“ไม่ถอดไม่ได้เหรอ?” เขาถอนหายใจ แล้วยกนาฬิกาข้อมือดู
“เธอรู้ไหม ฉันต้องตรวจคนไข้อีกกี่คน อย่าทำให้ฉันและคนอื่นเสียเวลา”
ก็คนมันเขินนี่หว่า! ก้นนะเว้ยไม่ใช้ข้อศอก!
ฉันจำใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นตัวเอง จนเขาหันหน้าไปอีกทาง ฉันถึงดันมันลงไปช้า ๆ แล้วรีบหาผ้ามาคลุมไว้
“นอนคว่ำด้วย” ลำบากฉิบ! พอถอดได้ ฉันก็ค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะรีบเอามือไขว้หลัง ไปจัดแจงเอาผ้าปิดไว้ โอ้โห... กูเย็นมากค่ะตอนนี้
ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมา แล้วเดินมาชิดเตียงตรวจ และ... และ กำลังจะเปิดผ้าออก!
“นาวา! ไม่เปิดไม่ได้เหรอ”
“อะไรอีก ไม่เปิด ฉันจะรู้ได้ไงว่ามันช้ำไหม?” ฉันหลับตาปี๋ ไม่กล้าถามอะไรเขาต่อ เพราะยังไง เขาก็ต้องเห็นก้นฉัน! จนเขาค่อย ๆ ดึงผ้าออกช้า ๆ ทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
กูอยากเอาหน้าซุกหมอน ให้ใจขาดตายตรงนี้เลย!
พอเปิดผ้าออก เขาเหมือนนิ่งไปสักพัก คงมองก้นฉันอยู่มั้ง... จนฉันสัมผัสได้ถึง มือเย็น ๆ ที่แตะลงเบา ๆ ตามผิว
ฮือ... สัมผัสแรกจากมือชาย!
“โอ๊ะ โอ้ย... เจ็บอ่ะ” ฉันร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที เมื่อเขาใช้นิ้วกดลงเบา ๆ
“ต้องกด เนื้อเยื่ออ่อนช้ำ ถ้าแบบนี้ล่ะ เธอเจ็บไหม?” ทำไมเสียงเซ็กซี่จังคุณหมอ ขนลุกหมดแล้ว ถ้าได้เห็นหน้าด้วย ใจฉันได้ขาดตายตรงนี้แน่!
“โอ้ย!”
“อืม คงต้อง x-ray ดูกระดูกสันหลังและก้นกบ” พูดจบเขาก็ดึงผ้ามาคลุมให้ ก่อนที่ฉันจะนอนทำใจอยู่สักพัก ไม่กล้าพลิกตัวกลับไปมองหน้าเขา
“ใส่กางเกงซะ ฉันจะส่งตัวเธอไปห้องเอกซเรย์”
ทำไงดี จะยกก้นดึงกางเกงใส่ก็ไม่ไหว...
“พลิกตัวกลับมาได้แล้ว ฉันมีตรวจต่อ” เขาเริ่มเสียงเข้มใส่ฉัน ก่อนที่ฉันจะทนแรงกดดันจากเสียงถอนหายใจเขาไม่ไหว ค่อย ๆ พลิกตัวกลับมา แล้วพยายามดึงกางเกงตัวเองขึ้น
โอ้ย ทำไมดึงขึ้นยากแบบนี้วะ!
ฉันยึกยักอยู่นาน เพราะยกก้นที่ทรมานไม่ไหวจริง ๆ จนเขายืนเอามือกอดอกมองฉันนิ่ง ๆ
“อะไร ดึงไม่ไหว?”
“อะ… อื้อ ระ… เรียกน้องให้หน่อยได้ไหม” เขาไม่ตอบ แต่เดินมาใกล้ ๆ ฉันแทน ก่อนที่จะจับแขนฉันแล้วเปิดผ้า พรึบ! แล้วดึงกางเกงขึ้นเลย!
ฮือ! เขาเห็นทั้งหน้าทั้งหลังเลย แม่จ๋า!
“ติดกระดุมเอง แค่นี้ก็เกินหน้าที่ฉันแล้ว” เขารีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แล้วนั่งเขียนอะไรบางอย่าง อย่างรวดเร็ว จนฉันเริ่มเห็นแก้มขาว ๆ ของเขาแดงขึ้น แดงขึ้น
ตาไม่ได้ฝาด! หน้าเขาแดงจริง ๆ ฉันนอนมองเขาสักพักเพื่อความแน่ใจ จนเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี!
