ซอกตึกโรงพยาบาล ROMI
ร่างบางเดินออกมาจากโรงพยาบาลทั้งน้ำตา เธอหามุมเงียบ ๆ ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาทันที
หยดน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มของเธออย่างไม่อาจฝืน
มือเล็ก ๆ เอื้อมไปแตะหยาดฝนตรงหน้า ท้องฟ้าที่มืดมนและฝนที่เทกระหน่ำลงมา มันช่างเข้ากับชีวิตของเธอจริง ๆปลายฝนหญิงสาวที่เกิดมาในครอบครัวที่เหมือนจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง บ้านเธอมีฐานะกลาง ๆ มีพ่อมีแม่ครบสมบูรณ์ มีพี่ชายมีน้องชาย แต่น่าแปลกที่ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองเปรียบเสมือนส่วนเกินในครอบครัวเข้าไปทุกวัน ๆ
ย่าที่รักและเมตตาเธอก็มาด่วนจากไปเสียก่อน นับจากวันที่ย่าได้จากไป คำว่าส่วนเกินมันก็เหมือนจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นทุกที
"ถ้าวันนี้เป็นฉันที่ประสบอุบัติเหตุ พ่อกับแม่ก็คงไม่ดิ้นรนอะไรแบบนี้แน่ ๆ " ปลายฝนพูดออกมาทั้งน้ำตา เธอรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย
ในตอนที่เธอรู้สึกอ่อนแอ จู่ ๆ ควันจาง ๆ ก็ลอยมาปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอ ปลายฝนปวดหัวและหนาวเหน็บกายเพราะเสื้อผ้าของเธอมันยังชื้นอยู่เลย จากตอนที่เธอวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วบ้านให้กับพ่อแม่
"โอ้ย นี่จะตามหลอกตามหลอนอะไรนักหนาวะ ไอ้ผะ (ผีนรก) " ปลายฝนหมดความอดทนแล้วจริง ๆ เธอลุกขึ้นได้ก็หันกลับไปตั้งท่าจะด่า แต่ทว่า...กลิ่นควันจาง ๆ นั้นมันลอยมาจากปลายบุหรี่ของ ตาหมอปากร้ายคนเดิมที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลยตั้งแต่แรกเจอ
ร่างสูงที่อยู่ในชุดนักศึกษาแพทย์แท้ ๆ แต่กลับยืนสูบบุหรี่ได้อย่างหน้าตาเฉย เขาเอียงคอมองทางปลายฝนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ปลายฝนรีบยกมือปาดน้ำตาตัวเองแบบลวก ๆ ก่อนจะยืนหยัดขึ้นมาแม้ว่าร่างกายจะหนาวจับสั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน
"นายเป็นหมอนะ...สูบบุหรี่ได้ด้วยเหรอ" ปลายฝนขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามทางฝั่งของซีแอลไป
"หมอก็คนเหมือนกัน มีเครียด มีเหนื่อยและมีเวลาส่วนตัว" หมอซีแอลโต้กลับก่อนจะยื่นบุหรี่ที่ยังสูบไม่ทันถึงครึ่งมวนดี ไปที่เม็ดฝนจนไฟที่จุดดับลงสนิทแล้วเขาถึงโยนทิ้งลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกล
"แค่เห็นว่ามันแปลกดี" ปลายฝนตอบกลับไปเบา ๆ
"ฉันก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน แปลก ๆ แบบเธอเหมือนกัน" หมอซีแอลพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าโรงพยาบาลไป
"เออขอถามอะไรหน่อยสิ...แล้วเรื่องที่นายบอกกับพ่อแม่ว่าน้องชายของฉันต้องการเลือดด่วนอะ" ปลายฝนเดินตามหลังของหมอซีแอลไปติด ๆ
"ทางโรงพยาบาลหาเลือดให้เขาได้พอไหม" เธอถามต่อด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าจะโกรธพ่อมาก ๆ แต่เธอก็มองเห็นต้นหนาวตายไปต่อหน้าไม่ได้เหมือนกัน
"ไม่รู้" หมอซีแอลก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย
"ทะ...ทำไม/ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานของฉันแล้ว" ยังไม่ทันที่ปลายฝนจะถามต่อ หมอซีแอลก็พูดแทรกขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อกาวน์ออก และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองถึงสามเม็ดเพื่อความสบาย
"ก็แล้วถ้านายจะช่วยตอบแค่สองสามประโยคไม่ได้เลยรึไง" ปลายฝนยังคงถามเขาต่อไม่หยุด เพราะให้แบกหน้ากลับไปถามพ่อกับแม่ มีหวังเธอโดนสองคนนั้นตีไม่เลี้ยงแน่เลย
"ฉันออกเวรแล้ว!" หมอซีแอลย้ำอีกครั้งพร้อมกับถอดชุดกาวน์ออกทันที
"คือฉันต้องการบริจาคเลือดเพื่อช่วยน้องชายของฉันอะ..."
ปลายฝนเดินไปจับแขนของเขาอย่างลืมตัว
"แต่สภาพเธอตอนนี้มันบริจาคไม่ได้หรอก" หมอซีแอลส่ายหน้า เขาเดินมาหยุดที่หน้าห้องพักส่วนตัว ก่อนจะหันไปมองมือของปลายฝนที่จับแขนของเขาอยู่ด้วยสายตานิ่ง ๆ
"ทำไมถึงบริจาคไม่ได้ล่ะ" ปลายฝนยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา และเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงบางเบา
พรึบ! ฝ่ามือหนาทาบลงบนหน้าผากของเธอ สายตาคมคายจ้องตรงมาที่ดวงตาของเธอนิ่ง ๆ
"เธอมีไข้ หนาวสั่น แบบนี้คือคนไม่สบาย และคนไม่สบายไม่สามารถบริจาคเลือดได้" หมอซีแอลตอบกลับไปก่อนจะลดมือลงช้า ๆ แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้าของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
"แต่ชีวิตของน้องฉันสำคัญกว่า" ปลายฝนตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ร่างบางของเธอสั่นเทาด้วยพิษไข้
"...สำคัญกว่าชีวิตของตัวเธอเองงั้นเหรอ" หมอซีแอลค่อย ๆ หันกลับมามองที่หญิงสาวแปลกหน้าคนเดิมอีกครั้ง
"ใช่...และชีวิตของน้องชายกับพี่ชายสำคัญสำหรับพ่อและแม่ มากกว่าชีวิตของฉัน" คนตัวเล็กตาลอย ๆ ใบหน้าของเธอขาวซีด ไอร้อนจากตัวเธอส่งผ่านมายังเขาจนสามารถรับรู้ได้เลย
"ฉันต้องการบริจาคเลือด (ฟุ่บ) " ปลายฝนที่ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี จู่ ๆ ทุกอย่างมันก็ดับวูบไปอย่างกะทันหัน โชคดีที่เธอไม่ได้ยืนอยู่ไกลจากหมอซีแอลมากนัก เขาก็คว้าตัวของเธอเอาไว้ได้ทัน
"ฉันจะคิดล่วงเวลางานจากเธอยังไงดี" เขาพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะจำใจต้องอุ้มปลายฝนกลับเข้าไปนอนในห้องพักส่วนตัวของแพทย์ของตัวเอง
(มีภาพประกอบ)ณ เรือนไม้ณวดี "แม่คะ หนูทำบ้านใหม่ให้แล้วนะ...ตอนนี้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่เยอะเลยนะ" ปลายฝนจุดธูปบอกกล่าวคุณณวดี เจ้าของบ้านหลังนี้ โดยที่เธอยกให้คุณณวดีเป็นแม่ของเธอด้วยอีกคน ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยเจอกันในตอนที่มีชีวิต แต่ทุกสิ่งที่คุณณวดีฝากเอาไว้ และช่วยเหลือของเธอ มันทำให้ปลายฝนกับเพื่อน ๆ สามารถมีชีวิตรอดได้มาถึงวันนี้ เด็ก ๆ ทั้งสี่คนจึงเคารพและยกให้คุณณวดีเปรียบเสมือนแม่ของตัวเองเลย สำหรับตัวบ้าน หลังจากที่นักการเมืองคนนั้นเสียชีวิตไป ทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ตกมาเป็นของคุณหญิงกานดาภรรยาของท่านเกือบทั้งหมด ซึ่งปลายฝนตัดสินใจเข้าไปขอซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากท่าน ด้วยความที่คุณหญิงเอ็นดูปลายฝนอยู่ก่อนแล้วท่านก็ยอมยกให้เธออย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ปลายฝนนำบ้านหลังนี้มารีโนเวทขึ้นใหม่ พร้อมทั้งจัดตั้งเป็น ‘ศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า’ซึ่งครูพี่เลี้ยงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็คือทับทิมนั้นเอง ทางด้านของทับทิมหลังจากที่เธอตัดสินใจลาบวชชีอยู่นานหลายปี สุดท้ายทางเจ้ากรรมนายเวรก็ยอมปล่อยให้เธอกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในตอนที่ทับทิมกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานภายในบ้าน
(มีภาพประกอบ)...หนึ่งปีต่อมา… "ฮัลโหล ๆ กำลังไปนะ บอกคนไข้ว่ารอแป๊บนึง" ซีแอลเดินคุยโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียดในตอนที่เขากระโดดขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของปลายฝน ในตอนที่เธอเพิ่งจะบิดมาถึงที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอเพิ่งกลับบ้านไปเยี่ยมแม่กับน้องชายมาหมาด ๆ "มีอะไรรึเปล่า" ปลายฝนหันไปถามอย่างงง ๆ เพราะซีแอลยังคงอยู่ในชุดคุณหมอและมีกระเป๋าที่เตรียมสำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นอีก "เบบี๋รีบขี่รถไปแถวหมู่บ้านของไพลอททีสิ...พอดีแฟนมันป่วยหนักอะ ถ้าขับรถไปรถติดแน่ ๆ " ซีแอลขึ้นซ้อนและรีบบอกกับปลายฝนไปด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "แฟนไพลอทไม่สบายเหรอ" ปลายฝนรีบตั้งลำรถและบิดพาซีแอลตรงออกไปจากโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งจะขี่เข้ามาแท้ๆ "ใช่...ถ้าเอารถพยาบาลออกตอนนี้รถติดสนั่นเลย...เพียงฟ้าอาจจะไข้ขึ้นอาการหนักได้เลย" ซีแอลพูดต่อซึ่งปลายฝนก็รีบตั้งหน้าตั้งตาบิดมอเตอร์ไซค์ไปทางบ้านของไพลอทในทันที และเธอจำทางได้เพราะซีแอลเคยพาไปอยู่บ่อย ๆ "โอเค...กูกำลังออกไปนะ" ซีแอลตอบกลับปลายสายไปเพียงเท่านั้นก่อนจะโอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่น "ไม่ต้องรีบมากนะ เราเองก็ต้องปลอดภัยดะ (ด้วย) " เขายังไม่ทันจะพูดจบดี เสียง
ลานจอดรถคอนโดหรู บรื้นนน..บรื้นน..เสียงรถหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืด มือขวาหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขึ้นไปยังอาคารจอดรถ ในขณะที่มืออีกข้างลูบหัวของหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่อยู่ตรงบริเวณหน้าตักของเขา "ซี้ด...อืม...ซี้ด..." ใบหน้าหล่อเม้มปากแน่นขับรถต่อไป ในขณะที่แท่งรักของเขาขยายใหญ่คับเต็มโพรงปากอุ่นร้อนของหญิงสาว ที่กำลังใช้มือเล็กๆ สาวแท่งรักร้อนขึ้นลง ๆ สลับกับก้มลงดูดดื่มกลืนกินมันอย่างหิวโหย เสียงรถหรูหมุนวนขึ้นลานจอดรอบที่หนึ่ง..รอบที่สอง และรอบที่สาม ก่อนที่เครื่องจะชักกระตุกเล็กน้อย จ๊วบ...แผล็บ ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียวนที่ส่วนหัวบานก่อนจะลากยาวลงไปตามเส้นเลือดคดคอดที่ตัดกับผิวกายสีขาวซีดของร่างสูง "ซี้ด...ซี้ด! อ๊ะ!" เขากัดฟันแน่น สับเกียร์ถอยหลัง ก่อนจะถอยหลังเลี้ยวเข้าซองจอด หมุนล้อ ก่อนที่เท้าจะยกเหยียบกระแทกลงที่คันเบรกทีเดียว หน้าแทบทิ่ม แบบรวดเดียวจบ ผลุบ ๆ ๆ มือเล็ก ๆ สาวแก่นกายและเขมือบท่อนรักของเขาเข้าไปจนเกือบมิดด้าม อะ...อัก! อ๊อก ๆ ๆ แก่นกายถลำลึกลงเข้าไปในคอของเธอจนจุกแน่นแทบหายใจไม่ออก ท่อนรักสั่นเทาและกระตุกเร้าในลำคอของเธอ "ซี้ด..." ร่างสูงครางออกมาในข
...สามวันต่อมา…ณ โรงพยาบาล ROMI "อันนี้ค่ารักษาของต้นหนาวค่ะ" ปลายฝนรีบเดินตรงไปจ่ายค่ารักษาของน้องชายทันที หลังจากที่เฟรนด์ชิปให้เงินค่าจ้างเธอมา ซึ่งในตอนแรกเธอตั้งใจจะมอบให้พรานโตทั้งหมด เพื่อให้พรานโตนำไปทำบุญต่อยอด หรือใช้จ่ายส่วนตัว แต่ทางเฟรนด์ชิปบอกว่าเขาได้มอบเงินให้กับพรานโตไปส่วนหนึ่งแล้ว และหนึ่งล้านบาทนี้เป็นของเธอคนเดียว "คุณปลายฝนคะ แต่มันขึ้นว่าคุณหมอซีแอลเป็นเจ้าของเคสนะคะ" พนักงานเอ่ยขึ้นอย่างไม่กล้าจะรับเงินของเธอ "คือ...ฝนอยากจ่ายเงินทั้งหมดเองน่ะค่ะ พี่พอจะช่วยออกใบเสร็จค่ารักษาต่าง ๆ มาให้ฝนหน่อยได้ไหมคะ" ปลายฝนพยายามคะยั้นคะยอเจ้าหน้าที่การเงินให้บอกค่ารักษาต้นหนาวมาตามตรง "คะคือว่า..." เจ้าหน้าที่เริ่มลังเลใจที่จะออกใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลให้เธอ ฟุ่บ! ซองเงินในมือของเธอถูกใครบางคนดึงไปจากมือของเธอ "แต่ฉันไม่รับเงินสด แต่รับเป็นการชำระด้วยร่างกายของเธอเท่านั้น" ซีแอลกระซิบบอกกับปลายฝนเบา ๆ "ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอโทษด้วยที่แฟนผมมารบกวนน่ะ" ซีแอลเงยหน้าขึ้นตอบกลับพนักงานไปพร้อมกับโอบเอวปลายฝนเดินออกมาจากแผนกการเงินทันที "เก็บเงินล้านของเธอไว้เถอะน่า น้องชายเ
