Home / วัยรุ่น / My Honey ซูมี่จอมดื้อ / มั่นใจในตัวเอง

Share

มั่นใจในตัวเอง

last update Last Updated: 2024-12-30 21:41:14

เวลา 11.59 น.

@ ห้องเรียน ตึกคณะบริหารธุรกิจ

“อีกหนึ่งนาทีเท่านั้น”

ซูมี่นั่งจ้องนาฬิกาแขวนติดผนังรอเข็มนาทีชี้ตรงเลข 12 อย่างไม่ละสายตา จนเพื่อนสาวฝาแฝดคนสนิทอย่างต้นข้าวกับต้นรักต่างหันหน้าไปมองเธอด้วยความสงสัย

“ยัยมี่ ฉันเห็นแกมองนาฬิกาตั้งแต่ต้นคาบแล้วนะ” ต้นข้าวเอ่ย

“สงสัยต้องมีนัดแหง ๆ นัดเดตกับผู้บ่าวใช่ไหมมีมี่” ต้นรักแทรกถาม

“คนอย่างยัยมี่จะนัดผู้ชายเหรอ ทุกวันนี้ผู้ชายมาดักรอหน้าตึกเรียนตั้งไม่รู้กี่คน มันแทบจะไม่ชายตามองสักคนเลย”

ฝาแฝดทั้งสองคนแม้จะหน้าตาพิมพ์เดียวกันเป๊ะ แต่นิสัยหรือความคิดนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

ฝาแฝดผู้พี่ ‘ต้นข้าว’ จะเป็นคนชอบพูดตรงไปตรงมา รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน ชนิดที่เรียกว่า ‘ขวานผ่าซาก’ อีกทั้งความคิดของเธออิงทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเท่านั้น ไม่ละเมอเพ้อฝันเรื่องไร้สาระโดยเฉพาะกับเรื่องความรัก

ขณะที่ฝาแฝดผู้น้อง ‘ต้นรัก’ มักเป็นคนพูดจาถนอมน้ำใจผู้อื่น พูดจาน่าฟังและรื่นหูในทำนอง ‘บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น’ ความคิดก็ตรงกันข้ามกับแฝดคนพี่ เธอมองว่าทุกคนต่างมีความฝันและสามารถทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ ยิ่งกับความรักเธอถือว่าเป็นศิราณีตัวแม่ที่พร้อมตอบปัญหาหัวใจให้กับเพื่อนชายหญิงทุกคู่ แม้ว่าตัวหล่อนเองจะยังไม่มีเคยมีแฟนก็ตาม

เวลา 12.00 น.

“เย้! เที่ยงสักที” ซูมี่รีบเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนเข้ากระเป๋าหิ้วก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

“อ้าวเฮ้ย! ไม่บอกกล่าวเพื่อนฝูงเลยว่าจะไปไหนยัยมี่”

ต้นข้าวตะโกนสุดเสียงไปถึงเพื่อนรักที่กำลังจะเดินพ้นบานประตูห้องเรียน คนที่ถูกเรียกรีบเบรกฝีเท้าก่อนจะหันมายิ้มตาสระอิให้กับเพื่อนหญิง

“ซอรี่พวกแก ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องทำไว้มาเล่าให้ฟังทีหลังนะ”

เมื่อพูดจบซูมี่ก็สับขาวิ่งออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองมีเครื่องหมายคำถามบนหัว

“ต้นข้าว ฉันว่าใช่เรื่องนี้แน่”

ต้นรักยื่นมือถือให้ดูข่าวติดเทรนด์ในโลกออนไลน์ พาดหัวข่าวเด่นชัดด้วยตัวอักษรตัวหนา

‘ต้อนรับการกลับมา ทายาทโรงแรมและรีสอร์ตชื่อดัง HTND’

“ไม่ผิดแน่ แต่เตรียมผ้าซับน้ำตาให้มันหน่อยก็แล้วกันยัยรัก”

“อ้าวทำไมล่ะข้าว มีมี่จะเสียใจเรื่องอะไรในเมื่อคนที่ชอบมาตั้งนานกลับมาแล้ว”

“แก...เขาหายจ๋อมจากยัยมี่ไปตั้งกี่ปี อยู่ ๆ ก็กลับมาป่านนี้ พกเมียแถมลูกกลับมาจากต่างประเทศด้วยชัวร์”

“ยัยข้าว! ห้ามพูดแบบนี้ให้มีมี่ได้ยินเด็ดขาดนะ เราต้องให้กำลังใจเพื่อนสิ เขาอาจจะยังไม่มีก็ได้ ใครจะไปรู้”

ต้นรักเอามือปิดปากต้นข้าวไม่ให้พูดจาแนวนี้อีก เธอกลัวจะไปบั่นทอนความรู้สึกของซูมี่หากเธอมาได้ยินเข้า

“ใครจะไปรู้เนี่ยแหละตัวดีเลย หวังว่าจะเป็นอย่างที่แกคิดก็แล้วกัน”

แม้ว่าต้นข้าวจะมีความเห็นต่างกับต้นรัก ถึงกระนั้นเธอก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวอยู่ไม่น้อย หากไม่เป็นไปตามที่ต้นรักคิดเอาไว้คนที่จะเจ็บมากที่สุดคือซูมี่

@ HTND Hotel, Bangkok

เวลา 13.00 น.

มุมมองของซูมี่

แท็กซี่คันสีเขียวตัดสีเหลืองพาฉันมาส่งที่หน้าประตูทางเข้าหลักของโรงแรม นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มา สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำการพบกันครั้งแรกของฉันกับพี่อลัน ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สนามหญ้าทางด้านซ้ายมือที่เจ้าซิงอีเคยวิ่งเล่นถูกแทนที่เป็นร้านกาแฟในสวนเรียบร้อย ส่วนขอนไม้ที่ฉันเคยนั่งแหมะดันกลายเป็นลานน้ำตกจำลองไปเสียแล้ว แม้ว่าทุกอย่างรอบตัวดูเปลี่ยนไป หวังเพียงพี่อลันนั้นยังเหมือนเดิมก็พอ

ตื่นเต้นแทบบ้าที่จะได้เจอหน้าเขา หน้าฉันมันแผลบไหม สีปากดูซีดไปหรือเปล่า นี่ฉันสวยพอหรือยังนะ ฉันตั้งคำถามตัวเองราวกับเป็นคนบ้าที่เสียสติ คุณพระ! นั่นไง...ดันลืมของฝากติดไม้ติดมือจนได้ ซูมี่เอ๊ย! เอ็งจะมาสมองเบลอแบบนี้ไม่ได้ เอาล่ะต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปฝากพี่อลันเสียแล้ว เครื่องดื่มที่ร้านกาแฟตรงนั้นดีกว่า...

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง รับอะไรดีคะ”

“มีชาอู่หลงไหมคะ”

“เอ่อคุณผู้หญิงคะ ร้านเราเป็นร้านกาแฟค่ะ” ทราบค่าว่าคือร้านกาแฟ แต่จะไม่มีเมนูชาบ้างเลยเหรอ เมนูทางเลือกสำหรับแขกอะ You know?

“ไม่มีเมนูชาเลยเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ รับเป็นกาแฟแทนไหมคะ”

ใครมันเป็นคนคิดเมนูเครื่องดื่มให้ร้านนี้กันนะ รู้กันไหมเนี่ยว่าลูกเจ้าของโรงแรมเขาชอบดื่มชาอู่หลงจะตาย ไม่มีได้ยังไงก่อน

“ลาเต้เย็น 1 อเมริกาโน่ 1 ค่ะ”

ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดสักจึงสั่งตามใจตัวเองไป อเมริกาโน่ยกให้พี่อลัน ส่วนลาเต้เย็นนั้นของฉันเอง ถามว่าพี่อลันชอบดื่มอเมริกาโน่ใช่หรือเปล่า...เอ่อก็ต้องมาลุ้นกันอีกที

เมื่อซื้อเครื่องดื่มเสร็จสรรพ ฉันก็หิ้วถุงรักษ์โลกที่เต็มไปด้วยแก้วเครื่องดื่มเข้าไปในตัวโรงแรมและเดินตรงไปยังโต๊ะแผนกต้อนรับ

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ติดต่อเรื่องอะไรคะ”

“มาขอพบคุณอลันค่ะ”

“แขกที่คุณผู้หญิงมาขอพบ ได้แจ้งเลขห้องพักไว้หรือไม่คะ ดิฉันจะได้ทำการติดต่อประสานงานไปยังห้องพักของท่านผู้นั้นให้ค่ะ”

พนักงานคงจะคิดว่าฉันมาพบแขกที่มาพัก ชื่อเล่นของพี่อลันมันคงจะโหลไป งั้นเดี๋ยวบอกชื่อจริงเธอไปเลยดีกว่า

“ไม่ใช่แขกโรงแรมค่ะ แต่เป็นลูกเจ้าของที่นี่คุณอลัน อชิรวิชญ์ค่ะ”

พอฉันพูดจบพนักงานต้อนรับถึงกับทำหน้าเหวอเหมือนโดนผีหลอก ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าดูเคร่งขรึมราวกับโดนผีที่หลอกเข้าสิงไปแล้ว

“ได้นัดท่านไว้หรือเปล่าคะ”

“ไม่ได้นัดค่ะ แต่...” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค พนักงานสาวก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวทันที

“ถ้าไม่ได้นัด ก็เข้าพบไม่ได้ค่ะ”

“ถ้างั้นช่วยนัดให้ตอนนี้เลยได้ไหมคะ”

“ขออภัยค่ะ รบกวนทำนัดกับทางเลขาท่านโดยตรงนะคะ”

“แล้วฉันต้องติดต่อเลขาที่ไหนคะ”

“ดิฉันไม่สามารถบอกเบอร์เลขาของท่านให้บุคคลภายนอกได้ค่ะ”

อ้าว! แล้วถ้าหล่อนไม่ให้เบอร์เลขากับฉันแล้วจะโทรทำนัดได้อย่างไรก่อน เมื่อกี้แม่นางยังพูดจาดีกับฉันอยู่เลยแล้วดูตอนนี้สิใช้น้ำเสียงเสมือนฉันเป็นหมูเป็นหมา ในเมื่อพนักงานไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่เป็นไร คนอย่างฉันมีแผนสองเสมอ

“ว่าไงลูกสาวคนสวยของพ่อ”

ฉันต่อสายโทรหาคุณพ่อสุดที่รัก ถามว่าดีใจไหมที่ถูกชมว่าสวย No มันเป็นเพียงคำสร้อยที่คุณพ่อชอบพูดต่อประโยคเวลาคุยกับลูก ๆ เท่านั้น เวลาที่ซิงอีโทรหาท่านก็โดนเรียกว่า ‘ลูกชายสุดหล่อของพ่อ’ คล้ายกัน

“คุณพ่อที่รัก ลูกมีเรื่องรบกวนนิดค่ะ”

“ว่ามาเลยลูก”

“พอจะมีเบอร์เลขาพี่อลันไหมคะ”

“หมายถึงอลัน ลูกคุณอคิณน่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

“ลูกจะขอไปทำไมหรือ อ๋อรู้ข่าวแล้วสินะว่าอลันพึ่งถึงไทย

ทำไมคุณพ่อพูดจาแปลก ๆ เหมือนว่ารู้ข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว

“แสดงว่าคุณพ่อรู้มาตั้งนานแล้วใช่ไหมคะว่าพี่อลันจะกลับไทยตอนไหน”

“เอ่อคือแบบนี้นะซูมี่”

“งอนคุณพ่อแล้วค่ะ ขออนุญาตวางสายนะคะ”

ฉันวางสายคุณพ่อไปเรียบร้อยด้วยเหตุผลเกิดอารมณ์น้อยใจพระบิดา ทำไมท่านรู้ถึงไม่ยอมบอกฉันกันล่ะ ไม่รู้แล้วขออนุญาตงอนคุณพ่อสัก 2 ชั่วโมง และนั่นก็ถือว่าฉันทิ้งแผนสองไปอย่างโง่ ๆ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรต่อ

“ส้มโอลาป่วยเหรอ ตายแล้ว! สตาฟในงานไม่พอแน่ ๆ”

ผู้หญิงที่ดูอาวุโสคนหนึ่งอายุน่าจะราวเลขสี่พลางกุมขมับกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่ตรงทางขึ้นบันได

หูของฉันที่ราวกับฝังชิปดักฟังชาวบ้านถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ชัดเจนเต็มสองรูหูว่ามีพนักงานป่วยกะทันหันและทำให้จำนวนคนดูแลงานอะไรบางอย่างไม่เพียงพอ ทันใดนั้นเองฉันจึงปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมาทันที

“สวัสดีค่ะรบกวนสอบถามหน่อยค่ะ พอดีจะมาสมัครเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ต้องไปติดต่อที่ไหนเหรอคะ”

ฉันเดินเข้าไปตีเนียนเป็นนักศึกษามาสมัครฝึกงานและถามข้อมูลกับพี่ผู้หญิงคนนั้น แม้ว่าจะเรียนวิชาการจัดการโรงแรมมา แต่ทักษะการแสดงละครของฉันก็ไม่แพ้เด็กนิเทศฯ หรอกนะ

“ไปติดต่อที่แผนกบุคคลเลยค่ะ”

ฉันทำท่าพยักหน้าทำนองเข้าใจแล้วยกมือไหว้เพื่อเป็นการขอบคุณ พร้อมหมุนตัวฟูลเทิร์นอย่างช้า ๆ คิดว่าพี่เขาต้องเอ่ยปากเรียกฉันสิ

“เอ๊ะ! เดี๋ยวค่ะ” มันช่างเป็นไปตามแผนที่วาดไว้เสียจริง ทำไมซื้อหวยถึงไม่ถูกแบบนี้บ้างหนอ

“คะ?”

“สนใจฝึกงานที่นี่เหรอ เราเรียนจบตรงสายมาไหม”

“เรียนตรงเลยค่ะแต่ยังเรียนไม่จบ พอดีที่มหาวิทยาลัยบังคับให้ฝึกงานก่อนจบค่ะ”

“อ๋อเข้าใจแล้วจ้ะ พี่จะช่วยคุยกับ HR ให้รับเราเข้าเป็นเด็กฝึกงานนะ แต่ตอนนี้ช่วยพี่หนึ่งเรื่องก่อนได้ไหม”

“ได้เลยค่ะ ให้ช่วยอะไรคะ”

“พอดีวันนี้ทางโรงแรมมีงานสำคัญจะจัดขึ้นตอนห้าโมงเย็น ก่อนที่งานจะเริ่มตอนบ่ายสามจะมีเลี้ยงอาหารให้กับแขกคนสำคัญที่มาเข้าร่วม เผอิญว่าพนักงานของพี่คนหนึ่งป่วยแล้วพี่ต้องรีบหาคนมาทำงานแทน น้องสะดวกช่วยพวกพี่ไหมจ๊ะ งานไม่ยากเลยแค่เสิร์ฟน้ำกับเสิร์ฟอาหารให้แขกเท่านั้นเอง”

“สะดวกค่ะ ยินดีช่วยมาก ๆ ค่ะ”

ขอตอบสำรวมแบบนางงามมิตรภาพไปก่อน ถึงในใจกระโดดโลดเต้นเป็นจังหวะสามช่าแล้ว คุณพี่ผู้หญิงพาฉันเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าที่ห้องล็อกเกอร์ จากนั้นเธอก็ยื่นชุดยูนิฟอร์มของโรงแรมมาให้เปลี่ยนพร้อมถามชื่อฉันเพื่อเอาไปทำป้ายชื่อติดหน้าอกให้

“น้องชื่ออะไรจ๊ะ พี่ปุ้ยนะเป็นผู้จัดการแผนกอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่”

“ยินดีที่รู้จักค่ะพี่ปุ้ย หนูชื่อ...น้ำผึ้งค่ะ”

เปลี่ยนจากชื่อภาษาจีนเป็นภาษาไทยให้ดูเนียนเสียหน่อย ถือว่าไม่ได้พูดเท็จ 100% ก็แล้วกัน เพราะซูมี่ (淑蜜) ความหมายในภาษาไทยก็แปลว่า น้ำผึ้งที่งดงาม เหมือน ๆ กันแหละเนอะ

“โอเค น้ำผึ้งเปลี่ยนชุดแล้วเดินมาหาพี่ที่ห้องครัวนะ”

“รับทราบค่ะ”

ฉันจัดการแปลงกายสวมบทบาทพนักงานโรงแรม จากนั้นก็เดินไปที่จุดนัดพบพร้อมหอบถุงกาแฟสองแก้วที่ซื้อมา ก่อนที่จะเลี้ยวไปหาพี่ปุ้ยฉันก็แวบเอาเครื่องดื่มไปแช่ไว้ในตู้เย็นกันละลาย

“เอาล่ะมากันครบแล้ว ขอแนะนำน้องน้ำผึ้งที่จะมาช่วยงานพวกเราแทนส้มโอในวันนี้ หน้าที่ของทุกคนคือดูแลแขกคนสำคัญของโรงแรมให้ดีที่สุด อาหารในแต่ละจานถูกระบุชื่อแขกไว้เรียบร้อย เรามีหน้าที่เสิร์ฟให้ถูกคนตามรายชื่อที่ติดไว้ ส่วนเครื่องดื่มพี่ขอแบ่งงานรับผิดชอบกันเป็นสองทีมด้วยกัน ทีมที่แรกเสิร์ฟน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ ส่วนทีมที่สองเสิร์ฟไวน์และแชมเปญนะ”

“ขอโทษนะคะ หนูต้องอยู่ทีมไหนคะ” ฉันยกมือขึ้นถามเพื่อให้เคลียร์ในหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง

“แล้วน้ำผึ้งอยากอยู่ทีมไหน”

ขอเวลาคิดประมวลผลสักครู่ ทีมแรกเครื่องดื่มพื้นฐานและดูเสิร์ฟง่ายที่สุด ขณะที่ทีมที่สองการเสิร์ฟเครื่องดื่มดูท่าจะท้าทายกว่ามาก อย่างการรินไวน์ต้องอาศัยทักษะความชำนาญพอสมควร คนเสิร์ฟต้องเอียงขวดให้อยู่กึ่งกลางเหนือปากแก้วเพื่อรินให้แขกที่ต้องการดื่ม ไหนจะต้องหมุนขวดครึ่งรอบตอนเวลาที่จะหยุดริน ส่วนแชมเปญยิ่งยากเข้าไปใหญ่ต้องคอยถือขวดให้ตั้งฉากมุม 90 องศา จากนั้นก็ต้องเอียงแก้วที่จะรินเข้าหาตัวขวดให้ได้มุม 45 องศาพอดีด้วยและต้องคุมฟองอากาศในแก้วให้ดีก่อนจะรินซ้ำจนพอใจ ทีมที่สองดูท้าทายดี! แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ใช้ในการตัดสินใจของฉันเท่านั้น คำตอบที่จะเคาะการตัดสินใจของฉันมาจากคำถามนี้

“ขอสอบถามเพิ่มอีกนิดค่ะ เครื่องดื่มที่แบ่งกันเป็นทีมแบ่งตามแขกที่ถูกระบุการให้บริการเครื่องดื่มที่ต่างกันไว้อยู่แล้ว ถูกต้องไหมคะ”

“ถูกจ๊ะหากอยู่ทีมแรกก็จะได้เสิร์ฟเฉพาะแขกกลุ่มทั่วไป ส่วนทีมที่สองเสิร์ฟให้สำหรับแขก VIP เท่านั้น”

“โอเคค่ะ น้ำผึ้งขอเลือกอยู่ทีมที่สองค่ะ” ทุกคนต่างหันมามองด้วยความประหลาดใจในคำตอบของฉัน

“น้ำผึ้งแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ทีมนี้ มันกดดันมากนะ”

“แน่ใจค่ะ”

ฉันมาที่นี่โดยมีเป้าหมายอันแรงกล้าอยากเจอพี่อลันตัวเป็น ๆ ดังนั้นการเลือกทีมเสิร์ฟน้ำมีผลต่อโอกาสที่จะเจอเขา ทว่างานสำคัญเช่นนี้ระดับผู้บริหารของโรงแรมต้องตามไปดูแลแขกคนสำคัญเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงตกปากรับคำเลือกอยู่ทีมที่สองแบบไม่ลังเล

เมื่อถูกบรีฟงานเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนต่างพากันเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงเพื่อเตรียมต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ข้างเวทีตรงนั้นยังจำได้ดีเคยมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กยืนประกบข้างพี่ชายสุดหล่อคนหนึ่ง เป็นอีกครั้งในรอบ 12 ปี ที่ฉันได้กลับมายังห้องเดิมที่มีความทรงจำในวัยเด็กกับเขา

ทีมแรกยืนประจำตำแหน่งตรงโซนโต๊ะที่ติดกับทางประตูเข้าออก ขณะที่ทีมสองยืนล้อมรอบโซนด้านในสุดติดกับขอบเวที หัวหน้าทีมที่ชื่อว่า ‘พี่ศักดิ์’ เดินยิ้มร่าเข้ามาทักทายให้กำลังใจน้อง ๆ ในทีม และมาหยุดยืนข้างฉัน

“สวัสดีน้องน้ำผึ้ง พี่ศักดิ์นะ…พี่เซอร์ไพรส์มากที่เด็กใหม่อย่างเราเลือกมาอยู่ทีมที่กดดันที่สุดในงาน”

“สวัสดีค่ะพี่ศักดิ์ ขอถามได้ไหมคะว่าทำไมถึงกดดันที่สุด”

“ก็มีแต่แขกผู้ใหญ่ระดับตัวท็อปของประเทศที่ต้องคอยให้บริการ เพราะมันมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโรงแรม เลยต้องเพิ่มความใส่ใจเป็นพิเศษไงล่ะ”

ก็พอเข้าใจที่พี่ศักดิ์อธิบาย การบริการที่ดีเป็นตัวสะท้อนภาพลักษณ์สู่สายตาคนภายนอก เพราะฉะนั้นฉันต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด จะไม่ยอมให้พี่อลันและครอบครัวพี่เขาต้องเสียชื่อเป็นอันขาด

“ทุกคนฟังทางนี้ อีกสิบนาทีคุณอลันจะลงมาดูความเรียบร้อยนะคะ” พี่ปุ้ยเดินมาประกาศบอกให้ทุกคนทราบเพื่อเตรียมตัวรอรับทายาทเจ้าของโรงแรม

“เรายังไม่เคยเจอคุณอลันเนอะ เขาเป็น…”

“เคยเจอแล้วค่ะ”

“ฮะ เคยเจอเหรอ” ซวยละ เผลอหลุดปากพูดกับพี่ศักดิ์

“หมายถึงน้ำผึ้งเคยเห็นรูปคุณอลันผ่านตาในอินเทอร์เน็ตค่ะ ตัวจริงเขาเป็นคนยังไงเหรอคะ”

“ก็ว่าอยู่เราเคยเจอคุณอลันตอนไหนเพราะเขาไปอยู่สวิตฯ หลายปี เขาเป็นคนยังไงเหรอ...เท่าที่พี่เคยเจอเขาประมาณ 2 ครั้ง เขาเป็นคนเก่งนะ พูดจาก็สุภาพแถมดูไม่ถือตัว แต่แอบมีความเนี้ยบเรื่องงานอยู่พอสมควร เดี๋ยวเราเจอเขาก็จะรู้เอง”

นิสัยของพี่อลันเป็นตามที่พี่ศักดิ์พูดจริง แต่เรื่องความละเอียดในมุมของการทำงานนั้น ฉันก็ยังไม่เคยเห็น อยากรู้แล้วสิว่าเขาจะเป็นยังไง

“มาแล้ว ๆ”

พี่ปุ้ยหันหน้ามาบอกทุกคน ส่วนฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตื่นเต้นสุดขีดที่จะได้เจอกับเขา

ผู้ชายร่างสูงที่คุ้นเคยปรากฏตัวในห้องจัดเลี้ยง พร้อมกับเลขาส่วนตัวที่ถือแฟ้มเล่มบางไว้ในมือ ใบหน้า รูปร่าง รวมถึงผิวพรรณของเขานั้นดูไม่เปลี่ยนจากเดิม คงจะมีแค่ความหล่อที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 12 ปีก่อนเท่านั้นเอง หากฉันจะบอกว่าหล่อเทียบเท่าศิลปินเกาหลีในดวงใจก็คงไม่เกินจริง

“คุณอลันหล่อจังแก เขาอายุเท่าไหร่นะ 20 ไหม”

“น่าจะสัก 25 ไหม เออหล่อจริงจะวูบ”

ฉันอยากจะกลอกตามองบนให้เหลือแต่ตาขาวล้วน เมื่อได้ยินพนักงานหญิงในทีมเดียวกันส่งเสียงพูดคุยกันราวกับเป็นนกกระจิบ อยากจะหันไปร่วมวงสนทนาด้วยแล้วบอกไปว่าเขาอายุ 32 แล้วจ้ะหล่อน

พี่อลันเดินตรวจความเรียบร้อยโดยเริ่มจากบริเวณโซนที่ทีมแรกดูแลก่อน พร้อมทั้งเช็กความเรียบร้อยการแต่งกายของพนักงานเสิร์ฟทุกคนด้วย พอเขาเดินเข้าไปหาพนักงานคนไหน พนักงานคนนั้นก็ยกมือไหว้ทำความเคารพ และตัวเขาก็พยักหน้าตอบเป็นการน้อมรับไหว้ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาตรวจทีมฉัน

เรื่องการจัดวางอาหารและเครื่องดื่มผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี ถัดมาการตรวจเครื่องแต่งกายถูกเริ่มจากพี่ศักดิ์หัวหน้าทีม ตามมาด้วยสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ และฉันปิดท้าย

เมื่อพี่อลันเดินมาถึงตรงที่ฉันยืน เขาก็หยุดมองหน้าฉันด้วยหน้าที่นิ่งก่อนจะก้มลงไปมองป้ายชื่อที่ติดไว้ตรงบริเวณอกเสื้อ ‘น้ำผึ้ง’ และช้อนสายตามองหน้าอีกครั้ง ฉันส่งยิ้มแห้ง ๆ ตอบแต่ในใจกรี๊ดคอแทบแตกไปเสียแล้ว

“คุณมีน ผมขอแฟ้มหน่อยครับ”

“นี่ค่ะคุณอลัน”

คุณมีนที่พี่อลันเอ่ยถึงคือเลขาสาวที่มาด้วยกัน เธอเดินมายื่นแฟ้มให้พี่อลันเปิดอ่านข้อมูลบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นมาหนึ่งข้าง

“คุณปุ้ยครับ พนักงานที่ชื่อส้มโอไปไหนครับ”

“อุ๊ย! ขออภัยค่ะคุณอลัน ปุ้ยลืมแจ้งว่าน้องส้มโอลาป่วย ปุ้ยก็เลยหาคนมาทำแทนค่ะ”

พี่ปุ้ยวิ่งมาหาพี่อลันแทบหน้าจะล้มคะมำไปกับพื้น เพื่อบอกเหตุผลการเปลี่ยนตัวพนักงานเสิร์ฟกะทันหัน

“แล้วคุณน้ำผึ้งมาจากไหนครับ ทำไมผมหาชื่อในแฟ้มไม่เจอ”

งานน่าจะเข้าพี่ปุ้ยเต็มประตู ดูท่าข้อมูลในแฟ้มจะเป็นข้อมูลเก่าที่ยังไม่ได้ถูกปรับให้เป็นปัจจุบัน

“พอดีเป็นน้องนักศึกษาฝึกงานที่พึ่งเข้ามาใหม่ค่ะ ปุ้ยเลยยังไม่ได้ใส่ชื่อน้องเพิ่มเข้าไป”

คุณปุ้ยให้เด็กฝึกงานมาต้อนรับแขกโซน VIP เหรอครับ

พี่อลันพูดเชิงตำหนิพี่ปุ้ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ฉันเองก็พึ่งเห็นเขาด้านนี้เป็นครั้งแรก...น่ากลัวชะมัด

“ปุ้ยขอโทษค่ะคุณอลันที่ไม่รอบคอบ เดี๋ยวปุ้ยจะให้น้องสลับกับน้องอีกคนในทีมแรกนะคะ”

“โทษนะคะ เด็กฝึกงานไม่มีโอกาสทำงานให้กับแขก VIP เหรอคะ” ฉันยกมือเอ่ยถามผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเพราะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับฉันสักเท่าไหร่

“ไม่ใช่ไม่มีครับ แต่คุณพึ่งเข้ามาฝึกงานที่นี่จะให้มารับหน้าที่บริการแขก VIP ผมว่ามันเร็วไปหน่อย”

“พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ ว่ากลัวเด็กฝึกงานจะทำงานพังเข้าใจง่ายกว่าค่ะ”

“น้องน้ำผึ้ง หยุด ๆ”

พี่ศักดิ์พร้อมพี่ปุ้ยเดินเข้ามาประกบตัวให้ฉันหยุดต่อล้อต่อเถียงกับลูกเจ้าของโรงแรม

“คุณอลันคะ เดี๋ยวมีนจัดการเรื่องน้องพนักงานคนนี้กับฝ่ายบุคคลให้ค่ะ” เลขาหันหน้ามาคุยกับเจ้านายซึ่งเขาก็ยกมือยั้งเรื่องที่เธอพูดไว้

“ไม่ต้องครับ ถ้าคุณน้ำผึ้งมั่นใจว่าสามารถดูแลแขก VIP ได้ ก็ให้เธอดูไป”

“จะดีเหรอคะคุณอลัน” เลขามีนถามย้ำกับเจ้านาย

ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก็ให้เธอรับผิดชอบก็แล้วกันครับ

พูดจบพี่อลันก็เดินออกไปจากห้องหน้าตาเฉย ปล่อยให้พนักงานทุกคนยืนอึ้ง เข้าใจที่พี่ศักดิ์บอกแล้วว่าเรื่องงานเขาสุดจะเจ้าระเบียบจริง

“น้ำผึ้ง! เราไปพูดอย่างนั้นกับเจ้านายได้ยังไง” พี่ปุ้ยเดินมาตีแขนฉันหนึ่งที เสมือนเป็นคุณแม่ที่กำลังดุลูกสาว

“ขอโทษค่ะพี่ปุ้ยน้ำผึ้งปากไวไปหน่อย แค่อยากจะทำหน้าที่ในทีมสองเหมือนเดิมแค่นั้นค่ะ” ฉันยกมือไหว้ขอโทษ ซึ่งเธอก็ยังเมตตาไม่ถือสาเอาความ อาจเพราะฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่

“เอาเถอะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีแล้วกัน ศักดิ์คอยดูน้องด้วยนะ”

“ได้เลยพี่ปุ้ย เดี๋ยวผมประกบน้องเอง” พี่ศักดิ์รับทราบที่พี่ปุ้ยกล่าว

“ต้องอายุเท่าไหร่กันคะพี่ศักดิ์ ถึงจะไม่ถูกมองว่าเป็นเด็ก” ฉันเอ่ยถามหัวหน้าทีมด้วยความสงสัย

“ก็คงต้องมีประสบการณ์ในการทำงานก่อนแหละมั้ง”

พี่ศักดิ์ตอบคำถามกลับแต่แอบแฝงความไม่มั่นใจในคำพูดตัวเองมากนัก ถ้าไม่ให้ลองฝึกทำงานเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ฉันก็จะถูกมองว่าเป็นเด็กไปอย่างนี้จนวันยังค่ำ ถามจริงพี่อลันที่แสนดีคนนั้นหายไปไหน ฉันไม่ชอบเขาในบุคลิกแบบนี้เลย ไว้จบงานนี้เมื่อไหร่ฉันจะเข้าไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องในทุกประเด็น แล้วคอยดูเถอะว่าเด็กเสิร์ฟคนนี้จะทำให้แขกของโรงแรมประทับใจจนไม่รู้ลืม

บัวน้อยลอยละล่อง

จำยัยน้องไม่ได้แถมดูถูกอีก คิดว่าซูมี่จะเสิร์ฟแขก VIP รอดกันมั้ยคะ มาเป็นกำลังใจกัน

| Like
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   จากนี้และตลอดไป (ตอนจบ)

    1 เดือนต่อมา @ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น.“นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เชิญเข้าหอประชุมเลยครับ” ประธานสโมสรนักศึกษาประกาศเสียงผ่านโทรโข่งเพื่อกวาดต้อนนักศึกษาแต่ละคณะเข้าหอประชุมเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาวันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวนมหาศาลจากต่างคณะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้นัดหมาย ยังไม่นับรวมญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้คนหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงมด หากจะติดต่อหากันคงต้องบอกที่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นคงพลัดหลงกันแน่ “ยัยมี่ทางนี้” ต้นข้าวชูมือขึ้นสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเอามือถือแนบที่หูพลางกวาดสายตามองหาพวกเธอเมื่อซูมี่เห็นเป้าหมายจึงรีบเดินเบียดเสียดคนเข้าไปหาเพื่อนสาว “หวัดดีพวกแก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” “จริง มาเข้าใจรุ่นพี่ปีก่อนก็ตอนนี้แหละเนอะมีมี่” ต้นรักเอ่ย“พวกเราเข้าไปห้องพิธีข้างในกันเถอะ ตรงนี้คนมันแน่นฉันหายใจไม่ออกแล้ว” ต้นข้าวเอ่ยชวน สามสาวเดินตามกันเข้าไปในห้องประชุมด้วยความทุลักทุเลกับชุดครุยที่ลากยาวติดพื้น ไหนจะรองเรื่องรองเท้าคัทชูที่สวมใส่กัดอีก ท

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ใจฉันมีแต่เธอ

    1 เดือนต่อมา@ คณะบริหารธุรกิจ“เย้! โปรเจคผ่านสักทีเว้ย!” แฝดสาวผู้พี่กระโดดโลดเต้นดีใจ“ดีใจเกินเหตุข้าว อย่าลืมสิว่ามีสอบอีกชุดใหญ่ไฟกะพริบ”แฝดผู้น้องย้ำเตือนเธอว่ายังเหลือโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต ถ้าสอบไม่ผ่านก็เตรียมแหกโค้งปลิดชีพเรียนไม่จบไปได้เลย“เออว่ะ อย่าพูดสิฉันเศร้า” ต้นข้าวเสียงหงอยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่อยู่เหนือความเครียดและความกังวลใด ๆเพราะโลกของเธอช่างสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์“คงจะมียัยมี่คนเดียวที่เบิกบานใจ” ต้นข้าวถึงกับหยิบปากกาขว้างไปที่หัวเหม่งของคนที่ถูกกล่าวถึง“โอ๊ย!ยัยข้าวเจ็บ” หญิงสาวที่โดนขว้างปากกาใส่หัวหันมาเรียกชื่อเพื่อนสาวฝาแฝด“มีความสุขเหลือเกินแม่สาวหมวย พอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็เทเพื่อนเลยนะยะ” ต้นข้าวเอ่ยเชิงน้อยใจ“ฉันทิ้งพวกยูตรงไหน มา ๆ วันนี้มีแพลนไปไหนกัน ฉันไปด้วย”ซูมี่เอ่ยถามสองแฝดว่าวันนี้มีที่ไหนอยากไป เธอพร้อมจะไปด้วยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช่วงนี้อยู่กับพวกเธอน้อยกว่าเดิม“ชิ ถ้าฉันบอกว่าอยากไปดื่มเหล้า แกจะไปกับพวกฉันเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าซูมี่คงไม่ไปด้วยแน่“ไปสิ ดื่มเหล้านี่ของชอบเลย” หญิงสาว

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   หักห้ามใจ

    3 สัปดาห์ต่อมาความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวเริ่มสุกงอม หลายสัปดาห์ก่อนเขาและเธอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสถานะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนอลันตัดสินใจเปิดตัวซูมี่ต่อครอบครัวเขาและเธออย่างเป็นทางการโดยเชิญพวกท่านมาเป็นสักขีพยานช่วงทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม HTND ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขาและเธอต่างพากันตกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าพวกท่านก็ไม่ได้ขัดที่ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันพร้อมทั้งเอ่ยปากร่วมแสดงความยินดีไปในตัว ถือว่าทั้งคู่โชคดีที่ครอบครัวเปิดไฟเขียวให้คบหาดูใจกันได้ตามสะดวก ทางครอบครัวซูมี่ยังเอ่ยฝากฝังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกับอลันไว้ด้วย ซึ่งเขารับปากสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีในวันนี้อลันขออนุญาตทางผู้ปกครองของซูมี่พาเธอไปเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าชวนไปออกเดต หากเป็นคู่รักคู่อื่น ๆ คงจะพาไปดูหนัง กินข้าว ร้องคาราโอเกะ เดินเล่นในสวน แต่สำหรับพวกเขาซึ่งตัวติดกันอย่างกับหมากฝรั่ง สถานที่ที่เขาเดตกันก็มีเพียงที่เดียวที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนั่นคือ คอนโดของชายหนุ่ม@ คอนโดของอลันเมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ววางสัมภาระไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ไม่ทันไรผู้ชายคลั่งรักก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดแฟนสาวจา

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ออดอ้อน

    @ คอนโดของอลันเวลา 08.30 น.กริ๊งงงง!เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งเอาไว้โดยซูมี่ดังขึ้น เธอเอื้อมมือสุดแขนไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเพื่อปิดมันก่อนจะดันตัวเองจากเตียงแล้วลุกนั่งตัวตรงในสภาพที่ยังไม่ลืมตาตื่น“อยากนอนต่อจัง…ไม่ได้สิ เราอยู่คอนโดพี่อลันนี่นา”ซูมี่สะดุ้งตัวฟื้นคืนสติว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ทว่ายังอยู่ที่คอนโดผู้ชายที่เธอน่าจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่า…แฟนหนุ่มหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพับผ้าห่มอย่างประณีตตามหลักสูตรวิชาการโรงแรมที่เรียนมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูทักทายยามเช้ากับชายหนุ่ม“อรุณสวัสดิ์ค่าพี่อลัน เอ…ยังไม่ตื่นเหรอ”ซูมี่กวาดตามองทั่วทิศเพื่อหาผู้ชายร่างสูง และพบว่าเป้าหมายยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอค่อย ๆ ย่องฝีเท้าให้เบาประดุจดังขนนกมาหยุดอยู่ที่โซฟาก่อนจะย่อตัวลงเอามือชันเข่าพลางโน้มตัวจ้องมองใบหน้าของอลัน“คนอะไร ขนาดหลับยังหล่อเลย”เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กเอื้อมไปปัดปอยผมข้างหน้าของอลันที่บังตาไว้เพื่อจะได้เห็นความหล่อของแฟนตัวเองชัด ๆหมับ!ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมเต็มอิ่ม จู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกจับโดยผู้ชายที่นอนอยู่ แถมเขายังดึงร่างเธอใ

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ความลับระหว่างลูกผู้ชาย

    สามปีก่อน (สมัยซูมี่อยู่ปี 1 และซิงอีอยู่ ม.6) @ บ้านตระกูลหลินเวลา 19.00 น.“กลับมาแล้วค่ะ / ครับ” เสียงเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายและสาววัยมหาวิทยาลัยแจ้งคนในบ้านให้ทราบว่าพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย“วันนี้เป็นไงกันบ้างเด็ก ๆ ” คุณเพียงขวัญเอ่ยถามลูกรักทั้งสอง “เหนื่อยครับคุณแม่ ผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ” ซิงอีพูดจบก็รีบขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองทันที“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่หลังแต่ลูกชายไม่ตอบกลับอะไรเลย “เดี๋ยวซูมี่ไปดูน้องเองค่ะคุณแม่” ซูมี่รีบเดินขึ้นบันไดตามน้องชายตัวเองไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพลางเคาะประตูขออนุญาตเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือซิงอีล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย “ซิงอี ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน เชื้อโรคมันจะสะสม” “ไม่ไหวแล้วซูมี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวมีนัดเล่นเกมตอนดึกกับเพื่อนต่อ” แปะ! พี่สาวตีไปที่หลังน้องชายเสียงดังแปะในขณะที่เขานอนคว่ำหน้าอยู่“โอ๊ย! พี่ทำไรเนี่ย” จนเขาต้องหันหน้ามาคุยกับเธอ “หมั่นไส้ ห่วงเล่นเกมอยู่ได้ หนังสืออ่านมั่งไหม ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ” “เออผมรู้แ

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ดึกแล้วอย่าพึ่งกลับ

    @ WithUs Café and Restaurantแอ๊ด...ประตูถูกเปิดอีกครั้งหลังจากสามสิบนาทีก่อนหน้าถูกปิดลง หญิงสาวที่นั่งรอใครบางคนหันไปในทิศทางที่ประตูเปิดออกแล้วเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา“ดีใจจัง พี่อลันกลับมาแล้ว”ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่เข้ามาสวมกอดผู้หญิงตรงหน้า“พี่คิดถึงเราจัง”เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้จึงดันตัวเขาออกทันที คนที่สวมกอดถึงกับทำหน้างง“ถามจริง นี่ใช่พี่อลันตัวจริงหรือเปล่าคะ” ซูมี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย“ซูมี่…เราพูดอย่างกับพี่มีฝาแฝดอีกคนไปได้” คำตอบของเขาจะสื่อว่าไม่มีใครจะตัวจริงไปกว่านี้อีกแล้ว“ปกติพี่อลันไม่เคยทำตัวแบบนี้นี่นา ซูมี่แตะทีหรือกอดทีตะโกนโหวกเหวกตกใจทุกทีเลย”“มันเมื่อก่อนไหม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ”“ก็เราเป็นแฟนของพี่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”อลันกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น แถมยังพูดคำที่ซูมี่โคตรจะแพ้ใส่ไปในประโยคด้วย“ถ้าบอกยกเลิกตอนนี้ทันไหมคะ” ซูมี่ลองแกล้งพูดอำอลันเชิงขำขัน ทว่าเขาดันไม่รู้สึกขำด้วย“ลองดูสิ” อลันให้คำตอบสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วให้“ได้ใช่ม้า”“เราก็ลองดูสิ แล้วเดี๋ยวก็รู้ว่าพี่จะทำยังไงต่อกับเรา”อลันไม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status