เมื่อบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนท่วมหัว เมื่อ ‘รัก’ อยู่สูงเกินสุดเอื้อมสอย มันตา จึงตกลงอุ้มท้องลูกให้กับ ตุลย์ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลและรูปสมบัติ เขาเป็นทั้งเจ้านาย อาจารย์ และผู้มีพระคุณของเธอ เป็นพ่อของลูกเธอ...แต่ ไม่ใช่ผู้ชายของเธอ เก้าเดือนที่เธอ ‘พลีกาย’ อุ้มท้อง มอบทายาทให้กับเขา สำหรับเธอนั้น มันเกินคำว่า ‘คุ้มค่า’ เพราะการเสียสละในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่หลอมรวมเลือดเนื้อเชื้อไขของเขากับเธอ แต่ยังทำให้เธอรู้สึกถึงการ ‘มีเขา’ อยู่ทุกลมหายใจ แม้ในชีวิตนี้ เธอจะไม่ได้ยืนเคียงข้าง ครองคู่กับเขาเลยก็ตาม
더 보기หลังจากเข้าพบหมอ รับคำปรึกษา ผ่านกระบวนการต่างๆ มาตามการจัดแจงของคุณย่า
ในที่สุดก็มีวันนี้
การทำ IUI เพื่อให้ได้มาซึ่งทายาท
ไม่ใช่ตามความต้องการของเขา แต่เป็นความประสงค์ของคุณย่า
นี่ดูจะเป็นเรื่องเดียวที่เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง หลังจากศึกษาวิธีการ และเห็นว่ามันตาน่าจะเจ็บตัวน้อยที่สุด
แค่นี้เองที่เขาพอจะช่วยเธอได้
แต่ในขณะที่เขากังวลสารพัด คนจะต้องอุ้มท้องกลับไม่มีความเห็นใดๆ มันตาเงียบเสียจนบางทีเขานึกอยากรู้ว่าเด็กสาวรู้ร้อนรู้หนาวกับใดๆ ในโลกนี้หรือเปล่า
“ไม่มีอะไรแล้ว กลับไปก่อนเลย บ่ายมีสอนนี่ ไม่ต้องรอหรอก”
หม่อมหลวงบุษปวันบอกกับหลานชายหลังได้รับแจ้งว่ามันตาจะต้องนอนพักราวครึ่งชั่วโมงหลังหมอฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูก
“แล้วจะกลับกันยังไงครับ”
ตุลย์อดเป็นห่วงไม่ได้
“เดี๋ยวกลมารับ ย่าโทรไปบอกแล้ว”
ตุลย์พยักหน้าเบาๆ ปรายตาไปมองคนนอนอยู่บนเตียงเล็กน้อย
มันตากำลังนอนอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่านอนหลับหรือแค่หลับตา เพราะตั้งแต่หมอฉีดน้ำเชื้อเขาเข้าโพรงมดลูก ก็ยังไม่มีใครได้ยินเสียงพูดของเด็กสาวเลย
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ
บรรยากาศรอบตัวเขาในตอนนี้ไม่สู้ดีนักหรอก ให้ความรู้สึกหดหู่มากกว่าจะมีความยินดีปรีดา ทั้งที่หมอค่อนข้างให้ความหวังกับการทำ IUI
“งั้นผมไปนะครับ”
ตุลย์บอกกับผู้เป็นย่า แล้วเดินออกมาจากห้องเพราะมีสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในช่วงบ่ายจนถึงค่ำ
วันนั้นกว่าจะกลับเข้าบ้านก็สี่ทุ่มกว่า เขาจึงไม่คิดว่าจะเจอใครรออยู่
“คุณย่า...ทำไมยังไม่นอนล่ะครับ”
ปกติท่านนอนไม่เกินสามทุ่ม นี่สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
หรือว่ามันตาเป็นอะไร!
