Share

Episode 4

Penulis: Storytellers
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-01 16:11:27

โอ๊ย! สายแล้ว!!

แค่วันแรกผมก็ตื่นสายซะแล้ว เมื่อคืนผมดูซีรีส์เพลินไปหน่อย ก็ดูต่อจากเรื่องที่ดูค้างไว้เมื่อวานนั่นแหละ ซึ่งผมมัวไปทำอย่างอื่นก่อน หลังจากตัวเปื้อนผมก็ออกไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเสร็จ จากนั้นก็กลับมานอนดูต่อเพราะคงออกไปข้างนอกไม่ได้แล้ว และพอเรื่องนั้นมันจบผมก็ดูเรื่องใหม่ อารมณ์ประมาณว่าดูเน็ตฟลิกซ์อยู่บ้านตัวเองอะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้วมาอยู่ทำไม เพราะอะไรถึงต้องมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาแบบนี้

ตอนที่ลืมตาขึ้นมาผมก็เบิกตาโพลง ไม่มีเวลาให้ตั้งสติด้วยซ้ำ ตื่นแล้วก็รีบลงจากเตียงวิ่งออกไปอาบน้ำ จากนั้นก็วิ่งกลับมาแต่งตัวเพื่อออกมาทำงานบ้าน ผมค่อยๆ ย่องออกมาที่ห้องรับแขกเพราะกลัวว่าจะมารบกวนอะไรใครเข้า แต่พอออกมาก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว พอมองไปรอบๆ มองไปที่โซฟา...มันก็แปลกๆ

“ทำไมเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ”

ผมมองนิ่งๆ พลางใช้ความคิด มันจะเป็นไปได้เหรอที่โซฟาจะไม่มีรอยเปื้อนของคราบใดๆ เลย แถมถุงยางกับซองถุงยางก็ไม่มีบนพื้นเลยสักชิ้น หรือแม้แต่ในถังขยะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มี

“เอ๊ะ หรือว่าเขาจะเสียบกันสดๆ เลย”

ผมเอามือลูบแขนเพราะรู้สึกขนลุก จังหวะการหายใจก็ผิดเพี้ยนไปหมดเพราะความคิดเพ้อเจ้อของผมเอง จนผมต้องสะบัดหัวแรงๆ ไล่ความคิดไร้สาระนั้นออกไป ก่อนจะเริ่มต้นทำงานในสิ่งที่ควรทำ ปัดกวาดเช็ดถูกห้องรับแขก และเช็ดกระจกเช็ดแจกัน ทำข้างล่างจนเสร็จผมก็ขึ้นไปบนชั้นสองต่อ ข้างบนมีประมาณสามห้องใหญ่ๆ ผมไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากห้องไหนก่อนเพราะไม่อยากเสียมารยาท เลยกวาดๆ ถูๆ แค่ตรงทางเดินหน้าห้องเท่านั้น

และจังหวะที่ผมกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น หูของผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู พอหันไปมองก็เห็นเจ้าของบ้านโผล่หน้าออกมาทั้งที่หัวยังยุ่งๆ อยู่

อ่า...สภาพแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะดูไม่จืด ดูไม่ได้แน่ๆ แต่เผอิญว่ามันดันเป็นเขาเนี่ยแหละ คนที่เพิ่งตื่นนอนแต่ก็ยังดูหล่อแบบนี้ได้ เขาทำได้ยังไงนะ นี่สินะที่คนเขาพูดกันว่าเบ้าหน้าฟ้าประทานมันเป็นแบบนี้นี่เอง

เฮ้อ...ทำใจลำบากจัง ไม่รู้ว่าผมจะอดทนได้นานแค่ไหน เพื่อไม่ให้ตัวเองหวั่นไหวโดยเปล่าประโยชน์

“เอ่อ ผมทำเสียงดังรบกวนคุณหรือเปล่าครับ” ผมถามพลางมองใบหน้างัวเงียของเจ้านายคนใหม่

เขาอ้าปากหาวจนผมเห็นลิ้นไก่ของเขา หมดสภาพจริงๆ เลย แต่ก็นะ เขาก็ยังหล่ออยู่ดี

เขายีหัวตัวเองสองสามทีแล้วดันประตูให้เปิดกว้างขึ้น “เข้ามาก่อนสิคุณ”

ผมกะพริบตาปริบๆ กับคำชวนที่มาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเดินไปไหน คือถ้าผมเข้าไปตอนนี้ผมจะเจอคู่ขาของเขานอนตัวเปลือยไหม แล้วแบบเด็กคนนั้นจะอายหรือเปล่าที่ผมเข้าไปเห็นสภาพหลังตื่นนอน สภาพหลังผ่านค่ำคืนที่เร่าร้อนมามันคงไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นเข้าไปเห็น

เมื่อผมไม่ขยับตัวเจ้าของบ้านก็เลิกคิ้วขึ้นสูงหนึ่งข้าง แล้วมองผมพลางถอนหายใจ “คุณต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องผมด้วยสิ”

อ่า...ก็รู้แหละว่าต้องเข้าไปทำความสะอาด แต่ว่าเข้าไปตอนนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ

“เอ่อ ให้ผมขึ้นมาทำทีหลังก็ได้นะครับ แบบว่า…มาทำตอนที่พวกคุณสองคนออกไปแล้วดีกว่า” ผมพูดอ้อมแอ้ม ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเจ้าของบ้านตรงๆ เลยด้วยซ้ำ

ทว่าความเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอยากรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ทำหน้าแบบไหนอยู่ แล้วพอผมมองผมก็ต้องเผลอเม้มปากเพราะว่าเขาดันมองผมอยู่เหมือนกัน หนำซ้ำยังดูเหมือนว่าเขามองผมมานานแล้วด้วย

เจ้าของห้องยืนไขว้ขาพิงสะโพกกับขอบประตู สองมือกอดอกมองมาที่ผมนิ่งๆ “จะไม่เข้ามาเก็บห้องให้ผมเหรอคุณ ผมจ้างคุณมาเป็นเมดไม่ใช่เหรอครับ” 

คำพูดของเขาทำให้ผมทำปากขมุบขมิบ ผมรู้แล้วล่ะน่าว่าเขาจ้างผมมาทำอะไร ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้าหงึกๆ ก้มเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด จำพวกไม้กวาดที่ตักฝุ่นผงและไม้ถูพื้นก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน

ภายในห้องนอนของเขามันค่อนข้างที่จะมืด เพราะเจ้าของห้องไม่ยอมเปิดไฟ มีเพียงแสงสว่างจากนอกห้องเท่านั้นที่ส่องเข้ามา แสงสลัวๆ สาดส่องพอให้ได้มองเห็นอะไรๆ รำไรๆ เท่านั้น

ผมเดาว่าที่เขาไม่เปิดไฟคงเพราะกลัวว่า คู่ขา? คนรัก? หรืออะไรก็ตามแต่ของเขาจะตื่นล่ะมั้ง แบบนี้ผมเลยยิ่งต้องทำอะไรให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ เดินย่องๆ เข้ามาแล้ววางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงบนพื้นเบาๆ ยืนหันรีหันขวางเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี

ระหว่างที่ผมกำลังเก้ๆ กังๆ อยู่นั้น ไฟในห้องก็กะพริบก่อนจะสว่างจ้าจนแสบตา ผมจำต้องหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาสู้แสงแล้วก็ต้องตกใจ เพราะว่าเขามาอยู่ตรงหน้าของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มายืนใกล้มากๆ ใกล้จนผมต้องผงะถอยไปด้านหลังเพราะความตกใจ 

“ขอโทษทีนะ ห้องผมอาจจะรกไปหน่อย” เขาว่าแบบนั้นแล้วยิ้มประหลาดๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมได้แต่มองตามร่างสูงๆ ของเขาไปอย่างงงๆ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้กับผมด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่คนของตัวเองก็ยังนอนอยู่บนเตียงทั้งคน

ประตูห้องน้ำปิดงับลงแล้วผมถึงได้หันมามองที่เตียง แต่แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วเพราะว่าไม่มีใครนอนอยู่บนนั้นเลย บนที่นอนเองก็ไม่ได้ยับยู่ยี่เหมือนเพิ่งผ่านสนามรบมาหรือสงครามร้อนแรงอะไรมา แต่ว่ามันก็ยับอะนะ แต่ยับแบบที่มีคนนอนปกติ แล้ว…เด็กมหาลัยคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ

“ไม่ได้ขึ้นมาทำกันบนนี้หรอกเหรอ แล้วไปทำกันตรงไหนวะ” ผมพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท

แต่ว่ามาคิดๆ ดูแล้ว มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนี่นาที่ใครจะไปทำอะไรกันตรงไหน ผมเลิกสนใจเรื่องของคนอื่นแล้วเริ่มจัดการทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ว่าผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี เอาตรงๆ ผมไม่ได้ถนัดเรื่องทำความสะอาดอะไรนัก ห้องเก่าของผมก็ทำอาทิตย์ละสามวันเท่านั้น ไม่ได้ทำทุกวันเพราะต้องทำงานกลับจากทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว แล้วที่นี่ผมต้องทำทุกวันไหม ผมต้องขึ้นมาเก็บกวาดห้องเขาทุกวันหรือเปล่านะ

ผมมองไปรอบๆ ห้อง ห้องของเขาจะว่ารกมากก็ไม่เชิง เสื้อผ้าที่ใช้แล้วก็อยู่ในตะกร้าเรียบร้อย โต๊ะทำงานก็...เอ่อ รกนิดหน่อยเพราะหนังสือกองพะเนินอยู่หลายเล่ม ส่วนบนเตียงก็ยับย่นตามปกติเพราะมีคนใช้งาน นอกนั้นแล้วก็คงเป็นฝุ่นผงตามพื้นตามชั้นหนังสือล่ะมั้ง

ผมหันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินไปเปิดม่าน เพื่อให้ห้องดูสว่างๆ จากนั้นเริ่มต้นจากการเก็บที่นอนเป็นอันดับแรก

เอิ่ม...ผ้าห่มกับหมอนของเขามีกลิ่นหอมๆ แบบกลิ่นตัวของเขาเลยแฮะ มันเป็นกลิ่นที่ติดอยู่บนตัวของเขาเด๊ะเลย

แล้วอะไรบางอย่างก็กระซิบบอกให้ผมทำในสิ่งที่คนอื่นเขาเรียกกันว่า ‘โรคจิต’

ผมลอบมองไปยังประตูห้องน้ำ เมื่อเห็นว่ามันยังปิดสนิทอยู่ก็ก้มหน้าซุกเข้ากับหมอนทันที

“เฮ้ออออ...หอมจัง” ผมเหมือนคนที่เป็นโรคจิตเลย แต่ว่าผมควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วพอผมจะลองพิสูจน์กลิ่นหอมๆ ดูอีกสักครั้ง ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาซะก่อน ผมรีบทิ้งหมอนแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความลนลานเพราะกลัวถูกจับได้ แล้วแสร้งทำเป็นปัดฝุ่น จัดหมอน พับผ้าห่มไปตามเรื่อง

แต่ว่ามันเงียบผิดปกติจนผมต้องลอบแอบมอง แล้วพอมองผมก็ต้องมาควบคุมจังหวะลมหายใจของตัวเองอีก ผมว่าถ้าผมอยู่กับเขานานกว่านี้ผมคงเป็นโรคหัวใจ หัวใจวายตายแบบไม่ต้องเสียเวลาสืบเลยด้วย

เขาลืมไปแล้วหรือยังไงนะว่าผมก็อยู่ในห้องด้วยอีกคน

ผู้ชายร่างสูง รูปร่างดูแข็งแรงและหน้าตาหล่อเหลา กล้ามเนื้อพอเหมาะไม่มากไม่น้อยน่าขยำ บนร่างกายมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีเข้มผืนเดียวพันอยู่รอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ โชว์กล้ามท้องและไรขนจางๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมานอกเหนืออาณาเขตของจุดอันตราย ผมได้แต่มองภาพเซ็กซี่ตรงหน้าตาปริบๆ แล้วลอบกลืนน้ำลายอย่างคนหิวกระหายในเซ็กส์ ผมกลัวเหลือเกินว่าปมของผ้าเช็ดตัวจะหลุดออกจากกัน แล้วทำให้ผมเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ผมไม่ควรเห็น

ทำไมเขาต้องเดินแก้ผ้าออกมาแบบนี้ด้วยนะ ตั้งใจจะอ่อยผมอยู่หรือไง หึ!

“อะแฮ่ม!”

เสียงกระแอมเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกกระดากอายขึ้นมา จนต้องรีบหันหลังให้กับเจ้าของห้องผู้มีนิสัยเปิดเผย ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึหึ ดังมาจากด้านหลังให้ได้ยินอยู่ไกลๆ ก่อนเสียงนั้นจะหายไป ผมเลยแอบลอบมองไปด้านหลังอย่างกล้าๆ กลัวๆ ซึ่งก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว เลยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขาคงเข้าไปในห้องแต่งตัว เพราะข้างๆ ห้องน้ำนั้นมีห้องอยู่อีกห้องหนึ่ง ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นห้องเสื้อผ้าของเขานั่นแหละ เพราะว่าภายในห้องนี้ไม่เห็นมีตู้เสื้อผ้าเลยสักใบ

ผมกลับมาจดจ่ออยู่กับหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งด้วยความรีบร้อน เพราะต้องการพาตัวเองออกไปจากจุดที่ทำให้หายใจลำบากนี้ให้เร็วที่สุด ผมจัดการที่นอนเรียบร้อยเป็นอันดับแรก แล้วตามด้วยปัดกวาดฝุ่นผงตามพื้น เช็ดโต๊ะทำงานแล้วจัดเรียงหนังสือวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ ผมคิดว่าหน้าที่ของผมในห้องนี้คงหมดแค่นี้แหละมั้ง

“คุณครับ เอ่อ…ผมเอาผ้าลงไปซักได้เลยใช่ไหมครับ” ผมยืนตะโกนถามเขาอยู่หน้าห้องแต่งตัว ไม่กล้าละลาบละล้วงเดินเข้าไปเพราะว่าเขายังไม่ได้อนุญาต

“อืม ตามสบายเลยคุณ แต่อย่าลืมแยกผ้าขาวออกจากตัวอื่นล่ะ”

“อ่า ครับ”

เมื่อได้รับคำตอบผมก็รีบไปหอบตะกร้าผ้าไว้ในอ้อมแขนหนึ่งข้าง แล้วหอบอุปกรณ์ทำความสะอาด ออกมาจากห้องนอนที่แสนอันตรายต่อจิตใจของผมอย่างรวดเร็ว

หลังจากจัดการงานบ้านทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็มีเวลาได้พักและเจ้านายคนใหม่ของผม วันนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน ผมคิดว่าเขาคงอยู่ติดบ้านในวันหยุดล่ะมั้ง

ผมเดินเข้ามาในครัวเพื่อหาอะไรกิน แต่ว่าในตู้เย็นของเขามันไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่ไก่ไม่กี่ฟอง นี่เขาไม่คิดที่จะซื้ออะไรมาใส่ไว้ในตู้เย็นบ้างหรือไงนะ

“เฮ้อ...หิวจัง” วันนี้ผมรู้สึกหิวมากเป็นพิเศษเพราะว่าเมื่อคืนไม่ได้กินอะไรเลย

ขณะที่กำลังคิดว่าจะเอาไข่มาต้มหรือมาทอดดี หูของผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาในครัว พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเจ้าของบ้านเองนั่นแหละ ผมมองเขาตาไม่กะพริบอีกแล้ว ทำไมเขาถึงได้มีอำนาจทำลายล้างจิตใจที่อ่อนแอของผมได้ขนาดนี้นะ แล้วทำไมผมต้องเป็นคนที่อ่อนไหวให้กับความหล่อของเขาได้ง่ายๆ แบบนี้ด้วยนะ

แต่ว่า…เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

ตอนนี้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลยจริงๆ ทั้งๆ ที่เขาก็แต่งตัวธรรมดาๆ เสื้อยืดคอย้วยๆ ตัวหนึ่งกับกางเกงยีนที่ถ้าถอดออกมาก็คงตั้งเป็นทรงได้ ผมเผ้าก็ไม่เซ็ทแต่ก็ยังดูหล่อดูเท่อยู่ดี

“เอ่อ ผม...” ผมอึกอักเพราะถูกจ้องมองไม่ต่างจากที่ผมจ้องมองเขา แถมเขายังมองแล้วยิ้มประหลาดๆ แบบนั้นใส่ผมอีกแล้ว

“คุณจะทำอาหารเหรอ?”

“อ่า ครับ แต่ว่าในตู้…”

“ขอโทษที ตู้เย็นไม่ค่อยมีอาหารสด”

เอิ่ม คือว่าอย่าพูดว่าไม่ค่อยมีดีกว่าครับ บอกว่าไม่มีอะไรเลยน่าจะถูกต้องกว่า

“ผมหิวข้าวอะ”

“ผมก็หิวเหมือนกัน งั้นเราสั่งอะไรง่ายๆ มากินด้วยกันดีไหม?”

“เอ่อ มันจะดีเหรอครับ” ผมเลิกคิ้วเพราะแปลกใจที่เขาถามมาแบบนั้น

“มันมีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ? คุณเมด?”

ผมเม้มปากเพราะถูกเรียกว่า ‘คุณเมด’ มันเขิน มันไม่ชินกับคำเรียกนี้ ได้ยินแล้วหัวใจของผมมันรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูกอะครับ ยิ่งมันออกมาจากปากของเขาด้วย ผมยิ่งรู้สึกจั๊กจี้หัวใจอย่างรุนแรงซะอย่างนั้น

“ก็ ก็คุณเป็นนายจ้าง ส่วนผมเป็นแค่ลูกจ้างนี่ครับ”  

เขาเลิกคิ้วแล้วยกยิ้มที่มุมปากอย่างยียวน “ที่นี่ไม่มีชนชั้นแบบนั้นหรอกนะครับ คุณสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับผมได้ ผมไม่ว่าอะไรหรอก อีกอย่าง…เราก็เคยกินด้วยกันมาแล้วนี่”

ใจผมกระตุกวูบไหวเพราะเขาพูดคำว่า ‘เคยกินด้วยกัน’ ด้วยน้ำเสียงที่มันฟังดูทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ แล้วสายตาของเขาก็ยังวิบวับแบบที่หาตัวจับได้ยากอีกต่างหาก

“เอ่อ...” ตอนนี้สมองของผมแบลงค์ไปหมดแล้วนะ

เขาเดินมาใกล้แล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ จนผมต้องเอนตัวไปด้านหลังเพราะมันรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็หัวเราะหึหึใส่ข้างๆ หูผม ก่อนที่เสียงพูดจะดังตามมาคล้ายเสียงกระซิบกระซาบ “นี่คุณเมด ขอกาแฟดำให้ผมสักแก้วสิ ผมจะออกไปนั่งรอที่ห้องรับแขกนะ”

ผมที่นิ่งเหมือนวิญญาณหลุดลอยได้แต่มองตามร่างสูงที่น่าโอบกอดไปอย่างคนเหม่อๆ

ทำไมเขาถึงได้ชอบอ่อยผมอยู่เรื่อยเลยนะ ตั้งใจหรือมันแค่เป็นตัวตนของเขาจริงๆ กันแน่

เขาสั่งอาหารมาอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นเซ็ทอาหารจากร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแถมยังแพงมากอีกต่างหาก เขาให้ผมนั่งกินด้วยกันบนโต๊ะอาหารอย่างที่พูดจริงๆ ผมรู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะมั่นใจว่าแม่บ้าน พ่อบ้าน คนสวน คนงาน ไม่น่าจะได้มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้านายแบบนี้แน่ๆ

“ทานสิ คุณ...” เขาพูดแล้วมองหน้าผม คล้ายๆ ว่าไม่รู้จะเรียกผมว่ายังไง

ก็แน่สิ เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่

“เอ่อ ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะครับ ผมชื่อโยธินครับ เรียกโยเฉยๆ ก็พอครับ” แนะนำตัวเสร็จ ผมก็ยิ้มแห้งแล้งเหมือนต้นไม้ขาดน้ำมาหลายปีดีดัก ส่งยิ้มไปให้คนที่มองผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังพอใจอะไรสักอย่าง

“อ้อ คุณโยนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะ ผมกฤษณ์ครับ” พูดจบเขาก็ยิ้มกว้าง แล้วทำในสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับต้องเกิดอาการสะอึกอย่างกะทันหัน

เขาคีบปลาไหลย่างแล้วยื่นแขนข้ามโต๊ะมาตรงหน้าผม จ่อมันใกล้ๆ ปาก คล้ายๆ ว่าเขากำลังจะป้อนผมอย่างนั้นแหละ แต่ว่าแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ เขาจะป้อนผมทำไมกัน ผมเป็นลูกจ้างของเขานะ เป็นเมด เป็นคนทำความสะอาดบ้าน แค่เขาให้ผมร่วมโต๊ะอาหารด้วยนี่ก็รู้สึกแปลกแล้ว

“อ้าปากสิคุณโย” แล้วน้ำเสียงทุ้มๆ นั่นอีก

เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งเร่ง ผมกำลังงงไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิดกับสิ่งที่เขาทำ 

ผมส่ายหน้าแล้วกะพริบตาปริบๆ ตอนนี้หัวใจเต้นแรงมาก มันเต้นเหมือนจะกระดอนออกมาข้างนอกให้ได้

“รีบกินสิครับ ผมปวดแขนแล้วนะ”

ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ แล้วคนตรงหน้าของผมก็คะยั้นคะยอ เร่งเร้าด้วยการเขย่าแขนขึ้นลง ผมชั่งใจครู่หนึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจอ้าปากรับปลาไหลย่างนั่นเข้าปาก แต่ยังไม่ทันจะได้เคี้ยวเขาก็ทำให้ผมเบิกตาโพลงต่อ

ตะเกียบที่เพิ่งโดนปากผมไปเมื่อกี้ถูกเขานำเข้าปากโดยที่ไม่ได้คีบอะไรแม้แต่ชิ้นเดียว

แล้ว...แล้วเมื่อกี้ น้ำลายผมไม่ได้โดนตะเกียบใช่ไหม?

แบบนี้มันไม่ใช่จูบกันทางอ้อมหรอกเหรอ...?

ผมเขินจนต้องเอามือขึ้นมาลูบแก้มทั้งสองข้าง แล้วก็รับรู้ได้ว่าแก้มของตัวเองมันร้อนอยู่หน่อยๆ ราวกับจับไข้

“อร่อย”

“เอ่อ คือ…คือว่าผม ขอเอานี่กลับไปกินที่ห้องนะครับ!”

ผมทนไม่ไหวแล้ว ทนนั่งอยู่ดูเขายั่วเขาอ่อยผมต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะขอคิดแบบนี้ก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรกับการกระทำของเขาก็ตาม

ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะ หัวเราะเหมือนพอใจที่ได้แกล้งผม ผมอยากหันไปตะโกนใส่หน้าเขาว่าอย่ามาล้อเล่นนะเพราะว่าผมอาจจะคิดจริงจังขึ้นมาก็ได้ แล้วถึงตอนนั้นผมจะไม่ทนอยู่เฉยๆ แน่

ผมจะไม่ยอมให้อ่อยผมอยู่แค่ฝ่ายเดียวหรอกจะบอกให้!

 

----------------------

เจ้าของบ้านสุดหล่อนักหนาในสายตาของโยธิน มองตามคนที่เดินฮึดอัดหนีไปพร้อมกล่องข้าวเพราะความเขินอายแล้วได้แต่หัวเราะออกมา  เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างน่ารักน่าแกล้ง น่ายั่วให้ใจแตกแล้วปีนขึ้นเตียงเขาจริงๆ ให้ตายสิ

“คนอะไรน่าแกล้งฉิบหาย ไม่เก็บอาการเลยสักนิด”

กฤษณ์ส่ายหัวเบาๆ ให้กับความรู้สึกเอ็นดูที่มีต่อโยธิน เขารู้แล้วว่าโยธินเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้ากับแววตาหมดเปลือก เมื่อมองตามจนโยธินเดินลับเข้าไปด้านหลังจึงหันมาสนใจกับอาหารบนโต๊ะต่อ พลางยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะรู้สึกเสียดาย

“ไม่น่าไปแกล้งให้อายม้วนแล้วหนีไปแบบนั้นเลย”

ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้กินข้าวไป ได้มองใบหน้าที่สะกดใจของเขาตั้งแต่แรกเห็นให้อิ่มเอม แต่พลาดทำเสียเรื่องไปก็แล้วไป เขาจะปล่อยไปแค่วันนี้ก็คงไม่เสียหายอะไร เพราะอย่างน้อยๆ โยธินก็ไม่ได้ตะโกนด่าว่าเขาคุกคามทางอ้อม

แบบนี้มันค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ค่อยๆ อ่อย ค่อยๆ หยอดไปเรื่อยๆ ดีกว่ารุกหนักๆ แล้วอีกฝ่ายกลัวจนเตลิดหนีไป

คิดมาแล้วเจ้านายสุดหล่อของโยธินก็ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะแลบลิ้นสีสดออกมาเลียตะเกียบที่ถืออยู่อย่างเชื่องช้า

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Maid เมดจำเป็น   Special 3

    ในวันที่ฝนตกพรำๆ ในวันที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าสายฝนกำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้ สำหรับคนส่วนมากแล้ว ถ้าต้องออกไปทำงานมันคงเป็นอะไรที่แย่สุดๆ เพราะไหนจะสภาพอากาศที่ชื้นขึ้นจนอบอ้าว ไหนจะเสี่ยงต่อการโดนฝนแล้วเจ็บป่วยอีกแต่…แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เพราะเรื่องที่ผมห่วงตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตอนไหน? เมื่อไหร่!? ผมถึงจะได้ลุกไปอาบน้ำล้างตัว ล้างคราบคาวกามออกไปจากตัวสักที!!ไอ้บ้าเอ้ย…นี่จะล่อผมจนตายคาเตียงจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่ไม่เรียกที่รักคะ ที่รักขา ตอนคร่อมขี่กันเนี่ย กะจะเอาจนผมตาเหลือกคางเหลืองตายเลยหรือไง ฮือออออ กูอยากจะบ้าตายรายวันจริงๆ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองและมีกำลังหื่นกามได้ถึงขนาดนี้“อ๊ะ อือ พะ พอแล้ว ฮื้อออ พอก่อน ผมจะตายแล้ว” ผมอ้อนวอนครวญครางออกมาด้วยเสียงอันผะแผ่ว เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต ถ้าหากเขายังทำต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมต้องตายแน่“อืม…อะไรกันคุณโย ทำไมคุณถึงร่างกายอ่อนแอแบบนี้ล่ะ หืม?”“อ๊า! บะ เบาๆ หน่อย แล้วผมก็ไม่ได้อ่อนแอ คุณต่างหากที่ไม่…ไม่รู้จักพอ อื้อ! นี่มัน…รอบที่เท่าไหร่แล้ว เจลหล่อลื่น…หมดไปกี่ขวด…แล้

