Home / วาย / Merman บันทึกรักใต้มหานที / บทที่ 2 เกล็ดนางเงือก

Share

บทที่ 2 เกล็ดนางเงือก

last update Last Updated: 2025-04-30 16:54:10

ธาราตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามเย็น เมื่อตื่นขึ้นแล้วก็พบว่าน้ามูนานำอาหารมาจัดขึ้นโต๊ะไว้ให้พร้อมฝาครอบแก้วสีใสที่ทำให้มองเห็นอาหารที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วธาราจึงนั่งลงทานอาหารพร้อมกับหยิบเอาเอกสารที่วางอยู่คู่กันมาเปิดดู

มีหลากหลายงานวิจัยและทฤษฎีระบุว่าเป็นเพราะอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ทำให้หอยมุกของเขาไม่เจริญเติบโต หรือบางงานวิจัยนั้นระบุว่าเพราะแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของหอยมุกนั้นไม่สามารถทนความร้อนของน้ำที่เปลี่ยนไป ทำให้หอยมุกเจริญเติบโตไม่ดี หรือบางทีก็อาจจะเป็นเพราะขยะพลาสติกที่มนุษย์นั้นทิ้งลงไปในทะเล หรือเพราะการเดินทางข้ามเกาะของนักท่องเที่ยวที่สนใจมาอควาเรียมก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุเช่นกัน

ธาราคัดแยกงานวิจัยที่ตนคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ให้อยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนอันที่ไม่เข้าตาก็แยกไว้อีกฝั่ง เพื่อนำงานวิจัยเหล่านั้นไปพูดคุยกับนักวิจัยแต่ละคนเพื่อผลักดันให้ค้นคว้าศึกษาต่อในวันรุ่งขึ้น ธารานั่งทานอาหารไปพลางอ่านเอกสารไปพลาง จนกองเอกสารตั้งใหญ่ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ และมีเอกสารแยกกันสองฝั่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะต้องหยุดชะงักเมื่อหยิบเอางานวิจัยหนึ่งออกมา

การย้ายถิ่นฐานของเงือกส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

ธาราอ่านชื่องานวิจัยนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วหมุน อดคิดไม่ได้ว่าในสถาบันวิจัยของเขามีนักวิทยาศาสตร์สติฟั่นเฟือนอาศัยอยู่หรืออย่างไรกัน เหตุใดจึงมีคนหลงเชื่อเรื่องงมงายพรรค์นี้จนเขียนเป็นงานวิจัยออกมาได้ ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ฝ่ามือหนาก็หยิบคว้าเอกสารออกมากางออกดู เพราะอยากรู้ว่านักวิทยาศาสตร์คนนี้มีความคิดอย่างไรกันแน่

แต่เมื่อยิ่งได้อ่านความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะในเอกสารฉบับนี้เขียนไว้ประมาณว่า เพราะเผ่าเงือกย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัย ทำให้บริเวณใกล้เคียงนี้สัตว์น้ำไม่อุดมสมบูรณ์เฉกเช่นสมัยก่อน โดยมีหลักฐานของการมีอยู่ของเงือกคือเกล็ดปลาขนาดใหญ่ที่มีสีสันแปลกตา ธาราก้มลงมองภาพเกล็ดปลาที่ว่านั้น อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเกล็ดนั้นมีความสวยงามและแปลกตาอยู่จริง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเกล็ดของเงือกแต่อย่างใด

ธาราแยกเอกสารฉบับนั้นไว้ ลงความเห็นว่าคงต้องไปคุยกับนักวิจัยท่านนี้เป็นการส่วนตัวเสียแล้ว เพราะครอบครัวเขาไม่ได้เสียเงินจ้างเพื่องานวิจัยที่อยู่ในอุดมคติเช่นนี้ ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบเอกสารฉบับถัดไป ก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาชะงักมือและเปลี่ยนทิศทางไปรับสายแทน

“ครับ”

[ไปถึงแล้วเป็นยังไงบ้างธาร] เสียงของคนปลายดังขึ้น ชายเจ้าของชื่อจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ก็ดี มีอะไร”

[ฉันเป็นห่วงหรอกนะถึงได้โทรมาถามเนี้ย แล้วที่ว่ามาตามหาความทรงจำนั่นเป็นไงบ้างล่ะ?]

“ไม่เป็นยังไง ผมพึ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมงเอง ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหนเลยเถอะ” ธาราถอนหายใจ เอนตัวพิงกับพนักพิงของเก้าอี้ ตอบปลายสายด้วยเสียงเนือยๆ

[มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ]

“รู้แล้วน่า” ธาราตอบกลับไปติดจะรำคาญเล็กน้อย จนปลายสายถึงกับหัวเราะออกมา

[หึหึ เพราะฉันเป็นห่วงนายหรอกนะ]

“อืม” ธารายกยิ้มให้กับถ้อยคำนั้น

[โอเค ดูแลตัวเองด้วย]

“พี่ก็ด้วยนั่นแหละ” ธาราเอ่ยตอบกลับปลายสายไป ชายคนที่เขากำลังคุยอยู่ด้วยนี้คือพี่ชายแท้ๆ ของเขา อายุ 30 ปี ชื่อว่าสายชล ตอนที่เขายังเด็ก พลัดตกเรือ และถูกตามหาตัวจนเจอ พี่ชายของเขานั้นเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ทำให้ใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะบินลัดฟ้าข้ามประเทศกลับเข้ามาได้

และเพราะเหตุการณ์ที่เกือบจะเสียน้องชายไป ทำให้สายชลกลายเป็นบราคอนเต็มตัว อะไรก็ตาม แล้วแต่น้อง ตามใจน้องหมดทุกอย่างและคลั่งน้องเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสียน้องชายไปอีก ดังนั้นแล้วงานหรืออะไรก็ตามที่ธาราทำแล้วขัดใจบิดา ก็ได้พี่ชายคนนี้นี่แหละที่คอยช่วยเป็นกำลังเสริมให้ตลอด จนเขาได้มายืนอยู่ที่เกาะแห่งนี้ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนับเดือน เพราะพี่ชายรับช่วงต่อ เอางานของเขาที่ประจำอยู่สาขาใหญ่ไปทำแทน

ชายหนุ่มคิดพลางกดแป้นพิมพ์บนหน้าจอโทรศัพท์ของตน พิมพ์คำง่ายๆ ลงไปไม่กี่คำ และหลังจากนั้นเสียงเรียกเขาก็แผดร้องไม่หยุด จนเขาต้องกดลดเสียงและโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ไกลๆ เพื่อให้มีสมาธิอ่านหนังสือต่อมากขึ้น

รักนาย ไอ้พี่ชาย

และนั่นคือคำที่เขาพิมพ์ลงไปหลังจากวางสายจากอีกคน ทำให้ธาราอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขำ แล้วจึงก้มลงอ่านเอกสารงานวิจัยต่อ จนกระทั่งทานอาหารเสร็จและงานวิจัยที่หมดลง ชายหนุ่มคัดแยกงานที่น่าสนใจออกมาได้ไม่กี่ฉบับ คั่นด้วยงานวิจัยเรื่องของเงือกที่ต้องไปคุยกับเจ้าของผลงานเป็นการส่วนตัว แล้วปิดท้ายด้วยงานที่ไม่ผ่านการประเมิน

หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วไปล้านจานเก็บเข้าชั้น เดินขึ้นชั้นบนอีกครั้งเพื่อแปรงฟันและบ้วนปากหลังมื้ออาหาร และตามด้วยการนั่งทำงานหน้าโน๊ตบุ๊คของตน ธาราทำงานต่อด้วยใจที่ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่นัก จากคำพูดของพี่ชายที่สะกิดให้เขาอยากรู้และอยากค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยไว้ ดังนั้นแล้วแม้ว่าชายหนุ่มจะตั้งใจมาทำงานต่อ แต่สายตาของเขากลับสะดุดเข้ากับไข่มุกเม็ดงามที่เป็นประกายล้อเล่นกับแสงไฟ และสุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจปิดโน๊ตบุ๊คลงแล้วหยิบไข่มุกนั้นมาพิจารณาใกล้ๆ เอนตัวลงนอนพิงกับหมอนนุ่มใบโต

“มาได้ยังไงกันนะ.....” ธาราเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความสนใจใคร่รู้ นอนจ้องมันนิ่งๆ ปลายนิ้วแตะสัมผัสที่ไข่มุกนั้น รับรู้ได้ถึงความสากระคายไม่ราบเรียบเหมือนไข่มุกสังเคราะห์ ก่อนท้ายที่สุดจะตัดสินใจวางมันลงที่โต๊ะด้านข้าง พลิกตัวลงนอนหลับพักผ่อน หลังจากที่ห้วงเวลาไหลผ่านไปเกือบค่อนคืน

เช้าวันถัดมาธาราตื่นขึ้นแต่เช้า เพราะความไม่คุ้นชินและอยากจะตื่นขึ้นมารับบรรยากาศดีๆ ในยามเช้า ชายหนุ่มจัดการล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นสีกล้ามสีขาวพร้อมกางเกงวอร์มขายาวรองเท้าผ้าใบ ตัดสินใจออกกำลังกายยามเช้าด้วยการวิ่งเลียบไปตามชายหาด รอบลำคอแกร่งมีผ้าขนหนูคอยซับเหงื่อกาฬที่หลั่งไหล สวมใส่หูฟังเปิดเพลงในจังหวะสนุกสนานเพื่อปลุกให้ตนเองสดชื่นมากยิ่งขึ้นพร้อมรับวันใหม่

แสงสีส้มทอประกายในยามเช้าที่เส้นขอบฟ้า ธาราอดไม่ได้ที่จะหยุดยืนเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า ปกติแล้วเขามักจะทำงานในตึกสูงใจกลางเมือง แม้จะมีบ้างที่ออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ แต่ที่นั่นก็มีคนพลุ่งพล่านจนการวิ่งติดขัด พาลให้เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง จนตอนหลังเลือกที่จะวิ่งในยิมส่วนตัว ซึ่งภาพตรงหน้านั้นก็คือกระจกที่เผยให้เห็นภาพต้นไม้ใบหญ้าอันร่มรื่นจากฝีมือมนุษย์ หรือหากทำงานหนักก็จะนอนค้างที่บริษัทในห้องชั้นบนสุด ดังนั้นภาพพระอาทิตย์ยามเช้าจึงถูกบดบังด้วยตึกสูงทัดเทียมกันไปมาจนเขาหมดอารมณ์

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก หยุดยืนมองภาพตรงหน้าจวบจนกระทั่งพระอาทิตย์ฉายแสงได้เต็มที่ สองเท้าจึงเริ่มก้าวอีกครั้ง วิ่งตามชายหาดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดลงที่ตรงหินผาตระหง่าน อันเป็นเขตกั้นไม่ให้คนอีกฝั่งข้ามมาได้ หรือก็คือกลายเป็นเขตรั้วห้ามเข้าสำหรับคนภายนอกนั่นเอง

ดังนั้นแล้วธาราจึงตัดสินใจหมุนกายหันหลังกลับ ในจังหวะนั้นเองที่ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา จนต้องหันกลับไปมองอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ตั้งใจก้าวเท้าเข้าไปดูใกล้ๆ บางทีอาจจะเป็นพวกสัตว์ตัวเล็กๆ ที่บาดเจ็บก็เป็นได้ คิดพลางขยับเท้าเข้าไปใกล้

Rrrrrr Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาชะงัก ก้มลงรับสายนั้น พร้อมๆ กับขยับเท้าก้าวเดินจากไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าดวงของใครบางคนกำลังจ้องมองตรงมาด้วยความโกรธขึ้ง

“ครับ”

[คุณธารา ผมนำอาหารเช้ามาให้ครับ จะทานเลยไหมครับ ผมจะตั้งโต๊ะให้] ลุงบาซิมนั่นเองที่โทรมา ธารานิ่งคิดชั่วครู่แล้วจึงตอบรับกลับไป

“ตั้งโต๊ะได้เลยครับ ผมกำลังกลับไป” ว่าจบก็กดตัดสายแล้วรีบเร่งฝีเท้าจนเกือบจะกลายเป็นการวิ่งเหยาะๆ เพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านหลังงามอันเป็นที่พักอาศัยของเขา เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่าลุงบาซิมจัดการตระเตรียมโต๊ะอาหารไว้พร้อมสรรพ เขาจึงเดินเข้าไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายและจัดการอาหารตรงหน้าในทันที

ธาราใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็จัดการอาหารตรงหน้าเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจึงไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้วกลับออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงแสล็คคลุมทับด้วยชุดสูทที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศริมทะเลแห่งนี้เท่าไหร่นัก แต่เพราะเขาคิดอยู่เสมอว่าตนมาทำงานไม่ได้มาพักผ่อน ดังนั้นแล้วการแต่งกายจึงเป็นแบบทางการไปด้วย

ชายหนุ่มก้าวเท้าออกจากบ้านพักของตน มุ่งตรงไปยังศูนย์วิจัยพร้อมกับกองเอกสารในมือที่คัดแยกไว้เมื่อคืน หลังจากที่มาถึงแล้วก็เรียกเจ้าของงานวิจัยเหล่านั้นให้ไปพบ ทำการพูดคุยและแนะนำแนวทางรวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่จะช่วยให้งานวิจัยนั้นสัมฤทธิผล นอกจากนี้แล้วธารายังเรียกพบเจ้าของผลงานทฤษฎีเงือกย้ายถิ่นฐานเข้าพบเป็นการส่วนตัวอีกด้วย และตอนนี้คนๆ นั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ธารายกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด ก่อนจะเอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจอย่างที่สุด

“ลุงบาซิม.....” ชายชราที่เป็นไกด์นำทางให้เขาตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นเกาะมาส่งยิ้มให้ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน คือเจ้าของผลงานเรื่องเงือกย้ายถิ่นฐานนี่เอง แต่เพราะเจ้าของงานวิจัยนั้นใช้นามสกุลแล้วตามด้วยตัวอักษรย่อ ทำให้เขาไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วคือคนใกล้ตัวนี่เอง ชายหนุ่มทำใจอยู่ชั่วครู่ พยายามตั้งสติ แล้วเอ่ยปากเป็นการเป็นงานขึ้นมาแทน

“นี่เป็นงานวิจัยของลุงใช่ไหมครับ” ชายชราหยิบเอกสารขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความคาดหวัง

“ใช่ครับ คุณธาราสนใจงานวิจัยนี้หรอครับ” ธารามองท่าทีนั้นนิ่งงัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอกหนักใจขึ้นมา ก่อนจะส่ายศีรษะช้าๆ เป็นการปฏิเสธ

“เปล่าครับคุณลุง ผมไม่เชื่อว่านางเงือกจะมีอยู่จริง ดังนั้นงานวิจัยนี้คงจะไม่ได้ทำต่ออย่างที่คุณลุงหวังไว้น่ะครับ” ธาราปฏิเสธเสียงเรียบ ทำให้ชายชรานั้นนั่งหลังงองุ้มลงด้วยความเศร้าใจ แล้วจึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ครับ ผมเข้าใจ ถึงผมจะเพียรพยายามส่งมันเข้าร่วมประเมินเท่าไหร่ มันก็ถูกตีกลับมาตลอด คงไม่แปลกหากคุณธาราจะปฏิเสธมันเช่นกัน”

“ผมขอถามได้ไหมครับ อะไรที่ทำให้คุณลุงเชื่อว่านางเงือกมีจริง แค่เกล็ดปลาอันเดียว คุณลุงก็ปักใจเชื่อแล้วหรอครับ” ธาราถามคนที่มียศเป็นถึงด็อกเตอร์แต่เขาไม่เคยทราบด้วยความแปลกใจ

“นางเงือกมีจริงๆ นะครับ ผมเคยเห็นกับตา!” ชายชราเถียงออกมาอย่างไม่ยินยอม ทำให้ธาราถึงกับถอนหายใจ

“มันอาจจะเป็นแค่ปลาตัวใหญ่ก็ได้นี่ครับ” บาซิมส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับร้องบอกหวังให้ชายหนุ่มรุ่นลูกเชื่อตนเอง

“ผมเคยเห็นนางเงือก เธอมีรูปร่างงดงาม ปลายหางเป็นเกล็ดสีฟ้าของท้องทะเล” ไม่พูดเปล่า แต่บาซิมยังหยิบเอาเกล็ดนางเงือกที่ว่าออกมาให้ดูอีกด้วย มันถูกเก็บไว้ที่ลำคอของชายชรา ลุงบาซิมใช้มันต่างเครื่องรางห้อยคอ และพามันไปด้วยในทุกๆ ที่ บาซิมวางมันลงตรงหน้าของธาราช้าๆ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ

กึก!

ธาราชะงักไปเมื่อได้มองเกล็ดเงือกนั้นอย่างชัดเจน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เอ่ยปากออกไปในทันที

“ผมขอซื้อมันได้ไหมครับ?” ชายชรามีท่าทีแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก

“ไหนคุณธาราบอกว่าไม่เชื่อว่านางเงือกมีจริง”

“ครับ ผมไม่เชื่อ แต่ผมก็สงสัยในเกล็ดเงือกของคุณลุงอันนี้เช่นกัน เพราะงั้นผมจะนำมันไปให้นักสัตว์น้ำวิทยาช่วยพิสูจน์ให้ครับ”

“ผมไม่ขายครับ” บาซิมกล่าวพร้อมกับแบมือขอมันคืนจากชายหนุ่ม ธาราวางมันลงอย่างเสียดายเล็กๆ ที่ไม่ได้มันมาครอบครอง แต่เขาเองก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ให้มากความ ยินยอมส่งกลับคืนไปแต่โดยดี

“เกล็ดเงือกอันนี้ช่วยให้ผมสามารถหายใจในน้ำได้ ดังนั้นผมจะไม่ยอมเสียมันไปให้กับเม็ดเงินเหล่านั้นอย่างแน่นอน”

“.....”

“ถ้าคุณธาราไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายชราว่า พร้อมกับหมุนตัวเตรียมหันหลังออกจากห้อง แต่เสียงของคนรุ่นลูกก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าคุณลุงเชื่อว่ามีจริง...... เอาสิ.... ผมจะให้เงินสนับสนุนงานวิจัยของคุณลุงเอง” ธารามองคนตรงหน้านิ่งงัน เรียกให้ชายชรานั้นหันกลับมามอง

“ถ้าคุณลุงเชื่อนักหนาว่านางเงือกมีจริงอย่างที่ว่า ผมเองก็อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่เงินสนับสนุนนั้นจะมาจากผมเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือสถาบันวิจัย คุณลุงมีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าได้ แต่สิทธิ์ทุกอย่างในงานวิจัยและตัวนางเงือกนั้นจะต้องเป็นของผม” บาซิมขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยแย้ง แต่ธารารู้ดีว่าชายชราต้องการสิ่งใด

“ผมจะให้เงินเดือนคุณลุงเดือนละ 5 ล้าน และ งบประมาณ 50 ล้านต่อปีสำหรับซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น และคุณลุงจะได้เงินเพิ่ม หากงานวิจัยนั้นมีความคืบหน้าและสามารถพิสูจน์ได้จริงอีกครั้งละ 20 ล้าน แต่คุณลุงจะไม่มีสิทธิ์ในงานวิจัยใดๆ เลย ห้ามเผยแพร่ ห้ามป่าวประกาศ ทุกอย่างต้องดำเนินการเป็นความลับ ถ้าคุณลุงตกลง ผมจะจัดหาทีมงานที่ไว้ใจได้มาช่วย รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยให้คุณลุงครอบครองเพียงคนเดียวเลย สนใจไหมครับ” ธาราพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่มุมปาก

ชายชราอึกอักบวกลบคูณหารอยู่ภายในใจ เขาสาบานว่าเขาเคยเห็นจริง แต่ก็ไม่รู้จะตามหานางเงือกที่ว่านั้นได้จากที่ใด แต่หากเขาเข้าร่วมการค้นคว้านี้ อย่างน้อยเขาก็ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ และได้มากกว่าที่คาดหวังไว้กับบริษัทที่เขาทำงานด้วยเสียอีก ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่สุดท้ายบาซิมจะตัดสินใจพยักหน้ารับและเอ่ยปากตอบตกลง

“ตกลงครับ ผมจะร่วมงานกับคุณ”

“ดีครับ แล้วผมจะให้คนร่างหนังสือสัญญาให้ อาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ระหว่างนั้นก็ช่วยรวบรวมและลิสรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ต่องานวิจัยของคุณลุงได้เลยครับ” บาซิมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความลิงโลดเต็มหัวใจ

ธารามองตามหลังจนกระทั่งประตูนั่นปิดลง ในดวงตาที่เป็นประกายอบอุ่นอ่อนโยนราวเทพบุตรผู้ใจดีมาจุติยังพื้นโลกเลือนหายไป เหลือไว้เพียงความนิ่งเฉย และแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยใคร่รู้

หากครอบครัวของเขารู้ อาจจะมองว่าเขาบ้ามากที่ยอมมอบเงินเกือบร้อยล้านให้กับชายที่พึ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน แถมแปรเปลี่ยนจากที่ตั้งใจจะตำหนิอีกฝ่าย กลับกลายเป็นการลงทุนร่วมกันไปซะได้ แต่เขาเชื่อคำพูดนั้น คำพูดที่ว่าเคยเห็นนางเงือกกับตาตัวเอง และในแววตานั้นแน่วแน่จริงจังและไม่มีแววโกหกกันแม้แต่น้อย หากไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง คงไม่เพียรพยายามเขียนงานวิจัยเดิมซ้ำๆ และส่งมันเข้าร่วมพิจารณาตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา และอีกเหตุผลที่ธาราตัดสินใจที่จะเชื่อชายชรานั้นก็เพราะว่า ……..

เกล็ดปลาและไข่มุกของเขานั้น.......

มันมีเสียเดียวกัน.......

ดวงตาคมกล้าเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้าง พื้นหลังเป็นสีฟ้าครามสดใสชวนมอง อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

“ทำไมกันนะ.....”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 3 คนหลอกลวง

    ธาราปัดเรื่องของนางเงือกออกไปจากหัวสมอง จัดการสะสางงานของตนต่อไป จนกระทั่งบ่ายแก่ชายหนุ่มก็ว่างจากภาระงานทั้งหมดของวัน แผ่นหลังกว้างเอนตัวพิงไปกับพนักพิงของเก้าอี้ตัวโต สะบัดศีรษะไปมาพลางยกมือนวดต้นคอของตน แล้วจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน มุ่งตรงกลับบ้านพัก จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ขับไล่ความเหนื่อยล้าและเปลี่ยนจากชุดสูททางการมาเป็นเสื้อเชิ้ตเนื้อบางที่เหมาะกับชายทะเล ด้านในสวมใส่เสื้อกล้ามเอาไว้ และกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มและรองเท้าแตะเบาสบายสองเท้าก้าวเดินไปตามทางอย่างไม่รีบร้อนชมบรรยากาศในยามบ่ายแก่ที่แสงแดดและสายลมกำลังพอดี ชายหนุ่มก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ภูเขาสูงใหญ่ อันเป็นสถานที่ที่เขามาเยือนเมื่อเช้า ด้วยความสงสัยใคร่รู้สองขาจึงขยับก้าวเข้าไปใกล้ เดินสำรวจบริเวณโดยรอบจึงได้รู้ว่าภูเขาแห่งนี้มีถ้ำขนาดใหญ่ น้ำจากมหาสมุทรสามารถแทรกซึมผ่านเข้ามาได้ ดูจากที่มีคราบน้ำเกาะก็พอจะบอกได้ว่ามันสูงขนาดไหนธาราเดินสำรวจโดยรอบอีกเพียงชั่วครู่โดยไม่คิดจะเข้าไปดูด้านใน เขาไม่อยากสร้างเรื่องให้ตัวเองต้องได้รับอันตรายโดยการเดินเข้าไปในสถานที่ที่ไม่รู้จักและไม่มีคนนำทาง ดังนั้นแล้วช

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 4 คาไนน์

    “เจ้าเป็นคนรักของข้า......” ธารานิ่งไปทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น แต่เพียงไม่นานอาการเหล่านั้นก็จางหายไป แม้ใจของเขานั้นจะไม่อยากเชื่อในสิ่งเหล่านี้ แต่คิดว่าคนตรงหน้าคงไม่โกหกและโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟเพียงเพราะเขาเอาไข่มุกของอีกฝ่ายไปแน่หากอีกคนบอกว่าเขาเป็นคนรักจนยอมมอบหัวใจให้ ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่นักที่อีกฝ่ายจะโกรธเขาถึงเพียงนี้ เพราะลองคิดในมุมกลับกัน หากเขาที่เป็นคนจดจำทุกอย่างได้ แต่กลับไม่สามารถออกไปตามหาคนรักได้ ทำได้เพียงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเนิ่นนานเกือบ 10 ปี เขาเองก็คงจะโกรธแค้นอีกฝ่ายมากเช่นกัน“งั้นคุณช่วยเล่าเรื่องราวระหว่างเราให้ผมฟังได้ไหมครับ แลกกับไข่มุกเม็ดนี้” ธาราหยิบเอาไข่มุกเม็ดงามที่ตนทำตกไว้ขึ้นมาถือไว้กลางฝ่ามือ เงือกหนุ่มตรงหน้าเขามองจ้องมาทางเขาด้วยท่าทีนิ่งงัน เส้นผมสีไลท์เกรย์พลิ้วไปกับสายน้ำจนคล้ายกับว่ามันมีชีวิต เงือกหนุ่มหมุนตัวหันหลัง เอ่ยบอกด้วยเสียงเรียบนิ่งยากที่จะคาดเดา“หัวใจของข้าคงไร้ค่าสำหรับเจ้าจริง..... มิเช่นนั้นเจ้าคงมิยอมปล่อยมันไปอย่างง่ายดายเช่นนี้” เงือกหนุ่มกล่าวก่อนจะตั้งท่าเตรียมว่ายน้ำจากไป ทำให้ธาราสะดุ้งตกใจ จนรีบว่ายน้ำตามไปแล้วจับแขน

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 5 คิดถึง..... NC+++

    “มะ ไม่ใช่แล้วโว้ยยยยย ใครจะยอมเป็นเมียนายกันห๊ะ!!!!”ผลั๊วะ!!“โอ้ย!!!!” เสียงร้องครวญครางของเงือกหนุ่มที่โดนฝ่ามือใหญ่ตบเข้าไปเต็มๆ บ้องหูจนทำให้ใบหน้าของคาไนน์สั่นสะเทือนและสะบัดหันไปอีกทางในทันที เงือกหนุ่มลู่หูลงอย่างเหงาหงอย พวงหางยาวระย้าสะบัดส่ายไปมาสองสามทีก่อนจะหยุดนิ่งลง ธารารู้สึกราวกับว่าตัวเองเห็นคนตรงหน้าเป็นสุนัขตัวโตที่แสดงท่าทีเหงาหงอย ไม่ใช่เงือกหนุ่มที่โมโหโกรธาเขาเมื่อวานเย็นจนกระทั่งกรีดกรงเล็บฝากรอยแผลไว้ที่อกของตน คาไนน์กล่าวด้วยเสียงอุบอิบ ช้อนสายตาขึ้นมอง"แต่มันจะช่วยทำให้เจ้าจดจำเรื่องราวได้มากขึ้น" "วิธีอื่นมีเยอะแยะไป ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้!!" ธาราร้องออกมาเสียงดัง ในขณะที่คาไนน์นั้นส่ายศีรษะไปมา"ไม่จริง หากเจ้าจำได้จริง เจ้าคงจะจำได้ตั้งแต่เห็นหน้าข้าหรือรังรักของเราแล้ว" ธารากะพริบตาปริบ อดที่จะเห็นด้วยไม่ได้ เมื่อเขาในตอนนี้ไม่มีภาพความทรงจำของเงือกหนุ่มตรงหน้าอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ยินยอมให้ไอ้แท่งเนื้อที่ใหญ่โตนั่น มาแทงเข้าสู่ช่องทางของเขาเช่นกันดูสิ โดนตบหัวไปขนาดนั้นมันยังผงกหัวหงึกๆ ทักทายเขาอยู่เลย!!!"อึก! นะ นายจะทำอะไร" เสียงของธาราคล

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 6 มีพระชายาโดยไม่ปรึกษาผู้ใด!!!!

    เย็น......หนาว......หายใจไม่ออก......เขาใกล้จะตายแล้ว.....ธารารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากนิทรา ดวงตาทรงแอลมอนด์เรียวเล็กปรือขึ้นมาช้าๆ ทัศนีย์ภาพที่ไม่คุ้นเคยทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันช้าๆ ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือพัดตกจากเรือสำราญและตกลงมาสู่ห้วงมหาสมุทรที่เย็นเฉียบจับขั้วหัวใจ ก่อนที่จะหมดสติไปเขารับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งพุ่งเข้าหาตน และมันอ้าปากกว้างเตรียมพร้อมสำหรับการกลืนกินชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง รับรู้ได้ว่าลำคอแห้งผากและมีรสเค็มปร่ากระจายไปทั่วริมฝีปาก เขามองออกไปรอบตัวด้วยความไม่เข้าใจ เห็นเพียงเสียงรำไรและผนังที่เย็นเฉียบฉ่ำชื้น ในตอนนี้เขานั่งอยู่เพียงลำพังภายในถ้ำที่มืดมิด มีแสงสว่างสาดส่องอยู่ที่ปลายทางทำให้เขาต้องหรี่ตามองตอนนี้เขายังคงมึนงง สับสน ไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่กระนั้นก็ยังยันตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะได้ออกไปดูนอกถ้ำให้ชัดเจน ธารายันตัวลุกขึ้นยืน เดินไต่ไปตามผนังพร้อมๆ กับการห่อตัวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายที่เปลือยเปล่ากึก!!ไม่มี.... เสื้อผ้า......ชายหนุ่มชะงักก่อนจะก้มลงมองที่ด้านล่างและลากไล้สายตาไปทั่วตัว ก่อนจะภาพร่างกายเปลือยเป

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 7 ภรรยาโกรธเคือง

    คาไนน์โคลงศีรษะไปมาอย่างไม่สนใจเท่าไหร่นักให้กับคำพูดของเลโอ ก่อนจะจับดึงคนที่กำลังหลับใหลมาไว้ในอ้อมแขน มองดูแล้วว่าตรงนี้คงไม่เหมาะให้อีกฝ่ายอยู่อาศัย เอาไว้ให้คุ้นชินกันมากกว่านี้ค่อยพาลงมาที่ใต้บาดาลและพาไปพบกับบิดาของตน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้าที่จะมองหาเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุดและอุดมสมบูรณ์พร้อมสำหรับการอยู่อาศัย ที่สำคัญเกาะนั้นต้องร้างไร้ ปราศจากผู้คน และมีถ้ำอยู่ด้านล่างเพื่อให้เขาสามารถใช้ถ้ำเป็นทางขึ้นลงสู่ห้วงมหาสมุทรได้โดยง่ายธาราวนเวียนแหวกว่ายไปมา จนสุดท้ายแล้วคนที่นำทางให้ก็คือเลโอ เพราะอีกฝ่ายหนีออกมาเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง ต่างจากเขาที่แทบไม่ได้ออกไปที่ใดเลย และเพราะแบบนั้นทำให้เขามาถึงเกาะแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากจุดที่อีกคนพลัดตกลงมามากนัก เขาพาคนในอ้อมแขนเอนนอนพิงลงที่โขดหินฝั่งหนึ่ง ลำตัวครึ่งล่างถูกแช่อยู่ในน้ำ“ข้าจะไปหาอาหารมาให้” คาไนน์พยักหน้ารับ ขณะที่ยันตัวขึ้นไปอยู่บนบกบริเวณที่เย็นและชื้นเพื่อคอยดูแลและอุ้มอีกคนขึ้นจากน้ำ ครีบยาวระย้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขาแข็งแกร่ง ในคราแรกเขานั้นเดินล้มกลิ้งคว่ำคะมำไม่เป็นท่า แต่ก็ยังกัดฟันพยายามก้าวเดินไม่หยุด จนสามารถเดินเ

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 8 เศษเสี้ยวความทรงจำ

    Thara Partธารายินยอมกล้ำกลืนสาหร่ายสีเขียวออกคล้ำเข้าปากอย่างจำใจ มันไม่ได้อร่อยเหมือนสาหร่ายทอดที่เขาเคยกินทั่วไป แต่มันเหมือนสาหร่ายที่อยู่ในซุปมิซโซะอาหารญี่ปุ่นแบบที่เขาเคยกินในบางครั้ง แต่ยังคงมีความเค็มปะแล่มของน้ำทะเลที่ช่วยให้สาหร่ายเส้นนี้มีรสชาติที่เค็มจัด แต่คนป่าตรงหน้านั้นกลับเคี้ยวกินเข้าปากโดยไม่แสดงอาการใดออกมา ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะเคยชินกับอาหารแบบนี้ และเขาคงเลือกมากไม่ได้ เพราะอาการปวดท้องในตอนนี้เรียกร้องให้เขาหาบางสิ่งเข้ามาเติมเต็มในกระเพาะ ทำให้ต้องจำใจกล้ำกลืนสาหร่ายรสเค็มปี๋เข้าปากอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนั้นเองที่เขาได้มีโอกาสมองออกไปรอบๆ ถ้ำกว้างใหญ่จนไปสะดุดตาเข้ากับบางสิ่งที่มีสีสันคุ้นตา“นั่นมัน.....” เสียงหวานเอ่ยออกมาแผ่วเบา เขาไม่ได้สนใจคนข้างกายที่หันมามองด้วยดวงตาใสแป๋ว แต่กลับก้าวเดินเข้าไปใกล้ที่จุดนั้นอย่างรวดเร็ว เขาทรุดตัวนั่งลงพร้อมกับจ้องมองตาวาว หันไปเอื้อมคว้ามาถือไว้ในมือ ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ที่เดิมไม่ละสายตา“ผมกินอันนี้แทนได้ไหม”“......”“..... งั้น.... ผมกินนะ...” เมื่อเขาไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่าย ริมฝีปากบางก็เม้

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 9 ไปด้วยกัน

    ธารามองคนที่ขยับไปนั่งคุดคู้อยู่มุมถ้ำด้วยความเหนื่อยใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นดันพูดขึ้นมาว่าจะขอทำซ้ำอีกรอบ ในคราวนี้เลยได้ฝ่ามือเขาฟาดเข้าที่หน้าเต็มๆ จนเกิดเป็นริ้วแดงบนแก้วขาวนวล และด้วยเพราะฝ่ายมือนี่แหละ ทำให้ไอ้เงือกบ้านั้นชะงัก และทำหน้าเศร้า น้ำตาหยดแหมะเป็นไข่มุกร่วงหล่นลงมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงนั่งกอดอก มองจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ทำให้เจ้าเงือกชายแสนสวนค่อยๆ ว่ายน้ำ พาร่างตนเองไปทิ้งตัวลงกับพื้นถ้ำที่มุมหนึ่ง ตบหางปลาไปมาสลับกับการสะอื้นไห้ ตัดพ้อต่อว่าเขาด้วยความน้อยอกน้อยใจ“ฮึก ข้าได้ทิ่มไปคราเดียวเอง ฮึก เมื่อก่อนยังเยอะกว่านี้มากนัก ฮือ” พูดพร้อมสะอื้นไห้ ต่างจากคนฟังที่เส้นเลือดบนขมับเต้นตุ้บ นึกอยากจะเข้าไปดึงทึ้งเส้นผมมาตบๆ ให้หายบ้า แต่พอหันไปมองก็รู้สึกว่าตนเองเป็นคนหยาบช้า ที่ทำร้ายคนงามได้ลงคอ!“ผมจะกลับล่ะ” ธาราถอนหายใจเฮือก ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นยืนจากแท่นหิน สาหร่ายที่ปูไว้รองนอนตอนนี้ขาดกระจุยตามแรงดึงรั้งทั้งจากของเขาและของเจ้าเงือก แถมยังพักแข้งพันขาจนเขากระชากจนขาดกระจุย แล้วจึงเดินออกไปนอกถ้ำ หากแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกไปดั่งใจอยาก อีกฝ่ายก็ถลาเข้ามากอดเขาเอาไว้แ

    Last Updated : 2025-04-30
  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 10 คาไนน์กับการลงอ่างครั้งแรก.....

    หลังจากที่คาไนน์เอ่ยปากตกลง ยินยอมที่จะตามมาอยู่ด้วยกันบนบก คาไนน์ก็พาธาราว่ายน้ำมุ่งตรงมาที่ด้านบนผิวน้ำบริเวณเดียวกันกับแอ่งน้ำใต้ถ้ำที่เดียวกันกับตอนที่ถูกพาลงมา ธาราใช้สองมือเกาะโขดหินเอาไว้แน่น แล้วพาตนเองขึ้นจากน้ำได้ในที่สุด แต่เมื่อหันมองที่ข้างแล้วกลับว่างเปล่า ไม่มีเงือกบ้าที่ว่ายน้ำตามกันมาแต่อย่างใดดังนั้นธาราจึงหันไปมองคนที่พาเขามาถึงฝั่ง เห็นคนตัวเล็กนั้นพยายามเกาะโขดหินแล้วยันตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล เหตุเพราะอีกฝ่ายไม่มีขาที่ใช้ยันหินหรือพยุงตัว แต่กลับมีครีบหางที่ปัดไปปัดมา คล้ายปลาที่ดิ้นแด่วๆ อยู่บนบก เมื่อธาราเห็นเช่นนั้นจึงสอดมือเข้าที่ช่วงรักแร้ของอีกคน พร้อมๆ กับยกตัวขึ้นให้พ้นน้ำ ก่อนจะวางลงที่โขดหิน ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพที่ครีบหางค่อยๆ หลุดออกและสลายไป ก่อนจะกลับกลายเป็นขาขาวเรียวสวยปรากฏอยู่ตรงหน้าแทนธารากวาดสายตาสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้งชัดๆ หากไม่เห็นว่าที่แผ่นอกนั้นเล็กบางและแบนราบ บวกกับอะไรบางอย่างที่หดตัวนุ่มนิ่มอยู่ที่กลางลำตัว เขาก็คงจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวไปแล้วแน่ๆ ใบหน้าที่งดงามจิ้มลิ้ม ดวงตาที่เป็นใบประกาย เส้นผมแผ่สยายยาวระไปกับผืนทราย ยังขับเน

    Last Updated : 2025-04-30

Latest chapter

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 18 ความลับของเส้นขน (ผม)

    Kanine Partคาไนน์ยกปลายนิ้วไล้เกลี่ยผิวแก้มของผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มกว้างที่มีให้กัน กับคนเพียงผู้เดียว ก่อนที่จะค่อยๆ กดแทรกกายของตนให้เข้าลึกที่สุดของช่องทางสีหวานฉ่ำ ลำกายนั้นขยับขยายขนาดเพิ่มเติมเต็มช่องวางภายในนั้นจนติดล็อกแน่นอยู่ภายใน ปิดกั้นหยาดน้ำสีขาวขุ่นไม่ให้ไหลออกจากร่างกายโปร่งบางที่ยังคงหลับใหลไม่รับรู้เรื่องราว ท่วงทำนองเสียงหวานเอ่ยดังผะแผ่วราวกับจะช่วยขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี“ฝันดีนะ ภรรยาที่รักของข้า......” พูดแล้วก็เอนตัวซุกซบลงบนอกของคนที่อยู่ใต้ร่าง ศีรษะเล็กทุยนั้นขยับไปมาร้าวกับลูกแมวออดอ้อนเจ้าของ ธาราที่ยังคงติดอยู่ในห้องฝันขมวดคิ้วให้กบสัมผัสวาบหวามที่สอดแทรกเข้าลึกในกาย จนเมื่อสิ่งนั้นสงบนิ่ง เจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจแล้วจมลงสู่ห้องนิทราอีกหนคาไนน์ยังคงฮัมเพลงในลำคอด้วยความอารมณ์ดี ปลายนิ้วเขี่ยไล้ลูบวนที่ยอดอกสีเข้มของอีกฝ่ายอย่างสบายอกสบายใจ ความรู้สึกล้ำลึกปะปนไปกับความโหยหาที่ถวิลถึงเนื่องจากตอนนี้ทั้งธาราและคาไนน์พากันอพยพย้ายขึ้นมาอยู่อาศัยบนบก คาไนน์เองก็ยังคงมีความคิดถึงบ้านบ้างเป็นบางค

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 17 ห้วงฝัน

    ความรู้สึกร้อนรุ่มแผ่กระจายไปทั่วทั้งตัว ทำให้ธาราถึงกับขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเล็กน้อย และนั่นทำให้ใครบางคนที่ปีนป่ายขยับมานั่งคร่อมทาบทับกันถึงกับหยุดชะงัก ดวงตากลมโตสดใสแวววาวเหลือบตาขึ้นมองด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ลมหายใจที่สม่ำเสมอคงที่ก็ถูกปล่อยออกมา ทำให้คนที่ยังคงตื่นอยู่ลอบถอนหายใจแล้วปฏิบัติการขั้นถัดไปในทันที.....ธาราลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับความมืดมิดรอบด้าน ได้ยินเสียงคลื่นน้ำกระทบหาดทรายดังขึ้นอย่างชัดเจนสะท้อนก้องอยู่ในหู เขากวาดสายตามองออกไปรอบตัว กลับพบว่าตนเองตื่นขึ้นจากผืนทราย มิได้นอนอยู่บนเตียงและกกกอดใครอีกคนไว้ในอ้อมแขนแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาปรับสายตาได้ จึงเห็นว่าสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือถ้ำแห่งหนึ่ง......“ออกเสียงตามผมนะ กอไก่” สายตาของเขาหันไปยังทิศทางที่มาของเสียนั้น ก่อนจะพบกับภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น รูปร่างยังคงคล้ายกับเด็กมัธยมต้น แทนที่จะเป็นช่วงมหาลัยตามอายุ และใช่ คนๆ นั้น คือเขาเอง....“กอ...” เสียงของใครบางคนพยายามจะเลียนแบบสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยคำเมื่อครู่ ท

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 16 ศูนย์วิจัยใต้ดิน

    ตอนนี้ทั้งเขาและลุงบาซิมกำลังนั่งประจันหน้ากันในห้องทำงานส่วนตัวที่ศูนย์วิจัยในช่วงเย็นค่ำของวัน หลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะทำห้องวิจัยและนำเอามาปรึกษาพูดคุยกับอีกฝ่าย เขากลับได้รับคำตอบที่น่าตกใจยิ่งกว่า....“ครับ ที่ใต้อควาเรียมนั้นมีศูนย์วิจัยอยู่ก่อนแล้ว” ลุงบาซิมยืนยันหลังจากที่เขาเอ่ยถามซ้ำไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตนเอง ก่อนที่ลุงบาซิมจะเล่าถึงความเป็นมาของห้องวิจัยนั้นด้วยตนเอง“คือตอนที่คุณท่านตัดสินใจซื้อเกาะนี้แล้วเพาะเลี้ยงหอยมุกขาย ท่านก็มีการสั่งให้ทำห้องวิจัยเอาไว้ใต้ศูนย์นิทรรศการอยู่ก่อนแล้วน่ะครับ และแน่นอนว่า....... ใช้เพื่อวิเคราะห์และสำรวจหาเหล่าเงือกเหมือนกัน” เพียงเท่านั้นหัวใจของธาราก็เย็นเหยียบขึ้นมาในทันที เขาเงยหน้ามองคนพูดนิ่งๆ อีกฝ่ายที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเล่าเรื่องราวต่อโดยไม่ต้องเอ่ยปากแต่อย่างใด“ตอนนั้นท่านบอกว่า ตอนที่พบคุณธาราแล้วพาตัวกลับไปรับการรักษาที่กรุงเทพ คุณธาราพยายามดิ้นรนเป็นอย่างมาก พยายามที่จะกลับมาที่เกาะนี้ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรมา คุณท่านบอกเพียงแค่ว่าคุณธารายืนกรานว่าเงือกมีอยู่จ

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 15 การแต่งงานของเหล่าเงือก

    ในที่สุดหลังจากที่ธาราขลุกอยู่กับคาไนน์ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ฝึกพูด ฝึกเดิน และหัดการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ปกติทั่วไป ตอนนี้วันเวลาผ่านเลยไปหลายสัปดาห์แล้ว และธาราไม่อาจเกเรไม่ยอมทำงานทำการมากไปกว่านี้ได้ นั่นด้วยเพราะผู้เป็นบิดาและพี่ชาย มักจะโทรมาถามข่าวคราวอยู่เสมอซึ่งธาราได้แต่อึกอักในลำคอ เอ่ยตอบไม่เต็มเสียง จะให้เขาบอกครอบครัวได้อย่างไร ว่าหลังจากที่ลงมาดูงานยังไม่ถึงอาทิตย์ ก็เก็บเอาเงือกตนหนึ่งมาเลี้ยงดูเสียแล้ว ดังนั้นแล้วธาราจึงต้องจำใจปล่อยคาไนน์ไว้ที่บ้านพักเพียงลำพัง ส่วนตนเองนั้นก็เข้ามาทำงานตรวจเอกสารอยู่ที่ศูนย์วิจัย บางครั้งก็หอบงานกลับไปทำที่บ้านพักด้วยแม้ว่าบิดาและพี่ชายจะเร่งตามยิ้กๆ ให้เขากลับไปช่วยงานในกรุงเทพ หากแต่เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะอยู่ต่อ ไม่ยินยอมเดินทางกลับแต่อย่างใด แถมยังบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่าเขาอาจจะย้ายมาอยู่ประจำการที่นี่เป็นการถาวร และหากมีเรื่องด่วนอะไรหรือจำเป็นจริงๆ ค่อยขึ้นเครื่องกลับไปจัดการ หลังจากจบคำบอกกล่าว คนทางบ้านก็พากันร้องโวยวาย หากแต่เจ้าตัวไม่คิดจะอยู่ฟัง กลับกดตัดสายทิ้งไปในทันที แล้วโยนโทรศัพท์ส่งๆ ไว้บนโต๊ะทำงานดว

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 14 ฝึกเดิน

    คาไนน์กำลังรู้สึกว่าตนเองถูกทรมาน.....นั่นก็เพราะว่าธาราบังคับขู่เข็ญให้เขาพยายามพูดออกเสียงให้ได้น่ะสิ!!!“ลองใหม่ครับ” ธาราในตอนนี้นั่งอยู่ข้างกัน มีปากกาอยู่ในมือและใช้มันชี้ไปที่แบบเรียนตัวอักษรอย่างใจเย็น“ตะ”“ตอเต่า”“ตะ” แรกเริ่มเดิมที ในคราแรกที่ธาราให้คาไนน์ลองออกเสียง อีกฝ่ายทำได้เพียงแค่เปล่าเสียง อื้อๆ อ่าๆ ออกมาเท่านั้น หากแต่พอเป็นคำพูดในหัวนั้นกลับพูดได้ลื่นไหล นั่นอาจจะเพราะภาษาที่เฉพาะของอีกฝ่าย ภาษาเงือกที่คาไนน์บอกว่าเราพูดคุยได้และเข้าใจกัน เพราะเขาเป็นภรรยาเงือก แต่ในเมื่อตอนนี้ขึ้นมาอยู่บนบก คาไนน์จะต้องอ่านออก เขียนได้ พูดได้ และต้องฝึกเดินให้ได้ด้วย“ลองใหม่ครับ ตอเต่า”“ตอตา” แม้มันจะดูยากไปสักหน่อย และต้องใช้ความอดทนไม่น้อย แต่ธาราคิดว่าอยู่เสมอว่าเขากำลังเลี้ยงเด็กเล็กที่อ่อนต่อโลกคนหนึ่ง ดังนั้นแล้วเขาจะต้องใจเย็นให้มาก เพื่อให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกกดดันจนเกินไปนัก ความคิดของเขาสะดุด เมื่อจู่ๆ คนที่นั่งอยู่ข้างกันก็ทิ้งตัวไปนอนแผ่หลาลงบนโต

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 13 สร้างสรรค์ปั้นแต่ง

    ในเช้าวันถัดมา ธาราก็จับคาไนน์ให้ไปอาบน้ำแปรงฟันและจับแต่งตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีสิ่งที่พิเศษแตกต่างจากเมื่อคืนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ....‘ภรรยา ข้าเจ็บ.....’“อดทนหน่อยสิ”‘งื้ออออออ’ เสียงร้องประท้วงแผ่วเบาดังขึ้นในลำคอของเงือกหนุ่ม ตอนนี้ทั้งคาไนน์และธารากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เส้นผมสีเงินเป็นยวงของคาไนน์ถูกจับสางไปมาและจับแต่งทรงผม นั่นเพราะหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ธาราก็ตั้งใจจะพาคาไนน์ลงมาทานอาหารที่ด้านล่าง แต่เพราะผมที่ยาวจนเกินไปของคาไนน์ ทำให้ธาราเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เท้า จนคาไนน์หัวกระตุกหน้าหงายเงิบสุดท้ายธาราจึงตัดสินใจที่จะพาคาไนน์มานั่งลงที่หน้ากระจกเงา แล้วพยายามทำผมให้อีกฝ่ายเพื่อให้ผมไม่ยาวรุงรังเช่นแต่ก่อน และเพราะเขาเป็นผู้ชาย ยางมัดผมจึงไม่เคยได้ใช้งาน สุดท้ายก็ต้องลงไปขอยางมัดแกงจากห้องครัวกับน้ามูนา เพื่อเอามาทำผมให้อีกฝ่าย แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นอีก เมื่อธาราทำผมไม่เป็น แน่ล่ะ เขาจะไปเคยทำผมให้ใครได้ยังไง ในเมื่อชีวิตนี้เขาไม่เคยมีหญิงสาวข้างกาย จะไม่เคยทำผมให้

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 12 คาไนน์กับการกินข้าว......

    หลังจากที่ธาราจัดการคาไนน์ให้สวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อยดี เขาก็โอบอุ้มคนตัวเล็กกว่าลงไปที่ห้องรับประทานอาหาร ดวงตาคมกล้าเหลือบมองเวลา ขณะนี้ล่วงเข้าวันใหม่ไปเล็กน้อย ทางที่ดี เขาควรจะรีบพาคนตัวเล็กไปทานอาหาร แทนที่จะกัดแทะเสื้อผ้าของเขาประทังชีวิตดังนั้นแล้วหลังจากที่พาคาไนน์มาถึง ก็จับให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ดีๆ ตรงหน้าของพวกเขามีกับข้าวพร้อมฝาครอบวางไว้อยู่ ธาราไม่รอช้าที่จะตักข้าวแล้วนำไปวางลงตรงหน้า พร้อมกับจัดเตรียมน้ำเปล่าให้คาไนน์ด้วย คนตัวเล็กได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ เพราะยังใช้ขาไม่คล่อง ทำให้ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ดั่งใจอยาก จึงทำเพียงมองตามหลังภรรยาของตนไปมาเท่านั้น จวบจนกระทั่งธารามาทรุดตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณและเอ่ยบอกเป็นคำพูด“ทานได้ครับ” นั่นทำให้คาไนน์ดวงตาลุกวาวด้วยความหิวโหย จับคว้าจานเข้ามาใกล้ แล้วกัดเข้าไปเต็มคำกร๊วม!!!‘โอ้ย!!!’ เสียงร้องดังขึ้นภายในหัว ทำให้ธาราถึงกับต้องหรี่ตาเมื่อมันดังลั่นจนหูอื้ออึง จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบิกตากกว้าง ทะล

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 11 คาไนน์กับการสวมใส่กางเกง...... (ใน)

    “แล้วเลโอนี่ใคร? ทำไมเขาสอนอะไรคุณเยอะจัง?” ธาราถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินอีกฝ่ายพูดชื่อเลโอมาหลายครั้งแล้ว‘เลโอเป็นเพื่อนสนิทของข้า เขาชอบที่จะขึ้นบกมาเที่ยวเล่นบ่อยๆ แต่พอข้าขอบ้าง เขาก็บอกว่าเผ่ามนุษย์นั้นน่ากลัว เขาไม่อยากพาข้าไปเสี่ยง เลยไม่ยอมพาไปด้วยสักที’ คาไนน์ร้องบอก พร้อมกับตีหางแปะๆ ด้วยความแง่งอน“แล้วคุณไปรู้จักคำพวกนี้ได้ยังไง รู้หรอว่าหม้อต้มเป็นแบบไหน สุกเป็นยังไง ร้อนเป็นยังไง” ธารายังคงถามต่อเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่แต่ในน้ำที่เย็นจัด จนไม่รู้จักความร้อน หม้อต้ม หรือว่าไฟ จึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าตนเองกำลังจะสุกทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นเองกับตา ธาราคิดพลางเปิดน้ำฝักบัว รินรดบนศีรษะให้ชุ่มน้ำ ก่อนจะบีบยาสระผมออกมาจัดการให้คนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งไม่รู้เรื่องรู้ราว‘รู้สิ เลโอเคยทำให้ดู เขาบอกว่าพวกมนุษย์จะชอบจับปลาไปต้มยำทำแกง แล้วก็ตั้งหม้อไฟ ต้มน้ำ แถมยังให้ข้าลองเอานิ้วจุ่มดูด้วย ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร รู้เพียงข้าเจ็บและไม่สบายตัวเอาเสียเลย สุดท้ายเลโอก็บอกว่าความรู้ส

  • Merman บันทึกรักใต้มหานที   บทที่ 10 คาไนน์กับการลงอ่างครั้งแรก.....

    หลังจากที่คาไนน์เอ่ยปากตกลง ยินยอมที่จะตามมาอยู่ด้วยกันบนบก คาไนน์ก็พาธาราว่ายน้ำมุ่งตรงมาที่ด้านบนผิวน้ำบริเวณเดียวกันกับแอ่งน้ำใต้ถ้ำที่เดียวกันกับตอนที่ถูกพาลงมา ธาราใช้สองมือเกาะโขดหินเอาไว้แน่น แล้วพาตนเองขึ้นจากน้ำได้ในที่สุด แต่เมื่อหันมองที่ข้างแล้วกลับว่างเปล่า ไม่มีเงือกบ้าที่ว่ายน้ำตามกันมาแต่อย่างใดดังนั้นธาราจึงหันไปมองคนที่พาเขามาถึงฝั่ง เห็นคนตัวเล็กนั้นพยายามเกาะโขดหินแล้วยันตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล เหตุเพราะอีกฝ่ายไม่มีขาที่ใช้ยันหินหรือพยุงตัว แต่กลับมีครีบหางที่ปัดไปปัดมา คล้ายปลาที่ดิ้นแด่วๆ อยู่บนบก เมื่อธาราเห็นเช่นนั้นจึงสอดมือเข้าที่ช่วงรักแร้ของอีกคน พร้อมๆ กับยกตัวขึ้นให้พ้นน้ำ ก่อนจะวางลงที่โขดหิน ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพที่ครีบหางค่อยๆ หลุดออกและสลายไป ก่อนจะกลับกลายเป็นขาขาวเรียวสวยปรากฏอยู่ตรงหน้าแทนธารากวาดสายตาสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้งชัดๆ หากไม่เห็นว่าที่แผ่นอกนั้นเล็กบางและแบนราบ บวกกับอะไรบางอย่างที่หดตัวนุ่มนิ่มอยู่ที่กลางลำตัว เขาก็คงจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวไปแล้วแน่ๆ ใบหน้าที่งดงามจิ้มลิ้ม ดวงตาที่เป็นใบประกาย เส้นผมแผ่สยายยาวระไปกับผืนทราย ยังขับเน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status