“แหะ ๆ”
“ยิ้มทำไม”
“เอ่อ ก็ยิ้มขอบคุณที่นายตรวจให้”
“ฉันทำตามหน้าที่” พูดจบก็ถือแฟ้มเดินมาหาฉัน ก่อนที่จะพยุงฉันที่ร้องโอดโอยทรมาน ลงไปนั่งรถเข็นเหมือนเดิม
และเขาก็ส่งแฟ้มให้ฉันถือ ก่อนที่จะเปิดประตู แล้วเข็นฉันออกมาจากห้อง จนใบไม้ที่นั่งรอรีบลุกจากเก้าอี้ทันที
“หมอ พี่สาวหนูจะเป็นอัมพาตไหม” ปาก!
“เวอร์น่าใบไม้”
“ไม่หรอก เอ็กซเรย์ก่อน” เขาหันไปตอบใบไม้แล้วเข็นรถฉันไปต่อ จนพยาบาลวิ่งเข้ามาหา
“คุณหมอคะ ยังมีคนไข้อีกหกคนค่ะ” ขายาว ๆ ของเขาหยุดชะงักทันที ก่อนที่เขาจะยืนนิ่งแล้วมองไปที่แฟ้มประวัติฉัน
“อืม งั้นผมฝากด้วย” และเขาก็หันไปบอกพยาบาล แล้วเดินกลับห้องตรวจไป
แล้วพยาบาลคนนั้น ก็เดินมาเข็นรถฉันไปห้องเอกซเรย์แทน พอฉันเอกซเรย์เสร็จก็ถูกส่งต่อไปหาหมออีกคน ที่ตรวจฟิล์มเอกซเรย์ แล้ววินิจฉัยให้
สรุปว่าก้นกบหรือกระดูกสันหลังฉันไม่หักหรือร้าวอะไร แต่ช้ำหนักมาก! จนได้ยามากินหลายตัว และหมอยังบอกอีกว่า แค่นอนพักและประคบก็หายแล้ว เฮ้อ! โชคดีของฉันจริง ๆ ที่ไม่เป็นอะไรมาก
กลับมาจากโรงพยาบาลคนดูแลฉันก็ไม่ใช่ใคร ใบไม้นั่นล่ะ! ทั้งประคบ ทั้งเตรียมน้ำเตรียมยา ทำฉันเห็น แล้วอดซึ้งใจไม่ได้จริง ๆ
“ใบไม้ ถ้าเจ๊ไม่มีผัวไม่มีลูก ขอลูกแกมาเลี้ยงได้ป่าว ตอนแก่กลัวไม่มีคนดูแล”
“เจ๊จะไปคิดมากทำไม บ้านพักคนชรายังมี”
เนี่ย น้องกูเป็นแบบเนี้ย!
ฉันนั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ใบไม้ก็ประคบก้นฉันทั้งวัน งานการไม่ต้องทำมันแล้ว ฉันไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้นล่ะ ถ้าไม่ดูแลฉัน ฉันฟ้องพ่อจริง ๆ ด้วย
อารมณ์คนป่วยออดแอดมันอยากมีคนดูแลเข้าใจไหม! ถ้าไม่มีใบไม้อยู่ด้วย ฉันได้นอนร้องไห้แน่ ๆ
“เจ๊หนูกลับก่อนนะ พ่อเรียก” พ่อเรียก?
“อย่าเพิ่ง ให้ฉันเดินไหวก่อนสิ”
“โหย เจ๊ต้องบอกพ่อแล้วล่ะ ว่าเป็นอะไร พ่อเร่งหนูเนี่ย!” ฉันฟุบหน้าลงหมอนทันที ถ้าบอกพ่อบอสพ่อต้องเฝ้าฉันจนหายอีกดิ ไม่เป็นอันทำอะไรพอดี!
แต่ทำไงได้ เหมือนใบไม้ มันไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว!
“อืม แกบอกเถอะ” แล้วใบไม้ก็ลุกขึ้นออกไปโทรหาพ่อบอส ฉันไม่รู้หรอก ว่านางโทรบอกพ่อว่าไง เพราะเดินไปไกลเหลือเกิน
จนใบไม้เดินกลับมา แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นไปสะพาย
ไปไหนวะ!
“ไปไหน!”
“เดี๋ยวพ่อกับแม่มา หนูไปหาผู้ชายแป๊บ” ผู้ชาย! ไหนว่าพ่อเรียก? อะไรวะ ขนาดใบไม้ยังมีชายให้ไปหาเลย แล้วกูล่ะ ฮือ...
