แน่นอนว่าจะปล่อยทิ้งไว้หน้าห้องมันก็คงดูใจจืดใจดำเกินไป และจะให้อุ้มไปส่งแผนกฉุกเฉิน ยายนี่ก็คงไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาแน่ ๆ
ฟุ่บ! ร่างสูงวางเธอลงบนเตียงในห้องพักส่วนตัวของเขา ซีแอลสัมผัสได้ในทันทีเลยว่าเสื้อผ้าของเธอมันยังเปียกหมาด ๆ ซึ่งด้านนอกหน้าต่างห้องพักของเขา ฝนก็ยังคงเทกระหน่ำ
ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากเรือนร่างของคนตัวเล็ก ร่างสูงลอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย
ใช่เขาคือหมอ และหมอที่ผ่านการเรียนเรื่องกายวิภาค ศึกษาอนาโตมี่ของมนุษย์มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไวต่อความรู้สึกทางกายภาพ
"ไม่เอาน่าแอล ยัยนี่ของแปลกเลยนะ" หมอซีแอลส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนออกมาอย่างช้า ๆ
เขามองดูชุดนอนสีชมพูอ่อนลายการ์ตูนของเธออย่างชั่งใจอยู่พักใหญ่ ๆ เพราะถ้าปล่อยให้นอนไปทั้งเปียก ๆ แบบนี้มีหวังปอดบวมหรือไม่ก็ไข้ขึ้นหนักกว่าเดิมอีกแน่ ๆ
ร่างสูงตัดสินใจเดินไปหยิบชุดคนไข้ พร้อมกับตามพยาบาลเวรดึก มาช่วยเปลี่ยนชุดให้กับปลายฝน แต่คนที่มาช่วยดันเป็นถึงหัวหน้าพยาบาล อย่างคุณพยาบาลยุพิน
"คนนี้แฟนหมอแอลเหรอคะ" พยาบาลสาวรุ่นใหญ่เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยหลังจากที่เธอติดกระดุมเสื้อให้ปลายฝนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"เออ...คุย ๆ กันอยู่น่ะครับ" ซีแอลตอบกลับพยาบาลคนนั้นไป
"อ๋อ...เธอหน้าตาน่ารักดีจังเลยนะคะ" พยาบาลยุพินก็ยิ้ม ๆ และมองที่ปลายฝนอีกครั้งอย่างละเอียดยิบทุกซอกทุกมุม
"ครับ น่ารัก...มาก" เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินเนียน ๆ
"งั้นเชิญหมอซีแอลตามสบายเลยนะคะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกได้เลยค่ะ" เธอพยักหน้ารับพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักส่วนตัวของเขา
หมอซีแอลเดินตามไปส่ง ก่อนจะหยิบหูฟังแพทย์ขึ้นมาแตะไปที่ประตูห้องเพื่อ แอบฟังบทสนทนาของพยาบาลยุพินกับใครอีกคน
‘สวัสดีค่ะ คุณหญิง ดิฉันพยาบาลยุพินนะคะ’ พยาบาลยุพินโทรหาใครบางคนในทันที
"แม่นะแม่" ซีแอลส่ายหน้าเบา ๆ แน่นอนว่าคุณหญิงที่เธอคุยด้วยก็คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคุณหญิงอิงอร แม่ของเขานั่นเอง
‘ใช่ค่ะ ๆ ต้องขออภัยที่โทรมารายงานข่าวด่วนตอนดึก ๆ นะคะ’
‘ค่ะ ๆ วันนี้ดิฉันเจอหมอแอลพาผู้หญิงแปลกหน้าคนใหม่เข้ามานอนพักในห้องพักแพทย์ค่ะ เห็นหมอบอกว่าเป็นคนที่กำลังคุยๆ กันอยู่’
‘ดังนั้นคุณหญิงอรวางใจได้เลยนะคะ ตอนนี้คุณหมอแอลของเราน่าจะมูฟออนได้แล้ว 100% เลยค่ะ’
‘ได้ค่ะ ๆ ถ้ายุพินมีข่าวดีเพิ่มเติมอะไร ยุพินจะรีบแจ้งไปทันทีเลยนะคะ’
"มูฟออน" หมอซีแอลถึงกับต้องกลั้นขำเล็กน้อย กับคำศัพท์ทันสมัยของพยาบาลรุ่นใหญ่คนสนิทของแม่
แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นหมอเต็มตัว แต่ก็ถือเป็น นิสิตนักศึกษาแพทย์ปี 4 ที่คอยเป็นผู้ช่วยหมอ คอยสังเกตการณ์การผ่าตัด และออกตรวจพร้อมกับอาจารย์หมอทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้รักษาอย่างเต็มตัว แต่เรื่องทำแผล เย็บแผล ฉีดยา หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ถือเป็นความรู้พื้นฐานที่นักเรียนแพทย์ทุกคนสามารถทำได้
เดิมทีซีแอลไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าเรียนในคณะแพทย์ เพราะเพื่อนสนิทของเขาส่วนใหญ่ ไม่เลือกเรียนบริหาร ก็เลือกเข้าวิศวะกันหมด
แต่ด้วยความที่เขาเป็นทายาทคนเดียวของโรงพยาบาล ROMI โรงพยาบาลสัญชาติไทย-อังกฤษ แห่งแรกในไทย ที่ทุ่มทุนสร้างขึ้นมารองรับการรักษาในแบบ Inter National มากที่สุด ทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำ ทั้งหมอและพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านการรักษาและการบริการ
ทั้งนี้โรงพยาบาล ROMI ยังเข้าร่วมประกันชั้นนำของทุกประเทศ รองรับครอบครัวมหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลก
ครอบครัวของซีแอลก็สืบทอดคำว่านายแพทย์มารุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอด โดยฝั่งพ่อของเขาเป็นชาวอังกฤษที่เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย และแม่ของเขาก็คือลูกสาวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อหลายปีก่อน
ทั้งนี้คุณปู่ คุณพ่อ แม้แต่อาของซีแอล ก็ล้วนแต่เป็นแพทย์มือหนึ่งในประเทศไทย แน่นอนว่าถึงเขาอยากจะเรียนบริหาร หรือวิศวะมากแค่ไหน ท้ายที่สุดเขาก็เลือกเรียนตามที่ตัวเองชอบไม่ได้อยู่ดี
ต้องยอมรับว่าซีแอลอาจจะไม่ใช่นิสิตแพทย์ในอุดมคติของหลาย ๆ คน และแม้ว่าการเรียนในคณะแพทย์มันจะไม่ใช่ทางที่เขาชอบสักเท่าไร แต่เขาก็ทำมันได้ดีมาก ๆ
ผลการเรียนของเขาจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นิสิตแพทย์สายเนิร์ดแบบที่แพทย์ควรจะเป็น แต่เขาก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ
หมอซีแอลเดินมาเตรียมเข็มฉีดยาอันใหม่ สำลีชุบแอลกอฮอล์ พร้อมกับพลาสเตอร์ปิดแผล
"งึก ๆ ๆ อื้อ.." ปลายฝนยังคงนอนหนาวจับไข้อยู่บนเตียงของเขา
ปลายเข็มฉีดยาแหลมเฟี้ยวชูขึ้นพร้อมกับยาที่กระเด็นออกมาเล็กน้อยจากแรงดัน ร่างสูงกดปลายเข็มจ่อเข้าไปที่ต้นแขนด้านซ้ายของเธอ แม้ว่าเขาจะมือเบาแต่ทว่าปลายเข็มที่ิทิ่มเข้าไปใต้ผิวหนังมันก็ทำให้ปลายฝนสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
"โอ๊ย...เจ็บ ๆ...นี่ทำอะไรฉันอะ" คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาได้ก็โวยวายออกมาทันที
"ฉีดยาไง" หมอซีแอลตอบไปด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะออกแรงดันตัวยาเข้าไปในตัวของเธอต่อ
"ไม่อื้อ..เจ็บ อื้อ...อะ...เบา ๆ หน่อยได้ไหม" ปลายฝนร้องลั่นห้องพัก
(มีภาพประกอบ)ณ เรือนไม้ณวดี "แม่คะ หนูทำบ้านใหม่ให้แล้วนะ...ตอนนี้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่เยอะเลยนะ" ปลายฝนจุดธูปบอกกล่าวคุณณวดี เจ้าของบ้านหลังนี้ โดยที่เธอยกให้คุณณวดีเป็นแม่ของเธอด้วยอีกคน ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยเจอกันในตอนที่มีชีวิต แต่ทุกสิ่งที่คุณณวดีฝากเอาไว้ และช่วยเหลือของเธอ มันทำให้ปลายฝนกับเพื่อน ๆ สามารถมีชีวิตรอดได้มาถึงวันนี้ เด็ก ๆ ทั้งสี่คนจึงเคารพและยกให้คุณณวดีเปรียบเสมือนแม่ของตัวเองเลย สำหรับตัวบ้าน หลังจากที่นักการเมืองคนนั้นเสียชีวิตไป ทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ตกมาเป็นของคุณหญิงกานดาภรรยาของท่านเกือบทั้งหมด ซึ่งปลายฝนตัดสินใจเข้าไปขอซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากท่าน ด้วยความที่คุณหญิงเอ็นดูปลายฝนอยู่ก่อนแล้วท่านก็ยอมยกให้เธออย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ปลายฝนนำบ้านหลังนี้มารีโนเวทขึ้นใหม่ พร้อมทั้งจัดตั้งเป็น ‘ศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า’ซึ่งครูพี่เลี้ยงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็คือทับทิมนั้นเอง ทางด้านของทับทิมหลังจากที่เธอตัดสินใจลาบวชชีอยู่นานหลายปี สุดท้ายทางเจ้ากรรมนายเวรก็ยอมปล่อยให้เธอกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในตอนที่ทับทิมกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานภายในบ้าน
(มีภาพประกอบ)...หนึ่งปีต่อมา… "ฮัลโหล ๆ กำลังไปนะ บอกคนไข้ว่ารอแป๊บนึง" ซีแอลเดินคุยโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียดในตอนที่เขากระโดดขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของปลายฝน ในตอนที่เธอเพิ่งจะบิดมาถึงที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอเพิ่งกลับบ้านไปเยี่ยมแม่กับน้องชายมาหมาด ๆ "มีอะไรรึเปล่า" ปลายฝนหันไปถามอย่างงง ๆ เพราะซีแอลยังคงอยู่ในชุดคุณหมอและมีกระเป๋าที่เตรียมสำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นอีก "เบบี๋รีบขี่รถไปแถวหมู่บ้านของไพลอททีสิ...พอดีแฟนมันป่วยหนักอะ ถ้าขับรถไปรถติดแน่ ๆ " ซีแอลขึ้นซ้อนและรีบบอกกับปลายฝนไปด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "แฟนไพลอทไม่สบายเหรอ" ปลายฝนรีบตั้งลำรถและบิดพาซีแอลตรงออกไปจากโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งจะขี่เข้ามาแท้ๆ "ใช่...ถ้าเอารถพยาบาลออกตอนนี้รถติดสนั่นเลย...เพียงฟ้าอาจจะไข้ขึ้นอาการหนักได้เลย" ซีแอลพูดต่อซึ่งปลายฝนก็รีบตั้งหน้าตั้งตาบิดมอเตอร์ไซค์ไปทางบ้านของไพลอทในทันที และเธอจำทางได้เพราะซีแอลเคยพาไปอยู่บ่อย ๆ "โอเค...กูกำลังออกไปนะ" ซีแอลตอบกลับปลายสายไปเพียงเท่านั้นก่อนจะโอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่น "ไม่ต้องรีบมากนะ เราเองก็ต้องปลอดภัยดะ (ด้วย) " เขายังไม่ทันจะพูดจบดี เสียง
ลานจอดรถคอนโดหรู บรื้นนน..บรื้นน..เสียงรถหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืด มือขวาหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขึ้นไปยังอาคารจอดรถ ในขณะที่มืออีกข้างลูบหัวของหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่อยู่ตรงบริเวณหน้าตักของเขา "ซี้ด...อืม...ซี้ด..." ใบหน้าหล่อเม้มปากแน่นขับรถต่อไป ในขณะที่แท่งรักของเขาขยายใหญ่คับเต็มโพรงปากอุ่นร้อนของหญิงสาว ที่กำลังใช้มือเล็กๆ สาวแท่งรักร้อนขึ้นลง ๆ สลับกับก้มลงดูดดื่มกลืนกินมันอย่างหิวโหย เสียงรถหรูหมุนวนขึ้นลานจอดรอบที่หนึ่ง..รอบที่สอง และรอบที่สาม ก่อนที่เครื่องจะชักกระตุกเล็กน้อย จ๊วบ...แผล็บ ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียวนที่ส่วนหัวบานก่อนจะลากยาวลงไปตามเส้นเลือดคดคอดที่ตัดกับผิวกายสีขาวซีดของร่างสูง "ซี้ด...ซี้ด! อ๊ะ!" เขากัดฟันแน่น สับเกียร์ถอยหลัง ก่อนจะถอยหลังเลี้ยวเข้าซองจอด หมุนล้อ ก่อนที่เท้าจะยกเหยียบกระแทกลงที่คันเบรกทีเดียว หน้าแทบทิ่ม แบบรวดเดียวจบ ผลุบ ๆ ๆ มือเล็ก ๆ สาวแก่นกายและเขมือบท่อนรักของเขาเข้าไปจนเกือบมิดด้าม อะ...อัก! อ๊อก ๆ ๆ แก่นกายถลำลึกลงเข้าไปในคอของเธอจนจุกแน่นแทบหายใจไม่ออก ท่อนรักสั่นเทาและกระตุกเร้าในลำคอของเธอ "ซี้ด..." ร่างสูงครางออกมาในข
...สามวันต่อมา…ณ โรงพยาบาล ROMI "อันนี้ค่ารักษาของต้นหนาวค่ะ" ปลายฝนรีบเดินตรงไปจ่ายค่ารักษาของน้องชายทันที หลังจากที่เฟรนด์ชิปให้เงินค่าจ้างเธอมา ซึ่งในตอนแรกเธอตั้งใจจะมอบให้พรานโตทั้งหมด เพื่อให้พรานโตนำไปทำบุญต่อยอด หรือใช้จ่ายส่วนตัว แต่ทางเฟรนด์ชิปบอกว่าเขาได้มอบเงินให้กับพรานโตไปส่วนหนึ่งแล้ว และหนึ่งล้านบาทนี้เป็นของเธอคนเดียว "คุณปลายฝนคะ แต่มันขึ้นว่าคุณหมอซีแอลเป็นเจ้าของเคสนะคะ" พนักงานเอ่ยขึ้นอย่างไม่กล้าจะรับเงินของเธอ "คือ...ฝนอยากจ่ายเงินทั้งหมดเองน่ะค่ะ พี่พอจะช่วยออกใบเสร็จค่ารักษาต่าง ๆ มาให้ฝนหน่อยได้ไหมคะ" ปลายฝนพยายามคะยั้นคะยอเจ้าหน้าที่การเงินให้บอกค่ารักษาต้นหนาวมาตามตรง "คะคือว่า..." เจ้าหน้าที่เริ่มลังเลใจที่จะออกใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลให้เธอ ฟุ่บ! ซองเงินในมือของเธอถูกใครบางคนดึงไปจากมือของเธอ "แต่ฉันไม่รับเงินสด แต่รับเป็นการชำระด้วยร่างกายของเธอเท่านั้น" ซีแอลกระซิบบอกกับปลายฝนเบา ๆ "ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอโทษด้วยที่แฟนผมมารบกวนน่ะ" ซีแอลเงยหน้าขึ้นตอบกลับพนักงานไปพร้อมกับโอบเอวปลายฝนเดินออกมาจากแผนกการเงินทันที "เก็บเงินล้านของเธอไว้เถอะน่า น้องชายเ