“หรือว่าตาหวานเป็นอะไรครับ”
นึกถึงเด็กสาวที่เพิ่งทำ IUI มา เขาก็โพล่งคำถามออกไปราวกับคนเสียศูนย์
“...ดูตุลย์จะเป็นห่วงเด็กนั่นมากนะ”
คำพูดนั้นเหมือนสะกิดเตือนว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติ
ไม่รู้ว่าใช่ไหม เพราะปกติเขาควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ และไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาสักเท่าไหร่
แต่สิ่งที่มันตาทำเพื่อสกุลวสุจิตตา ก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องตั้งคำถาม
เหตุผลมันมีมากพอให้เขาเป็นห่วงเด็กคนนั้น
“ถ้าอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ในท้องของตาหวานมีเลือดเนื้อเชื้อไขวสุจิตตาตามความต้องการของคุณย่า ผมก็ควรจะเป็นห่วงไม่ใช่เหรอครับ...หรือคุณย่าไม่อยากได้เหลนแล้ว”
“ไม่ต้องมาประชดย่า”
พอผู้เป็นย่าขึ้นเสียง ตุลย์ก็ถอนหายใจเบาๆ
ในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่ต่อความยาวสาวความยืดดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ประสบการณ์ตลอดทั้งชีวิตที่เติบโตมาภายในบ้านหลังนี้ โดยมีคุณย่าเป็นคนเลี้ยงดูมา บอกสอนกับเขาทั้งหมด
“ตกลงมีเรื่องอะไรครับ”
ชายหนุ่มถามอีกครั้งตอนนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมเข้าชุดกับโซฟาหลุยส์ที่ผู้เป็นย่านั่งอยู่
ตอนนี้บนโต๊ะตรงหน้าเขามีปากกากับกระดาษอยู่ชุดหนึ่ง ซึ่งเขายังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เดาว่าคงเกี่ยวข้องกับการนอนดึกของท่าน เพราะปกติจะไม่มีอะไรวางค้างอยู่บนโต๊ะแบบนี้
ทุกพื้นที่ในบ้านต้องเนี้ยบ สะอาด และเป็นระเบียบ
นี่คือภาพสะท้อนตัวตนของคุณย่า
“สัญญาเรื่องตั้งท้องของตาหวาน ย่าให้ทนายจรูญทำไว้ ตุลย์ต้องเซ็นด้วย เพราะตาหวานเซ็นแล้ว”
“แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตาหวานจะท้องหรือเปล่านะครับ”
เรื่องหนังสือสัญญา เขาได้ยินท่านเปรยตั้งแต่ตอนแรกที่มีความคิดจะให้มันตาอุ้มท้องลูกของเขาแล้ว แต่เขาไม่ทราบรายละเอียดว่าท่านจะตั้งเงื่อนไขอะไรบ้าง
ถ้าพูดกันจริงๆ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรสักอย่างเลย
แค่เป็นเจ้าของน้ำเชื้อ
มีหน้าที่รีดน้ำเชื้อไปให้หมอเท่านั้น นอกนั้นคุณย่าเป็นคนจัดการทั้งหมด
“ก็ไม่เป็นไร อีกไม่เกินสองสัปดาห์ก็รู้ผล ต่อให้ครั้งนี้ไม่ท้องก็ต้องทำใหม่...จนกว่าจะท้องนั่นแหละ”
ลองท่านได้พูดขนาดนี้ ก็ป่วยการจะแย้ง
ตอนนี้เขาจึงได้แต่หวังว่าเด็กจะมาอยู่ในท้องของมันตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ IUI
ตุลย์หยิบกระดาษสามแผ่นเย็บชุดติดกันขึ้นมาเปิดดูคร่าวๆ โดยไม่ได้ไล่อ่านรายละเอียดทุกตัวอักษร เพราะมั่นใจว่าคุณย่าตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วกับทนาย และเขาคงทักท้วง หรือแย้งอะไรไม่ได้อีก หากมีประเด็น หรือเงื่อนไขที่เขาไม่เห็นด้วย
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติที่มันตาไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยว
ต่อให้ไม่มีหนังสือสัญญาฉบับนี้ เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าอย่างมันตาจะกล้าเข้ามายุ่งเรื่องทรัพย์สินของวสุจิตตาได้อย่างไร เพราะแค่คุณย่าตวัดสายตามอง เด็กคนนั้นก็ไม่กล้าสู้หน้าแล้ว
“หลังคลอดต้องจดทะเบียนหย่า และเซ็นมอบอำนาจการปกครองบุตรให้ผู้เป็นพ่อทันที...หมายความว่ายังไงครับ”
การจดทะเบียนสมรสของเขากับมันตามีขึ้นเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่ตอนนั้นท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องจดทะเบียนหย่า
“ความหมายก็ตรงตัว ไม่เห็นต้องตีความ”
“แต่คุณย่ารับปากผมว่าจะให้ตาหวานอยู่ที่บ้านเลี้ยงลูก”
