Beranda / วาย / Merman บันทึกรักใต้มหานที / บทที่ 2 เกล็ดนางเงือก

Share

บทที่ 2 เกล็ดนางเงือก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-30 16:54:10

ธาราตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามเย็น เมื่อตื่นขึ้นแล้วก็พบว่าน้ามูนานำอาหารมาจัดขึ้นโต๊ะไว้ให้พร้อมฝาครอบแก้วสีใสที่ทำให้มองเห็นอาหารที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วธาราจึงนั่งลงทานอาหารพร้อมกับหยิบเอาเอกสารที่วางอยู่คู่กันมาเปิดดู

มีหลากหลายงานวิจัยและทฤษฎีระบุว่าเป็นเพราะอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ทำให้หอยมุกของเขาไม่เจริญเติบโต หรือบางงานวิจัยนั้นระบุว่าเพราะแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของหอยมุกนั้นไม่สามารถทนความร้อนของน้ำที่เปลี่ยนไป ทำให้หอยมุกเจริญเติบโตไม่ดี หรือบางทีก็อาจจะเป็นเพราะขยะพลาสติกที่มนุษย์นั้นทิ้งลงไปในทะเล หรือเพราะการเดินทางข้ามเกาะของนักท่องเที่ยวที่สนใจมาอควาเรียมก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุเช่นกัน

ธาราคัดแยกงานวิจัยที่ตนคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ให้อยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนอันที่ไม่เข้าตาก็แยกไว้อีกฝั่ง เพื่อนำงานวิจัยเหล่านั้นไปพูดคุยกับนักวิจัยแต่ละคนเพื่อผลักดันให้ค้นคว้าศึกษาต่อในวันรุ่งขึ้น ธารานั่งทานอาหารไปพลางอ่านเอกสารไปพลาง จนกองเอกสารตั้งใหญ่ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ และมีเอกสารแยกกันสองฝั่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะต้องหยุดชะงักเมื่อหยิบเอางานวิจัยหนึ่งออกมา

การย้ายถิ่นฐานของเงือกส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

ธาราอ่านชื่องานวิจัยนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วหมุน อดคิดไม่ได้ว่าในสถาบันวิจัยของเขามีนักวิทยาศาสตร์สติฟั่นเฟือนอาศัยอยู่หรืออย่างไรกัน เหตุใดจึงมีคนหลงเชื่อเรื่องงมงายพรรค์นี้จนเขียนเป็นงานวิจัยออกมาได้ ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ฝ่ามือหนาก็หยิบคว้าเอกสารออกมากางออกดู เพราะอยากรู้ว่านักวิทยาศาสตร์คนนี้มีความคิดอย่างไรกันแน่

แต่เมื่อยิ่งได้อ่านความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะในเอกสารฉบับนี้เขียนไว้ประมาณว่า เพราะเผ่าเงือกย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัย ทำให้บริเวณใกล้เคียงนี้สัตว์น้ำไม่อุดมสมบูรณ์เฉกเช่นสมัยก่อน โดยมีหลักฐานของการมีอยู่ของเงือกคือเกล็ดปลาขนาดใหญ่ที่มีสีสันแปลกตา ธาราก้มลงมองภาพเกล็ดปลาที่ว่านั้น อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเกล็ดนั้นมีความสวยงามและแปลกตาอยู่จริง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเกล็ดของเงือกแต่อย่างใด

ธาราแยกเอกสารฉบับนั้นไว้ ลงความเห็นว่าคงต้องไปคุยกับนักวิจัยท่านนี้เป็นการส่วนตัวเสียแล้ว เพราะครอบครัวเขาไม่ได้เสียเงินจ้างเพื่องานวิจัยที่อยู่ในอุดมคติเช่นนี้ ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบเอกสารฉบับถัดไป ก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาชะงักมือและเปลี่ยนทิศทางไปรับสายแทน

“ครับ”

[ไปถึงแล้วเป็นยังไงบ้างธาร] เสียงของคนปลายดังขึ้น ชายเจ้าของชื่อจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ก็ดี มีอะไร”

[ฉันเป็นห่วงหรอกนะถึงได้โทรมาถามเนี้ย แล้วที่ว่ามาตามหาความทรงจำนั่นเป็นไงบ้างล่ะ?]

“ไม่เป็นยังไง ผมพึ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมงเอง ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหนเลยเถอะ” ธาราถอนหายใจ เอนตัวพิงกับพนักพิงของเก้าอี้ ตอบปลายสายด้วยเสียงเนือยๆ

[มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ]

“รู้แล้วน่า” ธาราตอบกลับไปติดจะรำคาญเล็กน้อย จนปลายสายถึงกับหัวเราะออกมา

[หึหึ เพราะฉันเป็นห่วงนายหรอกนะ]

“อืม” ธารายกยิ้มให้กับถ้อยคำนั้น

[โอเค ดูแลตัวเองด้วย]

“พี่ก็ด้วยนั่นแหละ” ธาราเอ่ยตอบกลับปลายสายไป ชายคนที่เขากำลังคุยอยู่ด้วยนี้คือพี่ชายแท้ๆ ของเขา อายุ 30 ปี ชื่อว่าสายชล ตอนที่เขายังเด็ก พลัดตกเรือ และถูกตามหาตัวจนเจอ พี่ชายของเขานั้นเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ทำให้ใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะบินลัดฟ้าข้ามประเทศกลับเข้ามาได้

และเพราะเหตุการณ์ที่เกือบจะเสียน้องชายไป ทำให้สายชลกลายเป็นบราคอนเต็มตัว อะไรก็ตาม แล้วแต่น้อง ตามใจน้องหมดทุกอย่างและคลั่งน้องเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสียน้องชายไปอีก ดังนั้นแล้วงานหรืออะไรก็ตามที่ธาราทำแล้วขัดใจบิดา ก็ได้พี่ชายคนนี้นี่แหละที่คอยช่วยเป็นกำลังเสริมให้ตลอด จนเขาได้มายืนอยู่ที่เกาะแห่งนี้ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนับเดือน เพราะพี่ชายรับช่วงต่อ เอางานของเขาที่ประจำอยู่สาขาใหญ่ไปทำแทน

ชายหนุ่มคิดพลางกดแป้นพิมพ์บนหน้าจอโทรศัพท์ของตน พิมพ์คำง่ายๆ ลงไปไม่กี่คำ และหลังจากนั้นเสียงเรียกเขาก็แผดร้องไม่หยุด จนเขาต้องกดลดเสียงและโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ไกลๆ เพื่อให้มีสมาธิอ่านหนังสือต่อมากขึ้น

รักนาย ไอ้พี่ชาย

และนั่นคือคำที่เขาพิมพ์ลงไปหลังจากวางสายจากอีกคน ทำให้ธาราอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขำ แล้วจึงก้มลงอ่านเอกสารงานวิจัยต่อ จนกระทั่งทานอาหารเสร็จและงานวิจัยที่หมดลง ชายหนุ่มคัดแยกงานที่น่าสนใจออกมาได้ไม่กี่ฉบับ คั่นด้วยงานวิจัยเรื่องของเงือกที่ต้องไปคุยกับเจ้าของผลงานเป็นการส่วนตัว แล้วปิดท้ายด้วยงานที่ไม่ผ่านการประเมิน

หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วไปล้านจานเก็บเข้าชั้น เดินขึ้นชั้นบนอีกครั้งเพื่อแปรงฟันและบ้วนปากหลังมื้ออาหาร และตามด้วยการนั่งทำงานหน้าโน๊ตบุ๊คของตน ธาราทำงานต่อด้วยใจที่ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่นัก จากคำพูดของพี่ชายที่สะกิดให้เขาอยากรู้และอยากค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยไว้ ดังนั้นแล้วแม้ว่าชายหนุ่มจะตั้งใจมาทำงานต่อ แต่สายตาของเขากลับสะดุดเข้ากับไข่มุกเม็ดงามที่เป็นประกายล้อเล่นกับแสงไฟ และสุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจปิดโน๊ตบุ๊คลงแล้วหยิบไข่มุกนั้นมาพิจารณาใกล้ๆ เอนตัวลงนอนพิงกับหมอนนุ่มใบโต

“มาได้ยังไงกันนะ.....” ธาราเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความสนใจใคร่รู้ นอนจ้องมันนิ่งๆ ปลายนิ้วแตะสัมผัสที่ไข่มุกนั้น รับรู้ได้ถึงความสากระคายไม่ราบเรียบเหมือนไข่มุกสังเคราะห์ ก่อนท้ายที่สุดจะตัดสินใจวางมันลงที่โต๊ะด้านข้าง พลิกตัวลงนอนหลับพักผ่อน หลังจากที่ห้วงเวลาไหลผ่านไปเกือบค่อนคืน

เช้าวันถัดมาธาราตื่นขึ้นแต่เช้า เพราะความไม่คุ้นชินและอยากจะตื่นขึ้นมารับบรรยากาศดีๆ ในยามเช้า ชายหนุ่มจัดการล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นสีกล้ามสีขาวพร้อมกางเกงวอร์มขายาวรองเท้าผ้าใบ ตัดสินใจออกกำลังกายยามเช้าด้วยการวิ่งเลียบไปตามชายหาด รอบลำคอแกร่งมีผ้าขนหนูคอยซับเหงื่อกาฬที่หลั่งไหล สวมใส่หูฟังเปิดเพลงในจังหวะสนุกสนานเพื่อปลุกให้ตนเองสดชื่นมากยิ่งขึ้นพร้อมรับวันใหม่

แสงสีส้มทอประกายในยามเช้าที่เส้นขอบฟ้า ธาราอดไม่ได้ที่จะหยุดยืนเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า ปกติแล้วเขามักจะทำงานในตึกสูงใจกลางเมือง แม้จะมีบ้างที่ออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ แต่ที่นั่นก็มีคนพลุ่งพล่านจนการวิ่งติดขัด พาลให้เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง จนตอนหลังเลือกที่จะวิ่งในยิมส่วนตัว ซึ่งภาพตรงหน้านั้นก็คือกระจกที่เผยให้เห็นภาพต้นไม้ใบหญ้าอันร่มรื่นจากฝีมือมนุษย์ หรือหากทำงานหนักก็จะนอนค้างที่บริษัทในห้องชั้นบนสุด ดังนั้นภาพพระอาทิตย์ยามเช้าจึงถูกบดบังด้วยตึกสูงทัดเทียมกันไปมาจนเขาหมดอารมณ์

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก หยุดยืนมองภาพตรงหน้าจวบจนกระทั่งพระอาทิตย์ฉายแสงได้เต็มที่ สองเท้าจึงเริ่มก้าวอีกครั้ง วิ่งตามชายหาดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดลงที่ตรงหินผาตระหง่าน อันเป็นเขตกั้นไม่ให้คนอีกฝั่งข้ามมาได้ หรือก็คือกลายเป็นเขตรั้วห้ามเข้าสำหรับคนภายนอกนั่นเอง

ดังนั้นแล้วธาราจึงตัดสินใจหมุนกายหันหลังกลับ ในจังหวะนั้นเองที่ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา จนต้องหันกลับไปมองอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ตั้งใจก้าวเท้าเข้าไปดูใกล้ๆ บางทีอาจจะเป็นพวกสัตว์ตัวเล็กๆ ที่บาดเจ็บก็เป็นได้ คิดพลางขยับเท้าเข้าไปใกล้

Rrrrrr Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาชะงัก ก้มลงรับสายนั้น พร้อมๆ กับขยับเท้าก้าวเดินจากไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าดวงของใครบางคนกำลังจ้องมองตรงมาด้วยความโกรธขึ้ง

“ครับ”

[คุณธารา ผมนำอาหารเช้ามาให้ครับ จะทานเลยไหมครับ ผมจะตั้งโต๊ะให้] ลุงบาซิมนั่นเองที่โทรมา ธารานิ่งคิดชั่วครู่แล้วจึงตอบรับกลับไป

“ตั้งโต๊ะได้เลยครับ ผมกำลังกลับไป” ว่าจบก็กดตัดสายแล้วรีบเร่งฝีเท้าจนเกือบจะกลายเป็นการวิ่งเหยาะๆ เพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านหลังงามอันเป็นที่พักอาศัยของเขา เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่าลุงบาซิมจัดการตระเตรียมโต๊ะอาหารไว้พร้อมสรรพ เขาจึงเดินเข้าไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายและจัดการอาหารตรงหน้าในทันที

ธาราใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็จัดการอาหารตรงหน้าเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจึงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้วกลับออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงแสล็คคลุมทับด้วยชุดสูทที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศริมทะเลแห่งนี้เท่าไหร่นัก แต่เพราะเขาคิดอยู่เสมอว่าตนมาทำงานไม่ได้มาพักผ่อน ดังนั้นแล้วการแต่งกายจึงเป็นแบบทางการไปด้วย

ชายหนุ่มก้าวเท้าออกจากบ้านพักของตน มุ่งตรงไปยังศูนย์วิจัยพร้อมกับกองเอกสารในมือที่คัดแยกไว้เมื่อคืน หลังจากที่มาถึงแล้วก็เรียกเจ้าของงานวิจัยเหล่านั้นให้ไปพบ ทำการพูดคุยและแนะนำแนวทางรวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่จะช่วยให้งานวิจัยนั้นสัมฤทธิผล นอกจากนี้แล้วธารายังเรียกพบเจ้าของผลงานทฤษฎีเงือกย้ายถิ่นฐานเข้าพบเป็นการส่วนตัวอีกด้วย และตอนนี้คนๆ นั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ธารายกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด ก่อนจะเอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจอย่างที่สุด

“ลุงบาซิม.....” ชายชราที่เป็นไกด์นำทางให้เขาตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นเกาะมาส่งยิ้มให้ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน คือเจ้าของผลงานเรื่องเงือกย้ายถิ่นฐานนี่เอง แต่เพราะเจ้าของงานวิจัยนั้นใช้นามสกุลแล้วตามด้วยตัวอักษรย่อ ทำให้เขาไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วคือคนใกล้ตัวนี่เอง ชายหนุ่มทำใจอยู่ชั่วครู่ พยายามตั้งสติ แล้วเอ่ยปากเป็นการเป็นงานขึ้นมาแทน

“นี่เป็นงานวิจัยของลุงใช่ไหมครับ” ชายชราหยิบเอกสารขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความคาดหวัง

“ใช่ครับ คุณธาราสนใจงานวิจัยนี้หรอครับ” ธารามองท่าทีนั้นนิ่งงัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอกหนักใจขึ้นมา ก่อนจะส่ายศีรษะช้าๆ เป็นการปฏิเสธ

“เปล่าครับคุณลุง ผมไม่เชื่อว่านางเงือกจะมีอยู่จริง ดังนั้นงานวิจัยนี้คงจะไม่ได้ทำต่ออย่างที่คุณลุงหวังไว้น่ะครับ” ธาราปฏิเสธเสียงเรียบ ทำให้ชายชรานั้นนั่งหลังงองุ้มลงด้วยความเศร้าใจ แล้วจึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ครับ ผมเข้าใจ ถึงผมจะเพียรพยายามส่งมันเข้าร่วมประเมินเท่าไหร่ มันก็ถูกตีกลับมาตลอด คงไม่แปลกหากคุณธาราจะปฏิเสธมันเช่นกัน”

“ผมขอถามได้ไหมครับ อะไรที่ทำให้คุณลุงเชื่อว่านางเงือกมีจริง แค่เกล็ดปลาอันเดียว คุณลุงก็ปักใจเชื่อแล้วหรอครับ” ธาราถามคนที่มียศเป็นถึงด็อกเตอร์แต่เขาไม่เคยทราบด้วยความแปลกใจ

“นางเงือกมีจริงๆ นะครับ ผมเคยเห็นกับตา!” ชายชราเถียงออกมาอย่างไม่ยินยอม ทำให้ธาราถึงกับถอนหายใจ

“มันอาจจะเป็นแค่ปลาตัวใหญ่ก็ได้นี่ครับ” บาซิมส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับร้องบอกหวังให้ชายหนุ่มรุ่นลูกเชื่อตนเอง

“ผมเคยเห็นนางเงือก เธอมีรูปร่างงดงาม ปลายหางเป็นเกล็ดสีฟ้าของท้องทะเล” ไม่พูดเปล่า แต่บาซิมยังหยิบเอาเกล็ดนางเงือกที่ว่าออกมาให้ดูอีกด้วย มันถูกเก็บไว้ที่ลำคอของชายชรา ลุงบาซิมใช้มันต่างเครื่องรางห้อยคอ และพามันไปด้วยในทุกๆ ที่ บาซิมวางมันลงตรงหน้าของธาราช้าๆ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ

กึก!

ธาราชะงักไปเมื่อได้มองเกล็ดเงือกนั้นอย่างชัดเจน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เอ่ยปากออกไปในทันที

“ผมขอซื้อมันได้ไหมครับ?” ชายชรามีท่าทีแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก

“ไหนคุณธาราบอกว่าไม่เชื่อว่านางเงือกมีจริง”

“ครับ ผมไม่เชื่อ แต่ผมก็สงสัยในเกล็ดเงือกของคุณลุงอันนี้เช่นกัน เพราะงั้นผมจะนำมันไปให้นักสัตว์น้ำวิทยาช่วยพิสูจน์ให้ครับ”

“ผมไม่ขายครับ” บาซิมกล่าวพร้อมกับแบมือขอมันคืนจากชายหนุ่ม ธาราวางมันลงอย่างเสียดายเล็กๆ ที่ไม่ได้มันมาครอบครอง แต่เขาเองก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ให้มากความ ยินยอมส่งกลับคืนไปแต่โดยดี

“เกล็ดเงือกอันนี้ช่วยให้ผมสามารถหายใจในน้ำได้ ดังนั้นผมจะไม่ยอมเสียมันไปให้กับเม็ดเงินเหล่านั้นอย่างแน่นอน”

“.....”

“ถ้าคุณธาราไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายชราว่า พร้อมกับหมุนตัวเตรียมหันหลังออกจากห้อง แต่เสียงของคนรุ่นลูกก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าคุณลุงเชื่อว่ามีจริง...... เอาสิ.... ผมจะให้เงินสนับสนุนงานวิจัยของคุณลุงเอง” ธารามองคนตรงหน้านิ่งงัน เรียกให้ชายชรานั้นหันกลับมามอง

“ถ้าคุณลุงเชื่อนักหนาว่านางเงือกมีจริงอย่างที่ว่า ผมเองก็อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่เงินสนับสนุนนั้นจะมาจากผมเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือสถาบันวิจัย คุณลุงมีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าได้ แต่สิทธิ์ทุกอย่างในงานวิจัยและตัวนางเงือกนั้นจะต้องเป็นของผม” บาซิมขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยแย้ง แต่ธารารู้ดีว่าชายชราต้องการสิ่งใด

“ผมจะให้เงินเดือนคุณลุงเดือนละ 5 ล้าน และ งบประมาณ 50 ล้านต่อปีสำหรับซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น และคุณลุงจะได้เงินเพิ่ม หากงานวิจัยนั้นมีความคืบหน้าและสามารถพิสูจน์ได้จริงอีกครั้งละ 20 ล้าน แต่คุณลุงจะไม่มีสิทธิ์ในงานวิจัยใดๆ เลย ห้ามเผยแพร่ ห้ามป่าวประกาศ ทุกอย่างต้องดำเนินการเป็นความลับ ถ้าคุณลุงตกลง ผมจะจัดหาทีมงานที่ไว้ใจได้มาช่วย รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยให้คุณลุงครอบครองเพียงคนเดียวเลย สนใจไหมครับ” ธาราพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่มุมปาก

ชายชราอึกอักบวกลบคูณหารอยู่ภายในใจ เขาสาบานว่าเขาเคยเห็นจริง แต่ก็ไม่รู้จะตามหานางเงือกที่ว่านั้นได้จากที่ใด แต่หากเขาเข้าร่วมการค้นคว้านี้ อย่างน้อยเขาก็ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ และได้มากกว่าที่คาดหวังไว้กับบริษัทที่เขาทำงานด้วยเสียอีก ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่สุดท้ายบาซิมจะตัดสินใจพยักหน้ารับและเอ่ยปากตอบตกลง

“ตกลงครับ ผมจะร่วมงานกับคุณ”

“ดีครับ แล้วผมจะให้คนร่างหนังสือสัญญาให้ อาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ระหว่างนั้นก็ช่วยรวบรวมและลิสรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ต่องานวิจัยของคุณลุงได้เลยครับ” บาซิมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความลิงโลดเต็มหัวใจ

ธารามองตามหลังจนกระทั่งประตูนั่นปิดลง ในดวงตาที่เป็นประกายอบอุ่นอ่อนโยนราวเทพบุตรผู้ใจดีมาจุติยังพื้นโลกเลือนหายไป เหลือไว้เพียงความนิ่งเฉย และแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยใคร่รู้

หากครอบครัวของเขารู้ อาจจะมองว่าเขาบ้ามากที่ยอมมอบเงินเกือบร้อยล้านให้กับชายที่พึ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน แถมแปรเปลี่ยนจากที่ตั้งใจจะตำหนิอีกฝ่าย กลับกลายเป็นการลงทุนร่วมกันไปซะได้ แต่เขาเชื่อคำพูดนั้น คำพูดที่ว่าเคยเห็นนางเงือกกับตาตัวเอง และในแววตานั้นแน่วแน่จริงจังและไม่มีแววโกหกกันแม้แต่น้อย หากไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง คงไม่เพียรพยายามเขียนงานวิจัยเดิมซ้ำๆ และส่งมันเข้าร่วมพิจารณาตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา และอีกเหตุผลที่ธาราตัดสินใจที่จะเชื่อชายชรานั้นก็เพราะว่า ……..

เกล็ดปลาและไข่มุกของเขานั้น.......

มันมีเสียเดียวกัน.......

ดวงตาคมกล้าเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้าง พื้นหลังเป็นสีฟ้าครามสดใสชวนมอง อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

“ทำไมกันนะ.....”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 35 บันทึกรัก ใต้มหานที..... (END)

    “คิดสิ่งใดอยู่หรือ” ธาราก้มมองดูคนที่ยืนเกาะหลังของตนเป็นลูกหมีโคอาล่า ก่อนที่สองมือของเขาจะวางทาบทับกับมือเล็กที่กอดก่ายอยู่ด้านหลัง พร้อมตอบมือเล็กนั้นเบาๆ ส่งมอบความอบอุ่นให้กับคนที่ตนรัก“เรื่องของเรา.....” ธาราพูดพร้อมกับหันหลังกลับไปมองคนรัก คาไนน์ในตอนนี้ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนสักเท่าไหร่ เวลาไหลผ่านมาเนิ่นนานเกือบ 30 ปีแล้ว ที่พวกเขาตกลงจะอยู่อาศัยใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้บิดาและมารดาของเขาได้ลงไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกใต้บาดาล เหล่าเงือกมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งมากขึ้นตามโครงการที่เขาวาดหวังไว้ แต่ที่อยู่นั้นอยู่ลึกลงไปหลายพันเมตรจากระดับน้ำทะเล เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ใครค้นพบเมืองใต้น้ำได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับเผ่าเงือกที่หลบหลีกอยู่ใต้น้ำมาเนิ่นนานช่วงระหว่างที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนบก เขาเร่งรัดโครงการสร้างเมืองใต้น้ำให้เหล่าเหงือกอย่างหนักหน่วง ทำให้ระยะเวลาที่คาดการไว้ 30 ถึง 50 ปี จบลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 25 ปีเท่านั้น อันเป็นผลจากเงินทุนมหาศาลและพันธสัญญาการก่อสร้าง ทำให้ทุกอย่างรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนคาดไม่ถึง เพราะการเร่ง

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 34 คลี่คลาย

    สิ่งที่พวกเขาหวังไว้เกิดขึ้นจริงในตอนเวลาเที่ยงวัน เนื่องจากพวกเขาปล่อยให้น้ามูนาและลุงบาซิมได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่ ตอนที่พวกเขาแวะไปดูทั้งสองคนหลังทานอาหารเช้าเสร็จก็พบว่าทั้งสองได้ขยับขึ้นมานั่งที่ขอบสระแทน ปลายขาของน้ามูนายังคงเป็นครีบหางสีม่วงโดยมีลุงบาซิมนั่งอยู่ข้างๆ กัน ได้ยินเสียงของทั้งสองคนพูดคุยแว่วมาแผ่วเบา พวกเขาคาดว่าทั้งคู่คงมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกเยอะทีเดียวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นในช่วงบ่ายของวัน ทั้งสองก็กลับมาในบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าแดดเริ่มร้อนเกินไปและไม่ดีต่อน้ามูนาสักเท่าไหร่นัก และเพราะแบบนั้นทำให้เห็นสายตาของลุงบาซิมที่ลอบมองมายังบิดาของเขาสลับกับเลโอและคาไนน์มา ก่อนจะมาจบที่ผมและสายชลเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ“ผม.... ผมไม่เคยรู้อะไรเลย.... ไม่รู้ว่าพวกคุณเป็น.... แถมยังหน้ามืดตามัวอยากจะไล่ล่าพวกคุณอีกด้วย.... ผม... ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ” ลุงบาซิมยกมือขึ้นไหว้ขอโทษขอโพย แม้ว่าตนเองจะมีอายุมากที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้ก็ตาม หากแต่บิดาของเขาโบกมือไปมาคล้ายกับไม่เก็บมาถือโทษโกรธหรือคิดมากอะไรนัก&ldq

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 33 ผู้มาเยือนในยามเช้า

    เช้าวันถัดมา ธาราเดินลงจากชั้นบนของบ้านมาพร้อมกับคาไนน์ และเขาก็ต้องงุนงงหนัก เมื่อบรรยากาศภายในห้องรับประทานอาหารเรียกได้ว่ามีความอึดอัดปกคลุมอยู่ทั่ว ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ทุกสายตาก็หันมามองเขาเป็นทางเดียวธาราได้แต่จูงมือของคาไนน์ให้เดินตามเข้าไปด้านใน จับคนตัวเล็กให้ทรุดตัวลงนั่ง ส่วนตนเองนั้นก็ตามลงไปติดๆ ทั้งๆ ที่คิ้วยังขมวดหมุน มองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ และทันทีที่เขานั่งเรียบร้อยแล้ว เสียงของใครคนหนึ่งก็ดึงขึ้นเรียกรั้งความสนใจของเขาได้ในทันที“คุณธารา มันมี... มันมีจริงๆ ด้วยครับ” ธาราหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนที่ใครคนนั้นจะค่อยๆ ยื่นเกล็ดปลาสีน้ำเงินอมม่วงเป็นประกายส่งให้ ธารารับมันมาไว้ในมือ ก่อนจะก้มลงพิจารณา คาไนน์เองก็ชะโงกหน้ามาดูเช่นกัน และทันทีที่เห็นก็เงยหน้าขึ้นมองเขาหน้าตาตื่นในทันที ฝ่ามือใหญ่ถูกวางไว้บนศีรษะเล็กพร้อมกับลูบไปมาเชิงปลอบประโลม“นี่มัน....”“เกล็ดปลาครับ! ไม่สิ มันเป็นเกล็ดของนางเงือก!!” เสียงของชายคนนั้นเอ่ยบอกเสียงดังด้วยท่าทีตื่นเต้นปนกับความตื่นตระหนก ธารายื่นเกล็ดปลาส่งคืนให้ก่

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 32 เมืองของเหล่าเงือก

    “ว่าแต่ จริงๆ แล้ว ธารไม่ต้องตัดขาดจากโลกมนุษย์แบบนั้นก็ได้นี่” สายชลที่นั่งเงียบไปนานเอ่ยขึ้นราวกับนึกอะไรได้“เหมือนการ์ตูนที่เจ้าหญิงเงือกมาหลงรักกับเจ้าชายชาวมนุษย์ เจ้าหญิงเงือกก็ไม่ได้ตัดขาดกับโลกเงือกซะทีเดียวสักหน่อย แต่กลับสร้างบ้านติดทะเลแทน แล้วจะอยากขึ้นบกหรือลงน้ำก็สามารถทำได้ทั้งนั้นไม่ใช่หรอ” คำพูดนั้นของสายชลเรียกรั้งให้ทุกคนหันไปมองด้วยความสนใจ ธารายกมือขึ้นลูบปลายคางตามผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยบอกสิ่งที่อยู่ในใจตอนที่เขาได้ไปเห็นวัง.... ไม่ใช่สิ ถ้ำของเหล่าเงือก“ความจริง ผมอยากให้เหล่าเงือกมีสภาพแวดล้อมการเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้เหมือนกันนะ” คำพูดนั้นทำให้เหล่านายเงือกนั่งทำหน้างงใส่ ด้วยไม่คิดว่าความเป็นอยู่ของตนนั้นไม่ดีที่ตรงไหน ดังนั้นภาพที่เห็นคือเหล่าเงือกทั้ง 4 ตนต่างเอียงศีรษะด้วยความสงสัย หากแต่หันกันไปคนละทิศละทาง“แต่แบบนั้นจะอันตรายต่อพวกเรา ถ้าเจ้าคิดว่าทำแบบนั้นแล้วมันดีจริงละก็ พวกเราคงจะขึ้นมาอยู่บนบกและหาบ้านที่ติดกับชายทะเลแบบนั้นไปนานแล้ว” ในคราวนี้เป็นเลโอที่เอ่ยแย้งขึ้นมา ซึ่งพวกเ

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 31 สินสอดให้ภรรยา

    หลังคำบอกของสายชล พวกเขาก็ตั้งใจที่จะมุ่งตรงกลับไปยังบ้านพักหลังน้อยบนเกาะ หากแต่คาไนน์ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะจากองค์รัชทายาทไปเป็นองค์ราชาแทนแล้ว ร่ำร้องที่จะตามมาด้วย โดยให้เหตุผลว่ากลัวเขาจะเดินทางกลับมาที่ถ้ำแห่งนี้ไม่ถูก แต่ในความจริงนั้น เขาคิดว่าคาไนน์คงกลัวว่าเขาจะทิ้งอีกฝ่ายไปมากกว่าและแน่นอนว่าเพราะการที่คาไนน์ต้องการจะไปกับพวกเขาด้วย แต่ไม่สามารถทิ้งเหล่าเงือกแล้วไปเพียงลำพังได้ สุดท้ายแล้วกลุ่มของพวกเขาจาก 4 คน ก็เพิ่มขึ้นอีกเป็น 10 ได้ เพราะเหล่าชายฉกรรจ์ของฝูงเงือกต้องติดตามองค์ราชาเหมือนกับว่าเป็นองครักษ์ข้างกาย ทำให้พวกขบวนของพวกเขาในตอนขาไปกับขากลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งมาถึงปากถ้ำซึ่งคาไนน์ใช้เป็นทางเข้าออกระหว่างบนบกและโลกใต้น้ำ เหล่าเงือกก็ยืนยันว่าจะติดตามมาด้วย ไม่ยอมให้องค์ราชาของเงือกขึ้นมาเพียงลำพังโดยเด็ดขาด ทำให้คาไนน์งอแงใช้หางตีน้ำจนแตกกระจายเป็นวงกว้างธารามองภาพนั้นด้วยความเหนื่อยใจ เหล่าเงือกชายพยายามฉุดรั้งราชาของตนไม่ให้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ ส่วนตัวราชาที่ว่านั้นยื้อยุดกันไปมา จะขึ้นมากับเขาท่าเดียว สุดท้ายแล้วจึงยอมพบกันครึ่งท

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 30 คาไนน์เป็นราชา

    ธารายืนมองภาพของราชาตรงหน้านิ่งงัน ไม่แน่ใจว่าช่วงก่อนหน้านี้ราชาของเหล่าเงือกในความทรงจำของคาไนน์เป็นอย่างไร หากแต่บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้แลดูคล้ายกับชายชราที่ใกล้ถึงฝั่งเต็มที มันดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวเดียวดาย และดูแก่ลงไปหลายสิบปีจากคราแรกที่ได้พบหน้ากันธาราหันไปมองคาไนน์ที่คลายอ้อมกอดและหมุนกายหันมาเผชิญหน้ากับบิดาของตน เขาเห็นชัดว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายนั้นขบเม้มเอาไว้แน่น ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเลื่อนหันมามองเขาที่ยืนอยู่ข้างกัน ก่อนถ้อยคำบางอย่างจะดังออกจากริมฝีปากบางราวกระซิบ[แต่ข้าหลงรักกับมนุษย์....] ถ้อยคำนั้นเรียกรั้งให้องค์โพไซหันมามอง คาไนน์ขยับมาจับมือของเขาเอาไว้แน่น เป็นการบ่งบอกว่าจะไม่ยอมแยกจากกัน ตอนนี้ความคิดในหัวของธาราตีกันจนวุ่นไปหมด เขาอยากที่จะอยู่กับคาไนน์ให้นานขึ้นอีกหน่อย อยากจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย หากแต่บิดาของคาไนน์ก็รออีกฝ่ายมาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ เป็นเงือกเด็กพึ่งเกิดจนเติบใหญ่ ก็มักจะหวังให้บุตรของตนเข้ามาสืบทอดต่ำแหนง นับๆ ดูแล้ว ช่วงระยะเวลาที่รอคอยนั้นเขาจะเกิดและตายไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้.....

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status