@ มหาวิทยาลัย BB ตึกบริหารฯ
“รินทร์ แกฟังอยู่หรือเปล่าฉันเรียกแกนานแล้วนะ เหม่ออะไรนักหนาไหวไหมเนี่ย” สายป่านเขย่าแขนเรียวของเพื่อนสาวเบาๆ ทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง
“ห๊ะ..ว่าไงแก อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องตะโกนด้วยล่ะตกใจหมดเลย” มาลารินทร์ทำหน้ายู่ใส่เพื่อน เรียวปากคว่ำลง แสดงอาการงอนน้อยๆ อย่างน่ารัก จนสายป่านอดขำระคนเอ็นดูไม่ได้
“ฉันเห็นแกเหม่อแบบนี้บ่อยๆ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากันได้ฉันยินดีช่วย อย่าลืมว่าเราเพื่อนกันนะรินทร์” สายป่านยกมือขึ้นลูบหลังเพื่อนเป็นการปลอบใจ ดวงตาคมเข้มมองหน้าเรียวสวยปนเศร้าของมาลารินทร์ด้วยแววตาที่เป็นห่วง
ตั้งแต่พ่อของมาลารินทร์จากไป นางวิมาลาที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วอาการก็เริ่มทรุดหนักจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ และต้องพบหมอเดือนละสองครั้งเพื่อติดตามผลการรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่อง ระยะหลังนางหยิบจับทำอะไรก็เหนื่อยไปหมด หายใจก็ไม่เต็มอิ่ม มีอาการคลื่นไส้เวียนหัวอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนางยังทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหันของสามีคู่ทุกข์คู่ยาก
“ตั้งแต่พ่อเสียแม่ก็ตรอมใจ ข้าวปลาก็ไม่อยากจะกินเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ฉันกับปริณต้องคอยดูจนละสายตาแทบไม่ได้เลย” ร่างบางเอ่ยเสียงปนเศร้า
“สายป่าน ฉันคิดว่าหลังจากนี้คงต้องดร็อปเรียนเอาไว้ก่อน เพราะฉันคงต้องหางานทำเลี้ยงครอบครัวแทนพ่อ” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเป็นเส้นตรงพร้อมกับน้ำตาที่คลอสองหน่วยตา
“ทำไมล่ะรินทร์ แกมีปัญหาอะไรแล้วฉันพอจะช่วยแกได้ไหม” สายป่านถามเพื่อนด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยคิดว่าเพื่อนจะต้องดรอปเรียนมาก่อน
“เงินที่ได้มาตอนพ่อเสียรวมกับเงินเก็บที่ครอบครัวเรามี พออยู่ได้อีกระยะหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ก็เริ่มร่อยหรอมากแล้ว ไหนจะต้องกินต้องใช้ไปวัน ๆ ไหนจะต้องพาแม่ไปหาหมอ ไปรับยาทุกเดือน ปริณเรียน ม.6 แล้ว ปีหน้าเขาก็จะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าฉันไม่ออกมาหางานทำ แล้วทุกคนจะอยู่กันยังไง”
มาลารินทร์ปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท ชีวิตเธอนอกจากพ่อกับแม่และปริณผู้เป็นน้องชาย ก็มีแต่สายป่านเท่านั้นที่เป็นเพื่อนที่รักและหวังดีกับเธออย่างจริงใจเสมอมา สำหรับมาลารินทร์สายป่านไม่ใช่แค่เพื่อนแต่เธอคือคนในครอบครัวอีกคนหนึ่ง
“แล้วแกจะไปทำงานอะไรรินทร์ เรายังเรียนมหาลัยไม่จบเลย ดูแล้วรายจ่ายต่อเดือนแกมากโขอยู่นะ ไหนจะต้องรักษาแม่อีก แล้วงานที่จะได้เงินเดือนมากแบบนั้นจะหาได้ที่ไหน?” สายป่านขมวดคิ้วเป็นปมอย่างครุ่นคิด พยายามหาทางช่วยเหลือเพื่อน
“เห้อออออ ... ” มาลารินทร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เพราะสิ่งที่สายป่านพูดมาคือสิ่งเดียวกันที่เธอเองก็คิดมาตลอด แต่ก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี
“เฮ้ยยย...!! ฉันนึกออกแล้ว สวย ๆ แบบแกไปเป็นพริตตี้มั้ย รับรองได้เงินดีแน่ๆ แกสวยกว่าฉันตั้งเยอะนะรินทร์ ถ้าสนใจฉันจะพาไปแนะนำตัวกับพี่ปุ๊กกี้ให้เขาช่วยหางานให้ ” สายป่านยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“แกคิดว่าฉันจะได้จริง ๆ เหรอ ฉันไม่เคยทำงานพริตตี้มาก่อนเลยนะ ถ้าเจอคนเยอะต้องตื่นเต้นมากแน่เลย แล้วถ้าฉันโดนลวนลามจะทำยังไง ไม่มีงานอื่นเลยเหรอ บอกตามตรงว่าฉันไม่กล้าอ่ะ ” ถึงจะมั่นใจในความสวยและความสามารถของตัวเอง แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะสามารถทำอาชีพนี้ได้
“แกทำได้แน่นอนไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเป็นคนสอนทุกอย่างให้เอง ขอให้แกมั่นใจในตัวเองก็พอ ฉันจะอัพโหลดโปรแกรม พริตตี้เงินล้านใส่สมองให้ครบถ้วนกระบวนการภายในสามวันเจ็ดวันเลยเชียว” สายป่านพูดด้วยแววตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง เธอมั่นใจว่าคนสวยอย่างมาลารินทร์ต้องทำได้ ขอแค่เพื่อนเชื่อมั่นในตัวเองก็พอ
@ บ้านพี่ปุ๊กกี้
“สวัสดีค่ะพี่ปุ๊กกี้ สายป่านพามาลารินทร์มาพบพี่ตามที่นัดกันไว้แล้วค่ะ” เพื่อนสาวในตาคมกล่าวกับพี่ปุ๊กกี้ สาวสองแสนสวย มาลารินทร์ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะลู้กกกก ..โอ้ววว สวยมาก สูงโปร่ง ผิวเนียนละเอียด ขาวใสออร่าอย่างกับกินหลอดนีออนเป็นอาหาร หน้ารูปไข่ คิ้วโก่ง ปากกระจับจิ้มลิ้ม ตากลม ผมหยักศก อกเอวสะโพก เป๊ะปังอลังเว่อร์เริศที่สุดนี่ ขนาดยังไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องอะไรเลยนะเนี่ย” สาวสองคนสวยร่ายยาว พร้อมกับดีดนิ้วดังเป๊าะ แสดงอาการถูกอกถูกใจในความงามของเด็กสาวเป็นอย่างมาก
“สวยเพอร์เฟคขนาดนี้ ถ้ารับงานเอ็นฯ รับรองได้นับเงินกันอู้ฟู่แน่ สนใจไหมล่ะน้องรินทร์ พี่เลือกลูกค้าชั้นดี ระดับ VIP หรือ VVIP ให้น้องได้นะ พี่การันตีรายได้เดือนหนึ่งหลายแสนแน่นอน ว่าแต่ทำไมน้องถึงเลือกทำแค่พริตตี้ล่ะคะ เสียดายของแย่เลย” ปุ๊กกี้แสดงสีหน้าเสียดายแบบปิดไม่มิด ตั้งแต่เธอดูแลงานให้เด็ก ๆ มา ยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน สวยครบจบกระบวนการอย่างมาลารินทร์มาก่อนเลย
“รินทร์ยังไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อนเลยค่ะพี่ปุ๊กกี้ เจ้าตัวเขาเลยอยากลองทำพริตตี้ดูก่อน ป่านฝากพี่เลือกรับงานดี ๆ ให้รินทร์หน่อยนะคะ เอ็นดูเพื่อนหนูด้วยน๊า พี่ปุ๊กกี้คนงาม” สายป่านหยอกเย้าพร้อมสวมกอดสาวสองใจดี แล้วฝากฝังเพื่อนรักกับพี่ปุ๊กกี้อย่างเสร็จสรรพ
“ได้เลยค่ะคุณน้อง รับรองว่าพี่จะดูแลน้องรินทร์อย่างดีไม่ต้องเป็นห่วง” ปุ๊กกี้กอดตอบสายป่าน และส่งยิ้มให้เด็กสาวทั้งสองคน
กว่ามาลารินทร์จะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำแล้ว ปริณบอกกับพี่สาวว่าเขาดูแลแม่เป็นอย่างดี ให้อาบน้ำ ทานข้าว ทานยา และพาขึ้นห้องนอนจนท่านหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เธอขอบคุณน้องชายแล้วจึงขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่า สวมชุดนอนลายลูกกวาดสีหวาน มายืนรับลมอยู่ที่ชานระเบียงหน้าห้องนอน
เด็กสาวแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ดวงตากลมโตจ้องมองดวงดาวที่พราวระยิบ ทั้งที่คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดแต่กลับทำให้แสงสว่างของดาวเด่นชัด เปรียบเหมือนชีวิตของเธอในตอนนี้ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะมืดมนแค่ไหนเธอก็จะสู้เหมือนดาวดวงเล็ก ๆ บนท้องฟ้านี้ให้ได้
“พ่อคะ..พ่ออยู่บนนั้นใช่ไหมคะได้ยินเสียงรินทร์หรือเปล่า พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รินทร์สัญญาว่าจะดูแลแม่กับน้อง จะเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนพ่อเองค่ะ”
“แม่คะ ทานข้าวเย็นกันดีกว่าค่ะ วันนี้มีข้าวต้มปลาของโปรดของแม่ด้วย รินทร์ทำสุดฝีมือเลยนะคะ” มาลารินทร์ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่เอ่ยเรียกมารดาให้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน เป็นจังหวะเดียวกันกับปริณที่กลับจากมหาวิทยาลัยพอดี“โอ้โห...ลมอะไรหอบพี่สาวผมกลับมาบ้านได้เนี่ย พี่รินทร์เข้าครัวเองแบบนี้ก็ลาภปากผมเลยสิ คอยดูเถอะจะกินให้พุงกางเชียว” ปริณเข้าสวมกอดพี่สาวแล้วเอ่ยเย้า“แหม..ปริณ แกพูดอย่างกับพี่ไม่ได้มาที่นี่เลยทั้งที่เพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง” คนเป็นพี่ส่งค้อนวงใหญ่ให้น้องชาย พลางตักข้าวต้มปลาเสริฟให้แม่กับปริณ“พี่มาบ่อยก็จริง แต่ปกติไม่เคยเห็นมาคนเดียวเลยนี่นา วันนี้ทำไมพี่เซดริกไม่มาด้วยล่ะครับ” ปริณเอ่ยถามถึงว่าที่พี่เขย เพราะปกติไม่เคยเห็นรายนั้นห่างพี่สาวตัวเองเลย“เขาก็มีธุระของเขาบ้างสิ พี่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้นานเข้าก็เบื่อ เลยคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้วหางานทำดีกว่ารอพึ่งพาอาศัยคนอื่น วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ พี่ว่าเราควรพึ่งตัวเองให้ได้ตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า” คำพูดของเธอดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทั้งแม่และน้องชายต่างก็จับสังเกตได้ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอ
หลังจากวันนั้นเซดริกก็พามาลารินทร์ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดคุณหมออนุญาตให้ท่านกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนปริณตอนนี้มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้ว และเขาก็สามารถไปเรียนได้โดยไม่ต้องห่วงนางวิมาลา เพราะเซดริกได้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลให้เกือบสามเดือนแล้วที่มาลารินทร์ย้ายมาอยู่กับเซดริกที่เพนเฮาส์แห่งนี้ เวลาที่มีวันหนึ่ง ๆ หมดไปกับการดูแลเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าและอาหารให้ทั้งเช้าและเย็น หลังจากเขาออกไปทำงานแล้วเธอก็จะทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยมีให้ทำเพราะเซดริกจ้างแม่บ้านให้มาทำงานบ้านให้ทุกอาทิตย์ เขาบอกว่าไม่อยากให้คนตัวเล็กเหนื่อย จนบางทีเธอก็บ่นว่าเหงาเพราะไม่มีอะไรจะทำ เขาเลยชวนให้เธอตามไปทำงานกับเขาแก้เบื่อ แต่เธอไม่อยากไปเพราะกลัวจะเป็นภาระของเขาเวลาทำงานมากกว่า“ติ๊ง...ต่องงง”เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น มาลารินทร์นิ่วหน้าสงสัยเพราะเวลานี้เซดริกน่าจะยังทำงานอยู่ แล้วถ้าเขากลับมาจริงก็ต้องมีคีย์การ์ดจึงไม่จำเป็นจะต้องกดออด จะว่าเป็นสายป่านก็ไม่น่าจะใช่เพราะเมื่อครู่เพิ่งคุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่ เพื่อนยังบอกเลยว่ากำลังจะเตรียมตัวไปทำงานแล
เช้าวันนี้เซดริกพามาลารินทร์มาเยี่ยมนางวิมาลาที่โรงพยาบาลตามที่ได้รับปากไว้ ก่อนถึงโรงพยาบาลเธอขอแวะซื้อผลไม้ที่แม่ชอบไปฝากท่านก่อนซึ่งชายหนุ่มก็ตามใจไม่ได้ขัด เมื่อถึงโรงพยาบาลมาลารินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าโรงพยาบาลจะหรูหราอย่างกับโรงแรมแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สายป่านบอกว่าค่ารักษาแพงหูฉี่มือหนาอบอุ่นจับมือเรียวเล็กให้ก้าวเดินไปตามเขาไปยังห้องพักฟื้นของนางวิมาลา เมื่อถึงหน้าประตูที่ติดชื่อของแม่ มาลารินทร์ก็เคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป เธอเห็นแม่นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีสายป่าน แอลตัน และปริณอยู่ในห้องด้วย สีหน้าของนางวิมาลาดูสดชื่นกว่าเดิมมาก คนตัวเล็กรีบเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง นางกอดตอบบุตรสาวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู“แม่เป็นอย่างไรบ้างคะ อาการดีขึ้นไหม ทานอะไรได้ปกติหรือเปล่าคะ รินทร์ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ดูแลตอนที่แม่ผ่าตัด” หล่อนถามมารดาด้วยความเป็นห่วง น้ำตาคลอหน่วยตา นางวิมาลายิ้มบาง ๆ แล้วเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว“ไม่เป็นไรหรอกลูก เห็นสายป่านบอกว่าหนูกับแฟนไปงานด่วนที่ต่างประเทศกลับมาไม่ทัน แฟนหนูเลยให้คุณแอลตันกับสายป่านมาช่วยดูแลแม่แทนให้ ขอบใจแฟนหนูด้ว
หลังจากคนตัวโตปราบพยศเด็กดื้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกไปทำอาหารเย็นเตรียมไว้ให้หญิงสาว ด้วยกลัวว่าหล่อนจะหิวเมื่อตื่นขึ้นมา ในขณะที่ร่างแกร่งกำลังสาละวนกับการทำอาหารอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนเดินเข้ามาในครัว ซึ่งเขาจำเสียงฝีเท้านั้นได้ดี “ของที่กูสั่งได้ครบมั้ย ” แอลตันพยักหน้าพร้อมกับส่งถุงอาหารสดและอาหารแห้งให้เซดริก เขารับถุงอาหารมาจัดเก็บของสดใส่ตู้เย็นและเก็บของแห้งไว้ในตู้วางของแห้ง“แล้วเสื้อผ้าเมียกู่ล่ะ มึงไม่ได้ซื้อมาหรือไง?” เขาเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นถุงเสื้อผ้าตามที่สั่ง“มึงสั่งกูให้ซื้อเสื้อผ้ากับชุดชั้นในของผู้หญิง แต่เสือกไม่บอกไซส์มาแล้วกูจะไปซื้อถูกได้งัยวะ ” แอลตันพูดพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน“เฮอะ..กูเพิ่งรู้ว่าเรื่องแค่นี้เพลย์บอยอันดับหนึ่งอย่างมึงก็ไม่มีปัญญาแก้ปัญหา” เซดริกพูดเน้นเสียงหนักแสดงอาการหงุดหงิด ในขณะที่แอลตันยักคิ้วให้อย่างยียวนก่อนจะตอบกลับเพื่อนสนิทออกไป“กูไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้นหรอกน่า คนอย่างกูสมองอัจฉริยะเรื่องแค่นี้ทำไมกูจะแก้ไม่ได้วะ” แอลตันพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับหันหน้าไปทางประตูทางเข้า เซดริกได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของใครคนหนึ่ง
หลังจากบทรักเร่าร้อนผ่านไป มาลารินทร์ก็หลับไปนานโขรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาเตะจมูกจนท้องร้องประท้วงด้วยความหิวทันที เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้อง เพราะเซดริกเอาแต่จับเธอกินจนเหนื่อยและหมดแรงหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นอย่างมาก ที่นอนข้างกายว่างเปล่าไร้เงาของเซดริก นาฬิกาบนผนัง บอกเวลา 15.30 น. เธอลุกจากเตียงนอนและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายโดยใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานพอสมควรเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างบางก็ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนเดียวห่อหุ้มร่างกาย บนศีรษะมีผ้าขนหนูผืนเล็กพันผมเอาไว้ มาลารินทร์นั่งลงบนเตียงแล้วเช็ดผมที่เปียก เธอต้องกลับบ้านเพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดการเรื่องการผ่าตัดของแม่ นี่ก็ผ่านไปวันสองวันแล้วที่ไม่ได้ติดต่อทางบ้าน ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อเช็ดผมเสร็จก็เดินสำรวจไปทั่วห้องนอน พบชุดกองอยู่บนพื้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ต้องถอนใจเพราะสภาพชุดขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี ชุดชั้นในก็ไม่มีเพราะใช้แต่สติ๊กเกอร์ปิดจุก ส่วนแพนตี้ตัวน้อยก็ถูกเขากระชากจนขาด แล้วจะออกไปจากที่นี่ไ
คนตัวเล็กหอบหายใจถี่รัว หลังจากเสร็จสมจากการถูกปรนเปรอด้วยปากและลิ้นร้ายกาจของชายหนุ่ม เซดริกไม่ปล่อยให้เธอหยุดพักนาน เขาใช้ฝ่ามือหนาจับอาวุธคู่กายขนาดใหญ่ไซด์ยุโรปชักรูดขึ้นลงเบาๆ เพื่อเตรียมความพร้อม เมื่อมาลารินทร์เห็นแท่งรักขนาดใหญ่ตรงหน้า เธอถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะยังเข็ดกลัวจากการร่วมรักรุนแรงครั้งก่อนหน้า ร่างเล็กจึงกระถดถอยหนีโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนเจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นดูจะเข้าใจในท่าทีตื่นกลัวของหญิงสาว เขาจึงขยับเข้าตระกองกอดร่างเปลือยแล้วจูบปลอบประโลมเบา ๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลง“ไม่ต้องกลัวนะครับเมีย ผัวสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรง ถ้าเจ็บหรือไม่ไหวก็บอกผมนะ ”เขาปลอบประโลมเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนาแล้วดันร่างเล็กให้นอนลงบนเตียง เซดริกนั่งคุกเข่ากลางหว่างขาขาวแล้วยกขาเรียวขึ้นวางพาดบนบ่า ดึงสะโพกของเธอเข้ามาใกล้ จับปลายหัวหยักถูไถไปที่ปากทางรักคับแคบแล้วค่อย ๆ ดันเข้าไปในร่องสวาทนุ่มนิ่ม ในขณะที่ท่อนเอ็นถูกบีบรัดด้วยช่องทางคับแคบจนชายหนุ่มรู้สึกคับแน่นไปหมด“อุ้ย...ซี๊ดดด เบาๆ ค่ะคุณเซดริก รินทร์อึดอัดจังค่ะ”มาลารินทร์ร้องห้ามเสียงแผ่วเบา