โรงพยาบาล ROMI
แผนกศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง
ก๊อก ๆ ๆ
"อาจารย์หมอคะ ๆ มีเคสด่วน" เสียงเคาะประตูห้องพักส่วนตัวแพทย์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงพยาบาลอีกคนที่วิ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น
หมอซีแอลที่นั่งจิบกาแฟอยู่กับอาจารย์หมอ
เขาจึงเป็นฝ่ายรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูแทน
"หมอแอล.." พยาบาลชะงักเล็กน้อย เมื่อคนที่เปิดประตูห้องมาคือ นักศึกษาแพทย์ซีแอล ทายาทอันดับหนึ่งแห่งโรงพยาบาล ROMI
"ตอนนี้คนไข้อยู่ห้องฉุกเฉินใช่ไหมครับ" ซีแอลถามกลับไปทันที
"ใช่ค่ะ ๆ" พยาบาลสาวพยักหน้ารับ
"งั้นรีบไปกันเถอะ แอล" อาจารย์หมอรีบคว้าเสื้อกาวน์ของท่านและเดินมุ่งหน้าตรงไปยังแผนกฉุกเฉินอย่างรีบเร่ง
"ครับ" หมอซีแอลพยักหน้าและเดินขนาบข้างคู่อาจารย์หมอดนัยตรงไปยังห้องฉุกเฉิน
"คนเจ็บเป็นเด็กวัยรุ่น เพศชาย อายุ 17 ปีค่ะ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจคืนมาได้ แต่อาการของคนเจ็บยังโคม่าอยู่"
"หมอที่ห้องฉุกเฉินคิดว่า คนเจ็บน่าจะมีเลือดคั่งในสมอง และอวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส" พยาบาลอธิบายไปตามที่หมอเวรแจ้งกับเธอมา
"แล้ว x-ray ทุกอย่างเรียบร้อยรึยัง" อาจารย์หมอฟังทุกคำวินิจฉัยของหมอคนแรกอย่างพยายามทำความเข้าใจ
"สวัสดีครับอาจารย์ ๆ " เหล่าคุณหมอที่อยู่ในห้องเกือบทุกคนหันมายกมือไหว้ อาจารย์หมอดนัยด้วยความเคารพ
"คนไข้มีภาวะสมองกระทบกระเทือน กะโหลกศีรษะแตก กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด" หมออีกคนรีบเดินเข้ามาอธิบายต่อทันที
"งั้นก็ผ่าตัดเปิดกะโหลกและรักษาจุดที่สำคัญของคนไข้ก่อน" อาจารย์หมอเดินตรงเข้ามาดูอาการของคนเจ็บ
"เคสยากมากเลย แต่ก็ดีเหมือนกันแอลจะได้เข้าห้องผ่าตัดจริงและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันเลย" อาจารย์หมอดนัยหันไปบอกกับนักศึกษาแพทย์อย่างซีแอลด้วยใบหน้าที่กังวลเล็กน้อย
"ดีครับ" หมอซีแอลพยักหน้าตอบกลับไปทันทีด้วยความตั้งใจ
อาจารย์หมอดนัยถือเป็นแพทย์ศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง มือหนึ่งของไทยและมือต้น ๆ ในระดับเอเชียเลยก็ว่าได้ และหมอดนัยเองก็คืออาแท้ ๆ ของซีแอลอีกด้วย
"งั้นเตรียมห้องผ่าตัดได้เลย เดี๋ยวเคสนี้อาจารย์ดูเอง" อาจารย์หมอหันไปบอกกับทีมพยาบาล ซึ่งในตอนที่แพทย์และพยาบาลกำลังจะเข็นนำเตียงคนเจ็บเข้าไปในห้องฉุกเฉินนั่นเอง
"ไอ้เจ้าหนูนี่ตัวผอมสูง แต่เตียงหนักมากเลยเนอะ" บุรุษพยาบาลหนึ่งในสองคนบ่นขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเข็นตัดผ่านหน้าของหมอซีแอลไป
"ไปกันแอล คืนนี้เราจะได้ยืนดูอาผ่าตัดแบบเรียลไทม์ไปเลย จะได้ไม่ต้องถามอาแค่จากในตำรา" อาจารย์หมอขยับแว่นหนา ก่อนจะอ่านแฟ้มประวัติคนไข้เท่าที่มีอย่างละเอียด
ขณะที่เตียงเคลื่อนไปถึงหน้าห้องผ่าตัดใหญ่ แต่จู่ ๆ พนักงานของฝ่ายบัญชีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับตะโกนลั่นเลยว่า
"หยุดก่อนค่ะ ๆ ประกันเบิกไม่ผ่านค่ะคุณหมอ" เสียงพูดของเธอทำให้เหล่าแพทย์และพยาบาลหยุดชะงักไปทันที ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อแม่และปลายฝนเดินเข้ามาถึงหน้าห้องผ่าตัดเช่นกัน
"และเราต้องทำเรื่องส่งตัวเขาไปโรงพยาบาลรัฐบาลข้าง ๆ ค่ะ เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดของกู้ภัยที่ขับมาส่งผิดโรงพยาบาลค่ะ" พนักงานบัญชีเดินมาขวางทางเอาไว้
"ตอนนี้ขั้นโคม่าแล้ว ถ้าภายในคืนนี้ไม่ได้รับการผ่าตัดยังไงก็คงไม่รอด" หมอซีแอลหันไปปรึกษากับอาของเขา ไม่มีหมอคนไหนอยากจะเห็นคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อแบบนี้หรอก
"แต่ถ้าคนไข้ไม่มีจ่าย เราก็ได้รับผลเสียเช่นกันนะ" อาจารย์หมอถอนหายใจและมองไปที่คนเจ็บด้วยแววตาที่หนักใจไม่แพ้กัน ซึ่งหมอและพยาบาลทุกคนต่างก็ยืนนิ่งไปกันหมด
มันไม่ใช่พวกเขาไม่อยากจะช่วยเหลือ แต่กฎของโรงพยาบาลอย่างไรก็ควรเป็นกฎ ถ้าช่วยเคสหนึ่ง แน่นอนว่าในอนาคตก็คงมีคนเจ็บป่วยที่ไม่พร้อมเรื่องค่ารักษาแห่กันมาขอพึ่งโรงพยาบาลกันหมดแน่ ๆ
"ตอนนี้แค่ค่าปฐมพยาบาลเบื้องต้น x-ray ค่าหมอ และค่าห้องผ่าตัดเกือบ ๆ หกหมื่นบาทแล้วนะคะ ถ้าญาติคนไข้ไม่มาเซ็นยินยอม...ตามกฎของทางโรงพยาบาลเราต้องยุติการรักษาไว้เพียงเท่านี้ และรีบนำตัวคนเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่เขามีสิทธิ์ในการรักษาค่ะ" นักบัญชีเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารปึกหนา
"เราพยายามติดต่อทางญาติไปแล้ว และแจ้งเรื่องค่ารักษา แต่ทางนั้นตัดสายไปน่ะค่ะ" เธออธิบายต่อเพราะได้พยายามโทรแจ้งญาติตามเบอร์ที่มีแล้ว
"งั้นก็ไปเตรียมรถพยาบาลเลย เดี๋ยวให้หมอพงศ์กับหมอแอลช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บไปส่งที่โน่น" อาจารย์หมอหันไปสั่งการกับบุรุษพยาบาล เขาไม่ลืมที่จะมองไปที่คนเจ็บอีกครั้ง ก่อนจะแข็งใจเดินผ่านไปช่วยเหลือคนไข้คนอื่นแทน
-ทางด้านครอบครัวปลายฝน-
"นี่พวกคุณกำลังจะพาลูกชายของฉันไปไหน" เสียงของหญิงวัยกลางคนวิ่งลงมาจากรถพร้อมกับเกาะขอบเตียงลูกชายของเธอทั้งน้ำตา
"แล้วทำไมยังไม่รักษาเขาอีกล่ะคะ" เธอเงยหน้าถามบุรุษพยาบาลและพยาบาลรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
"ทางเราปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วและกำลังจะดำเนินการพาคนเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐบาล ตามสิทธิ์ที่ขึ้นโชว์ในระบบน่ะค่ะ" พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอธิบายอย่างสุภาพ
"ไม่ได้ รักษาเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ...เดี๋ยวนี้เลยนะ" แม่ของต้นหนาวชี้หน้าว่าให้พยาบาลอย่างคลุ้มคลั่งด้วยความเป็นห่วงลูก เธอกอดร่างของลูกชายที่เต็มไปด้วยเลือดและร้องไห้อย่างคนเสียสติ
"แม่ ๆ ๆ " ปลายฝนเข้าไปประคองแม่ของเธอที่คล้ายจะหน้ามืดเป็นลมขึ้นมา เมื่อเห็นบาดแผลบนตัวของลูกชายสุดที่รัก
"คนเจ็บ...เจ็บหนักขนาดนี้ ถ้าเป็นอะไรไปกลางทางใครจะรับผิดชอบคะ" ปลายฝนพยายามตั้งสติและพูดแทนแม่ของเธอไปทันที
"ก็ถ้าเธอมีหลักประกันมาวาง ทางโรงพยาบาลก็ยินดีจะรักษาให้ต่อ แต่ตอนนี้ถ้าไม่มีเงินมาวางทางเราก็ยินดีจะพาคนเจ็บไปส่งให้โรงพยาบาลตามสิทธิ์ของคนเจ็บ ทั้งหมดฟรีทางเราไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอะไร" หมอซีแอลที่ถืออุปกรณ์ทางการแพทย์มาด้วยก็อธิบายถึงเหตุและผลอย่างละเอียด
"แล้วคุณรักษาก่อนไม่ได้เหรอ... นี่พวกคุณไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เลยรึยังไง" ปลายฝนกำหมัดแน่นหันหน้าไปถามทางซีแอลด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเช่นกัน
"ถ้าไม่มีจรรยาบรรณ น้องชายของเธอคงตายไปนานแล้ว"
"ที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชน ไม่ใช่โรงทาน" เขาชี้ให้เธอดูป้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง
"…" ปลายฝนกัดฟันแน่นเธอรู้ดีว่า ที่นี่มันคือโรงพยาบาลชั้นนำที่แพงมากแค่ไหน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด ที่พวกเขาปฏิเสธการรักษาน้องชายของเธออย่างเลือดเย็น
"เราช่วยเขา สุดความสามารถของเราแล้ว" หมอซีแอลพูดใส่หน้าปลายฝนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ยังคงความสุภาพ
"ถ้าคนที่เจ็บเป็นคนที่หมอรักบ้าง...อยากรู้หมอจะเลือดเย็นได้แบบนี้ไหม"
"หึ... คงไม่มีวันนั้นหรอก"
เหตุการณ์ในนิยายเรื่องนี้
เป็นเพียงเหตุการณ์สมมุติ
นักเขียนไม่มีเจตนาในการพูดจาส่อเสียด
หรือว่าร้ายให้กับองค์กรใด
หรืออาชีพใดอาชีพหนึ่งเนื้อหาที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่จินตนาการ
ของอยู่ในตะเกียงแก้วเท่านั้น
แต่หากเนื้อหาในนี้ทำให้นักอ่านท่านใด
เกิดความขุ่นเคืองใจไรท์กราบขออภัยมา
ณโอกาสนี้เลยนะคะ(มีภาพประกอบ)ณ เรือนไม้ณวดี "แม่คะ หนูทำบ้านใหม่ให้แล้วนะ...ตอนนี้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่เยอะเลยนะ" ปลายฝนจุดธูปบอกกล่าวคุณณวดี เจ้าของบ้านหลังนี้ โดยที่เธอยกให้คุณณวดีเป็นแม่ของเธอด้วยอีกคน ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยเจอกันในตอนที่มีชีวิต แต่ทุกสิ่งที่คุณณวดีฝากเอาไว้ และช่วยเหลือของเธอ มันทำให้ปลายฝนกับเพื่อน ๆ สามารถมีชีวิตรอดได้มาถึงวันนี้ เด็ก ๆ ทั้งสี่คนจึงเคารพและยกให้คุณณวดีเปรียบเสมือนแม่ของตัวเองเลย สำหรับตัวบ้าน หลังจากที่นักการเมืองคนนั้นเสียชีวิตไป ทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ตกมาเป็นของคุณหญิงกานดาภรรยาของท่านเกือบทั้งหมด ซึ่งปลายฝนตัดสินใจเข้าไปขอซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากท่าน ด้วยความที่คุณหญิงเอ็นดูปลายฝนอยู่ก่อนแล้วท่านก็ยอมยกให้เธออย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ปลายฝนนำบ้านหลังนี้มารีโนเวทขึ้นใหม่ พร้อมทั้งจัดตั้งเป็น ‘ศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า’ซึ่งครูพี่เลี้ยงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็คือทับทิมนั้นเอง ทางด้านของทับทิมหลังจากที่เธอตัดสินใจลาบวชชีอยู่นานหลายปี สุดท้ายทางเจ้ากรรมนายเวรก็ยอมปล่อยให้เธอกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในตอนที่ทับทิมกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานภายในบ้าน
(มีภาพประกอบ)...หนึ่งปีต่อมา… "ฮัลโหล ๆ กำลังไปนะ บอกคนไข้ว่ารอแป๊บนึง" ซีแอลเดินคุยโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียดในตอนที่เขากระโดดขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของปลายฝน ในตอนที่เธอเพิ่งจะบิดมาถึงที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอเพิ่งกลับบ้านไปเยี่ยมแม่กับน้องชายมาหมาด ๆ "มีอะไรรึเปล่า" ปลายฝนหันไปถามอย่างงง ๆ เพราะซีแอลยังคงอยู่ในชุดคุณหมอและมีกระเป๋าที่เตรียมสำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นอีก "เบบี๋รีบขี่รถไปแถวหมู่บ้านของไพลอททีสิ...พอดีแฟนมันป่วยหนักอะ ถ้าขับรถไปรถติดแน่ ๆ " ซีแอลขึ้นซ้อนและรีบบอกกับปลายฝนไปด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "แฟนไพลอทไม่สบายเหรอ" ปลายฝนรีบตั้งลำรถและบิดพาซีแอลตรงออกไปจากโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งจะขี่เข้ามาแท้ๆ "ใช่...ถ้าเอารถพยาบาลออกตอนนี้รถติดสนั่นเลย...เพียงฟ้าอาจจะไข้ขึ้นอาการหนักได้เลย" ซีแอลพูดต่อซึ่งปลายฝนก็รีบตั้งหน้าตั้งตาบิดมอเตอร์ไซค์ไปทางบ้านของไพลอทในทันที และเธอจำทางได้เพราะซีแอลเคยพาไปอยู่บ่อย ๆ "โอเค...กูกำลังออกไปนะ" ซีแอลตอบกลับปลายสายไปเพียงเท่านั้นก่อนจะโอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่น "ไม่ต้องรีบมากนะ เราเองก็ต้องปลอดภัยดะ (ด้วย) " เขายังไม่ทันจะพูดจบดี เสียง
ลานจอดรถคอนโดหรู บรื้นนน..บรื้นน..เสียงรถหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืด มือขวาหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขึ้นไปยังอาคารจอดรถ ในขณะที่มืออีกข้างลูบหัวของหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่อยู่ตรงบริเวณหน้าตักของเขา "ซี้ด...อืม...ซี้ด..." ใบหน้าหล่อเม้มปากแน่นขับรถต่อไป ในขณะที่แท่งรักของเขาขยายใหญ่คับเต็มโพรงปากอุ่นร้อนของหญิงสาว ที่กำลังใช้มือเล็กๆ สาวแท่งรักร้อนขึ้นลง ๆ สลับกับก้มลงดูดดื่มกลืนกินมันอย่างหิวโหย เสียงรถหรูหมุนวนขึ้นลานจอดรอบที่หนึ่ง..รอบที่สอง และรอบที่สาม ก่อนที่เครื่องจะชักกระตุกเล็กน้อย จ๊วบ...แผล็บ ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียวนที่ส่วนหัวบานก่อนจะลากยาวลงไปตามเส้นเลือดคดคอดที่ตัดกับผิวกายสีขาวซีดของร่างสูง "ซี้ด...ซี้ด! อ๊ะ!" เขากัดฟันแน่น สับเกียร์ถอยหลัง ก่อนจะถอยหลังเลี้ยวเข้าซองจอด หมุนล้อ ก่อนที่เท้าจะยกเหยียบกระแทกลงที่คันเบรกทีเดียว หน้าแทบทิ่ม แบบรวดเดียวจบ ผลุบ ๆ ๆ มือเล็ก ๆ สาวแก่นกายและเขมือบท่อนรักของเขาเข้าไปจนเกือบมิดด้าม อะ...อัก! อ๊อก ๆ ๆ แก่นกายถลำลึกลงเข้าไปในคอของเธอจนจุกแน่นแทบหายใจไม่ออก ท่อนรักสั่นเทาและกระตุกเร้าในลำคอของเธอ "ซี้ด..." ร่างสูงครางออกมาในข
...สามวันต่อมา…ณ โรงพยาบาล ROMI "อันนี้ค่ารักษาของต้นหนาวค่ะ" ปลายฝนรีบเดินตรงไปจ่ายค่ารักษาของน้องชายทันที หลังจากที่เฟรนด์ชิปให้เงินค่าจ้างเธอมา ซึ่งในตอนแรกเธอตั้งใจจะมอบให้พรานโตทั้งหมด เพื่อให้พรานโตนำไปทำบุญต่อยอด หรือใช้จ่ายส่วนตัว แต่ทางเฟรนด์ชิปบอกว่าเขาได้มอบเงินให้กับพรานโตไปส่วนหนึ่งแล้ว และหนึ่งล้านบาทนี้เป็นของเธอคนเดียว "คุณปลายฝนคะ แต่มันขึ้นว่าคุณหมอซีแอลเป็นเจ้าของเคสนะคะ" พนักงานเอ่ยขึ้นอย่างไม่กล้าจะรับเงินของเธอ "คือ...ฝนอยากจ่ายเงินทั้งหมดเองน่ะค่ะ พี่พอจะช่วยออกใบเสร็จค่ารักษาต่าง ๆ มาให้ฝนหน่อยได้ไหมคะ" ปลายฝนพยายามคะยั้นคะยอเจ้าหน้าที่การเงินให้บอกค่ารักษาต้นหนาวมาตามตรง "คะคือว่า..." เจ้าหน้าที่เริ่มลังเลใจที่จะออกใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลให้เธอ ฟุ่บ! ซองเงินในมือของเธอถูกใครบางคนดึงไปจากมือของเธอ "แต่ฉันไม่รับเงินสด แต่รับเป็นการชำระด้วยร่างกายของเธอเท่านั้น" ซีแอลกระซิบบอกกับปลายฝนเบา ๆ "ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอโทษด้วยที่แฟนผมมารบกวนน่ะ" ซีแอลเงยหน้าขึ้นตอบกลับพนักงานไปพร้อมกับโอบเอวปลายฝนเดินออกมาจากแผนกการเงินทันที "เก็บเงินล้านของเธอไว้เถอะน่า น้องชายเ