“แล้วย่าบอกตอนไหนว่าไม่ให้อยู่ ตอนนี้เรากำลังพูดถึงสถานะทางกฎหมายของตุลย์กับเด็กคนนั้น”
ใช่ กำลังพูดถึงสถานะทางกฎหมายของเขากับมันตา แต่ถ้าจดทะเบียนหย่า จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าคุณย่าจะไม่คิดพรากลูกกับแม่จากกัน
“เจ้าตัวเขายังไม่มีคำถามเลย แล้วทำไมตุลย์ต้องตั้งคำถาม”
คำตอบอยู่ที่คำว่า ‘บุญคุณ’ นั่นแหละ
เธอเตรียมใจไปถึงวันที่จะต้องสูญเสีย และพัดพรากจากลูกกับผู้ชายที่เธอแอบรักด้วยรู้ดีว่าไม่มีวันได้สมหวังเพราะภาพมันชัด และแนวโน้มก็ไปทางนั้นเธอไม่รู้หรอกว่าถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ เธอจะทำใจได้ไหม หรือจะอยู่ต่อไปอย่างไรแต่ที่แน่ๆ สัญญาที่เพิ่งเซ็นไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ระบุชัดเจนว่าเธอจะต้องหย่าขาดกับเขาหลังคลอดลูก และเซ็นมอบอำนาจการปกครองลูกให้กับคนเป็นพ่อมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละการจดทะเบียนสมรสมีขึ้นเพื่อให้การอุ้มท้องของเธอในครั้งนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะมาเกิดในอีกแปดเก้าเดือนข้างหน้าก็เป็นความประสงค์ของย่าเขาถ้ายกเงื่อนไขในสัญญาออก แล้วถามถึงความสามารถในการเลี้ยงดูลูก นอกจากคำว่า ‘แม่’ แล้ว เธอไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย“ไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”มันตาไม่ได้พูดอะไรอีก และยังคงเป็นผู้โดยสารที่ดี นั่งเงียบตลอดทาง จนกระทั่งเขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับร้านอาหารญี่ปุ่น“หิวหรือยัง พี่แวะทำธุระที่ธนาคารสักครู่ได้ไหม”“ได้ค่ะ”มันตาตอบรับ ว่าง่ายเป็นปกติเหมือนที่ผ่านมาแต่ที่ไม่ปกติคือ คนทำหน้าที่ขับรถเธอยังไม่ทันได้ขยับเตรียมลงจาก
“ถามค่ะ”“เมื่อไหร่”เขาถามต่อ พยายามชวนคนพูดน้อยคุย เพื่อไม่ให้ภายในรถเงียบจนเกินไป“เมื่อวานค่ะ”“แล้วตาหวานบอกคุณย่าว่ายังไง”“...ไม่มาค่ะ”คำตอบสั้นๆ เหมือนจะทำให้ลมหายใจเขาสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกในเวลาต่อมา“ปกติรอบเดือนมาวันที่เท่าไหร่”มันตามองหน้าคนถาม ก่อนจะอ้อมแอ้มบอกกับเขาเสียงเบาคุยกันเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกประดักประเดิดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะถึงจะคุ้นเคยเห็นหน้า รู้จักกันมานานถึงยี่สิบปี ตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาอาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านวสุจิตตานั่นแหละ แต่เธอก็ไม่เคยพูดคุยเล่นหัวกับเขา หรือคุยกันในเรื่องที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้“คิดว่าท้องไหม” เขายิงตรงเลยคราวนี้“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”“แต่พี่ว่าท้อง”“...!”มันตาเผลอทำตาเบิกโตมองหน้าเขาตุลย์อมยิ้มบางๆ ที่มุมปากถ้ามีคนมาพูดใส่หน้าเขาว่า ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยมีมารยา เขาก็คงเถียงว่าไม่จริงเสมอไป เพราะอย่างน้อยก็มีมันตานี่แหละคนหนึ่งที่ไร้เล่ห์เหลี่ยม ไร้จริตมารยา“ถ้าท้อง พี่จะดีใจมาก...ไม่ใช่ว่าอยากได้ลูกนะ แต่ไม่อยากให้ตาหวานเจ็บตัว”มันตากะพริบตาถี่ๆ รู้สึกร้อนผ่าวทั่วขอบตา“พี่เองก็หดหู่กับต
ในความเมตตาของผู้ชายคนนี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องเงินที่เขาหยิบยื่น แต่เขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นน้อง และแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ทุกคำเวลาพูดกับเธอ ไม่ว่าเธอจะเรียกเขาว่า ‘คุณตุลย์’ ตอนอยู่ที่บ้าน หรือเรียก ‘อาจารย์’ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเขาไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนรับใช้ในบ้าน หรือเด็กกำพร้าที่แม่พามาปล่อยทิ้งไว้ในบ้านหลังใหญ่ให้เป็นภาระกับเจ้าของบ้านตั้งแต่ประถมจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ว่าเขาหมดเงินไปกับเธอเท่าไหร่ เพราะนอกเหนือจากเงินเดือนคนรับใช้ทำงานในบ้าน เขายังหยิบยื่นเงินให้เธอเรื่อยๆ และไม่ยอมให้เธอปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าเธอจะต้องใช้เงินในการเรียน และทำงานส่งอาจารย์เยอะค่าเทอมเขาก็เป็นคนจัดการให้เธอ ถึงจะเป็นธุรกิจของที่บ้านเขา และเขาเป็นผู้บริหาร แต่แน่นอนว่าค่าเทอมมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศไม่ถูกเลยตอนจบมัธยมปลาย เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ด้วย แต่ย่าของเขาไม่ให้เธอไปเรียน ด้วยเหตุผลว่ามหาวิทยาลัยอยู่ไกลบ้าน ถ้าเธอไปเรียน นั่นหมายความว่าเธอจะต้องออกจากบ้านไปอยู่หอพักเขาเปลี่ยนใจคุณย่าของเขาไม่สำเร็จในเรื่องนี้ เธอก็เลยได้เรียนที่มหาวิทยาลัยที่บ้านเขาเป็นเจ้
มันตาแบกคำว่า ‘บุญคุณ’ เอาไว้เต็มสองบ่า และคำว่าบุญคุณท่วมหัวที่คุณย่าอ้างนี่เอง ที่ปิดปากเด็กสาวเอาไว้ส่วนหนึ่งที่เขาพูดอะไรไม่ได้มากก็เพราะมันตาถ้าเขาออกหน้าเกินไป คนที่จะเดือดร้อนก็คือมันตาอีกเหมือนกัน“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าย่าจะทำอย่างที่ตุลย์คิด เพราะยังไงเด็กก็ต้องกินนมแม่”ใช่ เด็กต้องกินนมแม่แต่หลังจากหย่านมแล้วล่ะ“ความจริงไม่ถึงกับต้องทำสัญญาก็ได้นะครับ เพราะตาหวานพร้อมจะทำตามคำสั่งของคุณย่าอยู่แล้ว”“ย่าไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากตุลย์นะ”หม่อมหลวงบุษปวันทำเสียงตำหนิหลานชายคนเดียว เพ่งมองหน้าหลานชายด้วยสายตาสำรวจ ก่อนจะเอ่ยต่อ“วันนี้เด็กนั่นอาจจะทำตามความต้องการของเรา แต่ใครจะรับประกันได้ว่าวันหนึ่งเมื่อมีเด็ก เขาอาจจะใช้เด็กเป็นข้อต่อรองกับเราเพื่อขยับสถานะ และฐานะของตัวเองก็ได้”เขาอยากจะแย้งว่าความต้องการของคุณย่าคนเดียว ไม่ใช่ ‘เรา’ แต่ก็ทราบดีว่าป่วยการจะพูดในเวลานี้ตุลย์หยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกตั้งแต่วันไปทำ IUI ที่โรงพยาบาล เขาก็ยังไม่ได้เจอมันตา ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแม้จะอยู่คนละหลัง เพราะมันตาอยู่บ้านคนงาน ท
หลังจากเข้าพบหมอ รับคำปรึกษา ผ่านกระบวนการต่างๆ มาตามการจัดแจงของคุณย่าในที่สุดก็มีวันนี้การทำ IUI เพื่อให้ได้มาซึ่งทายาทไม่ใช่ตามความต้องการของเขา แต่เป็นความประสงค์ของคุณย่านี่ดูจะเป็นเรื่องเดียวที่เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง หลังจากศึกษาวิธีการ และเห็นว่ามันตาน่าจะเจ็บตัวน้อยที่สุดแค่นี้เองที่เขาพอจะช่วยเธอได้แต่ในขณะที่เขากังวลสารพัด คนจะต้องอุ้มท้องกลับไม่มีความเห็นใดๆ มันตาเงียบเสียจนบางทีเขานึกอยากรู้ว่าเด็กสาวรู้ร้อนรู้หนาวกับใดๆ ในโลกนี้หรือเปล่า “ไม่มีอะไรแล้ว กลับไปก่อนเลย บ่ายมีสอนนี่ ไม่ต้องรอหรอก”หม่อมหลวงบุษปวันบอกกับหลานชายหลังได้รับแจ้งว่ามันตาจะต้องนอนพักราวครึ่งชั่วโมงหลังหมอฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูก“แล้วจะกลับกันยังไงครับ”ตุลย์อดเป็นห่วงไม่ได้“เดี๋ยวกลมารับ ย่าโทรไปบอกแล้ว”ตุลย์พยักหน้าเบาๆ ปรายตาไปมองคนนอนอยู่บนเตียงเล็กน้อยมันตากำลังนอนอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่านอนหลับหรือแค่หลับตา เพราะตั้งแต่หมอฉีดน้ำเชื้อเขาเข้าโพรงมดลูก ก็ยังไม่มีใครได้ยินเสียงพูดของเด็กสาวเลยชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆบรรยากาศรอบตัวเขาในตอนนี้ไม่สู้ดีนักหรอก ให้ความรู้สึกหดหู่มากกว่าจ
댓글