แชร์

ไล่ออก

ผู้เขียน: light sky
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-27 18:18:17

Chapter 3

ไล่ออก

 

ร่างสูงเอ่ยประโยคดังกล่าวน้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะสร้างความน่าตกใจให้แก่คนฟัง อุณหภูมิห้องที่ว่าหนาวอยู่แล้วกลับยิ่งเย็นเยือกยิ่งเข้าไปอีก กล่าวเสร็จเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่ยืนอยู่ มือหนาคว้าแฟ้มสีดำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านเป็นการปิดบทสนทนา

“บ..บอสคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ” พี่ปิ่นคล้ายจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา เธอเอ่ยขึ้นกับบอสด้วยท่าทีไม่มั่นใจเล็กน้อยแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะถามออกไป

“เด็กฝึกงานคนนี้ไม่มีความรับผิดชอบ” เขาพูดออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารในมืออยู่

“ฉันอธิบายได้ค่ะ”

ฉับ!

เสียงปิดแฟ้มดังขึ้น ร่างสูงโยนแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างลวกๆ ศอกทั้งสองเลื่อนไปพักอยู่บนที่วางแขนขณะที่นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานกันไว้กลางกระดุมเม็ดที่สามของเสื้อเชิ้ต นัยน์ตาสีเข้มจ้องมาทางฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกแต่เหมือนจะรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่

“คือเมื่อเช้า—”

“เมื่อเช้าเด็กฝึกงานคนนี้ทำเสื้อสูทผมเลอะจนไม่สามารถใส่มันได้อีก ผมให้โอกาสเธอแก้ไขปัญหานี้แต่เธอกลับวิ่งหนีความผิดของตัวเอง” ไม่รอให้ฉันเอ่ยจบร่างสูงก็พูดแทรกอธิบายเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมา “ดูเหมือนคุณจะชอบแก้ปัญหาด้วยการหนีสินะครับ”

ฉันเผลอเม้มปากตัวเองแน่นหลังจากสบสายตาที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและคำพูดที่แฝงไปด้วยการถากถางนั่น

เข้าใจแล้วว่าไนล์แค่ยกสถานการณ์เมื่อเช้ามาเพื่อให้ฉันนึกถึงวันที่ตัวเองดำเนินการเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นนอกจากเพื่อนสนิทฉันคนหนึ่งที่บังเอิญเจอที่ตึกกองทะเบียน

“ฉันไม่ได้มีเจตนาหนีความผิดของฉันค่ะ แต่เวลานั้นฉันมีความจำเป็นที่ต้องรีบมารายงานตัวที่บริษัทจึงต้องเดินออกมาเช่นนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และฉันบอกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าจะชดใช้ค่าเสียหายด้วยการจ่ายราคาเสื้อสูทตัวใหม่ให้คุณ”

“ผมจำได้ครับว่าคุณพูดอย่างนั้น แต่คุณกลับไม่ได้ทิ้งช่องทางติดต่อของคุณเอาไว้ให้ผมเลย ในเมื่อเป็นอย่างนี้มันก็ไม่ผิดใช่มั้ยที่ผมจะคิดว่าคุณจงใจจะหนี”

ฉันเม้มปากตัวเองอีกครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าคำพูดของเขานั้นมีน้ำหนักมากกว่าโดยเห็นได้ชัด แม้ฉันจะบริสุทธิ์ใจแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมรับว่าฉันคิดน้อยไปจริงๆ ยิ่งเหลือบมองไปที่พี่ปิ่นที่กำลังขมวดคิ้วอยู่นั้นก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเธออยู่ข้างเจ้านายของเธออย่างไม่ต้องสงสัย

ความสิ้นหวังพลันเข้าจู่โจมแต่ถึงจะอย่างนั้นฉันก็บอกว่าจะถอยหลังกลับไม่ได้ การหาที่ฝึกงานใหม่ในระยะเวลาเพียงอันสั้นนั้นทำได้ยากเกินไป อีกทั้งไม่รู้เลยว่าบริษัทนี้จะเขียนชี้แจงอะไรแก่คณะไปบ้างที่ไล่นักศึกษาฝึกงานออกตั้งแต่วันแรก อย่างร้ายแรงที่สุดฉันอาจจะถูกตักเตือนและบอกให้เริ่มหาที่ฝึกงานใหม่ในปีการศึกษาหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่าฉันจะจบช้ากว่าคนอายุเดียวกันถึงสามปี

“ขอโอกาสให้ฉันได้มั้ยคะ” ฉันยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ อีกแค่สามเดือนเท่านั้นที่ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่สักที ฉะนั้นฉันจะให้มันพังเอาแบบนี้ไม่ได้

ฉันโพล่งท่ามกลางความเงียบและความกดดันที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เจ้าของร่างสูงกว่ามาตรฐานชายไทยหรี่ตามองฉันอย่างต้องการประเมิน

“การฝึกงานครั้งนี้สำคัญกับชีวิตของฉันมาก หวังว่าคุณจะเมตตาให้ฉันได้เข้าฝึกงานในบริษัทนี้ต่อและชดเชยความผิดที่ไปทำเสื้อสูทของคุณเปื้อน”

“...”

“ขอร้องละค่ะ อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ!” พูดจบฉันก็ก้มศีรษะลงต่อหน้าอีกฝ่าย เพราะก้มหน้าอยู่ฉันเลยไม่รู้ว่าเขาแสดงสีหน้าอย่างไรในตอนนี้

“คุณปิ่น คุณออกไปก่อน”

“ตะ แต่”

พี่ปิ่นเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก่อนจะหยุดไป ฉันมองเห็นรองเท้าของพี่ปิ่นที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ถัดจากนั้นเสียงเปิด-ปิดประตูก็ดังขึ้นมาติดๆ เพราะฉะนั้นทั้งห้องนี้เลยเหลือแต่ฉันกับเขาสองคนไปโดยปริยาย

ชั่วอึดใจต่อมาฉันก็ได้ยินเสียงล้อของเก้าอี้ที่กำลังเลื่อนตามมาด้วยเสียงรองเท้าที่กระทบกับพรมพื้นห้องก็เดาไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้

“เงยหน้า” คราวนี้ฉันทำตามคำสั่งของเขาโดยดี ฉันยืดตัวตรงเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนไขว้เท้าพิงสะโพกไว้กับโต๊ะทำงาน มือทั้งสองเท้ากับขอบโต๊ะเอาไว้ “แน่ใจนะว่าจะฝึกงานที่นี่”

แน่นอนแหละว่าคำถามของเขาไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงแน่นอน ยิ่งดูใบหน้าอีกทั้งแววตาของอีกฝ่ายแล้วก็คาดได้เลยว่านั่นคือคำเตือนแน่ๆ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด จากทุกทางที่สามารถเป็นไปได้ก็พบว่าทางนี้นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับแพลนในอนาคตที่วางเอาไว้

“แน่ใจค่ะ ฉันอยากฝึกงานที่นี่จริงๆ” ฉันกล่าวด้วยความมั่นใจขณะจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่หลบสายตา “ฉันสัญญาว่าจะพยายามไม่มาให้คุณเห็นหน้า”

“สี่ปีก่อนคุณก็พูดแบบนี้” ร่างสูงสวนทันควันพร้อมกับสืบเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีคุกคาม

“เรื่องวันนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ฉันคงจะปฏิเสธไปแล้ว ยังไงซะฉันก็ฝึกอยู่ที่แผนกอื่นคงไม่มีเหตุการณ์ให้คุณเห็นหน้านักหรอกค่ะ ส่วนเรื่องสูทฉันยังยืนยันคำเดิมว่าจะชดใช้ให้ ฉะนั้นคุณฝากใครสักคนนำบิลมาเก็บที่ฉันได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองหรอกค่ะ”

“ดูเหมือนว่าคุณจะถนัดวางแผนหนึ่งสองสามไว้ในใจมาเสมอเลยนะ เพราะแบบนี้ใช่มั้ยสี่ปีก่อนคุณถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย”

“...”

“เอาเถอะ ยังไงเรื่องทั้งหมดมันก็คืออดีต” อีกฝ่ายแสร้งถอนหายใจก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม

“แล้วเรื่องฝึกงาน...”

“ผมจะคอยดูว่าสามเดือนที่นี่คุณจะหลบผมยังไง”

ร่างสูงหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านอีกครั้งหลังจากพูดจบ ในขณะที่ฉันยืนพิจารณาประโยคของเขาก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เพราะดีใจที่ได้ฝึกงานต่อฉันเลยยิ้มออกมาอย่างโล่งอกจนเผลอข้ามใจความสำคัญที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา เพราะอย่างที่บอกยังไงซะด้วยตำแหน่งท่านประธานบริษัทใหญ่โตเช่นนี้กับเด็กฝึกงานตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางมาโคจรเจอกันอยู่แล้ว

“ออกไปได้”

ทันทีที่ออกมาจากห้องอันหนาวเหน็บนั้นมาได้ ฉันก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงกับพื้นตรงโต๊ะของเลขาหน้าห้องทันที พี่ปิ่นที่ยังยืนปักหลักอยู่ปรี่เข้ามาหาฉันอย่างตกใจพร้อมๆ กับเลขาของท่านประธานที่ได้ยินพี่ปิ่นเรียกว่าคุณจันทร์ ทั้งสองคนกระวีกระวาดเข้ามารั้งฉันให้ลุกขึ้นก่อนจะนำยาดมมาอังจมูก

“หนูไม่เป็นอะไรค่ะพี่ๆ” ฉันเอ่ยขึ้น แอบอายเล็กน้อยกับสรรพนามที่แทนตนแต่ก็ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรให้เหมาะสมดี

“หน้าซีดขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก” พี่ปิ่นเอ็ดก่อนจะคว้าแฟ้มบนโต๊ะมาพัดให้ฉัน “ว่าก็ว่าเถอะคุณจันทร์ วันนี้บอสเป็นอะไรถึงได้อารมณ์เสียขนาดนั้น นับแต้มทำผิดก็จริงแต่ไม่น่าจะไล่ออกแบบนี้”

“จันทร์ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณปิ่น พอมาถึงห้องบอสก็ถามกิจกรรมของบริษัทก่อนจะขอรายชื่อเด็กฝึกงานทั้งหมดไปและขอให้คุณปิ่นพาน้องคนนี้ขึ้นมา แปลกจังปกติบอสไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้นะ”

ท่ามกลางความสงสัยของทั้งสองคนฉันก็รู้ดีว่าคนในห้องรู้สึกเช่นไรถึงได้มีท่าทีแบบนี้ออกมา

“เรื่องนี้หนูผิดจริงที่ไปทำเสื้อสูทของบอสเลอะ แต่เมื่อกี้บอสก็ใจดีให้หนูได้อยู่ต่อค่ะ”

“จริงเหรอ! แบบนี้ก็ดีสิ พี่น่ะตกใจแทบแย่ที่บอสเอ่ยปากไล่คนออกแบบนั้น แต่ปกติบอสของเราไม่ได้มีนิสัยแบบนี้หรอกนะ นอกเวลางานแล้วบอสเป็นคนใจดี อ่อนโยน อย่าเพิ่งอคติกับบอสนะนับแต้ม”

“เรื่องวันนี้พี่ขอให้เป็นความลับนะ อย่าไปบอกหรือโพสต์ที่ไหนมันจะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้ อันที่จริงบอสตั้งใจจะลงไปที่แผนกเองด้วยซ้ำแต่ก็เปลี่ยนใจเรียกเราขึ้นมาแทน”

“คงไม่อยากให้นับแต้มโดนดุต่อหน้าคนอื่นแน่เลย นับแต้มดูสิ บอสของเราใจดีขนาดไหน!”

“วางใจเถอะค่ะคุณจันทร์ หนูไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน” เมื่อได้ยินแล้วคุณจันทร์ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ต่อมาฉันกับพี่ปิ่นก็กลับมาที่แผนก พี่ปิ่นเดินเข้าห้องประจำตำแหน่งไปแล้วในขณะที่ฉันเดินฝ่าสายตาที่ฉาบด้วยความสงสัยนับสิบคู่เดินกลับมาที่โต๊ะ

“บอสเรียกเธอไปทำอะไรน่ะ” พี่สาที่จ้องฉันมาตั้งแต่ทางเข้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยระดับเสียงที่ไม่เบานัก หลายคนที่อยู่บริเวณนั้นเลยเอียงหูมาฟังอย่างสงสัย

“บอสเรียกฉันไปตักเตือนค่ะ” ฉันว่าตามความจริง

“ตักเตือนงั้นเหรอ เธอไปทำผิดอะไรมาละ”

“เกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อยค่ะแต่เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว พี่สาไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” แน่นอนว่าพี่สาไม่ได้เป็นห่วงอะไรฉันหรอก แต่ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะหวังจะจบบทสนทนานี้สักที “พี่สามีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ”

“ไม่มี”

“คนอื่นล่ะคะ” ทันทีที่ถามครอบตัวที่ผึ่งหูมาฟังเมื่อกี้ก็ส่ายหน้าหวือก่อนจะสลายตัวกันออกไป

ขณะนั้นพี่สาก็โดนพี่ปิ่นเรียกเข้าไปในห้องก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับแฟ้มที่กองซ้อนกันจนเกือบถึงคางของอีกฝ่าย ก่อนแฟ้มเหล่านั้นจะถูกมาวางไว้ที่โต๊ะฉันด้วยเสียงดังปึงแล้วเอ่ยเสียงกระด้าง

“สรุปแฟ้มทั้งหมดนี้ ไม่เสร็จ ห้ามกลับ”

“ได้ค่ะ”

แฟ้มประมาณสิบแฟ้มถูกฉันเปิดอ่านคร่าวๆ ก่อนจะพบว่ามันคือข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท ทั้งความเป็นมา ทั้งจำนวนไลน์ของสินค้า ไปตลอดจนถึงรายได้ และแผนการตลาดของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมา

ฉันลงมือเปิด word จมดิ่งกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้รับมาก่อนจะพบว่าแต่ละแฟ้มต้องใช้เวลาในการย่อยข้อมูลพอสมควร แน่นอนว่าฉันปฏิเสธที่จะไปกินข้าวเที่ยงร่วมกับเด็กฝึกงานคนอื่นอีกสองคนที่มาจากมหาลัยอื่นและเลือกที่จะลงไปซื้อขนมปังขึ้นมากินคนเดียวแทนเพื่อประหยัดเวลา

ในข้อมูลเหล่านี้ฉันยังรู้ด้วยว่าไนล์ใช้เวลาเพียงปีนิดๆ เพื่อจบ MBA ปริญญาโทจากประเทศอเมริกาก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งแทนประธานคนก่อนซึ่งเป็นพ่อของเขามาได้เกือบปีหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ในนี้ยังบอกอีกว่าเจ้าตัวได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ภาควิชาเคมีอีกด้วย

แววตาแห่งความภูมิใจเกิดขึ้นก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว

เผลอแป๊บเดียวก็ถึงเวลาเลิกงานของที่นี่ซึ่งนั่นคือ 5 โมงเย็น งานของฉันยังไม่เสร็จและพี่สาก็พูดดักว่ายังไงก็ต้องส่งพี่ปิ่นภายในวันนี้ฉันเลยต้องอยู่ต่ออย่างไม่มีทางเลือก มีสองสามคนที่อยู่ทำโอทีต่อแต่ก็ไม่ได้มีบทสนทนาเกิดขึ้น ทั่วทั้งแผนกเลยตกอยู่ในความเงียบมีแต่เสียงพิมพ์ดีดจากแป้นคีย์บอร์ดตรงหน้าพวกเราเท่านั้น

ฉันปิดตาลงพร้อมกับทิ้งตัวทาบไปกับพนักพิงอย่างต้องการพักสายตา เบ้าตาเริ่มปวดตุบตับเนื่องจากจ้องเอกสารสลับกับจอคอมพิวเตอร์มาทั้งวันติดกันหลายชั่วโมง

ก๊อกๆ

เสียงเคาะโต๊ะทำให้ฉันลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะผุดขึ้นยืนอย่างตกใจเมื่อเบื้องหน้านั้นคือร่างสูงที่สมควรอยู่ในห้องหอคอยงาช้างชั้นบน ไม่สิ! เวลาดึกป่านนี้เขาควรกลับบ้านไปได้แล้ว

“ผมมาเอางาน” ไนล์ว่าเสียงนิ่ง สายตาจ้องไปที่จำนวนแฟ้มที่เปิดอ้าอยู่

“ม ไม่ใช่ว่าต้องส่งให้พี่ปิ่นเหรอคะ” ฉันถามเสียงตะกุกตะกัก ครั้นมองไปที่คนอื่นที่อยู่ก็พบว่าพวกเขาไม่ได้สนใจในการปรากฏตัวของบอสเลยแม้แต่น้อย ทุกคนยังก้มหน้าอยู่กับงานตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะรีบกลับบ้านสักที

แต่ถ้าฉันสังเกตอีกนิดก็จะเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าของพวกเขา

“ต่อจากนี้ไปผมจะไปคนประเมินงานคุณ แน่นอนว่ามันรวมถึงการผ่านหรือไม่ผ่านในการฝึกงานของคุณด้วย ไหนล่ะงาน อย่าบอกนะว่ายังทำไม่เสร็จ”

“ยังเหลืออีกสองแฟ้มค่ะ” เอ่ยเสียงเบาในขณะในหัวคิดถึงคำพูดที่เขาเอ่ยเมื่อกี้วนไปวนมา ไนล์จะเป็นคนประเมินการฝึกงานของฉันงั้นเหรอ...

“ชักช้าแบบนี้แล้วจะให้ผมประเมินคุณผ่านได้ยังไง”

“ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบทำให้เสร็จ” ว่าเสร็จฉันก็รีบลงมือทำต่อทันก่อนจะสัมผัสได้ว่าร่างสูงได้เดินวนมานั่งแหมะอยู่ที่เก้าอี้ของพี่สา “บอสจะนั่งตรงนี้เหรอคะ”

“ผมไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องหลบคุณนี่” นั่นหมายความว่าเป็นฉันต่างหากที่ต้องหลบเขา “ผมจะนั่งรองานของคุณอยู่ตรงนี้ ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรมั้ย”

“ไม่...ไม่มีค่ะบอส” ฉันว่าก่อนจะพยายามโฟกัสกับงานตรงหน้าให้เสร็จแต่ก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ดูเหมือนว่าสามเดือนต่อจากนี้จะยากกว่าสี่ปีที่ผ่านมาซะอีก

 

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ชดใช้หนี้

    Chapter 4ชดใช้หนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาทิ่มแทงจากร่างสูงที่มองมาฉันเลยรวบรวมกำลังใจและกำลังกายเท่าที่จะทำได้เอามาโฟกัสที่งานตรงหน้าอีกครั้งข้อมูลในแฟ้มนับสิบสรุปออกมาเป็นหน้ากระดาษ A4 ประมาณยี่สิบแผ่นเริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของบริษัท Being You ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบสี่สิบปี เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาจับธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์แทนที่จะพึ่งพาต่างชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่ต่างชาติมี Being you ก็มี และในหลายๆ ครั้งก็เป็นคนเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้รับวางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนานนอกจากนี้ในข้อมูลยังระบุอีกว่าในระยะสิบปีให้หลังมานี้บริษัทได้เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมายเนื่องจากตลาดความสวยความงามที่ก้าวกระโดดและมีบริษัทน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทำให้บางช่วงผลประกอบการระดับไตรมาสนั้นน้อยลง หากด้วยการแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีและบริษัทนั้นได้มีแผนสำรองอยู่เสมอนั้นตัวเลขในผลประกอบการจึงเป็นที่น่าพอใจในระยะยาวในที่สุดภาระงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ก็สิ้นสุดลงในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ไล่ออก

    Chapter 3ไล่ออกร่างสูงเอ่ยประโยคดังกล่าวน้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะสร้างความน่าตกใจให้แก่คนฟัง อุณหภูมิห้องที่ว่าหนาวอยู่แล้วกลับยิ่งเย็นเยือกยิ่งเข้าไปอีก กล่าวเสร็จเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่ยืนอยู่ มือหนาคว้าแฟ้มสีดำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านเป็นการปิดบทสนทนา“บ..บอสคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ” พี่ปิ่นคล้ายจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา เธอเอ่ยขึ้นกับบอสด้วยท่าทีไม่มั่นใจเล็กน้อยแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะถามออกไป“เด็กฝึกงานคนนี้ไม่มีความรับผิดชอบ” เขาพูดออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารในมืออยู่“ฉันอธิบายได้ค่ะ”ฉับ!เสียงปิดแฟ้มดังขึ้น ร่างสูงโยนแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างลวกๆ ศอกทั้งสองเลื่อนไปพักอยู่บนที่วางแขนขณะที่นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานกันไว้กลางกระดุมเม็ดที่สามของเสื้อเชิ้ต นัยน์ตาสีเข้มจ้องมาทางฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกแต่เหมือนจะรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่“คือเมื่อเช้า—”“เมื่อเช้าเด็กฝึกงานคนนี้ทำเสื้อสูทผมเลอะจนไม่สามารถใส่มันได้อีก ผมให้โอกาสเธอแก้ไขปัญหานี้แต่เธอกลับวิ่งหนีความผิดของตัวเอง” ไม่รอให้ฉันเอ่ยจบร่างสูงก็พูดแทรกอธิบายเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมา “ดูเหมือนคุณ

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ท่านประธาน

    Chapter 2ท่านประธาน“จะพยายามไม่ให้ไปอยู่ในสายตาแล้วกัน”หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบฉันก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาคำพูดของตัวเอง โชคดีที่ตอนนั้นใกล้สอบไฟนอล รายวิชาต่างๆ เลยทยอยกันปิดคอร์สลงเพื่อให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสอบ และโชคดีที่รหัสนักศึกษาเราห่างกันทำให้ส่วนใหญ่เรากันสอบคนละห้อง เผลอๆ คนละตึกเสียด้วยซ้ำถือว่าเป็นการปิดท้ายปี 2 อย่างสมบูรณ์แบบฉันทำมันมาได้ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมานี้ ก่อนที่มันจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะวันนี้วันเดียววันนี้ก็เป็นอีกวันวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่อย่างเช่นการฝึกงานในแผนกการตลาดในฐานะนักศึกษาปี 4 เทอมสุดท้าย บริษัทที่จะมาฝึกงานถูกแรนด้อมด้วยอาจารย์และเหล่าบริษัทที่โคกันเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศฝ่าการจราจรอันคับคั่งจนในที่สุดก็มาถึงตึกสูงซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในตลาด ด้วยความที่มาก่อนเวลานัดค่อนข้างจะเยอะฉันจึงเลือกที่จะไปหาอะไรดื่มรองท้องก่อนจะเข้าไปหาแผนกบุคคลแต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันคงไปน

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ไม่อยากเจอเธอแล้ว

    Chapter 1ไม่อยากเจอเธอแล้วการเลิกกับใครสักคนคนหนึ่งนั้นมันไม่ต้องหาเหตุผลร้อยแปดอะไรมาอ้างมากมาย แค่เพียงคบกันสักพักเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนวันหนึ่งมันก็มาถึงจุดอิ่มตัวของความสัมพันธ์เหมือนวันนั้นเมื่อสี่ปีก่อนเป็นเช้าที่อากาศแจ่มใส มีแสงแดดส่องผ่านลอดมาทางหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้อนจนต้องพลิกตัวหนีหรือลุกขึ้นหลบ เป็นวันธรรมดาที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบกับแผ่นหลังเปล่าเปลือยเหมือนกับฉันในตอนนี้ ต่างกันตรงที่เขาสวมบ็อกเซอร์และกำลังนั่งขัดสมาธิที่พื้นตรงโต๊ะญี่ปุ่นหันหลังให้ฉันอยู่ ในขณะที่ฉันไม่ได้สวมอะไรอยู่เลย“ไนล์” เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดหันมายิ้มให้“ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย” คำถามนั้นทำให้ฉันรับรู้ถึงกลิ่นหอมของน้ำเต้าหู้ที่ลอยเตะมาจมูก คาดว่าอีกฝ่ายคงลงไปซื้อที่ตลาดเช้าตรงหน้าปากซอยเหมือนเช่นเคย“เมื่อวานขอโทษนะที่ลืมวันเกิด”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ไนล์ยังคงมีรอยยิ้มขณะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทั้งๆ ที่เขาวางแพลนต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งจองร้านอาหาร ทั้งซื้อตั๋วหนังเมื่อคืนก็เป็นอีกคืนที่ฉันกลับถึงห้องเกือบตีสาม ทันท

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   Intro Hello, My ex.

    INTROHello, my ex.ท้องฟ้ายามเข็มสั้นอยู่ตรงเลขสามนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท หากแต่ภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่นี้แทนที่จะเป็นความเงียบที่สงัดกลับกลายเป็นภาพของพ่อค้าแม่ขายที่กำลังตั้งแผงร้านของตัวเองกันอยู่ บ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนี้แสงของเช้าวันใหม่คงมาเยือนฉันเดินผ่านจุดที่ตั้งของตลาดแล้วเดินเข้ามาภายในตรอกซอยหนึ่ง สองข้างทางมีบ้านของคนในพื้นที่สลับกับอะพาร์ตเมนต์น้อยใหญ่ หนึ่งในนั้นคือตึกเดี่ยวสี่ชั้นสภาพดูเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับค่าเช่าประมาณเดือนละพันต้นๆ ซึ่งถือว่าหายากมากในทำเลแบบนี้ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฉันใช้ซุกหัวนอนมาตลอดเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่หลังจากจบปีหนึ่งเนื่องจากหอพักมหาวิทยาลัยอนุญาตให้นักศึกษาปีหนึ่งเข้าพักได้เพียงเท่านั้นไม่มีที่สำหรับจอดรถ ไม่มีคีย์การ์ดหรือพี่ยามเหมือนที่อื่นๆ เขา ที่นี่มีแต่ป้าตุ้มที่เฝ้าอยู่ด้านล่างด้วยสภาพสะลึมสะลือเสมอ แน่นอนว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยนักหากมันก็แลกมากับค่าเช่าที่เอื้อมถึง ฉันเดินผ่านป้าที่น่าจะกำลังฝันหวานอยู่ พาตัวเองขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุดของตึก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status