"ก็ไม่อยากให้เครียดนี่นา" ซีแอลตอบไปตามจริง แล้วเขาก็ไม่เคยเล่นจนเสียงานใด ๆ เพียงแค่อยากจะหยอก ๆ ให้ปลายฝนไม่วิตกมากจนเกินไปเท่านั้น "ว่าแต่นายดูไม่กลัวเลยเนอะ" ปลายฝนขมวดคิ้วจ้องมองซีแอลอย่างจับผิด เพราะเขาอุ้มเธอเดินโต้ง ๆ กลางบ้านไม่ได้มีท่าทีประหม่าอะไรเลย "กลัวสิ! ฉันกลัวจะแย่อยู่แล้ว" จู่ ๆ หมอจอมเจ้าเล่ห์ก็กระชับอ้อมแขนของเขาพร้อมกับแนบใบหน้าของตัวเองเข้ากับแก้มนุ่มของเธออย่างอ้อน ๆ "ฟังเสียงหัวใจของฉันสิ มันเต้นแรงมากจนเหมือนหัวใจจะวายตายอยู่แล้วอะ" เขาพูดและมองไปรอบ ๆ ทำท่าเหมือนตัวเองกำลังกลัวแบบสุด ๆ "ขี้โม้จริง ๆ เลย" ปลายฝนหยิกหัวนมของซีแอลเบา ๆ และในตอนที่หยอกล้อกันไปมา โคร่ม! จู่ ๆ แจกันโบราณตั้งโต๊ะใบหนึ่งก็หล่นลงมาแตกละเอียด ทำให้ทั้งสองคนเลิกเล่นกันและเพ่งสายตามองไปตรงที่จุดเกิดเหตุ บริเวณชั้นใต้ดินแห่งนี้ ไม่มีลมอะไรเลย แจกันนั้นจะตกลงพื้นได้อย่างไรกัน "ฮะ...เฮ่ออ..." ในตอนนี้ปลายฝนหน้าเสียไปเล็กน้อย เธอมองเห็นวิญญาณตนหนึ่งเดินผ่านทะลุกำแพงเข้าไปในห้อง ที่อยู่ถัดจากจุดที่ปลายฝนกับซีแอลยืนอยู่เพียงไม่เท่าไร ซีแอลก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอน่าจะเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
"มาโน่นแล้วครับ" ซีแอลหันไปเจอกับพี่เฟรนด์ชิปที่เดินมาพร้อมกับคนรักของเขา "คือโซลอยากเข้าไปด้วยอะ" โซลเมทรั้งแขนของเฟรนด์ชิปเอาไว้ เพราะเธอเป็นห่วงเขามากจริง ๆ "หนู...อย่าเข้าไปเลยนะ" พรานโตรีบห้ามเธอทันที เพราะแค่เจอหน้ากัน เขาก็รับรู้ได้เลยว่าหญิงสาวเป็นคนจิตอ่อนมาก ๆ และง่ายต่อการจะถูกของไม่ดีเข้าตัว "หนูเป็นคนขวัญอ่อนมาก ๆ ถ้าเจออะไรมันจะเข้าหาเราได้ง่ายกว่าคนอื่น" "งั้นอาจารย์ทำพิธีคนเดียวไม่ได้เหรอคะ" "ทำไมต้องให้พี่เฟรนด์เข้าไปด้วยล่ะ" โซลเมทถามไปอย่างไม่เข้าใจ เธอมอง เฟรนด์ชิปด้วยสายตาที่ห่วงใยเขามาก ๆ "พ่อหนุ่มคนนี้คือตัวแทนของคนในบ้าน ยังไงก็ต้องเข้าไปด้วยกัน" พรานโตพยายามอธิบายต่ออย่างใจเย็น "โซล...ไปรอที่บ้านพ่อกับแม่ก่อนเถอะนะ เชื่ออาจารย์เถอะ" เฟรนด์ชิปบีบมือของคนรักเบา ๆ เขารู้ดีว่าเธอเป็นห่วงเขามากแค่ไหน "ไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้หรอก ถ้ามันทำได้คงทำไปนานแล้ว" พรานโตพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอมั่นใจว่าปลอดภัย "ก็ได้ค่ะ...ดูแลตัวเองดี ๆ นะ" โซลเมทโผเข้ากอดเฟรนด์ชิปเอาไว้แน่น เธอเองก็ไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องพวกนี้มากเท่าไรนัก แต่ก็ไม่เคยลบหลู่เช่นกัน "…" โซล