  • Maid เมดจำเป็น   Special 2

    แขกที่ไม่ได้เชิญเย็นวันนี้บ้านผมจะมีแขกล่ะ ซึ่งมันเป็นแขกที่จู่ๆ ตัวมันก็อัญเชิญตัวเองมาเป็นแขก โดยที่ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่า เย็นนี้ผมกับคุณกฤษณ์จะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย จากที่คิดว่าจะสั่งอาหารเมนูง่ายๆ มากินกันสองคนแบบผัวๆ เมียๆ นั่งดูซีรีส์ คุยหยอกเอินกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็จบลงที่เราทั้งคู่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน แต่ผมกลับต้องมาทำเมนูตามสิ่งที่แขกที่ไม่ได้เชิญมาบอกซะอย่างนั้นมันบอกว่าอยากกินอาหารอิตาเลียน ฉิบหาย! กูคงทำเป็นมั้ง เชฟมือทองเลยมั้งกูอะ แค่อาหารไทยบางอย่างที่ง่ายๆ ผมยังทำไม่ค่อยจะอร่อยเลยครับ ส่วนคนที่บอกว่าอร่อยนั่นน่ะ เขามันคงลิ้นจระเข้แล้ว อย่างเช่น…สามีสุดหล่อของผมเอง ที่พอผมทำอะไรให้กินก็บอกว่าอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ แต่ผมว่านะ อีกหน่อยแก่ตัวไป ไม่ได้ตัดขาก็ได้ไปนอนฟอกไตอยู่เตียงข้างๆ กันอะ คิกคิก ถึงแม้ว่าตอนที่ได้อ่านสาส์นจากเพื่อนรัก แล้วอยากพิมพ์ด่ากลับไปมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเองก็เป็นคนมีมโนธรรมอยู่บ้างคนหนึ่ง เพราะงั้น…จะเห็นแก่คุณงามความดีของมัน ที่มันคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้การช่วยเหลือคุณกฤษณ์ ในการซุ่มจัดเตรียมงานแต่งงานของเ

  • Maid เมดจำเป็น   Special 1

    ฝึกเอาใจใส่สามีนี่ก็ผ่านวันแต่งงานมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมกับคุณกฤษณ์พักกันอยู่ที่เรือนเล็กทรงไทยทันสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักที่รีสอร์ทมากกว่าพักอยู่บ้านซะอีก เรือนเล็กหลังนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ของหม่อมแม่คุณกฤษณ์ เดิมทีผมเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ค้างที่นี่หรอก เพราะว่ามันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันไม่คุ้นชินที่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากหักหน้าผู้ใหญ่ท่าน ในเมื่อท่านแสดงความเมตตาต่อผม ผมที่เป็นเด็กกว่า แถมยังหลงรักลูกชายท่านหัวปักหัวปำขนาดนี้จะกล้าขัดได้อย่างไรผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมก็ว่าแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าท่านเมตตาเด็กที่ไม่มีอะไรติดตัวอย่างผมมากๆ แล้ว ที่ยอมให้เด็กตัวคนเดียวแถมยังจนอีกอย่างผม คบหาและแต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน แทนที่จะได้แต่งงานมีลูกหลานไว้สืบสกุล แถมวันงานท่านยังเดินยิ้มแย้ม เชิดหน้าชูตา ไม่สน ไม่แคร์ว่าจะมีกลุ่มคนที่ได้รับเชิญมาเป็นแขกในงานมงคล จะแอบซุบซิบนินทา ว่าร้ายอะไรให้ระคายหูบ้าง ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อีกด้วยวันนั้น หลังจากที่พิ

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 29

    วันนี้ผมนัดเจอกับฟูจิที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ที่ทำงานของฟูจิ เพื่อที่จะเอาของฝากที่ซื้อมาให้มันกับพี่แดนไทย คุณกฤษณ์แวะมาส่งผมที่หน้าห้างก่อนที่เขาจะเลยไปทำธุระส่วนตัวต่อร้านกาแฟชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้า คือสถานที่นัดพบของผมกับเพื่อนเลิฟที่มีอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ คือพอดีว่าผมเน้นเพื่อนที่คุณภาพไม่ได้เน้นปริมาณ เพราะงั้นก็เลยมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทกันจริงๆ น่ะผมเข้ามารอในร้านและสั่งเครื่องดื่มมานั่งรอ เนื่องจากอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนจัดจนแทบเดือด นั่งจิบกาแฟที่สั่งมาได้ไม่นาน เพื่อนรักของผมก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสภาพที่เรียกว่าตัวแทบเปื่อยจนแทบจะเหลวเป็นน้ำได้ “จิ ทางนี้” ผมเรียกเบาๆ พลางโบกมือไปมา ส่งยิ้มทักทายให้ด้วยความดีใจที่ได้เจอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร“โทษทีวะมึง รถแม่งโคตรติด ข้างนอกร้อนฉิบหายเลย” มาถึงฟูจิมันบ่นๆ พลางกระพือเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนระบายความร้อน พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมก่อนที่มันจะโบกลมใส่หน้าตัวเอง ด้วยท่าทางมีจริตจะกร้าน เห็นแล้วชวนให้น่าหมั่นไส้มากกกก“เออๆ ไม่เป็นไร กูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ที่นัดมึงตอนเวลาพักเที่ยงแบบนี้ จะกินน้ำอะไรด

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 28

    แสงแดดยามเช้า สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใสเข้ามาในห้อง แสงตกกระทบลงบนใบหน้าของผมที่นอนฝั่งใกล้หน้าต่างเข้าพอดี ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมารับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ ไกลถึงประเทศสิงคโปร์ หันมองข้างตัวก็เจอความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่หูก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็เลยรู้ว่าคุณกฤษณ์กำลังอาบน้ำอยู่ ผมลุกขึ้นมานั่งเอามือยีหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกพลัง บิดแขนเอี้ยวตัวไปมาอีกนิดหน่อย อืม...ผมว่าผมหายเป็นปกติแล้วล่ะ ไม่ปวดเมื่อยตัว ไม่มึนหัว ไม่ง่วงนอนเหมือนเมื่อวานนี้แล้ว และพอจะก้าวขาลงจากเตียงคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เดินออกมาพอดี ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขายังมีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ดูบนแผงอกกว้างกำยำนั่นสิ มีหยดน้ำเม็ดเล็กๆ เกาะพราวอยู่ด้วย แล้วตรงหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเขามันก็ตั้งชันสู้อากาศเย็นฉ่ำภายในห้องด้วย มันช่างท้าทายผมซะเหลือเกิน…ฮึ่ม!! อึก! ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอึกใหญ่ เลื่อนสายตาจากแผงอกและหัวนมของเขาลงไปที่หน้าท้องซึ่งมีกล้ามสวยเป็นลอนงามๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ปมผ้าขนหนูสีขาวผืนหนาที่พันอยู่รอบเอวสอบที่ผมชอบกอด ชอบเอาขาเกาะเกี่ยวด้วยใบหน้าเห่อร้อนอา...เซ็กซี่เป็น

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 27

    เกือบหนึ่งทุ่มผมกับคุณกฤษณ์ถึงได้พากันออกจากบ้าน รถติดตลอดทาง ซึ่งกว่าจะไปถึงร้านพี่ย้งที่อยู่อารีย์ก็เรียกว่าไปสายมากพอสมควร ตอนที่อยู่ในรถไอ้ฟูจิก็ไลน์มาเร่งผมยิกๆ ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา กลัวเหล้าที่ร้านพี่ย้งหมดร้านหรือว่ากลัวร้านพี่ย้งจะหายไปในอากาศหรือยังไงก็ไม่รู้และเพียงก้าวเท้าเข้าไปข้างในร้าน นอกจากลูกค้าที่มาใช้บริการกันอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ผมยังปะหน้ากับพี่ย้งที่ในมือถือแก้วเหล้าเป็นปกติของแกเข้าพอดี ผมคาดเดาว่าคงเป็นลูกค้าสาวๆ กลุ่มนั้นนั่นแหละ ที่จัดการแบ่งปันเครื่องดื่มที่พวกตัวเองเป็นจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านได้เมาเกือบหัวราน้ำตั้งแต่หัวค่ำ“โอ้โห ไอ้คุณโยครับ กว่าจะโผล่หัวมาให้พี่ให้เชื้อเจอตัวได้นะ กูนึกว่าดาราดัง!” พี่ย้งเอ่ยแกมประชด แซวผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเบนสายตาไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมซึ่งก็คือคุณกฤษณ์ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาที่ผมพลางเบ้ปากหน่อยๆ หนวดที่ขึ้นหรอมแหรมอยู่เหนือริมฝีปากบนนี่กระดิกยิกๆ เลย ราวกับว่าความอยากเสือกและความช่างกระแนะกระแหน มันพุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดแข่งกับแอลกอฮอล์ที่แกดื่มอยู่ทุกคืน“พี่ย้ง สวัสดีครับ” ผมรีบเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status