แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เอง
เขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้ว
ไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่า
มีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารัก
คีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"
เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น
"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสา
คีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ
"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"
น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ
"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"
เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอก
หลังอาหารมื้
มือแกร่งไล้ลงไปที่ต้นขาด้านใน เขาแยกขาเธอออกช้า ๆ แล้วก้มลงใช้ปลายลิ้นสัมผัสตรงกลางกลีบกุหลาบที่เปียกชื้นอยู่แล้วจากความปรารถนา“อื้อ…คี…”เสียงสะอื้นสั่นเครือหลุดออกมาไม่ทันจบประโยคเมื่อปลายลิ้นแกร่งนั้นกวาดลากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดุนปลายลิ้นเข้าข้างใน สลับกับการดูดเม็ดละมุนจนร่างเธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่ถูกจู่โจม“ไม่…อย่า…” เธอครางห้าม แต่มือกลับจิกเส้นผมเขาแน่นเพราะเขาไม่เพียงแค่สัมผัส…แต่กำลัง โอบกอดบาดแผลทั้งหมดของเธอด้วยลิ้นของเขาเมื่อเธอใกล้ถึงขีดสุด เขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่หยุด… ปลายนิ้วร้อนแทรกเข้าไปทีละน้อยอย่างช้า ๆเขาดูดปลายอกเธอแรงขึ้นในขณะที่นิ้วข้างหนึ่งดันเข้าไปจนสุดโคนเสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมกับสะโพกที่แอ่นขึ้นอย่างลืมตัว“แฉะไปทั้งตัวแบบนี้…” เขาพึมพำต่ำ“แน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการฉัน?”คีรินทร์จับเรียวขาเธอพาดบ่า แล้วขยับตัวเข้ามาจนส่ว
แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เองเขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่ามีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารักคีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสาคีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกหลังอาหารมื้
ค่ำคืนที่คฤหาสน์แถบชานเมือง — เงาสุดท้ายของความแค้นในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของคริส คีรินทร์นั่งอยู่ลำพัง เขาจุดไฟใส่รูปภาพเก่าๆ ของตัวเองกับน้องชาย ดวงตาเรียบนิ่งมองเปลวไฟที่เผารูปนั้นช้าๆ จนเหลือเพียงเถ้าเมลินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงของลูก ไม่มีความอุ่นจากอ้อมแขนของใคร ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาวไปถึงหัวใจเถ้ารูปเก่าปลิวตามลมเบาๆ ขณะเขามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงโหยหาแม้ในความเงียบของห้องจะไม่มีใครอยู่ด้วยเลยสักคน—แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับแทรกเข้ามาในหัวเขา...นุ่มนวลแต่หนักแน่นเสียงของเธอ...เมลิน...“ถ้าวันหนึ่งคุณเข้าใจทุกอย่าง...ฉันจะรอฟังด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความแค้น”ประโยคนั้นที่เคยพูดไว้ด้วยน้ำตา...กลับดังชัดราวเพิ่งพูดจบเมื่อครู่และคีรินทร์...ที่เคยเชื่อว่าหัวใจตัวเองด้านชา...กลับต้องเบือนหน้าหนี เพราะดวงตาร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวเขายกมือขึ้นปิดเปลือกตาแน่น ก่อนเสียงแหบพร่าจะเล็ดลอดออกมาเบาๆ“ฉันไม่คู่ควรกับการให้อภัย...แต่ขอบคุณที่ย
เสียงลมหอบหนักในห้องประชุมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เก่าที่เมืองไทยไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศขัดข้อง หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ในห้องที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คีรินทร์ยืนเงียบอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ดวงตานิ่งสนิทเย็นชา ปราศจากแววของความเมตตา"เปิดเสียง"คำสั่งสั้นๆ ถูกส่งออกไปในน้ำเสียงเรียบเย็น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร...แต่พร้อมจะทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ไฟในห้องหรี่ลง เสียงสนทนาในคลิปถูกฉายผ่านลำโพงอย่างชัดเจน"ถ้าเราปรับโครงสร้างตอนนี้ คนของคีรินทร์จะเริ่มลังเล ส่วนของฉันฝังไว้หมดแล้ว ไม่นานก็เปลี่ยนขั้วได้""มายด์ก็อยู่ใกล้เขามากพอจะรู้ทุกอย่าง...แค่เขาไม่ตายตอนนั้นก็โชคดีไป""เมลินเหรอ? โยนให้เธอไปสิ ตำแหน่งแพะมันเหมาะกับผู้หญิงไม่มีตัวตนแบบนั้นอยู่แล้ว"เสียงหัวเราะเหยียดหยามจากคลิปกรีดแทงลึกลงในหัวใจคนฟังทุกคน เสียงของภาคินและมายด์ชัดเจนราวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆคีรินทร์ก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนหน้าห้อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองชายชราในชุดสูทสีเข้ม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเก่าแก่ขององค์กรที่เคยจงรักภักดีกับเขามาโดยตลอด"นี่คือหลั
แสงแดดยามเช้าสาดผ่านผ้าม่านสีครีมอ่อนที่ไหวเบาๆ ตามแรงลมกลิ่นอุ่นบนเตียงใหญ่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นกายของชายหนุ่มผู้ครอบครองเธอทั้งคืนเมลินขยับตัวเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงรั้งจากแขนแกร่งที่โอบเธอไว้แน่นจากด้านหลัง“อย่าขยับ” เสียงทุ้มพร่าดังอยู่ข้างหู“ฉันยังไม่อยากให้เธอลุกไปไหน...”เสียงนั้นเหมือนมนตร์สะกด ทำให้เธอหยุดนิ่งฝ่ามือหนายกขึ้นลูบเส้นผมเธอเบาๆแล้วก้มลงจูบแผ่วๆ ที่ท้ายทอย ก่อนกระซิบเสียงพร่า“เมื่อคืน...มันไม่พอเลยเมลิน”“แต่ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ไหว...งั้นขอแค่นิดเดียว”เธอยังไม่ทันได้ตอบ…ริมฝีปากเขาก็แนบลงบนซอกคออีกรอบ—จูบเบาๆ แต่เนิ่นนานไล้ลงมาตามลาดไหล่ แล้วขบเม้มเล็กน้อยตรงไหปลาร้ามือเขาเลื่อนลงใต้ผ้าห่มลูบผิวกายเธอด้วยจังหวะเนิบช้า คล้ายลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดผิวเธอเมลินหันใบหน้าไปช้าๆ แล้วสบตากับดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความหวงเขามองเธอเหมือนอยากกลืนเธอเข้าไปในร่าง“ให้ฉันเข้าไปอีกครั้ง&he
เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ในห้องพักผู้ป่วยกลับเงียบสงบเกินกว่าจะสะท้อนความตื่นเต้นที่ปะทุอยู่ในอกของชายผู้ยืนแนบข้างเตียง“เม...”เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อเธอแผ่วเบา แฝงด้วยแรงสั่นสะเทือนที่แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจควบคุมได้เปลือกตาบางของหญิงสาวขยับ ก่อนดวงตาคู่สวยจะค่อย ๆ ลืมขึ้น เธอกะพริบตาสองสามครั้งเพราะแสงไฟอ่อน ๆ ภายในห้อง“คี...รินทร์...” เสียงแผ่วแหบของเธอดังออกมาอย่างลำบาก แต่ก็เพียงพอจะทำให้คนฟังเหมือนถูกปลดพันธนาการจากฝันร้ายเขายื่นมือคว้ามือเธอมากุมไว้แน่นแนบอก “ฉันอยู่นี่ เม ฉันไม่ไปไหนอีกแล้ว…”ไม่นานนัก หมออคินก็เข้ามาตรวจเช็คร่างกายเมลินอย่างละเอียด ใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยปรากฏรอยยิ้มจางที่สุดเท่าที่ใครจะเคยเห็นจากเขา“อาการดีขึ้นมากแล้ว แผลผ่าตัดสมานได้ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ควรพักฟื้นต่อให้เต็มที่”คีรินทร์พยักหน้าช้า ๆ ดวงตาคมแดงก่ำจากการอดนอนหลายวัน แต่ไม่ละไปจากใบหน้าหญิงสาวแม้แต่วินาทีเดียวเขาก้มลงจูบหลังมือเธออย่างแผ่วเบา