แชร์

ท่านประธาน

ผู้เขียน: light sky
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-21 18:06:21

Chapter 2

ท่านประธาน

 

“จะพยายามไม่ให้ไปอยู่ในสายตาแล้วกัน”

หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบฉันก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาคำพูดของตัวเอง โชคดีที่ตอนนั้นใกล้สอบไฟนอล รายวิชาต่างๆ เลยทยอยกันปิดคอร์สลงเพื่อให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสอบ และโชคดีที่รหัสนักศึกษาเราห่างกันทำให้ส่วนใหญ่เรากันสอบคนละห้อง เผลอๆ คนละตึกเสียด้วยซ้ำ

ถือว่าเป็นการปิดท้ายปี 2 อย่างสมบูรณ์แบบ

ฉันทำมันมาได้ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมานี้ ก่อนที่มันจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะวันนี้วันเดียว

วันนี้ก็เป็นอีกวันวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่อย่างเช่นการฝึกงานในแผนกการตลาดในฐานะนักศึกษาปี 4 เทอมสุดท้าย บริษัทที่จะมาฝึกงานถูกแรนด้อมด้วยอาจารย์และเหล่าบริษัทที่โคกันเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศ

ฝ่าการจราจรอันคับคั่งจนในที่สุดก็มาถึงตึกสูงซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในตลาด ด้วยความที่มาก่อนเวลานัดค่อนข้างจะเยอะฉันจึงเลือกที่จะไปหาอะไรดื่มรองท้องก่อนจะเข้าไปหาแผนกบุคคล

แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันคงไปนั่งรอโง่ๆ ที่รีเซปชั่นดีกว่า

“ลาเต้เย็นครับ”

เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ฉันรีบรับชาเขียวเย็นมาแล้วนั้นหมุนตัวออกจากร้านเพื่อที่จะไม่เกะกะคนอื่น แต่ใครมันจะคิดละว่าทันทีที่หมุนตัวกลับไปแก้วชาเขียวที่ยังไม่ได้ดื่มสักอึกก็ชนเข้ากับลูกค้าคนนั้นอย่างแรงจนแก้วตกไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นร่วมกับบรรดาน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ที่กระจัดกระจาย

“ขอโทษค่ะ!” ฉันรีบพูดออกไปด้วยความตกใจก่อนจะเงยหน้ามองผู้เคราะห์ร้าย ทันทีที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายฉันก็ได้แต่ร้องอยู่ใจว่าผู้เคราะห์ร้ายน่ะคือฉันต่างหาก! “ไนล์...”

“คุณไนล์! ตายแล้วเสื้อเปียกหมดเลยค่ะ” คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ชงเครื่องดื่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรีบสาวเท้าเข้ามาดู

เศษซากชาเขียวเย็นถูกพนักงานกรูเข้ามาทำความสะอาด ได้ยินเสียงผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็เอาแต่พูดว่าทำไงดีๆๆ ด้วยท่าทางร้อนรน ในขณะที่ฉันได้แต่ยืนยิ่งอย่างไม่รู้จะจัดการยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ในหัวมีสารพัดวิธีเด้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นการหยิบทิชชูมาซับ เปิดปากถามไถ่ หรือไปซื้อเสื้อใหม่...แต่ทว่า

‘ไม่อยากเจอเธอแล้วอะ’

ใช่แล้ว ต้องเดินหนี

“จะไปไหน ไม่คิดจะรับผิดชอบกันหน่อยเหรอครับ” เสียงราบเรียบดังขึ้นมาทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวออกจากร้านต้องหยุดลงและมองหน้าคนพูด “เสื้อสูทผมตั้งแพง”

ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองรอยคราบน้ำหวานที่ติดอยู่บนเนื้อผ้าที่ดูแล้วมีราคาอย่างที่เจ้าตัวบอกด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะถือวิสาสะมองสำรวจอีกฝ่ายทั้งร่าง ไนล์อยู่ในชุดภูมิฐานด้วยเสื้อสูทกับกางเกงสแล็กส์เนื้อดีรวมทั้งรองเท้าดำปลาบแม้ไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรแต่ก็คงเป็นตำแหน่งที่สูงไม่น้อยเพราะราศีความน่าเกรงขามมันแผ่ออกมาซะขนาดนี้

ฉันแค่นยิ้มเมื่อก้มมองตัวเองในชุดนักศึกษาธรรมดาๆ ชุดหนึ่ง

“เดี๋ยวฉันไปซัก...”

“ต้องซื้อใหม่ครับ”

“คะ? งั้นบอกชื่อร้าน—”

“รุ่นนี้เลิกผลิตแล้วครับ”

“อ้าว” ฉันขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย ตกลงจะให้ฉันรับผิดชอบยังไง ซักคืนก็ไม่ได้ซื้อใหม่ให้ก็ไม่ได้ แต่ว่าก็ว่าเถอะเสื้อสูทมันก็เหมือนๆ กันหมดไม่ใช่เหรอ

“ซื้อรุ่นใหม่ครับ มีตัวที่ผมอยากได้อยู่พอดี”

“ตอนนี้เลยเหรอคะ” ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนรอให้ฉันเป็นฝ่ายเดินตามเขาไป

“ก็ต้องตอนนี้สิครับ”

“ไปตอนนี้ห้างคงยังไม่เปิดมั้งคะ” ฉันว่าเสียงค่อยเมื่อมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะถึงเวลารายงานตัวแล้ว “ฉันขอโทษจริงๆ นะคะแต่ว่าตอนนี้ฉันมีธุระด่วน”

“แต่ผมไม่มีเสื้อใส่” ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่มองมานั้นล้วนแต่สร้างความกดดันให้ฉันทั้งสิ้น ฉันเม้มปากอย่างคิดไม่ตกในขณะมองรอยเปื้อนที่ขยายวงไปเรื่อยๆ บนเสื้อสูทของเขา

“งั้นคุณไปซื้อเสื้อเองนะคะซื้อเสร็จแล้วมาเก็บเงินที่ฉัน ไปก่อนนะคะ!”

ไม่รอให้ร่างสูงได้พูดสวนอะไรให้เกิดความลังเลใจอีก เอ่ยเสร็จฉันก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาจากร้านทันที บริษัทที่ฉันเข้ามาฝึกงานมีชื่อว่าบริษัท Being You Group ที่รับเป็นตัวกลางผลิตสกินแคร์และเครื่องสำอางให้กับแบรนด์ระดับไฮ-เอนด์และมีโปรดักต์เป็นของตัวเองที่เป็นเคาน์เตอร์แบรนด์อีกด้วย ไม่มีเวลาให้สำรวจบรรยากาศมากนักเมื่อมาถึงยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ฉันก็รีบบอกสาเหตุที่มาที่นี่ทันที

“เอาละทุกคน ฟังทางนี้กันหน่อย”

สิ้นเสียงของพี่ปิ่นที่แนะนำตัวกับฉันว่าเป็นหัวหน้าแผนกระหว่างแผนกการตลาดและครีเอทีฟ ทุกคนที่จดจ่ออยู่กับงานของตนก็เงยหน้าขึ้นมามองทางนี้เป็นจุดจุดเดียว ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“นี่คือน้องนับแต้ม น้องฝึกงานใหม่ของแผนกเรา นับแต้มแนะนำตัวเลยจ้ะ”

“สวัสดีค่ะ ชื่อนางสาวณัฐนรี ดำรงดี ชื่อเล่นชื่อนับแต้มนะคะ มาจากมหาวิทยาลัย B คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด จะมาเป็นนักศึกษาฝึกงานของที่นี่เป็นเวลาสามเดือน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ว่าเสร็จฉันก็โค้งตัวลงหนึ่งครั้งเป็นการฝากตัว

เสียงปรบมือต้อนรับดังขึ้นทำให้ฉันอุ่นใจอยู่ไม่น้อย พี่ปิ่นพาฉันไปฝากไว้กับพี่สาและยังให้ฉันนั่งโต๊ะตัวติดกับพี่เขาอีกด้วย พี่สาดูเป็นสาวมั่นด้วยการแต่งตัวด้วยสีสันที่ค่อนข้างฉูดฉาดและตามเทรนด์ พี่สาเหลือบมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ ฉันเลยคลี่ยิ้มเก้อไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ” เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงในที่สุดฉันก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงกล้าๆ กลัวๆ

“ไปชงกาแฟมาหน่อย กาแฟดำนะ” พี่สาตอบกลับมาโดยไม่หันหน้ามามองฉันด้วยซ้ำ

“ค่ะ!” ฉันรับคำรีบผุดขึ้นยืนด้วยท่าทางกระตือรือร้นเมื่อในที่สุดก็มีอะไรให้ฉันได้ทำสักทีแม้ว่ามันจะเป็นการชงกาแฟก็ตามเถอะ

ความรีบร้อนทำให้ฉันลืมคิดไปว่าตนเองไม่รู้ทางไปห้องชงกาแฟ เมื่อหันมองกลับไปพี่สาก็จดจ่ออยู่กับงานจนไม่กล้าเข้าไปถาม ส่วนคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารตรงหน้ากันทั้งนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจเดินหาด้วยตัวเอง

ห้องชงกาแฟอยู่เกือบสุดทางเดินของตึกตรงกันข้ามกับห้องน้ำ ฉันรีบชงกาแฟแล้วเดินออกมาก่อนจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มีหลายคนลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อยแม้จากที่ดูคนเหล่านั้นก็แต่งตัวเรียบร้อยกันอยู่แล้วก็ตาม บางคนก็จดจ่อกับงานขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนบางคน...

ฉันวางแก้วกาแฟบนโต๊ะขณะหันมองพี่สาที่หยิบกระเป๋าออกมาและเมื่อเปิดออกก็พบว่ามันคือเครื่องสำอาง มือเรียวจัดองศากระจกตั้งโต๊ะให้พอดีกับใบหน้า ก่อนที่จะลงมือปั้นเสริมเติมแต่งให้ใบหน้าที่สวยนั้นยิ่งดูน่าหลงใหลไปอีกโดยเฉพาะริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดราคาแพงนั่น

“กาแฟได้แล้วค่ะ”

พี่สาปรายตามามองแก้วกาแฟที่ฉันถืออยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “วางไว้”

ฉันวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะอีกฝ่ายเลือกมุมว่างๆ บนโต๊ะเพื่อไม่ให้เป็นการเกะกะของการแต่งหน้าของเธอ เมื่อไม่มีอะไรให้ทำอีกฉันเลยจมกับอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง เหตุการณ์เมื่อเช้าฉายขึ้นมาพร้อมๆ กับใบหน้าของไนล์ เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าสี่ปีก่อนเยอะมาก ดูนิ่งขึ้น สุขุมขึ้นและเย็นชาขึ้น... รอบตัวของเขามีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาย้ำเตือนว่าไนล์คนนี้ไม่ใช่คนเดิมที่เคยรู้จักอีกแล้ว ต้องรักษาระยะห่างอย่างอัตโนมัติ

“นับแต้ม!!”

แม้จะเป็นการเจอหน้ากันสั้นๆ เพียงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ฉันตระหนักได้ว่าเราสองคนนั้นไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้แม้แต่ในฐานะคนรู้จัก ตอนคบกันฉันรู้สึกว่าพวกเรามาจากคนละโลก ส่วนตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพวกเรามาจากคนละจักรวาลด้วยซ้ำ

“นับแต้ม บอสเรียก!”

เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้ฉันหลุดจากการคิดถึงร่างสูงกลับมาอยู่ในปัจจุบัน

“ฝันกลางวันอยู่เหรอเรา”

ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคนพูดก่อนจะพบว่าพี่ปิ่นมายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันรีบส่งสายตาลุขอโทษไปให้พี่ปิ่นและคนอื่นๆ มีบางคนที่ขมวดคิ้วมองมา บางคนก็มีแววตาขบขันกับอาการเหม่อลอยของเด็กฝึกงาน ส่วนพี่สาไม่ได้มองมาที่ฉัน เธอกองเครื่องสำอางไว้มุมหนึ่งลวกๆ สีหน้าของเธอตอนนี้เหมือนกำลังผิดหวังปนอารมณ์เสียอยู่

“ขอโทษค่ะพี่ปิ่น”

“ตามฉันมา”

“มีเรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันรีบสาวเท้าเดินตามพี่ปิ่นโดยเว้นระยะเยื้องมาทางด้านหลังเล็กหน่อยพลางถามด้วยน้ำเสียงที่ติดกังวล เพราะถ้าหูไม่ฝาดเมื่อกี้พี่ปิ่นบอกว่าบอสเรียกฉันงั้นเหรอ

บอสที่หมายถึงประธานบริษัทอะนะ?!

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่า” พี่ปิ่นมีสีหน้าปั้นยากขณะมองฉันอย่างต้องการเค้นความจริง ฉันได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพิ่งเข้ามาฝึกงานที่นี่ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำขออย่าให้มีเรื่องเซอร์ไพรส์กับเธอนักเลย แค่เจอใครคนนั้นมาก็เกือบจะหนีกลับบ้านอยู่รอมร่อแล้ว

ฉันคิดอย่างปลงๆ แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหารที่อยู่บนสุดพร้อมกับพี่ปิ่น นึกแล้วก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด อุตส่าห์ดีใจที่ได้มาฝึกงานในบริษัทใหญ่โตแบบนี้แต่มาก็ดันเจอดีปะกับคนที่ใจไม่พร้อมเจอตั้งแต่เช้า แล้วนี่ยังโดนเรียกมาเจอเจ้าของบริษัทอีกงั้นเหรอ

“น้องฝึกงานมาแล้วค่ะท่านประธาน” พี่ปิ่นว่าหลังจากเคาะประตูห้องประธานกรรมการบริหาร

พี่ปิ่นผลักประตูเข้าไปในขณะที่ฉันเดินคอตกตามหลังพี่ปิ่นไปเงียบๆ สายตาจ้องแต่พื้นห้องที่ปูด้วยพรมกำมะหยี่ราคาแพง มือทั้งสองข้างของฉันประสานกันไว้ข้างหน้า แม้จะมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ก็อดตัวสั่นไม่ได้

“ผมบอกให้เรียกผมว่ายังไงนะ”

ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงอันทุ้มต่ำที่คุ้นเคยเพราะเพิ่งได้ยินมาเมื่อเช้าสดๆ ร้อนๆ หัวใจของฉันก็เหมือนถูกกระชากอย่างแรงและเต้นถี่อย่างน่ากลัว ริมฝีปากถูกเม้มไว้แน่นไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักแอะ ในขณะที่รู้สึกว่าหลังของตัวเองนั้นก้มลงต่ำลงเรื่อยๆ

“ขอโทษค่ะบอส” พี่ปิ่นรีบแก้คำของตนเดาว่าเขาไม่ชอบให้คนอื่นเรียกว่าท่านประธานสักเท่าไหร่

แต่ไม่ว่าจะเป็นบอสหรือท่านประธานก็ความหมายเดียวกันไม่ใช่หรือไง ความจริงข้อนี้ตบหน้าฉันเข้าอย่างจัง ความสับสนความประหม่าพุ่งเข้ามาเหมือนระลอกคลื่นที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด แท้จริงแล้วร่างสูงก็มีสถานะเช่นนี้นี่เอง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กเพียงไหน

“เงยหน้าขึ้นมา”

เสียงนั้นแฝงไปด้วยความวางท่าและอำนาจ ฉันยังคงก้มหน้านิ่ง เพิ่มแรงสองมือที่สอดประสานกันมากกว่าเดิม พี่ปิ่นถอยหลังไปสองก้าวทำให้ฉันกลายมาเป็นคนที่ยืนด้านหน้าร่างสูงโดยปริยาย

“บอสสั่งให้เธอเงยหน้าขึ้น เร็วเข้าสิ!” เสียงพี่ปิ่นกระซิบโพล่งขึ้นมา

ฉันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด รู้สึกถึงความชื้นตามกรอบหน้าสวนทางกับอุณหภูมิที่เรียกว่าหนาวจัด ไนล์เป็นคนขี้ร้อนจึงไม่แปลกที่บรรยากาศในห้องคล้ายกับอยู่ขั้วโลก หากแต่คนขี้ร้อนอย่างเขาก็ยอมทนตากพัดลมราคาหลักร้อยทั้งคืนเพราะอยากนอนกอดฉัน

ฉันรีบสลัดความทรงจำนั้นไปก่อนจะรวบรวมกำลังใจเงยหน้าขึ้นมองประธานบริษัทแห่งนี้ แม้จะยืนยันภายในใจมาแล้วตั้งแต่ได้ยินน้ำเสียงว่ายังไงต้องเป็นไนล์แน่ แต่พอเห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำนั่งอยู่หลังโต๊ะที่มีป้ายชื่อและตำแหน่งท่านประธานสลักไว้อยู่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออยู่ดี

ใบหน้าของร่างสูงขาวจัดสุขภาพดีตามสายเลือดของคนที่มีอันจะกิน ทว่าความคมคายของกรอบหน้าก็ยิ่งเพิ่มความเสน่ห์และความดุดันให้เขาไปอีก โดยเฉพาะในตอนที่ร่างสูงปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า แววตาเข้มนั้นก็ยิ่งเด่นสง่าขับความโอหังอย่างไม่ได้ตั้งใจให้เด่นชัดขึ้น สร้างความกลัวเกรงให้คนที่พบเห็นมาตลอด

สองสายตาสอดประสานมองกัน แววตาคู่หนึ่งว่างเปล่าแต่ก็แฝงไปด้วยความกดดัน ในขณะที่อีกคู่กับเป็นแววตาที่สั่นไหวและไม่มั่นใจ ยิ่งเห็นมุมปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อยมันทำให้ฉันรู้สึกอันตรายที่คืบคลานเข้ามา ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นมาอีกครา...

“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมไล่นักศึกษาฝึกงานคนนี้ออก!”

 

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ชดใช้หนี้

    Chapter 4ชดใช้หนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาทิ่มแทงจากร่างสูงที่มองมาฉันเลยรวบรวมกำลังใจและกำลังกายเท่าที่จะทำได้เอามาโฟกัสที่งานตรงหน้าอีกครั้งข้อมูลในแฟ้มนับสิบสรุปออกมาเป็นหน้ากระดาษ A4 ประมาณยี่สิบแผ่นเริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของบริษัท Being You ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบสี่สิบปี เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาจับธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์แทนที่จะพึ่งพาต่างชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่ต่างชาติมี Being you ก็มี และในหลายๆ ครั้งก็เป็นคนเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้รับวางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนานนอกจากนี้ในข้อมูลยังระบุอีกว่าในระยะสิบปีให้หลังมานี้บริษัทได้เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมายเนื่องจากตลาดความสวยความงามที่ก้าวกระโดดและมีบริษัทน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทำให้บางช่วงผลประกอบการระดับไตรมาสนั้นน้อยลง หากด้วยการแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีและบริษัทนั้นได้มีแผนสำรองอยู่เสมอนั้นตัวเลขในผลประกอบการจึงเป็นที่น่าพอใจในระยะยาวในที่สุดภาระงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ก็สิ้นสุดลงในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ไล่ออก

    Chapter 3ไล่ออกร่างสูงเอ่ยประโยคดังกล่าวน้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะสร้างความน่าตกใจให้แก่คนฟัง อุณหภูมิห้องที่ว่าหนาวอยู่แล้วกลับยิ่งเย็นเยือกยิ่งเข้าไปอีก กล่าวเสร็จเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่ยืนอยู่ มือหนาคว้าแฟ้มสีดำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่านเป็นการปิดบทสนทนา“บ..บอสคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ” พี่ปิ่นคล้ายจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา เธอเอ่ยขึ้นกับบอสด้วยท่าทีไม่มั่นใจเล็กน้อยแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะถามออกไป“เด็กฝึกงานคนนี้ไม่มีความรับผิดชอบ” เขาพูดออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารในมืออยู่“ฉันอธิบายได้ค่ะ”ฉับ!เสียงปิดแฟ้มดังขึ้น ร่างสูงโยนแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างลวกๆ ศอกทั้งสองเลื่อนไปพักอยู่บนที่วางแขนขณะที่นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานกันไว้กลางกระดุมเม็ดที่สามของเสื้อเชิ้ต นัยน์ตาสีเข้มจ้องมาทางฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกแต่เหมือนจะรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่“คือเมื่อเช้า—”“เมื่อเช้าเด็กฝึกงานคนนี้ทำเสื้อสูทผมเลอะจนไม่สามารถใส่มันได้อีก ผมให้โอกาสเธอแก้ไขปัญหานี้แต่เธอกลับวิ่งหนีความผิดของตัวเอง” ไม่รอให้ฉันเอ่ยจบร่างสูงก็พูดแทรกอธิบายเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมา “ดูเหมือนคุณ

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ท่านประธาน

    Chapter 2ท่านประธาน“จะพยายามไม่ให้ไปอยู่ในสายตาแล้วกัน”หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบฉันก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาคำพูดของตัวเอง โชคดีที่ตอนนั้นใกล้สอบไฟนอล รายวิชาต่างๆ เลยทยอยกันปิดคอร์สลงเพื่อให้นักศึกษาแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสอบ และโชคดีที่รหัสนักศึกษาเราห่างกันทำให้ส่วนใหญ่เรากันสอบคนละห้อง เผลอๆ คนละตึกเสียด้วยซ้ำถือว่าเป็นการปิดท้ายปี 2 อย่างสมบูรณ์แบบฉันทำมันมาได้ตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมานี้ ก่อนที่มันจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะวันนี้วันเดียววันนี้ก็เป็นอีกวันวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่อย่างเช่นการฝึกงานในแผนกการตลาดในฐานะนักศึกษาปี 4 เทอมสุดท้าย บริษัทที่จะมาฝึกงานถูกแรนด้อมด้วยอาจารย์และเหล่าบริษัทที่โคกันเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศฝ่าการจราจรอันคับคั่งจนในที่สุดก็มาถึงตึกสูงซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในตลาด ด้วยความที่มาก่อนเวลานัดค่อนข้างจะเยอะฉันจึงเลือกที่จะไปหาอะไรดื่มรองท้องก่อนจะเข้าไปหาแผนกบุคคลแต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันคงไปน

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   ไม่อยากเจอเธอแล้ว

    Chapter 1ไม่อยากเจอเธอแล้วการเลิกกับใครสักคนคนหนึ่งนั้นมันไม่ต้องหาเหตุผลร้อยแปดอะไรมาอ้างมากมาย แค่เพียงคบกันสักพักเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนวันหนึ่งมันก็มาถึงจุดอิ่มตัวของความสัมพันธ์เหมือนวันนั้นเมื่อสี่ปีก่อนเป็นเช้าที่อากาศแจ่มใส มีแสงแดดส่องผ่านลอดมาทางหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้อนจนต้องพลิกตัวหนีหรือลุกขึ้นหลบ เป็นวันธรรมดาที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบกับแผ่นหลังเปล่าเปลือยเหมือนกับฉันในตอนนี้ ต่างกันตรงที่เขาสวมบ็อกเซอร์และกำลังนั่งขัดสมาธิที่พื้นตรงโต๊ะญี่ปุ่นหันหลังให้ฉันอยู่ ในขณะที่ฉันไม่ได้สวมอะไรอยู่เลย“ไนล์” เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดหันมายิ้มให้“ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย” คำถามนั้นทำให้ฉันรับรู้ถึงกลิ่นหอมของน้ำเต้าหู้ที่ลอยเตะมาจมูก คาดว่าอีกฝ่ายคงลงไปซื้อที่ตลาดเช้าตรงหน้าปากซอยเหมือนเช่นเคย“เมื่อวานขอโทษนะที่ลืมวันเกิด”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ไนล์ยังคงมีรอยยิ้มขณะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทั้งๆ ที่เขาวางแพลนต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งจองร้านอาหาร ทั้งซื้อตั๋วหนังเมื่อคืนก็เป็นอีกคืนที่ฉันกลับถึงห้องเกือบตีสาม ทันท

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัทบริษัท   Intro Hello, My ex.

    INTROHello, my ex.ท้องฟ้ายามเข็มสั้นอยู่ตรงเลขสามนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท หากแต่ภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่นี้แทนที่จะเป็นความเงียบที่สงัดกลับกลายเป็นภาพของพ่อค้าแม่ขายที่กำลังตั้งแผงร้านของตัวเองกันอยู่ บ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนี้แสงของเช้าวันใหม่คงมาเยือนฉันเดินผ่านจุดที่ตั้งของตลาดแล้วเดินเข้ามาภายในตรอกซอยหนึ่ง สองข้างทางมีบ้านของคนในพื้นที่สลับกับอะพาร์ตเมนต์น้อยใหญ่ หนึ่งในนั้นคือตึกเดี่ยวสี่ชั้นสภาพดูเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับค่าเช่าประมาณเดือนละพันต้นๆ ซึ่งถือว่าหายากมากในทำเลแบบนี้ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฉันใช้ซุกหัวนอนมาตลอดเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่หลังจากจบปีหนึ่งเนื่องจากหอพักมหาวิทยาลัยอนุญาตให้นักศึกษาปีหนึ่งเข้าพักได้เพียงเท่านั้นไม่มีที่สำหรับจอดรถ ไม่มีคีย์การ์ดหรือพี่ยามเหมือนที่อื่นๆ เขา ที่นี่มีแต่ป้าตุ้มที่เฝ้าอยู่ด้านล่างด้วยสภาพสะลึมสะลือเสมอ แน่นอนว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยนักหากมันก็แลกมากับค่าเช่าที่เอื้อมถึง ฉันเดินผ่านป้าที่น่าจะกำลังฝันหวานอยู่ พาตัวเองขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุดของตึก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status