"ก็ไม่อยากให้เครียดนี่นา" ซีแอลตอบไปตามจริง แล้วเขาก็ไม่เคยเล่นจนเสียงานใด ๆ เพียงแค่อยากจะหยอก ๆ ให้ปลายฝนไม่วิตกมากจนเกินไปเท่านั้น "ว่าแต่นายดูไม่กลัวเลยเนอะ" ปลายฝนขมวดคิ้วจ้องมองซีแอลอย่างจับผิด เพราะเขาอุ้มเธอเดินโต้ง ๆ กลางบ้านไม่ได้มีท่าทีประหม่าอะไรเลย "กลัวสิ! ฉันกลัวจะแย่อยู่แล้ว" จู่ ๆ หมอจอมเจ้าเล่ห์ก็กระชับอ้อมแขนของเขาพร้อมกับแนบใบหน้าของตัวเองเข้ากับแก้มนุ่มของเธออย่างอ้อน ๆ "ฟังเสียงหัวใจของฉันสิ มันเต้นแรงมากจนเหมือนหัวใจจะวายตายอยู่แล้วอะ" เขาพูดและมองไปรอบ ๆ ทำท่าเหมือนตัวเองกำลังกลัวแบบสุด ๆ "ขี้โม้จริง ๆ เลย" ปลายฝนหยิกหัวนมของซีแอลเบา ๆ และในตอนที่หยอกล้อกันไปมา โคร่ม! จู่ ๆ แจกันโบราณตั้งโต๊ะใบหนึ่งก็หล่นลงมาแตกละเอียด ทำให้ทั้งสองคนเลิกเล่นกันและเพ่งสายตามองไปตรงที่จุดเกิดเหตุ บริเวณชั้นใต้ดินแห่งนี้ ไม่มีลมอะไรเลย แจกันนั้นจะตกลงพื้นได้อย่างไรกัน "ฮะ...เฮ่ออ..." ในตอนนี้ปลายฝนหน้าเสียไปเล็กน้อย เธอมองเห็นวิญญาณตนหนึ่งเดินผ่านทะลุกำแพงเข้าไปในห้อง ที่อยู่ถัดจากจุดที่ปลายฝนกับซีแอลยืนอยู่เพียงไม่เท่าไร ซีแอลก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอน่าจะเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
"มาโน่นแล้วครับ" ซีแอลหันไปเจอกับพี่เฟรนด์ชิปที่เดินมาพร้อมกับคนรักของเขา "คือโซลอยากเข้าไปด้วยอะ" โซลเมทรั้งแขนของเฟรนด์ชิปเอาไว้ เพราะเธอเป็นห่วงเขามากจริง ๆ "หนู...อย่าเข้าไปเลยนะ" พรานโตรีบห้ามเธอทันที เพราะแค่เจอหน้ากัน เขาก็รับรู้ได้เลยว่าหญิงสาวเป็นคนจิตอ่อนมาก ๆ และง่ายต่อการจะถูกของไม่ดีเข้าตัว "หนูเป็นคนขวัญอ่อนมาก ๆ ถ้าเจออะไรมันจะเข้าหาเราได้ง่ายกว่าคนอื่น" "งั้นอาจารย์ทำพิธีคนเดียวไม่ได้เหรอคะ" "ทำไมต้องให้พี่เฟรนด์เข้าไปด้วยล่ะ" โซลเมทถามไปอย่างไม่เข้าใจ เธอมอง เฟรนด์ชิปด้วยสายตาที่ห่วงใยเขามาก ๆ "พ่อหนุ่มคนนี้คือตัวแทนของคนในบ้าน ยังไงก็ต้องเข้าไปด้วยกัน" พรานโตพยายามอธิบายต่ออย่างใจเย็น "โซล...ไปรอที่บ้านพ่อกับแม่ก่อนเถอะนะ เชื่ออาจารย์เถอะ" เฟรนด์ชิปบีบมือของคนรักเบา ๆ เขารู้ดีว่าเธอเป็นห่วงเขามากแค่ไหน "ไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้หรอก ถ้ามันทำได้คงทำไปนานแล้ว" พรานโตพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอมั่นใจว่าปลอดภัย "ก็ได้ค่ะ...ดูแลตัวเองดี ๆ นะ" โซลเมทโผเข้ากอดเฟรนด์ชิปเอาไว้แน่น เธอเองก็ไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้มากเท่าไรนัก แต่ก็ไม่เคยลบหลู่เช่นกัน "…" โซล