"ก็ไม่อยากให้เครียดนี่นา" ซีแอลตอบไปตามจริง แล้วเขาก็ไม่เคยเล่นจนเสียงานใด ๆ เพียงแค่อยากจะหยอก ๆ ให้ปลายฝนไม่วิตกมากจนเกินไปเท่านั้น "ว่าแต่นายดูไม่กลัวเลยเนอะ" ปลายฝนขมวดคิ้วจ้องมองซีแอลอย่างจับผิด เพราะเขาอุ้มเธอเดินโต้ง ๆ กลางบ้านไม่ได้มีท่าทีประหม่าอะไรเลย "กลัวสิ! ฉันกลัวจะแย่อยู่แล้ว" จู่ ๆ หมอจอมเจ้าเล่ห์ก็กระชับอ้อมแขนของเขาพร้อมกับแนบใบหน้าของตัวเองเข้ากับแก้มนุ่มของเธออย่างอ้อน ๆ "ฟังเสียงหัวใจของฉันสิ มันเต้นแรงมากจนเหมือนหัวใจจะวายตายอยู่แล้วอะ" เขาพูดและมองไปรอบ ๆ ทำท่าเหมือนตัวเองกำลังกลัวแบบสุด ๆ "ขี้โม้จริง ๆ เลย" ปลายฝนหยิกหัวนมของซีแอลเบา ๆ และในตอนที่หยอกล้อกันไปมา โคร่ม! จู่ ๆ แจกันโบราณตั้งโต๊ะใบหนึ่งก็หล่นลงมาแตกละเอียด ทำให้ทั้งสองคนเลิกเล่นกันและเพ่งสายตามองไปตรงที่จุดเกิดเหตุ บริเวณชั้นใต้ดินแห่งนี้ ไม่มีลมอะไรเลย แจกันนั้นจะตกลงพื้นได้อย่างไรกัน "ฮะ...เฮ่ออ..." ในตอนนี้ปลายฝนหน้าเสียไปเล็กน้อย เธอมองเห็นวิญญาณตนหนึ่งเดินผ่านทะลุกำแพงเข้าไปในห้อง ที่อยู่ถัดจากจุดที่ปลายฝนกับซีแอลยืนอยู่เพียงไม่เท่าไร ซีแอลก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอน่าจะเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
"มาโน่นแล้วครับ" ซีแอลหันไปเจอกับพี่เฟรนด์ชิปที่เดินมาพร้อมกับคนรักของเขา "คือโซลอยากเข้าไปด้วยอะ" โซลเมทรั้งแขนของเฟรนด์ชิปเอาไว้ เพราะเธอเป็นห่วงเขามากจริง ๆ "หนู...อย่าเข้าไปเลยนะ" พรานโตรีบห้ามเธอทันที เพราะแค่เจอหน้ากัน เขาก็รับรู้ได้เลยว่าหญิงสาวเป็นคนจิตอ่อนมาก ๆ และง่ายต่อการจะถูกของไม่ดีเข้าตัว "หนูเป็นคนขวัญอ่อนมาก ๆ ถ้าเจออะไรมันจะเข้าหาเราได้ง่ายกว่าคนอื่น" "งั้นอาจารย์ทำพิธีคนเดียวไม่ได้เหรอคะ" "ทำไมต้องให้พี่เฟรนด์เข้าไปด้วยล่ะ" โซลเมทถามไปอย่างไม่เข้าใจ เธอมอง เฟรนด์ชิปด้วยสายตาที่ห่วงใยเขามาก ๆ "พ่อหนุ่มคนนี้คือตัวแทนของคนในบ้าน ยังไงก็ต้องเข้าไปด้วยกัน" พรานโตพยายามอธิบายต่ออย่างใจเย็น "โซล...ไปรอที่บ้านพ่อกับแม่ก่อนเถอะนะ เชื่ออาจารย์เถอะ" เฟรนด์ชิปบีบมือของคนรักเบา ๆ เขารู้ดีว่าเธอเป็นห่วงเขามากแค่ไหน "ไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้หรอก ถ้ามันทำได้คงทำไปนานแล้ว" พรานโตพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอมั่นใจว่าปลอดภัย "ก็ได้ค่ะ...ดูแลตัวเองดี ๆ นะ" โซลเมทโผเข้ากอดเฟรนด์ชิปเอาไว้แน่น เธอเองก็ไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้มากเท่าไรนัก แต่ก็ไม่เคยลบหลู่เช่นกัน "…" โซล