นิยายชุดนี้มี 1.นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) นาสูร vs พุดซ้อน 2.มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) มังกรกัณฐ์ vs เจณิสา 3.กลืนกิน(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) พาที vs เดหลี คิดหื่นเชิญเสพ ยักษ์(ณิการ์) "นาสูร" ชื่อเหมือนยักษ์ในละครพื้นบ้าน แน่นอน ชื่อเหมือนแต่เขาต่างจากยักษ์พวกนั้นเยอะ เพราะเขามีตัวตนที่สัมผัสได้และ "กินดุ" ดุในที่นี้คือดุอะไรมาลุ้นไปด้วยกันค่ะ ส่วนผู้ที่ต้องตาของเขาก็คือ "พุดซ้อน" สัตวแพทย์สาวผู้ไร้เดียงสา แล้วจะเป็นยังไงเมื่อความรักมันเกิดขึ้นระหว่างยักษ์กับมนุษย์.... ริ้วรอยความโกรธปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าหล่อของชายหนุ่มลูกครึ่งมนุษย์และยักษ์ปูดโปนขึ้น ดวงตาเป็นประกายเพลิงสีแดงและอีกข้างประกายเขียวมรกตเมื่อเห็นผู้หญิงของตนยืนยิ้มหัวเราะต่อกระซิกกับชายอื่นในภาพที่ฉายบนผนังห้องนอน กรอด! “กล้าขัดคำสั่งฉันงั้นเหรอเจณิสา” เขาพึมพำเสียงแข็งกับตัวเองพร้อมกับสองมือใหญ่กำแน่นเข้าหากันแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับภาพที่ฉายบนผนังหายวับไปเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการฉายภาพบนผนังนั้น
View Moreวิ้วๆๆ
เสียงลมพัดแรงกระทบผิวกายกำยำของชายที่ใส่เพียงกางเกงสแล็คตัวเดียวติดตัว ท่อนบนเปลือยเปล่า นี่ก็หนึ่งพันสามร้อยปีแล้ว ที่เขาอยู่บนโลกใบนี้ เขาเป็นยักษ์ที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ ทำตัวกลมกลืนกับมนุษย์ จนเวลาผ่านมานานหนึ่งพันสามร้อยปี เขาก็ยังโดดเดี่ยว ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปในความมืด ตอนนี้เขาอยู่บนยอดเขาในป่าลึกทางเหนือของประเทศไทย นามของเขาคือ “นาสูร” มนุษย์อ่อนแอมักขำชื่อเขา บอกว่าชื่อเหมือนยักษ์ในละครพื้นบ้าน เขาได้แต่ขำในลำคอ ก็เขาคือยักษ์จริงๆ แต่ไม่ใช่ยักษ์ไร้สกุลแบบในละครพื้นบ้านของไทย
วิ้วๆๆ
เสียงลมยังคงปะทะผิวอกและหน้าหล่อของเขาเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เขาอดข้าวอดน้ำ และตอนนี้เขาออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้ว และพร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตปกติกับมนุษย์อ่อนแอแล้ว เขามองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าที่ตอนนี้เขายืนอยู่บนยอดเขาแล้วก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าของคนสนิทตัวเองเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จากด้านหลังเลยเอี้ยวหน้าหันไปดูและถาม
“มาแล้วเหรอพาที”
“ครับท่าน”
“ได้อะไรมากิน ตอนนี้ข้าหิวมาก” คนที่อดมาตลอดหนึ่งอาทิตย์เอ่ยถามด้วยความหิวโหย
“ได้กวางป่ามาหนึ่งตัวครับ”
พาทีที่ออกไปหาอาหารมาให้นายที่จะออกจากการบำเพ็ญเพียรก็อุ้มกวางป่าตัวหนึ่งพาดไหล่มาหานายพร้อมกับโยนกวางที่ยกอุ้มมาไปกับพื้นตรงหน้าทันที
“อือ...นายกินรึยัง”
“กินกวางไปแล้วหนึ่งตัวครับ”
“อืม...นายกลับไปเตรียมทุกอย่างที่บ้านรอฉันเถอะ ฉันกินอิ่มก็จะกลับเหมือนกัน”
ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และตอนนี้เขาเป็นคนยุค ไม่สิ ยักษ์ยุคสองพันยี่สิบแล้ว และเขาอยู่มาได้ยังไงตั้งพันสามร้อยปี เขาเป็นอมตะและอยู่กับมนุษย์ใจทรามได้ยังไง เขาก็จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์เก็บเขี้ยวยักษ์ คิ้วของเขา และทุกคนจะรู้จักเขาในนามเจ้าของฟาร์ม และมีโรงฆ่าสัตว์แปรรูปขายส่งไปยังห้างสรรพสินค้า ในฟาร์มของนาสูรมีพื้นที่พันสามร้อยไร่เท่าอายุของเขา และมีเลี้ยงหมู ไก่ วัว ควาย ม้า เป็ด แกะ และแพะ
“ครับท่าน” พาทีเอ่ยรับคำแล้วก็เดินจากไป
นาสูรมองเจ้ากวางป่าที่โชคร้ายในวันนี้แล้วเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ชอบกินเนื้อ แต่ก็ต้องกินพวกมันเพื่อความอยู่รอด ถึงแม้จะเป็นยักษ์ แต่เขาก็ไม่เคยกินมนุษย์เลยสักครั้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ บรรพบุรุษของเขาได้บอกไว้ว่าหากได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ครั้งหนึ่งก็จะโหยหาตลอด และจะเป็นยักษ์ที่โหดร้าย ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วอยากจะลิ้มรสเนื้อมนุษย์ดูสักครั้ง เพราะกลิ่นตัวของพวกมนุษย์อ่อนแอนั้นหอมน่ากินเหลือเกิน
มือใหญ่คว้าหยิบกวางป่าที่น่าสงสารขึ้นมากัดกินเหมือนกับว่ามันเป็นอาหารเลิศรสก็มิปาน เพียงเวลาไม่นานเจ้ากวางตัวน้อยก็เหลือแต่ซากกระดูก
เออ!
เมื่อท้องอิ่มก็เรอออกมาพร้อมเช็ดคราบเลือดตามมุมปากของตัวเองแล้วก็เปลี่ยนแปลงร่างให้กลับไปเป็นมนุษย์เพื่อจะกลับไปอยู่กับความเป็นจริงว่าตอนนี้ตัวเองคือใคร ตัวเองคือเจ้าของฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดของภาค
ร่างเล็กเดินผ่านมาทางบ้านพักของเจ้าของฟาร์ม ที่แม้แต่ใครก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ แปลกและสงสัยตลอดระยะเวลาสามเดือนที่มาทำงานที่ฟาร์มนาสูรแห่งนี้ยังไม่เคยเจอเจ้าของฟาร์ม เจอแต่พาทีคนสนิทของเขา แต่หลายๆ เสียงที่เคยเจอก็บอกว่าท่านหล่อราวเทพบุตรลงมาจุติ เธอก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะจริงอย่างที่ทุกคนเล่าลือกันไหม แต่แปลกที่ทำไมทุกคนเรียกว่า ‘ท่าน’ หรือว่าจะอายุมากแล้ว
“ทำไมดูน่ากลัวจัง” หล่อนพึมพำกับตัวเองเมื่อมองไปในบ้านหลังใหญ่แต่ดูวังเวงพิกล ก็แม้แต่ไฟก็ยังดูสลัวไม่สว่าง และที่รู้มาอีกคือในบ้านไม่มีเด็กรับใช้ ไม่มีแม่บ้านคอยดูแล ในบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าที่เธอยืนมองมีเพียงเจ้าของบ้านและคนสนิทเท่านั้นที่อาศัยอยู่
พุดซ้อน กิ่งกาญจน์ หรือน้อง สัตวแพทย์สาววัย 24 ปี ที่เพิ่งมาเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มนาสูร ตอนที่สมัครงานมาทางอีเมลก็แปลกใจกับชื่อฟาร์ม เพราะชื่อฟาร์มแปลก แต่ก็เป็นฟาร์มที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียง ที่สำคัญคือเงินเดือนค่าตอบแทนสูงมาก และทำไมจะต้องคิดอีกเมื่อทางฟาร์มเรียกตัวมาสัมภาษณ์ พอผ่านก็ตอบตกลงเซ็นสัญญาทันที ก็เงินเดือนสูงใครจะไม่อยากได้ ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ไหนจะให้เงินเดือนเดือนละสามหมื่นห้าไม่รวมโอที และที่พักก็ฟรี แถมมีข้าวกินสามมื้อด้วย ทำงานหกวันหยุดหนึ่งวันคือวันอาทิตย์ให้พักผ่อน ก็ถือว่าดีมากทีเดียวสำหรับพุดซ้อน
ด้านเจ้าของบ้านหลังใหญ่ได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากด้านนอก แม้จะเป็นเพียงเสียงพึมพำเบาๆ แต่คนไม่ธรรมดาอย่างเขาได้ยินชัดเจน นาสูรปิดหนังสือปรัชญาที่อ่านเป็นประจำทันทีพร้อมกับเคลื่อนตัวรวดเร็วมาโผล่ที่ด้านหลังของหญิงสาวร่างเล็ก
เสียงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอทำให้พุดซ้อนรู้สึกขนลุกขนพองยกแขนเรียวเล็กโอบกอดตัวเองแล้วก้าวถอยหลัง แล้วก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกว่าชนกับอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ข้างหลังเธอเป็นพื้นที่โล่งไม่มีต้นไม้และกำแพง ร่างน้อยหดตัวยืนนิ่งเกร็งไม่กล้าขยับ
“กลัวเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นข้างแก้มยิ่งทำให้พุดซ้อนหวาดกลัวกับน้ำเสียงเย็นเยือกของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“ไม่ต้องกลัวฉัน เธอมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” เขาขยับตัวถอยห่างจากร่างเล็กที่สูงเพียงระดับอกตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้หล่อนคลายความหวาดกลัว
“คะ...ค่ะ” แล้วพุดซ้อนก็รีบใส่เกียร์วิ่งซอยเท้าหนีจากตรงนี้ไปอย่างรวดเร็วทันที โดยไม่คิดจะหันมามองเจ้าของเสียงเย็นเยือก
หึหึ
นาสูรขำในลำคอพร้อมยกมือขึ้นลูบคลึงสันกรามตัวเองไปมา แล้วดวงตาสีดำสนิทก็แปรเปลี่ยนเป็นสีไฟลุกทันที
“เด็กสอดรู้สอดเห็น” แล้วเขาก็หลับตาเคลิ้มซึมซับกลิ่นกายหอมๆ ของคนที่เพิ่งวิ่งจากไป เมื่อกลิ่นหอมของหล่อนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายแปลกๆ แถมไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนด้วย มันหอมแบบไม่ปรุงแต่งเหมือนผู้หญิงหลายคนที่พยายามยัดเยียดตัวเองให้เขา
บ้านต้องห้ามจริงๆ กลางวันว่าน่ากลัวแล้ว กลางคืนยิ่งแล้วใหญ่ เป็นไปได้จะไม่เฉียดตัวไปใกล้อีกแล้ว จะไม่ไปแล้ว ไม่อยากรู้อยากเห็น ไม่อยากเจอเจ้าของฟาร์มแล้ว แต่ก็นั่นแหละ มันแปลกทำไมเธอจะอยากเจอเจ้าของฟาร์มเจ้านายโดยตรงไม่ได้ล่ะ
เฮ้อ!
พุดซ้อนถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวนั้นคือใคร เพราะไม่กล้าจะหันไปมอง พอมาตอนนี้ก็อยากเห็นเจ้าของน้ำเสียงที่ดังขึ้นข้างแก้มเมื่อคืน ไม่น่าเลย ไม่น่ากลัวจนไม่สนใจอะไร ไม่น่ากลัวจนต้องรีบวิ่งหนีกลับที่พักเลย
“หมอน้องถอนหายใจมีอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มสุภาพเอ่ยถามขึ้นจากด้านหลัง พลช สัตวแพทย์หนุ่มวัย 30 ปี รุ่นพี่ที่ทำงานที่ฟาร์มแห่งนี้มาแล้วสี่ปี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่หมอไม้”
“วันนี้พี่จะเข้าไปในเมืองนะ หมอน้องอยากได้อะไรไหม หรือจะไปด้วยกัน” รุ่นพี่เอ่ยถาม
“น้องไปด้วยดีกว่าค่ะ พอดีของที่จะฝากพี่หมอไม้ซื้อให้ไม่ได้” เธอบอกเขายิ้มๆ แล้วสลัดเรื่องที่รบกวนในหัวออกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยห้าสิบสามเซนติเมตรของตัวเอง พอยืนขึ้นเทียบกับพลชแล้วก็ต่างกันเหลือเกิน เธอดูแล้วรุ่นพี่น่าจะสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร
“งั้นพี่เอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ และจะเปลี่ยนเสื้อด้วย” พลชเอ่ยบอกรุ่นน้องสาว ในฟาร์มหนึ่งพันสามร้อยไร่แห่งนี้มีแพทย์ประจำฟาร์มทั้งหมด 25 คน แต่ละคนทำงานแยกกันไปอยู่ประจำจุด และเขากับพุดซ้อนนั้นทำงานด้วยกันจึงสนิทกันเป็นพิเศษ
“น้องก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันค่ะพี่หมอไม้ เพราะชุดนี้เปื้อนขี้หมูตอนไปฉีดยาให้พวกน้องๆ โดนดีดสะบัดขี้ใส่ เหม็นมาก” พูดแล้วก็ก้มลงมองเสื้อตัวเองที่เปื้อน
“อือ...งั้นเจอกันที่รถพี่นะครับ”
“ค่ะพี่” แล้วทั้งสองก็แยกจากกันไปคนละทาง
มุมปากหนาของคนที่อายุพันสามร้อยปียกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทสนทนาของสัตวแพทย์ของตนเอง ก่อนจะหันมาสั่งงานพาทีคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“คืนนี้เธอต้องอยู่บนเตียงของฉัน” น้ำเสียงเรียบตึงเอ่ยสั่งงานคนสนิท
“ครับท่าน” พาทีรับคำยิ้มกริ่ม เพราะนานแล้วที่เจ้านายไม่สนใจในสตรีคนไหน แต่กับสัตวแพทย์สาวคนนี้ทำไมถึงต้องการ ถึงอยากรู้เหตุผล แต่ก็ไม่กล้าซักถามผู้เป็นนาย
นาสูรยกยิ้มยกมือขึ้นคลึงกลีบปากตัวเองไปมาเมื่อนึกถึงกลิ่นกายหอมๆ ที่สูดดมเมื่อคืนแล้วก็หลับตาเคลิ้บถึงยามที่เจ้าหล่อนบิดกายดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างยามเขาสอดใส่กระแทกกายเนื้อหนักหน่วงเข้าออกเป็นจังหวะ แค่เพียงคิดถึงเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว และมันก็ทำให้นาสูรอดสงสัยความต้องการตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงได้รู้สึกอยากแนบกายสัมผัสสัตวแพทย์สาว ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจพนักงานของตัวเองเลย ยามกระหายกามเขามักจะให้พาทีไปจัดเตรียมสาวๆ จากในเมืองมาให้ตลอด แต่ครั้งนี้เพียงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหล่อน เขาก็อยากแนบอิงชิดใกล้มากกว่าที่ได้สัมผัสมาเมื่อคืน
หึหึ
พาทีเหลือบตามองเจ้านายที่อยู่ๆ ก็ขำออกมา เขารู้สึกขนลุกหวาดกลัวแทนผู้หญิงคนเมื่อกี้ขึ้นมาทันที ด้วยรู้จักเจ้านายดี ภายใต้ใบหน้าแสนจะเย็นชานั้นมันซุกซ่อนเทพแห่งกามไว้ หากผู้หญิงคนไหนถูกหมายมาดไว้แล้วไม่มีทางจะรอด และถึงขั้นหมดแรงคลานลงจากเตียงเลยทีเดียว
คนที่ไม่รู้อนาคตกำลังหัวเราะคิกคักกับรุ่นพี่ที่แสนจะอบอุ่น บอกได้เลยว่าตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ได้ร่วมงานกัน ทำงานด้วยกัน เธอรู้สึกดีมาก แต่บอกไม่ได้ว่ามากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องไหม พุดซ้อนแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์เมื่อเพื่อนรักโทรมาหา ส่วนพลชก็เดินเลือกซื้อของรอหญิงสาวที่มาด้วย
“ไงแก” ทันทีที่กดรับสายก็ทักปลายสายทันที
“หายเงียบไปเลยนะแก เนี่ยทำงานหรือจีบรุ่นพี่ฮึ” ฟ้าใสเอ่ยแซวมาใส่สาย เพราะเพื่อนรักชอบเล่าเรื่องสัตวแพทย์รุ่นพี่ที่ทำงานคู่กันให้ฟังเป็นปะจำ
“บ้าแก ใครจะจีบ เราแค่พี่น้องกัน ว่าแต่แกเถอะ ที่ฟาร์มแกไม่ยุ่งเหรอถึงโทรมาหาได้วันนี้”
“ไม่อ่ะ ว่างทั้งวัน แล้วแกเถอะ ว่างคุยไหมหรือยุ่งกับวัว ควาย หมู หมา กา ไก่ อยู่”
“ว่าง ออกมาซื้อของกับพี่หมอไม้”
“แหม! ละบอกไม่จีบ แต่มาซื้อของด้วยกันเนี่ยนะ ฉันว่าพี่หมอไม้หน้าตาดีเลยนะ หล่อชะลูดก้นปอดเลยแก” ก็เพื่อนชอบแอบถ่ายรูปส่งมาให้ดูและเธอก็กรี๊ดทุกครั้งที่เห็นรูปที่เพื่อนแอบถ่ายชายหนุ่มส่งมาให้
“ก็ไม่ได้จีบ แค่มาซื้อของ แค่นี้ก่อนนะแก ค่อยคุยกันใหม่ ฉันเกรงใจพี่หมอไม้น่ะ ติดรถพี่เขามา”
“อือ...แล้วค่อยคุยกัน ว่าแต่ไม่จีบแน่นะ ถ้าไม่...ฉันขอนะแก”
“อือ...ไม่จีบ” เธอยืนยันไม่เต็มเสียงพร้อมกดวางสายจากเพื่อนแล้วเดินกลับไปหาคนที่เดินเลือกซื้อของในร้านรอท่าตัวเองอยู่
เจ้าตัวเล็กอายุในครรภ์ได้หกเดือน แต่พ่อคนประหลาดของเธอก็ไม่เคยให้เธอได้พักกิจกรรมบนเตียงเลยสักคืน เขาก็อ้างแต่เติมน้ำเชื้อให้ลูก ลูกจะได้แข็งแรง แข็งแรงน่ะคือเขา ส่วนเธอน่ะอ่อนเพลียจนจะซีดตอนนี้ ก็เล่นให้เธออดหลับอดนอนทุกคืน “ไม่เอาแล้วนะคะคุณมังกรกัณฐ์”เธอผลักหน้าสามีออกห่าง เธอกับเขาอยู่กันแบบสามีภรรยาโดยไร้ทะเบียนสมรส ด้วยสามีของเธอเป็นคนเหนือคนจึงไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรส แม้ว่าเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสให้เธอก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เพราะอายุของเขากับหน้าตาของเขามันสวนทางกัน “ไม่เอาอะไรฮึ” เขารั้งร่างอวบอิ่มของเจณิสาเข้ามากอด “ก็เชื้อยักษ์ของคุณมังกรกัณฐ์ยังไงคะ” เธอบอกเขาเขินๆ “แต่ลูกของเราอยากได้น้ำเชื้อของฉันนี่เจณิสา” มังกรกัณฐ์เอ่ยพร้อมกับกัดงับหูของภรรยาหยอกเล่น “อือ...คุณมังกรกัณฐ์มากกว่าอยากปล่อยน้ำเชื้อยักษ์แล้วเอาลูกมาอ้างณิสา” เธอดันหน้าของเขาออกจากซอกคอของตัวเอง “แต่ฉันถอดเสื้อผ้าและเธอก็ถอดเสื้อผ้าแล้วนะเจณิสา” เขาบอกเธอ “ขี้โกง ณิสาบอกแล้วไงคะ เวลาอยู่ด้วยกันอย่าเล่นใช้พลังแบบนี้” “ก็ไม่ทันใจ นะ...เ
พอเดินออกมาจากห้องรับแขก สรวงก็หยุดเดินแล้วมองลูกสาวกับหน้าภรรยาสลับกัน “ลูกแน่ใจแล้วใช่ไหมณิสา” สรวงถามลูกสาว “นั่นสิลูกแม่” “พ่อสรวง แม่ทิพย์ ณิสาแน่ใจแล้วค่ะ ไม่มีอะไรแน่ใจกว่านี้แล้ว ณิสารักคุณมังกรกัณฐ์” เธอบอกพ่อกับแม่เต็มน้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหนักแน่น และนั่นทำให้สรวงกับทิพย์หันมาสบตากันแล้วเอ่ยตอบลูกสาว “ถ้าลูกเลือกแล้ว พ่อกับแม่ก็พร้อมจะสนับสนุน” “แม่กับพ่อพร้อมสนับสนุนลูกเสมอ แต่ที่แม่กับพ่อเรียกมาคุยเพราะอยากถามลูกให้แน่ใจว่าคิดดีแล้วใช่ไหมกับเรื่องนี้ ถึงแม่กับพ่ออยากมีหลาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะรวดเร็วปานนี้ ลูกแม่ไม่เคยเล่าถึงเรื่องแฟนสักครั้ง แต่มาวันนี้พาแฟนมาบ้านพร้อมกับพาผู้ใหญ่ฝั่งนั้นมาสู่ขอ” ทิพย์พูดกับลูกสาว “คิดดีแล้วค่ะแม่ พ่อ และตอนนี้ณิสาก็กำลังท้องด้วยค่ะ” เธอบอกท่านทั้งสอง “หนูไม่ได้แต่งงานเพราะท้องใช่ไหมลูก” สรวงถามและไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวที่แสนดี ใสซื่อของตัวเองจะตั้งครรภ์ ทิพย์เดินมาโอบกอดลูกสาวให้กำลังใจ “ไม่ค่ะ หนูรักคุณมังกรกัณฐ์ และหนูอยากบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูรั
ในคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงและดาวเต็มฟ้า พาทีแหงนเงยหน้ามองบนฟ้าและมองดาวประจำตัวเองที่ส่องแสงกว่าทุกค่ำคืนแล้วถอนหายใจออกมา เขาอยากจะหนี แต่ก็คงหนีไม่พ้นแล้ว เมื่อคนที่โชคชะตากำหนดได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขานึกถึงคำพูดของนายท่านตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา เฮ้อ! “อะไรทำให้นายหนักใจจนต้องถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่าพาที” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เขา “คุณท่าน” พาทีหันมาหาเจ้าของต้นเสียงพร้อมก้าวถอยไปยืนอยู่ด้านหลังจากที่ยืนเสมอเคียงข้างกัน “กลับมายืนที่เดิม นายไม่ใช่ทาสรับใช้ฉัน นายเป็นน้องชายของฉันพาที” เขาบอกอีกฝ่ายพร้อมตบมือกับไหล่หนาของคนที่ขยับเดินกลับมายืนที่เดิม “คุณท่าน” “ว่ามา อะไรทำให้นายหนักใจจนมายืนแหงนมองพระจันทร์ที่ระเบียงฮึ” นาสูรรู้อยู่เต็มอกว่าพาทีหนักใจเรื่องอะไร แต่ก็อยากได้ยินจากปากของอีกฝ่าย “เด็กคนนั้นเกิดแล้ว” เขาบอกตอบ “แล้วยังไง แล้วนายจะหนักใจอะไร” “ผม...” แล้วเขาก็เงียบไปพร้อมกับยกมือขึ้น แล้วแก้วน้ำสีอำพันก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้วยกขึ้นจิบดื่ม “หึหึ...นายจะคิดมากกับเ
“แต่บางทีก็เกินไปนะคะแม่น้อง” ได้ทีเธอก็ถือโอกาสฟ้องท่านซะเลยว่าลูกชายท่านน่ะร้ายกาจแค่ไหน “ยังไงหนูณิสา เกินไปยังไงลูก” นางถามซักอย่างอยากรู้ “ก็...” แล้วเธอก็ก้มหน้าซ่อนความอาย แต่ใบหน้าของเจณิสาก็เป็นปื้นแดงขึ้นจนลามถึงหูและโคนหู “หน้าแดงเชียว ไม่เล่าให้แม่ฟังก็ได้จ้ะ” เธอบอกหญิงสาว “ณิสาเล่าได้ค่ะแม่น้อง คือว่า...คุณมังกรกัณฐ์เขานิสัยเหมือนเด็ก เอาแต่ใจ คิดอยากอุ้มณิสามาบ้านก็ไปอุ้มและชอบโผล่ไปโผล่มา ไม่ไปหาแบบคนปกติธรรมดาทั่วไปเลยค่ะ บางครั้งณิสาก็ตกใจและนึกกลัว” “แม่เข้าใจ เพราะเมื่อก่อนสมัยแม่กับคุณนาสูร เขาก็ทำแบบนี้กับแม่เหมือนกัน พอคิดย้อนถึงอดีตแล้วมันก็เป็นสิ่งที่น่าจดจำและสวยงามนะหนูณิสา และรู้อะไรไหม เมื่อก่อนแม่กับคุณมังกรกัณฐ์เกือบตายไปแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ในท้องแม่ แต่แม่ประสบอุบัติเหตุสาหัส แต่คุณนาสูรช่วยเราสองคนแม่ลูกไว้ และตั้งแต่นั้นมาชีวิตแม่ก็เปลี่ยนไป แม่เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ชีวิตของแม่ก็เปลี่ยนเป็นอมตะ พอแม่กับคุณมังกรกัณฐ์ปลอดภัย คุณนาสูรก็หายไปนานถึงหกปี แม่ต้องเลี้ยงคุณมังกรกัณฐ์ลำพัง แต่โชคดีมีคุณพาทีช่วยดูแล และแม่ก็เชื่
เจณิสาไม่อยากเชื่อว่ากลางภูเขาลึกในป่าดงดิบจะมีคฤหาสน์หลังใหญ่ซ่อนอยู่ เธอเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่มังกรกัณฐ์พามาแบบที่มนุษย์ธรรมดามาไม่ได้ หากมนุษย์อย่างเธอจะมาต้องใช้เวลาเดินเท้ามาหลายวัน แต่มังกรกัณฐ์พามาเพียงแค่กะพริบตาก็ว่าได้ “พ่อกับแม่คุณอยู่ที่นี่เหรอคะ?” เจณิสาหันมาถามบุรุษที่เดินตามหลังตัวเองเข้ามาในบ้าน “ใช่ พ่อกับแม่ฉันอยู่ที่นี่” เขาตอบแล้วก็คว้ามือเล็กแล้วพาเดินไปยังห้องรับแขกของบ้านที่แม่และพ่อของเขารออยู่ “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ พ่อของฉันไม่กินมนุษย์” เขาบอกเธอเมื่อเห็นสีหน้าที่กังวลและความคิดวุ่นวายในใจของเธอ “ณิสา...” แล้วเธอก็หยุดพูดเมื่อมือใหญ่บีบมือเธอให้คลายความกังวลพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เธอมองไปในห้องนั่งเล่นเห็นพ่อกับแม่ของเขามองมาทางตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตรและมันทำให้เธอลดความกังวลหวาดกลัวในใจขึ้น “เอ๊ะ! คนที่ตลาดนี่คะคุณมังกรกัณฐ์” เธอมองหน้าของผู้หญิงที่ดูละอ่อนที่เคยเห็นที่ตลาดสดก็ตกใจ “นั่นน่ะแม่ฉันเอง ไม่ต้องตกใจหรอก เดี๋ยวเธอก็จะรู้ทุกอย่างเองเจณิสา” แล้วเขาก็พาเธอเดินไปหยุดยืนต่อหน้าพ่อกับ
ค่ำคืนหวามที่ผ่านมาทำให้มังกรกัณฐ์คลายความเดือดดาลที่มี เขานอนตระกองกอดร่างเปลือยเปล่าของเจณิสาที่หลับสนิทอ่อนเพลียจากการบรรเลงกามกันมาตลอดทั้งคืนจนสาย มือใหญ่สากกร้านลูบไล้ไปมากับนวลแก้มขาวผ่องพร้อมกับหยิกหยอกเล่น อือ! เจณิสาที่หลับสนิทยกมือขึ้นปัดป้องหน้าตัวเองอย่างรำคาญสิ่งรบกวนและนั่นทำให้มังกรกัณฐ์เอ็นดูจนต้องหอมแก้มนุ่มนิ่มแรงๆ “เธอทำให้ฉันมีชีวิตชีวารู้ไหมเจณิสา” เขาจูบหน้าผากมนของเธอแล้วก็ผละลุกขึ้นจากเตียง ปล่อยให้เธอนอนหลับสบาย พาทีมองหน้านายน้อยของตัวเองแล้วก็อมยิ้ม ถึงอีกฝ่ายไม่บอกไม่พูดอะไร พาทีก็พอจะรู้ว่าวันนี้อารมณ์ดีเพราะเรื่องอะไร “ลุงพาที” “ครับ คุณมังกรกัณฐ์” “ผมกำลังจะเป็นพ่อคน” เขาบอกพาทีและหน้าตาของเขาก็แสดงถึงความดีใจจนพาทียิ้มตาม “ยินดีด้วยครับ” “ขอบคุณครับลุงพาที ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะได้เป็นพ่อคน ผมไม่อยากเชื่อว่าร้อยแปดปีที่ผ่านมาชีวิตผมมันว่างเปล่ามาก แต่พอผมเจอเจณิสาและรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคน ทำให้ผมมีเป้าหมายในชีวิตขึ้นมา” เขาบอกพาที “ผมดีใจด้วยครับ แต่ก็อย่าลืมเซ็นเอกสารบ
Comments