ฉันยังสตั๊นกับใบไม้ไม่หาย จนนางเดินออกไปจากห้อง ทิ้งฉันให้นอนเฉาคนเดียว ช่างเถอะ ไม่มีใบไม้ฉันยังมีทิชา ไม่ง้อก็ได้! แต่พึ่งทิชาแล้วฉันจะรอดไหม นี่ล่ะคือปัญหา เฮ้อ... น้องกูแต่ละคน
ฉันไม่ได้มีแค่น้องสาวหรอก ฉันมีน้องชายแฝดลูกพ่อบอสแม่กิ่งด้วย ชื่อต้นไม้ กับต้นกล้า ต้นไม้เป็นนักบิน ตอนนี้คงไปบินกับเพื่อนชื่อไคล์ ซึ่งไคล์ก็เป็นลูกชายเพื่อนพ่อบอสแม่กิ่งนี่ล่ะ
ส่วนต้นกล้านั้นไปเรียนวิศวะซอฟต์แวร์ที่อเมริกา ฉันไม่ได้เจอนานแล้ว แต่ยังติดต่อในไลน์อยู่บ้างเป็นครั้งคราว
คิดไปคิดมา ฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ หลับทั้งที่นอนคว่ำหน้าอยู่ จน...
“ปลายฟ้า... เป็นไงบ้างลูก ไหวไหมเนี่ย ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ” อยู่ ๆ พ่อบอสก็เดินมานั่งยอง ๆ ข้างฉัน ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบา ๆ ไปด้วย
“นิดหน่อยเองค่ะ กินยาประคบก็หายแล้ว หนูไม่อยากให้พ่อคิดมาก”
“ยิ้มอีกแล้ว ปลายฟ้าเอ้ย นิดหน่อยก็ต้องบอกแม่กิ่งนะคะลูก ไหนแม่ดูหน่อย... นี่ นายออกไปก่อนฉันจะดูก้นลูก” อยู่ ๆ แม่กิ่งก็ถือผ้าประคบเดินมา ก่อนที่จะส่งสายตา ไล่พ่อบอสออกไปจากห้องด้วย
จนพ่อบอสยีผมฉันเบา ๆ แล้วเปิดประตูออกไป แม่กิ่งก็ประคบก้นให้ฉันพักใหญ่ ก่อนจะป้อนข้าว ป้อนยาอีกรอบ จนฉันค่อย ๆ พลิกตัวนอนปกติได้
“แม่ว่า ไม่กี่วันก็หายแล้ว ดูรอยช้ำ ๆ จางลง ทำอะไรก็ค่อย ๆ นะลูก”
“งั้นก็ดีเลยค่ะ แม่กิ่งกลับเถอะ หนูเริ่มขยับตัวได้แล้ว น่าจะไหว เดี๋ยวจะลองทำอะไรเองดูบ้าง”
ฉันหันไปยิ้มกว้างให้ท่านจนพ่อบอสเคาะประตูห้อง แล้วเปิดเข้ามา
“ลุกเดินได้รึยังล่ะ ให้พ่อกับแม่กลับอ่ะ” เห็นป่ะ พ่อบอสไม่เคยยอมอะไรง่าย ๆ ต้องฉันไหวจริง ๆ ถึงจะกลับ ฉันจึงค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะประคับประคองตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แล้ว เดิน เดิน เดิน
โอ้ย... เจ็บแต่ฝืนทุกฝีก้าว!
จนพ่อบอสยิ้มกว้าง และปรบมือให้ฉันรัว
‘แปะ แปะ แปะ แปะ’
“ฮ่า ๆ เหมือนดูปลายฟ้าหัดเดินตอนเด็ก ๆ” นั่นไง
“เห็นไหมคะหนูบอกแล้ว ว่าไหว พ่อบอสกับแม่กิ่งไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูโอเค๊” ฉันทำนิ้วโอเคให้ท่านทั้งสองจนแม่กิ่งลุกขึ้น เดินมาหา
“โอเค งั้นกลับกันเถอะ มีอะไรโทรมาเลยนะ เข้าใจไหม” แม่กิ่งเอาผมทัดหูแล้วยิ้มให้ฉัน ก่อนที่ท่านจะเดินจับมือกับพ่อบอสเปิดประตูออกไป
เฮ้อ! ฉันรีบคว้าพนักเก้าอี้ไว้ทันที หลังจากที่ฝืนยืนนานหลายนาทีอย่างทรมาน บ้าเอ้ย!
‘กริ่ง กริ่ง’
ใครมาอีกวะ! ฉันค่อย ๆ จับผนัง จับโต๊ะ จับเก้าอี้เดินไปส่องตาแมวดู แต่กลับไม่เห็นใคร
ใครแกล้ง เฮ้ย! ไม่เห็นใครแบบนี้ เหมือนเมื่อคืนเด๊ะ หรือว่า...
บ้า เขาจะมาทำไม?
ฉันตัดสินใจเปิดประตูดูทันที ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่!
ซะที่ไหน! พอหันไปทางซ้ายเท่านั้นล่ะ ฉันก็เห็นเขายืนอยู่จริง ๆ ท่าเดิมเหมือนเมื่อคืนเป๊ะ ๆ
“นาวา มะ… มาทำอะไรเหรอ”
“ดูอาการเธอ”
ห้ะ! หมอโรงพยาบาลนี้ดีอ่ะ ตามดูอาการคนไข้ถึงคอนโดเลย
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี