าวขึ้นมาก็เพราะ…”“กูรู้ เพราะน้องยาหยีนั่นใช่ไหม กูกับไอ้เชนตามข่าวอยู่เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดนี้แล้วนี่น้องหวาน…ไม่ใช่ แฟนมึงไม่ว่าอะไรเหรอ”“ฟางมีเหตุผลมากพอที่จะไม่สนใจเรื่องแบบนี้ อีกอย่างนิสัยของอีกฝ่ายเป็นยังไงฟางรู้ดีที่สุดเลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่”“ไม่มีปัญหาแต่ทำไมสีหน้ามึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันดูหนักกว่าอาการบาดเจ็บของมึงเสียอีกนะ ตอนมึงเลิกกับยาหยียังดูไม่กลุ้มมากขนาดนี้เลยนี่
วันถัดมา / สำนักพิมพ์“ขอบคุณมากนะคะพี่วุ้นที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเลย ในที่สุดก็จบโปรเจคเรื่องนี้เสียที”“พี่สิต้องขอบคุณน้องฟาง ดีใจมาก ๆ ที่ฟางยอมเขียนเรื่องนี้ให้จบ นักอ่านต่างก็ตั้งตารอเลยล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็มีพลอตอื่นที่แหวกแนวออกมาบ้าง”“ขอบคุณค่ะ งั้นฟางขอตัวก่อนนะคะ”“กลับดี ๆ นะเอาไว้หนังสือเสร็จเมื่อไหร่แล้วพี่จะโทรหา”“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่วุ้น”ฟางเดินออกมาเพื่อจะไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ แต่กลับบังเอิญพบกับคนที่เธอเกือบจะลืมหน้าไปแล้ว เธอกำลังเดินมาที่สถานีเช่นกันแต่เมื่อเห็นก็รีบเดินเข้ามาทักทาย“คุณฟาง”“พี่จอย!”“จอย” เลขาของภาคภูมินั่นเองที่เดินเข้ามาทักทายเธอ วันนี้เธอสวมชุดคลุมท้องสีอ่อนทำให้ฟางตกใจเล็กน้อย ฟางจึงเอ่ยปากชวนเธอเข้าไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะคุยกัน ฟางเกือบจะลืมเรื่องราวของภาคภูมิและจอยไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้พบเธออีกครั้ง“พี่จอยไม่ได้ทำงานกับ…เขาแล้วเหรอคะ”“พี่ย้ายมาเป็นเลขาให้คุณวิภาดาพี่สาวของคุณภูมิได้เกือบครึ่งปีแล้วค่ะ”“เกือบครึ่งปีเหรอคะ หรือว่า…”“หลังจากที่เขาเลิกกับคุณฟาง พอกลับไปที่บ้านแล้วคุณแม่ของคุณภูมิทราบก็ด