ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ
“ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ”
หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย
ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว
หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา
ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง
“ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน
“อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ”
แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ
“ดูแลดี เอาใจก็เก่ง พูดอะไรไม่เคยเถียง ยังดีไม่พอสำหรับเจ้หวานอีกหรือไงฮะ” สาวยังเถียงแทนเจ้านาย
“อย่ารู้ดี ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนน่ะมันยาว หากเป็นแฟนกัน พอเลิกกัน ก็ไม่อยากมองหน้ากันแล้ว เฮียกับเจ้หวานคบกันมากี่ปี หากเป็นแฟนกันล่ะก็...คงไม่ยาวขนาดนี้หรอก” จิ๋วพนักงานอีกคนออกความเห็นผสมโรง
นิสัยอย่างหวานตา หากไม่สวยล่ะก็ ผู้ชายคงเปิดแน่บตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก
ผู้หญิงอะไร เอาแต่ใจตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองสูง จนบ้างครั้งดูกระด้างจนน่ากลัว
แฟงยกกาแฟตามสั่งพร้อมกับเครปเค้กมาเสิร์ฟให้เพื่อนสนิทนายจ้าง เธอชำเลืองมองหน้าจอแล็ปท็อปที่หวานตาเปิดค้างไว้ สาวเสิร์ฟวางถาดลงบนโต๊ะ หวานตาพยักหน้าอนุญาต เธอกำลังติดพันกับการคุยกับ ชลดาเพื่อนสนิทเพศเดียวกัน เพื่อนหญิงคนเดียวที่ทนความเอาแต่ใจของเธอได้
“อย่าบอกนะว่าแกอยู่ร้านคุณภูมิ!!”
เสียงเพื่อนพูดดักคอ ซึ่งหวานตาก็ไม่ได้สนใจ
“แล้วทำไมฉันถึงจะมาร้านหมอนี่ไม่ได้ล่ะ?”
หญิงสาวย้อนถาม ฉวยแก้วกาแฟมาจิบกลั้วคอ
“จริงดิ!! แกนัดแฟน ให้มาเจอกันที่ร้านคุณภูมิจริงๆ เหรอ”
ชลดาถามเสียงหลง หวานตาเป็นผู้หญิงที่โคตรโชคดี ท่ามกลางผู้ชายแสนดีหลายๆ คน และผู้ชายเหล่านั้นรุมทุ่มเทความรักให้กับคนเอาแต่ใจอย่างหวานตา หนึ่งในผู้ชายดีๆ นั่น มีภูมิรวมอยู่ด้วย แม้ชลดาจะไม่มั่นใจ ระหว่างสองคนนั่น สถานะคือเพื่อนจริงๆ หรือว่าแสร้งแกล้งเป็นเพื่อน สำหรับหวานตานั้น... เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็น เพื่อนของเธอไม่ได้คิดเป็นอื่นกับภูมิแน่ๆ แต่ชายผู้นั้นชลดาไม่มั่นใจ เพราะเท่าที่สังเกต ภูมิให้สิทธิ์พิเศษกับเพื่อนของเธอหลายอย่าง หลายอย่างจนเกินคำว่าเพื่อนสนิท เธอไม่ได้คิดอกุศล แต่ผู้ชายคนนั้น คิดกับหวานตามากกว่าคำว่าเพื่อนแน่นอน
“เอะ!! ยังไงยัยชล การที่ฉันจะนัดเรืองฤทธิ์มาที่ร้านหมอนี่ ฉันทำไม่ได้เหรอ?”
หวานตาถามเสียงขุ่น ทำไมเธอจะนัดแฟนให้มาที่ร้านของภูมิไม่ได้ล่ะ?
“ได้ แกจะนัดแฟนแกไปที่ไหนก็ได้ แต่ขอล่ะ อย่าไปที่นั่นเลย”
ชลดาพยายามเตือน ความสัมพันธ์แสนคลุมเครือนี้มันดูแล้วอิหลักอิเหลื่อ สงสารแต่ผู้ชายอย่างภูมินั่นแหละ เขาไม่เคยบอกความรู้สึก และไม่เคยแสดงออกให้เพื่อนของเธอรู้ตัว ชลดาเชื่อว่าคนรอบตัวหวานตารู้ โดยเฉพาะบิดาของเธอ
“แกท่าจะบ้านะยัยชล หมอนั่นยังไม่เคยบ่นเลย และฉันจ่ายสตางค์นะยะ ฉันไม่ได้มากินฟรี”
“เออ ฉันรู้แล้ว แหม...” ชลดาจิปาก เธออยากสะกิดให้เพื่อนมองเห็นสิ่งที่ภูมิปกปิดไว้เหลือเกิน แต่นั่น... อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนขาดสะบั้นลงก็ได้ ชลดาปรามตัวเอง...งานนี้เธอควรงดเผือก ห้ามเสือกโดยไม่จำเป็น เพราะหากสิ่งที่เธอเดาไว้ ไม่ใช่อย่างที่คาด มันจะพานให้คนสองคน มองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่าๆ
“พอเลย...ฉันจะมา ฉันจะนั่งให้รากงอกเลย แกห้ามฉันไม่ได้หรอก”
หวานตาพูดเย้ยๆ เธอชอบนั่งทำงานที่ร้านกาแฟของภูมิ บรรยากาศรอบตัวทำให้สมองเธอแล่น มันเป็นเพราะความร่มรื่น และกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ ภูมิน่าจะจำได้ สิ่งเดียวที่เธอชอบแต่ไม่เคยทำได้ คือการอยู่ท่ามกลางต้นไม้เยอะๆ หวานตาชอบธรรมชาติ แต่คนเบื่อง่ายแบบเธอ ทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่เคยสัมฤทธิ์ผล บรรดาต้นไม้ที่เธอปลูกไว้ ได้รับการดูแลแค่ช่วงแรกๆ พอความเบื่อเข้าครอบงำ ต้นไม้เหล่านั้นก็เหี่ยว และแห้งตายไปในที่สุด
บ้านของภูมิมีแต่ความร่มรื่น แต่มันน่าเกลียดเกินไปที่เธอจะแวะไปนั่งทำงานที่นั่น
ต่อให้สนิทกับบุตรชายเจ้าของบ้าน แต่สถานะของเธอก็แค่เพื่อน มันไม่เหมาะขนาดเดินเข้านอกออกในบ้านหลังนั้น...จนกระทั่ง...ภูมิเนรมิตร้านนี้ขึ้นมา มันจึงเป็นสถานที่สิงสู่ของเธอ หวานตานั่งทำงานที่นี่ได้เป็นวันๆ กลิ่นดอกไม้ที่ลอยตลบอบอวล ช่วยให้เธอผ่อนคลาย และคิดงานดีๆ ออกมาได้
ใช่เลย...เธอเป็นฟรีแลนซ์ รับออกแบบตกแต่งบ้าน
งานเธอมีให้ทำตลอด นายจ้างของเธอส่วนใหญ่ ก็มาจาก...พิสิทธิโยทินพร็อพเพอร์ตี้นั่นแหละ
หวานตาไม่ได้อัตคัด เธอมีทุนสำรองจากบิดา ท่านแบ่งทรัพย์สินให้เธอตั้งแต่อายุครบ20ปี ทวีทรัพย์ให้หวานตาบริหารจัดการกับสินทรัพย์ที่ท่านมอบให้เอง และคนสนิทๆ กันเกือบทุกคนก็รู้ รวมถึงเรืองฤทธิ์ด้วย
หวานตาคิดเพลินๆ จนกระทั่งเสียงแหวของชลดาดังกรอกหู เธอจึงหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง
“แกฟังที่ฉันพูดมั้ยหะ?”
“แก้วหูฉันจะแตก แกจะตะคอกฉันทำไมยัยชล?”
หวานตาถามเสียงแข็งกลับไป
“ฉันถามแกเป็นรอบที่ร้อยแล้วยะ แกก็ยังนิ่ง... แกใจลอยคิดถึงใครอยู่ล่ะยะ!!”
ชลดาพูดประชด เธอถามเพื่อนนับสิบครั้ง ไม่มีคำตอบจากปลายสาย เหมือนกับว่าหวานตาไม่ได้นั่งฟังเธอพูดอยู่เลย
“บ้าสิ แกถามมาใหม่ เดี๋ยวฉันจะตอบ”
หากตอบไปว่าเธอกำลังคิดถึงภูมิ เพื่อนของเธอคงกระแหนะกระแหนไม่หยุดแน่นอน
“สรุป แกไม่ได้ฟังฉันพูดเลย” เสียงของชลดาขุ่นหน่อยๆ
“ฟัง ฟังแล้ว ว่ามาเลย”
หวานตารีบตอบ ก่อนที่เพื่อนคนสุดท้ายจะนอยด์ เธอขี้เกียจหาเพื่อนใหม่ และคงไม่มีเพื่อนใหม่คนไหนทนนิสัยแย่ๆ ของเธอได้
“มีคนมาเมาส์มอยให้ฉันฟัง” ชลดาเกริ่นนำ เธอกำลังเรียบเรียงคำพูด
เพราะเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ หวานตาอาจจะเลิกคบเธอไปเลยก็ได้
“วันๆ ไม่ทำอะไรกัน จับกลุ่มนินทาชาวบ้าน” หวานตาเปรยลอยๆ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มันก็มีบ้าง แกอย่ามาชวนฉันนอกเรื่องสิ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับแกโดยตรง” ชลดารีบพูดดัก หวานตากำลังทำให้เธอไขว้เขว
“เดี๋ยวนี้พวกแกว่างจัด ถึงขนาดเอาฉันไปนินทาเชียวเหรอ?”
หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน เศษซากขวดเหล้าเปล่าหล่นเกลื่อน ไม่เหมือนกับที่เธอสร้างภาพไว้ในใจ พื้นห้องระเกะระกะไปด้วยขยะและเศษบุหรี่ เธอเงยหน้ามองหมายเลขห้องซ้ำอีกครั้ง คนระเบียบจัดและไม่สูบบุหรี่อย่างภูมิ พอเปลี่ยนที่ เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ “ไม่หรอกน่า...” หวานตาพึมพำพยายามคิดในแง่ดี เธอชะเง้อมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวองตัดสินใจผิดหรือเปล่า... สายตาหวานตาสะดุดเข้ากับกระโปรงผ้าสีหวาน มันกองอยู่ที่พื้น ด้านข้างมีชั้นในผู้หญิงหล่นอยู่ใกล้ๆ หวานตากำมือแน่น กัดริมฝีปากล่างจนชา เธอสูดลมหายใจลึกๆ หมุนตัวเดินหนี เธอไม่ควรมาเพื่อรับรู้อีกด้านหนึ่งของภูมิเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หวานตาคิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาด เธอควรรอให้เขากลับไป ไม่ใช่วิ่งโร่มาเจอความจริงที่น่ากลัว หวานตาหยุดเดิน เธอไม่เคยวิ่งหนีปัญหานี่นา ห
ไหนๆ ก็คันปากอยากหาเรื่องกัดใครสักคนแล้ว ไซม่อนนี่น่าจะเหมาะสุดสำหรับการลับฝีปากของเธอ ชลดาหัวเราะกิ๊ก “ไหมล่ะ พูดอะไรไม่พ้นตัวเอง ดีนะที่ชลขอดูผลตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ไม่งั้นชลคงระแวงตัวเองจนตาย ชลกลัวเป็นเอดส์ค่ะ” “หวังว่าธามโตมาจะไม่ปากเสียเหมือนพ่อหรอกนะ” หลานชายของเธอจะต้องไม่สืบสานสันดานจากบิดาแย่ๆ อย่างไซม่อน หวานตาพยายามสอนให้ธามมองเห็นความไม่ดีในตัวบิดา ซึ่งหลานชายไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไหร่ ธามติดพ่อมากกว่าแม่ คงเพราะไซม่อนมีเวลาดูแลลูกมากกว่าชลดานั่นเอง เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเลี้ยงบุตรชายเกือบทั้งหมดนี่ รายละเอียดเกี่ยวกับหอพักทวีทรัพย์รับหน้าที่จัดหามาให้ บิดายัดใส่มือก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่นาที ตอนแรกหวานตาก็หวั่นๆ เธอจะต้องมาคลำหาทางเอาเองที่ลอนดอนเสียก็ไม่รู้ พอได้ที่อยู่ภูมิมาเลยโล่งใจไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเจอหน้าภูมิ
“คุณภูมิกินแต่อาหารจืดๆ เลยไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีอาหารรสอื่นที่อร่อยมากกว่าสิ่งที่คุณเคยลิ้มรสมาค่ะ” “ผมเป็นคนรักสุขภาพครับ อะไรที่ก่อผลร้ายกับตัวเอง ผมเลยไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยง” “คุณกำลังบอกโรซี่เหรอคะ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ ลองสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ” “ผมไม่ชอบลองอะไรที่ไม่มีประโยชน์ครับ เสียพลังงานเปล่าๆ แต่ไม่ได้คุณค่าอะไรกลับมาเลย” แค่นี้คงทำให้โรสิตาสำนึกได้บ้าง ในฐานะเพื่อนมนุษย์เขาก็ไม่อยากทำลายน้ำใจหล่อนมากนัก แต่ภูมิไม่รู้ มนุษย์บางคนก็ดื้อด้านเกินกว่าที่จะขุดรากที่หยั่งลึกได้ เหมือนโรสิตา หล่อนถลำลงไปในวังวนที่อยากไถ่ถอนตัวเองคืน คำปรามาสของภูมิเลยก่อให้เกิดความไม่พอใจ และหล่อนจะไม่มีวันถอย จนกว่าจะสยบภูมิให้ศิโรราบได้&nbs
มันเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับภูมิ แต่กลับเป็นเรื่องน่าสนุกของคนรอบตัว ภูมิรู้มีสายตาหลายคู่คอยสอดส่อง และรอดูบทสรุปเรื่องวุ่นวายในชีวิตเขา มีทั้งคนชื่นชมที่เขายึดมั่นในตัวเอง จนไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งลวงล่อที่โรสิตาพยายามสร้าง ชายหนุ่มถอนหายใจ หยุดปั่นจักรยาน เขาเหวี่ยงปลายเท้าลงยืนบนพื้น อิงจักรยานไว้กับพนักเก้าอี้เหล็กที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ “คิดถึงหวานจัง” เสียงพึมพำแผ่วหวิวปนเปไปด้วยความคิดถึง เวลาต่างกันหากเช้าที่ลอนดอน ที่ประเทศไทยคงดึกเอาการ หลายครั้งที่ภูมิห้ามใจตัวเองไว้ ไม่ติดต่อหาหวานตานอกจากเวลาที่กำหนด เขาอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง และก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดหวานตา ทั้งเขาและเธอต้องอดทน การจากกันครั้งนี้แค่ชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดไป หากจะมีคนตะบะแตก ไม่หวานตาก็เขา
ริมฝีปากล่างถูกกัด มือหมุนปากกาในมือไปมา เรื่องนี้เธอควรมีตัวช่วย หากเก็บเงียบไว้แบบนี้คงอกระเบิดตาย ก่อนที่ภูมิจะกลับมา...เช้าวันใหม่... หวานตาแบกหน้าตาโทรมๆ ของตัวเองไปหาชลดาถึงบ้าน ชลดากับไซม่อนกำลังยุ่งกับการเลี้ยงบุตรชายวัยสามเดือนที่กำลังซนได้ที่ ขนาดเคลื่อนไหวเองไม่ได้ก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วลั่นบ้าน พ่อแม่มือใหม่ที่กำลังหลงลูกชายเลยพากันหยุดงานเลี้ยงลูก หวานตาเพิ่งรู้ไซม่อนไม่ใช่นักข่าวกระจอกๆ เขามีเงินเก็บจากการเทรดหุ้น ไม่ทำงานสักสองสามปียังได้ นับว่าชลดาตาแหลม ได้สามีเงินถุงเงินถังไว้ดูแล ไซม่อนเลิกอาชีพเป็นนักข่าวแล้ว เขาเขียนบทความให้สำนักข่าวของเพื่อนสนิทเขาแทน มีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ ไซม่อนเลยกลายเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกชายเต็มตัว คงเพราะชลดาไม่สามารถวางมือจากการเป็นบรรณาธิการหนังสือแฟชั่นได้นั่นเอง ชลดาเลยเป็นฝ่ายที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่เพราะหลงลูก หมู
สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ถูกยื่นมาให้ภูมิคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง “ทำไมคะ คุณไม่ชอบฉันเหรอ” ธรรมดาการปฏิเสธแบบสุภาพ จะทำให้ผู้หญิงมียางอายยอมถอย แต่สำหรับโรซี่แล้ว เธอเลยขีดจำกัดแบบนั้น เธอใช้ชีวิตในต่างแดนเกินหกปี ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่เคยสะดุดตาใครเท่าผู้ชายตรงหน้า เขาดูละมุนน่าครอบครองจนห้ามใจไม่ได้เลย ภูมิแอบผ่อนลมหายใจ เขายอมให้โรสิตาเดินข้ามเส้นแบ่งที่ตัวเองกำหนดไว้ เพราะคิดว่าคุยภาษาเดียวกันแล้วจะรู้เรื่อง เขาแน่ใจว่าโรซสิตารู้ เขาไม่ใช่ผู้ชายโสด ถึงจะยังไม่แต่งงาน แต่ภูมิแน่ใจตัวเอง เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากหวานตาแน่ๆ “คุณกับผมมาจากถิ่นเดียวกัน ทำไมผมจะไม่ชอบคุณล่ะ” “มากกว่าชอบได้ไหมคะ โรซี่ไม่ถือ” โรสิตากระแซะต่อ