ภารัชชายอมแต่งงานเข้าตระกลูซ่ง เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการให้กำเนิดทายาทจากสายเลือดของ ซ่ง ไป๋ หรือคุณหมอไป๋ศัลยแพทย์ทรวงอกฝีมือดี ใครก็รู้ว่าเขาเป็นคนเย็นชาโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ หากไม่มีทายาทให้ตระกูลภายใน 1 ปีจะถือว่าเธอไม่มีคุณสมบัติภรรยาที่เพียบพร้อม และการเป็นแม่ของลูกที่จะเกิดมา ฉะนั้นจำเป็นต้องให้เขามีหญิงอื่นเพื่อผลิตทายาทสืบเชื้อสายตระกูล “แค่หลับตาแล้วทำๆ ก็ได้นี่คะคุณไป๋ จะเว้นก็แต่คุณไร้น้ำยาเป็นพวกนกเขาไม่ขันถึงได้ตายด้านแบบนี้” “ฉันแค่เอาผู้หญิงอย่างเธอไม่ลง” ภรรยาที่แต่งมาอย่างถูกต้อง โดนเขาพูดจาดูถูกสารพัดจะสรรหามาจิกกัดได้ และสุดท้ายคำว่าลูกเมียน้อยก็ตราหน้าเธออยู่ดี “ถือว่าเธอมาไกลที่ถีบตัวเองจากลูกเมียน้อย... ขึ้นมาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งได้” “คุณไป๋” “ฉันก็อยากรู้ เธอจะหน้าด้านอยู่ได้สักกี่น้ำกัน”
View More“ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด...”
คำพูดอันเป็นประกาศิตจากภารัชชาบอกกับมารดา ขณะที่เธอกำลังจัดดอกไม้จับช่อใส่แจกันให้สวยงาม
ภายนอกดูนิ่งสงบและใจเย็นดุจผืนน้ำ แต่ข้างในกำลังร้อนรนราวกับมีกองไฟสุมอกให้เธอต้องเป็นกังวล เมื่อคนเป็นแม่ออกคำสั่งให้เข้าประตูวิวาห์กับชายหนุ่มที่ไม่ได้รักใคร่
“มันเป็นคำสั่งจากพ่อของแกจะปฏิเสธได้ยังไง”
“ทำไมจะปฏิเสธไม่ได้คะ ตัวกับใจมันเป็นของหนูค่ะแม่”
ปรางสิตาบุกมาที่ร้านดอกไม้ของลูกสาว ทั้งที่ปกติเธอแทบจะไม่เคยกร่ำกรายเข้ามาด้วยซ้ำ เพราะไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ที่หอมคละคลุ้งส่งกลิ่นฉุนฟุ้งโพรงจมูก
แต่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาทั้งที ดันมาเพื่อทำให้อารมณ์ของภารัชชามัวหม่นแต่เช้าของวัน เพราะผู้นำของบ้านจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลซ่ง
“แกอายุ 28 ปีแล้วนะภารัชชา” ปรางสิตาถอนหายใจอย่างเอือมระอา เมื่อลูกสาวเพียงคนเดียวไม่มีคู่ครองสักที
“แนวโน้มอายุไขของมนุษย์เราถึง 70 ปีเชียวนะคะ” ภารัชชาพูดขณะใช้กรรไกรตัดตกแต่งกิ่งของดอกไม้
คนเราจะรีบมีความรักในวันที่ไม่พร้อมทำไม ตัวเธอขยาดความรักยิ่งกว่าแมลงที่ไต่ยั้วะเยี้ยเสียอีก ถึงจะไม่เคยมีคนรักแต่ก็เข้าใจความโหดร้ายของคำว่ารักดีกว่ามีโทษหนักแค่ไหน
คำว่ารักไม่ต่างอะไรจากน้ำผึ้งอาบยาพิษหรอก...
“นี่แกคิดจะมีครอบครัวตอน 60 รึไงล่ะ ไปแต่งงานมีลูกมีผัวเหมือนคนอื่นเขาได้แล้ว แต่ดูสิ... ดูตัวแกตอนนี้ที่เอาแต่หมกตัวกับดอกไม้โง่ๆ พวกนี้ทั้งวัน”
“แล้วแม่รู้มั้ยทำไมหนูถึงชอบดอกไม้พวกนี้”
ภารัชชาวางกรรไกรอย่างเสียอารมณ์ ถึงเธอจะต่อต้านแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธคนเป็นแม่ได้เลยสักครั้ง ขอแค่อย่าดูถูกในสิ่งที่เธอรักและให้ความทุ่มเทก็พอ
“เพราะดอกไม้มันหอมไงคะแม่ มันจะได้กลบกลิ่นคาวลูกเมียน้อยในตัวหนูได้หมด”
“แกควรภูมิใจด้วยซ้ำที่เป็นลูกสาวเจ้าสัวชาญชัย”
“แต่โดนแปะป้ายว่าลูกเมียน้อยเต็มหน้าผากน่ะเหรอคะ”
ปรางสิตาไม่สะทกสะท้าน เธอภูมิใจในตัวเองด้วยซ้ำที่ขึ้นเป็นเมียอีกคนของเจ้าสัวชาญชัย ต่อให้โดนประนามว่าเป็นเมียรองก็ไม่เป็นไร
“จะเมียหลวงหรือเมียน้อยก็คือเมียเหมือนกันอยู่ดี”
“แม่คะ แม่คิดแบบนั้นจริงเหรอคะ”
“แกควรสำนึกบุญคุณฉันด้วยซ้ำที่ให้แกเกิดมา”
ภารัชชาหมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง เธอแค่นหัวเราะอย่างติดตลกกับชะตาชีวิตลูกเมียน้อยที่ตลกไม่ออกสักนิด
แม่เธอตะกละพังพินาศมานานแล้ว มันพังตั้งแต่คิดจะแย่งผู้ชายของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถึงเจ้าสัวชาญชัยจะยอมให้ปรางสิตาขึ้นมาเชิดหน้าชูตาในสังคมก็จริง
แต่สุดท้ายก็หลีกหนีไม่พ้นคำว่าเมียน้อย และภารัชชาก็ถูกแปะป้ายว่าลูกเมียน้อยเหมือนคำสร้อยที่พ่วงตามหลังชื่อ
“ฝากบอกพ่อนะคะ ว่าหนูจะไม่แต่งกับคนตระกูลซ่งค่ะ”
“แกคิดว่าตัวแกมีทางเลือกนักเหรอ”
“ทำไมของแย่ๆ ถึงโยนมาที่หนูคนเดียวเลยคะ”
ปรางสิตาถอนหายใจ ลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นคนหัวรั้นและถือดี นิสัยคล้ายกับเธอแต่ขาดความทะเยอทะยาน
“ทำไมพ่อส่งหนูให้ไปแต่งงานกับลูกชายตระกูลซ่ง แต่พี่พลอยถึงได้แต่งเข้าตระกูลอัมรัตน์รชตสกุลคะ”
ว่าให้แล้วก็นึกน้อยใจขึ้นมา พ่อส่งพลอยลดาลูกสาวภรรยาเอกและมีศักดิ์เป็นพี่สาวเธอให้ตบแต่งกับลูกชายเพื่อนรัก
ธานินทร์เป็นชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและนิสัย เขาขึ้นเป็นประธานบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อยและไฟแรงสุดๆ จะหญิงหรือชายต่างก็หมายปองว่าเขาจะชายตามองมา
“แกจะไปอิจฉานังเด็กนั่นทำไม ลูกชายตระกูลซ่งมีหน้าตาในสังคมกว่าตั้งเยอะ”
“แต่หนูอยากมีสามีที่ดีค่ะแม่... แม่เข้าใจมั้ยคะ”
เธอยอมรับว่าอิจฉาพลอยลดาอยู่ลึกๆ ในใจ แต่ไม่เคยคิดที่จะริษยาแต่อย่างใด เวลาพี่สาวได้ดีเธอก็ยินดีกับทุกการเติบโตด้วยซ้ำ ต่อให้ไม่เคยถูกยอมรับจากพวกเขาก็ตาม
พลอยลดาเป็นลูกเมียหลวง พ่อจะรักมากกว่ามันก็ไม่แปลกอะไร แต่ก็อย่าทำเหมือนเกลียดชังเธอนัก ถึงขั้นส่งไปตบแต่งกับลูกชายตระกูลมาเฟียอย่างตระกูลซ่ง
“หนูอยากสร้างครอบครัวที่ดีให้ตัวเอง ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าลูกชายตระกูลซ่งโหดร้ายแค่ไหน แม่ยังจะส่งหนูไปตายอีกเหรอ”
“แต่หมอไป๋เป็นศัลยแพทย์ฝีมือดีเชียวนะ ชาตินี้แกจะหาผู้ชายโปรไฟล์ดีขนาดนี้จากที่ไหน ใช้สมองคิดหน่อยสิ”
“ถ้าหาที่ดีไม่เจอก็แค่ไม่มีไงคะแม่...” คำว่ามีผัวผิดคิดจนตัวตายมีอยู่จริง หากมีแล้วไม่ดีอยู่คนเดียวยังดีกว่าอีก
“ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้แกต้องไปทานข้าวกับที่บ้านเขา ฉันนัดพ่อแม่ของหมอไป๋เอาไว้แล้ว” ปรางสิตายื่นคำขาดเสียงแข็ง
“หนูไม่ไปค่ะ พรุ่งนี้หนูต้องไปจัดดอกไม้ที่งานแต่ง”
“คนอย่างแกก็ได้แต่จัดดอกไม้โง่เง่าอยู่แบบนี้ ไม่มีความทะเยอทะยานเหมือนฉันเลยสักนิด ฉันเป็นแม่แก ฉันมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แกเสมอภารัชชา จำไว้”
ใบหน้าสวยงามราวกับภาพวาดวิจิตรมีน้ำตาคลอ แต่เธอกลับสะกดกลั้นความอ่อนไหวนี้ไว้ ไม่ให้ปรางสิตาได้รู้ว่าคำพูดของคนเป็นแม่มันบาดลึกในใจแค่ไหน
“แกต้องแต่งงานกับหมอไป๋เท่านั้น เขาคือคนที่เหมาะสม”
เช้าวันต่อมาภารัชชาตื่นแต่เช้าเพราะฝืนนอนต่อไม่ไหว เธออาบน้ำชำระล้างทำความสะอาดร่างกาย แต่รอยดูดสีช้ำแดงที่ปรากฏชัดบนเนินอก สะท้อนภาพคืนรักเร่าร้อนให้เธอหน้าเห่อร้อนตอนส่องกระจกร่างบางสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำห่มกาย ก่อนจะหยิบหลอดยาทาในลิ้นชักแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง แต้มยาทาบนโหนกแก้มให้สามีที่ยังหลับไม่รู้สึกตัวเงียบๆถ้ารู้ว่าใจร้อนต้องเจ็บตัวแล้วจะใช้อารมณ์ทำไมกัน...เธออดค่อนขอดเขาในใจไม่ได้ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเข้าไปรัวหมัดใส่สิบทิศแบบนั้น จะให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามาหึงหวงก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่ได้รัก คงโกรธมากกว่าที่เธอซบไหล่ชายอื่นจนอาจทำให้ขายหน้าถึงใจเธอจะโกรธเขาเช่นกัน แต่ก็ยังบรรจงทายาให้อย่างเบามือ ทว่าคำพูดใจร้ายของหมอไป๋ก็ผุดขึ้นมาในหัวอยู่ดี“แค่ตั้งท้องแล้วคลอดลูกให้ฉัน... จากนั้นเธอจะเป็นอิสระ”มือที่กำลังทายาตรงมุมปากให้เขาชะงักไป หัวใจชาวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ คำพูดของเขาช่างใจดำอำมหิต สมคำร่ำลือเกี่ยวกับตัวหมอไป๋แห่งตระกูลซ่งนั่นแหละหมอไป๋ที่หลับใหลไม่ได้สติ เพิ่งรู้สึกตัวจากแสงแดดที่แยงตา เปลือกตาเขาขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมขึ้นมอง ภาพใบหน้าสวยสดของภารัชชาเป็นสิ่งแ
หลังทั้งคู่ทะเลาะกันข้างนอก แต่ยังสะสางปัญหาไม่เสร็จ หมอไป๋ก็เหยียบคันเร่งมิดไมล์กลับเพนท์เฮ้าส์ทันที เขาฉุดกระชากภารัชชาบังคับให้เธอเดินตาม อารมณ์บนใบหน้ายังโกรธขุ่นสิ่งที่เธอทำกระทั่งเปิดประตูห้องนอนได้ เขาก็โยนร่างเธอลงบนเตียงกว้างอย่างไม่อ่อนโยน ก่อนจะไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนเปลือยเปล่า“ฉันไม่อยากทำ...” ภารัชชาเบือนหน้าหนี หลังสามีเตรียมที่จะถอดกางเกงตามเสื้อไปเธอเหม่อมองดวงไฟจากตึกสูงระฟ้า ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟแต่เปิดม่านทิ้งไว้ ทำให้แสงไฟจากด้านนอกส่องสลัวเข้ามา พอให้หางตาเธอเห็นภาพเขากำลังเสยผมอย่างหัวเสียอยู่“หมายความว่าไงไม่อยากทำ”“ก็แค่ไม่อยากค่ะ”ซ่งไป๋ผ่อนปรนลมหายใจทิ้งแรงๆ ถ้าเขาฝืนบังคับให้เธอทำทั้งที่ไม่เต็มใจ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เขาขืนใจเธอหรอกต่อให้เธอจะมองว่าเขาเลวร้ายแค่ไหน แต่ซ่งไป๋ไม่คิดจะร่วมเตียงกับคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องบังคับใคร ต่อให้ไม่มีภารัชชาผู้หญิงมากมายก็พร้อมใจจะขึ้นเตียงกับเขาอยู่ดี“ถ้าไม่อยากทำ งั้นฉันขอถามอะไรเธออย่างนึง...” เสียงคำถามเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ขณะปลดเข็มขัดและถอดกางเกงออกคนตัวสูงโถมร่างขึ้นคร่อมทับ
สิ่งที่เธอย้อนถามเขากลับมา มันทำให้ภาพรักเก่าที่แสนเจ็บปวด แต่ยังเป็นความทรงจำที่เคยสวยงาม พร้อมใจกันหลั่งไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของซ่งไป๋“เธอรู้ได้ไง...” เขาปรายตามองเธอ แววตาเฉยชาที่มองกัน ทำให้ใจของคนถูกมองรู้สึกเจ็บปวด“สำคัญด้วยเหรอคะว่ารู้ยังไง”ภารัชชาแค่นยิ้ม คงจะจริงจนพูดอะไรไม่ออกเลยสินะ“ประเด็นคือ... ฉันพูดความจริงถูกต้องมั้ยคะ”“จะจริงหรือไม่จริง อดีตก็คืออดีตอยู่ดี”“อดีตที่ยังรู้สึกในปัจจุบันน่ะเหรอคะคุณไป๋... จะเรียกอดีตได้ยังไง”สิ้นประโยคที่แทงใจดำคนฟัง ร่างสูงก็นิ่งงันไม่พูดไม่จาและไม่คิดจะแก้ต่างอะไร จนเธอพอเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่รู้มาคือความจริงภารัชชารู้เรื่องทั้งหมดจากอิงธารา หลังโทรระบายความในใจกับเพื่อนสนิท อิงธาราพอรู้คร่าวๆ ว่าทั้งคู่เคยมีข่าวฉาวถึงแฟนสาวที่เคยคบกับหมอไป๋ นอกใจไปคบหากับน้องชายต่างมารดาแทนแต่สุดท้ายก็ตบแต่งเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ ก่อนข่าวลือจะซาไปตามกาลเวลา หรือจากอำนาจเงินที่ใช้ปิดข่าวนั่นแหละเธอไม่เคยเอะใจเรื่องนี้สักนิด อาจเป็นเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในร้านดอกไม้ ใช้ชีวิตปลงปลดในวัยที่ใกล้เลขสาม เลยไม่รู้สึกระแคะระคายกับสายตาที่ทั้งค
ร่างสูงยังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด เหยียบคันเร่งมิดไมล์มาตามภรรยาที่ร้านเหล้า ก้าวขายาวสับปลายเท้าปรี่เข้าไปในบาร์ กวาดสายตามองหาภารัชชาก่อนจะพบว่าเพลิงเหมันต์โบกมือเรียกอยู่ใบหน้าหล่อคมฉายชัดถึงอารมณ์ร้าย ไม่พอใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นภาพภารัชชากับหนุ่มรุ่นพี่ นั่งกอดกันกลมราวกับเป็นชู้รักยังไงยังงั้น“มันอยู่ไหน” หมอไป๋กดเสียงต่ำ ดวงตาวาวโรจน์มองหาคู่กรณี“ใจเย็นนะไอ้ไป๋ แค่กอดกันไม่มีอะไรหรอกมึง” คนที่พยายามพูดปลอบยิ้มแห้ง เห็นซ่งไป๋รีบบุ่มบ่ามดูใจร้อนเลยยั้งเอาไว้ก่อน“แต่มันกอดเมียกูจะใจเย็นยังไง”“ยอมรับว่าเธอเป็นเมียแล้วเหรอวะ”เพลิงเหมันต์กระตุกยิ้มชอบใจ มองเพื่อนรักที่แสร้งเบือนหน้าหนีไปถอนหายใจใส่ แต่ความจริงก็รู้อยู่แก่ใจ หึงจนหน้าดำหน้าแดงมาแต่ไกลแบบนี้ ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่สั่นแล้ว“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”“มุมโต๊ะโน่นไง...”ว่าแล้วก็หันหลังชี้ไปที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน เมื่อมองลอดผ่านผู้คนไปจะเห็นภารัชชานอนซบไหล่สิบทิศอยู่เพลิงเหมันต์กอดอกวิเคราะห์ภาพทั้งคู่อยู่ เขาเองก็ยืนจับตามองอยู่นานสองนาน เห็นแค่สองคนนั้นกอดปลอบกัน แต่ไม่มีอะไรที่ล่วงเกินให้เขาต้องเป็นฝ่ายเข้าไปคลี่คลายส
เพียะฝ่ามือหนาตบเข้าที่ใบหน้าหญิงสาวเต็มแรง จนร่างเธอร่วงลงไปกองกับพื้น ยกมือขึ้นจับหน้าข้างที่ถูกตบแล้วกัดปากล่างแน่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเพชรเพทายทำร้ายร่างกาย แต่เขาทำร้ายเธอทุกทางไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ เหยียบย่ำจิตใจผู้หญิงคนนึงไม่มีชิ้นดี โดยที่เหมยหลินไม่สามารถอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือได้เลยเพชรเพทายย่อตัวลง เขาโกรธจัดจนตาแดงก่ำ ลมหายใจเพลิงร้อนผ่าว ก่อนจะจับปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมอง แล้วออกแรงบีบหนักขึ้นจนเธอเบ้หน้าเจ็บแต่ไม่กล้าต่อปากต่อคำเถียง“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ วันนี้ที่เธอไปโรงพยาบาลคือไปหาใคร”“ฉันพูดอะไรไปคุณก็ไม่เชื่อใจกันอยู่ดีนี่คะ”“เธอไปร่านกับมันมาใช่มั้ยเหมยหลิน”เหมยหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาเธอเอ่อคลอ ทั้งใต้ตาก็แดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาสามีอย่างเพชรเพทายระแวงเธอกับหมอไป๋น่าดู เขาส่งคนให้สะกดรอยตามภรรยาไปทุกที่ ในวันนี้พอทราบเรื่องว่าเธอไปโรงพยาบาล เขาก็ไม่ฟังเธออธิบายให้มากความ แต่เลือกใช้ความรุนแรงเป็นทางออกแทน“หะ คิดถึงของเก่าจนอยากโดนมันขึ้นมาหรือไง” เพชรเพทายออกแรงบีบสองแก้มเธอแรงขึ้นเหมยหลินตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เธอกลัวจะถูกเขาท
ร่างสูงยืนมองแผ่นหลังของภรรยาจนลับสายตาไป ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับอย่างหงุดหงิดใจ นอกจากจะไม่ได้ลิ้มรสไก่ตุ๋นโสมแล้ว ยังมีเรื่องให้ต้องผิดใจกันอีกต่างหาก“แม่งเอ้ย” เขาสบถกับตัวเองแล้วขมวดคิ้วแน่นทว่าวินาทีต่อมา หมอไป๋ก็นิ่งงันไปสักพัก คิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปมอยู่ก็พลันคลายออกทีละนิดเขากำลังครุ่นคิดกับตัวเอง เหตุไฉนทำไมต้องอารมณ์เสียที่เห็นอีกฝ่ายเดินหนีกัน ในเมื่อตัวของภารัชชาก็ไม่ได้สำคัญกับเขาถึงขั้นที่ต้องตามอธิบาย“อยากเข้าใจแบบไหนก็ตามใจละกัน...”ถึงปากจะตัดพ้อไปแบบนั้น แต่เขากลับเสยผมอย่างหัวเสีย ที่ภารัชชาเข้ามาได้ผิดจังหวะไปหมด เส้นเลือดที่ขมับตอดตุบราวกับมีชีวิต หัวเขาร้อนผ่าวจนเม็ดเหงื่อซึมตามไรผมหมดแล้ววันนี้เขาก้าวเท้าข้างที่ซวยออกจากบ้านรึไงกัน...หมอไป๋เดินกลับมาที่ห้อง สีหน้าฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์ ก่อนปรายตามองที่หญิงสาวพร้อมเอ่ยปากไล่ ไม่สนว่าเธอจะสะอื้นไห้เสียใจต่อหน้าก็ตาม“ออกไปจากห้องทำงานฉันได้ละ”“ไป๋...”เหมยหลินเอื้อมมือจะเอาไปจับมือเขา แต่หมอไป๋เป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ พลางลอบระบายลมหายใจอย่างเอือมระอาวันนี้เธอมาร้องห่มร้องไห้กับเขา เพราะทะเลาะหนักกับเพชรเพทายมาเรื่
Comments