Chapter 4
ชดใช้หนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาทิ่มแทงจากร่างสูงที่มองมาฉันเลยรวบรวมกำลังใจและกำลังกายเท่าที่จะทำได้เอามาโฟกัสที่งานตรงหน้าอีกครั้ง ข้อมูลในแฟ้มนับสิบสรุปออกมาเป็นหน้ากระดาษ A4 ประมาณยี่สิบแผ่นเริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของบริษัท Being You ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบสี่สิบปี เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาจับธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์แทนที่จะพึ่งพาต่างชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่ต่างชาติมี Being you ก็มี และในหลายๆ ครั้งก็เป็นคนเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้รับวางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ในข้อมูลยังระบุอีกว่าในระยะสิบปีให้หลังมานี้บริษัทได้เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมายเนื่องจากตลาดความสวยความงามที่ก้าวกระโดดและมีบริษัทน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทำให้บางช่วงผลประกอบการระดับไตรมาสนั้นน้อยลง หากด้วยการแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีและบริษัทนั้นได้มีแผนสำรองอยู่เสมอนั้นตัวเลขในผลประกอบการจึงเป็นที่น่าพอใจในระยะยาว ในที่สุดภาระงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ก็สิ้นสุดลงในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ฉันเซฟไฟล์งานลงเครื่องแล้วกดสั่งพรินต์เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนสุดท้าย ด้วยเหตุนี้ฉันจึงละสายตาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมไปยังโต๊ะข้างๆ ที่มีร่างสูงนั่งอยู่ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าไนล์ได้ฟุบศีรษะลงกับโต๊ะผล็อยหลับไปแล้ว... “ยังสรุปผลแล็บไม่เสร็จเลย” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวไนล์หลับรอนะ” ประโยคบทสนทนาในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำของฉันอีกครั้ง ด้วยภาระและการจัดสรรเวลาที่ไม่ดีนักของฉันเลยมีบ่อยครั้งที่ต้องทำให้อีกฝ่ายต้องมานั่งรอให้ฉันทำงานที่ค้างคาให้เสร็จก่อนที่เราจะได้ไปดูหนังหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วยกัน ในสิบครั้งนั้นเจ้าตัวจะเป็นฝ่ายรอฉันไปแล้วแปดครั้ง ตอนที่ลุกไปหยิบเอกสารที่พรินต์มาเข้าแฟ้มก็เป็นตอนที่รู้ว่าคนอื่นที่อยู่ทำโอทีก่อนหน้านี้ได้กลับกันไปหมดแล้ว ไนล์ไม่มีท่าว่าจะตื่น ชั่วหนึ่งฉันมีความคิดที่จะปลุกเขาขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนใจกะทันหันเลือกทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมและหันศีรษะมองดูอีกฝ่ายที่กำลังเข้าสู่นิทราอยู่อย่างนี้ ฉันนั่งเท้าคางมองใบหน้าลูกรักพระเจ้าไปด้วยอารมณ์ที่เผลอไผล ไนล์เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในทุกๆ ด้านที่ฉันเคยเจอมาทั้งชีวิต จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงสงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะจีบคนอย่างฉันที่ไม่มีจุดเด่นอะไรแทนที่จะเป็นผู้หญิงเพียบพร้อมเหล่านั้นที่ต่อแถวหมายจะครอบครองเขาอย่างโจ่งแจ้ง ไนล์ในตอนหลับนั้นมีกลิ่นอายเหมือนกับไนล์ที่ฉันรู้จักจนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าไนล์คนที่ฉันเจอเมื่อตอนกลางวันนั้นอาจจะเป็นตัวปลอมหรือฝาแฝดของเขาหรือเปล่า มือที่ยื่นไปหมายจะลูบผมของอีกฝ่ายนั้นหยุดชะงักกลางอากาศแล้วหดแขนกลับมาตามเดิม เป็นในจังหวะเดียวกันที่ไนล์ลืมตาขึ้นมา “จ่ายค่านั่งมองดูหน้าผมมาด้วย” ไนล์ว่าเสียงเรียบขณะยันตัวจากโต๊ะกลับมานั่งตามเดิม เขาจัดเสื้อผ้าที่ยับไปเล็กน้อยให้เข้าทางแล้วปรายสายตามามองที่ฉัน “ฉันเปล่าค่ะ” ฉันปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่แพ้กัน พยายามจะทำตัวให้ปราศจากพิรุธทั้งหลายแหล่ทั้งที่ในใจมีคำถามมากมาย เขาไม่ได้หลับหรอกเหรอ? เขารู้ได้ยังไงว่าฉันนั่งมองเขาน่ะ? เขาเป็นแพนด้ารึไงที่ต้องเก็บค่าเข้าชม? “เหอะ” เขาแค่นหัวเราะ สายตาสีเข้มย้อมไปด้วยการเยาะเย้ยเหมือนจะอยากพูดว่านี่เธอเป็นใครถึงได้โกหกเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้ “แฟ้มงานค่ะ” ฉันทำเป็นไม่รู้สายตานั่นก่อนจะส่งแฟ้มงานไปให้เพื่อเปลี่ยนเรื่อง เขารับไปโดยไม่เปิดอ่านข้างในก่อนด้วยซ้ำ “ขอถามหน่อยได้มั้ยคะว่าทำไมงานชิ้นนี้ถึงส่งให้คุณแทนที่จะเป็นพี่ปิ่น” “เพราะตั้งแต่วันนี้ผมจะเป็นเจ้านายสายตรงของคุณไงล่ะ” จากที่ถามคนอื่นๆ มาเวลามาฝึกงานนั้นนักศึกษาต้องทำรายงานหนึ่งเล่มอาจจะเป็นโปรเจกต์หรือสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้นำมาพรีเซนต์ส่งทางคณะโดยจะมีหัวหน้างานนั้นๆ เป็นคนเซ็นผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งดูจากขนาดบริษัท Being You แล้วแม้ว่าคนที่เซ็นจะเป็นพี่ปิ่นก็ถือว่าตำแหน่งสูงไปด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงระดับประธานบริษัทเลย เพราะแบบนี้ใช่มั้ยเขาถึงพูดว่าจะรอดูฉันว่าจะหลบเขายังไงพ้น... “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งนะครับ” ไนล์ยืนขึ้นเต็มความสูงในขณะที่พูดเขาก็หลุบตาต่ำมองฉันที่ยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ร่างสูงเดินออกไปหลายก้าวก่อนจะชะงักเท้าแต่ไม่ได้หันกลับมา “พรุ่งนี้สิบโมงเช้ามาที่ห้องทำงานผมด้วย ห้ามสาย” ถ้าเปรียบดังว่าคำพูดของลูกค้าเป็นพระเจ้าแล้ว คำพูดของเจ้านายนั้นก็เป็นยิ่งกว่าผู้ครอบครองจักรวาล คุณสามารถปฏิเสธลูกค้าได้หากแต่คุณไม่สามารถปฏิเสธคำพูดหรือการกระทำใดๆ ของเจ้านายคุณได้เลย ยิ่งเฉพาะพนักงานตัวเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ ยอมให้เจ้านายบีบดีกว่าให้เจ้านายปล่อยทิ้งขว้างในภาวะที่คนตกงานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพิษของเศรษฐกิจ วันถัดมาได้มาถึงอย่างรวดเร็ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันไม่ได้รับการสอนงานใดๆ จากพี่สานอกจากโดนใช้ให้ไปชงกาแฟดำ ฉันมองนาฬิกาก่อนจะพบว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะสิบโมง ฉันคว้าไอแพดรุ่นมาตรฐานหรือพูดง่ายๆ คือรุ่นที่ถูกที่สุดที่ตัดสินใจกัดฟันซื้อมาไว้แนบอกเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเป็นลูกไก่ในกำมือของเจ้านายด้วยใจที่ไม่สงบนิ่งนัก “ไปถ่ายเอกสารมายี่สิบชุด” เสียงพี่สาดังขึ้นในจังหวะที่ฉันจะลุกออกไปพอดี ฉันมองแฟ้มที่พี่สายื่นมาสลับกับการมองนาฬิกาอย่างคิดไม่ตก “เร็วเข้าสิ หรือว่าเคยชินกับการนั่งว่างๆ” “จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ห้องเอกสารเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ กับหน้าต่างอีกหนึ่งบานเพื่อให้แสงเข้า มีตู้เหล็กเก็บเอกสารเรียงกันอยู่สามสี่ตู้ ด้านหนึ่งของกำแพงมีเครื่องถ่ายเอกสารสำนักงานเครื่องใหญ่วางติดกันอยู่สามเครื่อง เสียงเอกสารที่ถ่ายพรินต์ออกมาดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฉันรีบรวบรวมเย็บไว้เป็นชุดๆ ตามจำนวนที่พี่สาสั่งพลางมองเข็มนาฬิกาที่เดินวนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันย้อนกลับ “นับแต้มไปไหน” “อยู่นี่ค่ะ” ฉันเอ่ยออกไปก่อนเมื่อได้ยินเสียงคนตามหา ก่อนจะพาตัวเองตามไปแล้วพบว่าเป็นพี่ปิ่นนั่นเองเห็นสีหน้าร้อนรนก็รู้แล้วว่าต้องเกี่ยวกับคนชั้นบนแน่ๆ “พี่สาค่ะ เอกสารได้ครบแล้วนะคะ” “ขอฉันตรวจก่อน” “ค่อยตรวจเถอะยัยสา นับแต้มรีบไปเร็วเข้า” “ค่ะ!” ฉันพุ่งตัวออกมาจากลิฟต์ทันทีที่เสียง ‘ติ๊ง!’ ดังขึ้น ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบไปยังห้องของประธานที่มีคุณจันทร์กำลังยืนไม่ติดอยู่ เธอคล้ายจะเป็นแม่ที่เฝ้าตั้งตารอลูกที่วิ่งเข้าเส้นชัยอย่างไรอย่างนั้น “เข้าไปเลยค่ะ! บอสรออยู่” ผลั่ก!! ฉันโค้งขอบคุณคุณจันทร์อย่างลวกๆ ก่อนจะรีบผลักประตูเข้าไปอย่างแรง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเย็นกว่าปกติจากเครื่องปรับอากาศแตะลงมาโดนผิวกายที่โผล่พ้นมาจากชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอ สิ่งต่อมาคือสีหน้าทะมึนตึงของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ท่านประธาน จู่ๆ ร่างสูงก็ย่างสามขุมเข้ามา “นิสัยชอบปล่อยคนอื่นให้รอยังแก้ไม่หายสินะ สี่ปีที่ผ่านมาไม่คิดจะปรับปรุงตัวหน่อยรึไง” เสียงนั้นเย็นเยือกกว่าอุณหภูมิห้องตอนนี้ซะอีก “ขอโทษค่ะ พอดีว่ามีงานเกี่ยวพัน—” “ถ้างานมันเยอะขนาดนั้นก็ย้ายขึ้นมาข้างบน” “ไม่เป็นไรค่ะ!” ฉันรีบส่ายหน้าหวือ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายก็แน่ใจว่ายังไงการอยู่แผนกเดิมข้างล่างมันดีกว่าต้องขึ้นมาอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเป็นสิบชั่วโมงบนชั้นนี้แน่ๆ “หนีได้ดีนี่” “...” “ตามผมมา” ร่างสูงพาฉันลงลิฟต์ประจำตำแหน่งซึ่งมีไว้เฉพาะบอร์ดบริหารระดับสูง แอบโล่งใจหน่อยที่นอกจากฉันแล้วก็ยังมีคุณจันทร์ที่ไปด้วยกัน เมื่อถามว่าเรากำลังจะไปไหนกันคุณจันทร์ก็ไม่ตอบทำเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ และบอกฉันว่าให้ทำใจสบายเพียงเท่านั้น เราสามคนเดินมาถึงรถยี่ห้อหรูที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ที่ประตูฝั่งคนขับมีผู้ชายรูปร่างสันทัดยืนอยู่ เมื่อเห็นร่างสูงผู้ชายคนนั้นก็รีบประตูรถด้านหลังด้วยความนอบน้อมอยู่ในที และแทนที่เขาจะเข้าไปนั่งไนล์กลับหันมารั้งตัวฉันให้เข้าไปก่อนแล้วตามมาด้วยเจ้าตัวอีกที “ฉันไปนั่งหน้าดีกว่าค่ะ” “คุณจันทร์เธอนั่งหน้าแล้ว แล้วนั่นชื่อนายโด่งเป็นคนขับรถให้ฉันมาได้เกือบปีแล้ว” “อ้อ” ฉันได้ส่งเสียงออกมาอย่างงงๆ ที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็แนะนำคนให้ได้รู้จัก “สวัสดีค่ะพี่โด่ง” “นายโด่ง” เสียงคนข้างๆ แก้ขึ้นมา “แต่พี่โด่งน่าจะเป็นอายุมากกว่าฉันนะคะ...” “ฝึกไว้” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ห้องโดยสายในรถจะตกอยู่ในความเงียบและแล่นหน้าเข้าสู่ถนนหลักที่มีการจราจรติดขัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหนึ่งชั่วโมงต่อมารถจะจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ชั้นใต้ดินบริเวณรถซูเปอร์คาร์ของห้างใหญ่กลางใจเมืองที่เน้นความหรูหราเป็นหลัก “เรามาทำอะไรที่นี่คะ” “พาคุณมาใช้หนี้ไง” ร่างสูงขยายคำพูดของตัวเองโดยเดินนำฉันมายังชั้น M ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นรปภ.ประจำชอปแบรนด์ระดับโลกก็รีบเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปโดยที่ไม่ต้องต่อแถวด้วยซ้ำ ก่อนที่พนักงานคนหนึ่งจะเดินปรี่เข้ามาทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร รอยยิ้มนั้นยังเผื่อแผ่มาให้คุณจันทร์ก่อนจะหุบลงเล็กน้อยเมื่อเห็นฉัน “เธอมากับผม” “โอ้ เชิญทางนี้เลยค่ะ วันนี้คุณไนล์สนใจเป็นอะไรคะ” “เสื้อสูทตัวคอลเล็กชันใหม่ล่าสุด” ดูจากการพูดคุยของพวกเขาแล้วคิดว่าร่างสูงคงเป็นลูกค้าประจำไม่ก็กระเป๋าหนักของชอปนี้แน่ๆ ฉันมองบรรยากาศของร้านอย่างเกร็งๆ แม้มันจะถูกตกแต่งให้อบอุ่นแค่ไหนแต่ราคาของแต่ละชิ้นนั้นไม่ได้อุ่นตามเลย ฉันเริ่มเหงื่อตกหูแว่วๆ ว่ามีคนหนึ่งเพิ่งจ่ายกระเป๋าในราคาห้าหลักไป “ตัวนี้เลยค่ะคุณไนล์ อย่างที่ทราบกันรุ่นนี้ของเขาเน้นความเบาสบายเพราะเราใช้ผ้าวูลในการตัดเย็บสามารถใส่ในวันธรรมดาๆ หรืองานทางการก็ได้ตัดเย็บจากผ้าวูลผสมเนื้อเบาสบาย บุด้านในด้วยผ้าลาย Watercolor โทนสีเดียวกัน ด้านหน้าประดับเหรียญสัญลักษณ์ของแบรนด์ไว้ด้วยค่ะ” “ผมเอาตัวนี้” หลังจากที่เขาพูดคุณจันทร์ก็เดินตามพนักงานคนนั้นไปคาดว่าไปชำระเงินให้ “เอ่อ...” ฉันเอ่ยขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ ไนล์ที่ยืนอยู่เฉยๆ ก็หันมาเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร “ฉันขอทยอยจ่ายได้มั้ยคะ แต่ฉันจะจ่ายให้ครบภายในสามเดือนนี้แน่นอนค่ะ” “ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” “จริงเหรอคะ” ฉันเบิกตากว้างด้วยความดีใจก่อนที่คุณจันทร์จะเดินกลับมา “บอสคะ บิลค่ะ” “เก็บไว้ที่เด็กฝึกงานคนนี้ได้เลย เธอจะผ่อนจ่ายผมให้ครบภายในสามเดือน” พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากร้านไปทันที คุณจันทร์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบยัดบิลใส่มือฉันแล้วเร่งฝีเท้าตามร่างสูงไป ส่วนฉันก็ก้มบิลเพื่อดูราคา หนึ่งหลัก สองหลัก สามหลัก สี่หลัก ห้าหลัก หกหลัก...! แสนกว่าบาท!!!Chapter 4ชดใช้หนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาทิ่มแทงจากร่างสูงที่มองมาฉันเลยรวบรวมกำลังใจและกำลังกายเท่าที่จะทำได้เอามาโฟกัสที่งานตรงหน้าอีกครั้งข้อมูลในแฟ้มนับสิบสรุปออกมาเป็นหน้ากระดาษ A4 ประมาณยี่สิบแผ่นเริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของบริษัท Being You ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบสี่สิบปี เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาจับธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์แทนที่จะพึ่งพาต่างชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่ต่างชาติมี Being you ก็มี และในหลายๆ ครั้งก็เป็นคนเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้รับวางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนานนอกจากนี้ในข้อมูลยังระบุอีกว่าในระยะสิบปีให้หลังมานี้บริษัทได้เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมายเนื่องจากตลาดความสวยความงามที่ก้าวกระโดดและมีบริษัทน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทำให้บางช่วงผลประกอบการระดับไตรมาสนั้นน้อยลง หากด้วยการแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีและบริษัทนั้นได้มีแผนสำรองอยู่เสมอนั้นตัวเลขในผลประกอบการจึงเป็นที่น่าพอใจในระยะยาวในที่สุดภาระงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ก็สิ้นสุดลงในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า
Chapter 3ไล่ออกร่างสูงเอ่ยประโยคดังกล่าวน้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะสร้างความน่าตกใจให้แก่คนฟัง อุณหภูมิห้องที่ว่าหนาวอยู่แล้วกลับยิ่งเย็นเยือกยิ่งเข้าไปอีก กล่าวเสร็จเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่ยืนอยู่ มือหนาคว้าแฟ้มสีดำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านเป็นการปิดบทสนทนา“บ..บอสคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ” พี่ปิ่นคล้ายจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา เธอเอ่ยขึ้นกับบอสด้วยท่าทีไม่มั่นใจเล็กน้อยแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะถามออกไป“เด็กฝึกงานคนนี้ไม่มีความรับผิดชอบ” เขาพูดออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารในมืออยู่“ฉันอธิบายได้ค่ะ”ฉับ!เสียงปิดแฟ้มดังขึ้น ร่างสูงโยนแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างลวกๆ ศอกทั้งสองเลื่อนไปพักอยู่บนที่วางแขนขณะที่นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานกันไว้กลางกระดุมเม็ดที่สามของเสื้อเชิ้ต นัยน์ตาสีเข้มจ้องมาทางฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกแต่เหมือนจะรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่“คือเมื่อเช้า—”“เมื่อเช้าเด็กฝึกงานคนนี้ทำเสื้อสูทผมเลอะจนไม่สามารถใส่มันได้อีก ผมให้โอกาสเธอแก้ไขปัญหานี้แต่เธอกลับวิ่งหนีความผิดของตัวเอง” ไม่รอให้ฉันเอ่ยจบร่างสูงก็พูดแทรกอธิบายเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมา “ดูเหมือนคุณ
Chapter 2ท่านประธาน“จะพยายามไม่ให้ไปอยู่ในสายตาแล้วกัน”หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบฉันก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาคำพูดของตัวเอง โชคดีที่ตอนนั้นใกล้สอบไฟนอล รายวิชาต่างๆ เลยทยอยกันปิดคอร์สลงเพื่อให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสอบ และโชคดีที่รหัสนักศึกษาเราห่างกันทำให้ส่วนใหญ่เรากันสอบคนละห้อง เผลอๆ คนละตึกเสียด้วยซ้ำถือว่าเป็นการปิดท้ายปี 2 อย่างสมบูรณ์แบบฉันทำมันมาได้ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมานี้ ก่อนที่มันจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะวันนี้วันเดียววันนี้ก็เป็นอีกวันวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่อย่างเช่นการฝึกงานในแผนกการตลาดในฐานะนักศึกษาปี 4 เทอมสุดท้าย บริษัทที่จะมาฝึกงานถูกแรนด้อมด้วยอาจารย์และเหล่าบริษัทที่โคกันเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศฝ่าการจราจรอันคับคั่งจนในที่สุดก็มาถึงตึกสูงซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในตลาด ด้วยความที่มาก่อนเวลานัดค่อนข้างจะเยอะฉันจึงเลือกที่จะไปหาอะไรดื่มรองท้องก่อนจะเข้าไปหาแผนกบุคคลแต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันคงไปน
Chapter 1ไม่อยากเจอเธอแล้วการเลิกกับใครสักคนคนหนึ่งนั้นมันไม่ต้องหาเหตุผลร้อยแปดอะไรมาอ้างมากมาย แค่เพียงคบกันสักพักเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนวันหนึ่งมันก็มาถึงจุดอิ่มตัวของความสัมพันธ์เหมือนวันนั้นเมื่อสี่ปีก่อนเป็นเช้าที่อากาศแจ่มใส มีแสงแดดส่องผ่านลอดมาทางหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้อนจนต้องพลิกตัวหนีหรือลุกขึ้นหลบ เป็นวันธรรมดาที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบกับแผ่นหลังเปล่าเปลือยเหมือนกับฉันในตอนนี้ ต่างกันตรงที่เขาสวมบ็อกเซอร์และกำลังนั่งขัดสมาธิที่พื้นตรงโต๊ะญี่ปุ่นหันหลังให้ฉันอยู่ ในขณะที่ฉันไม่ได้สวมอะไรอยู่เลย“ไนล์” เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดหันมายิ้มให้“ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย” คำถามนั้นทำให้ฉันรับรู้ถึงกลิ่นหอมของน้ำเต้าหู้ที่ลอยเตะมาจมูก คาดว่าอีกฝ่ายคงลงไปซื้อที่ตลาดเช้าตรงหน้าปากซอยเหมือนเช่นเคย“เมื่อวานขอโทษนะที่ลืมวันเกิด”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ไนล์ยังคงมีรอยยิ้มขณะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทั้งๆ ที่เขาวางแพลนต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งจองร้านอาหาร ทั้งซื้อตั๋วหนังเมื่อคืนก็เป็นอีกคืนที่ฉันกลับถึงห้องเกือบตีสาม ทันท
INTROHello, my ex.ท้องฟ้ายามเข็มสั้นอยู่ตรงเลขสามนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท หากแต่ภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่นี้แทนที่จะเป็นความเงียบที่สงัดกลับกลายเป็นภาพของพ่อค้าแม่ขายที่กำลังตั้งแผงร้านของตัวเองกันอยู่ บ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนี้แสงของเช้าวันใหม่คงมาเยือนฉันเดินผ่านจุดที่ตั้งของตลาดแล้วเดินเข้ามาภายในตรอกซอยหนึ่ง สองข้างทางมีบ้านของคนในพื้นที่สลับกับอะพาร์ตเมนต์น้อยใหญ่ หนึ่งในนั้นคือตึกเดี่ยวสี่ชั้นสภาพดูเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับค่าเช่าประมาณเดือนละพันต้นๆ ซึ่งถือว่าหายากมากในทำเลแบบนี้ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฉันใช้ซุกหัวนอนมาตลอดเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่หลังจากจบปีหนึ่งเนื่องจากหอพักมหาวิทยาลัยอนุญาตให้นักศึกษาปีหนึ่งเข้าพักได้เพียงเท่านั้นไม่มีที่สำหรับจอดรถ ไม่มีคีย์การ์ดหรือพี่ยามเหมือนที่อื่นๆ เขา ที่นี่มีแต่ป้าตุ้มที่เฝ้าอยู่ด้านล่างด้วยสภาพสะลึมสะลือเสมอ แน่นอนว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยนักหากมันก็แลกมากับค่าเช่าที่เอื้อมถึง ฉันเดินผ่านป้าที่น่าจะกำลังฝันหวานอยู่ พาตัวเองขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุดของตึก