หน้าหลัก / โรแมนติก / My destiny ร่างนี้ของใคร / ตอนที่7 ชื่อเจ้าของเสียงปริศนา

แชร์

ตอนที่7 ชื่อเจ้าของเสียงปริศนา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-08 19:57:35

“แล้วเจ้าจักได้เห็นเมื่อพลังบุญมากพอ หากมีอันใดให้ข้าได้ช่วยเหลือ เจ้าจงบอก”

“ข้าเข้าใจแล้ว อาภรณ์ของท่าน งดงามเหลือเกิน” เมื่อคลายความสงสัยว่าตัวเองเป็นใครไปหนึ่งเปราะ นิสัยของผู้ที่เกิดเป็นหญิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมถึงอาภรณ์สีแดงสดผืนงามที่นางไม้สวมใส่อยู่ไม่ได้

“ผู้คนที่นี่เรียกว่าชุดไทย หากเจ้าอยากสวมอาภรณ์ของข้า เจ้าก็มาหยิบไปใช้สอยได้เลย ข้าอนุญาต”

“ขอบใจท่านมาก ข้าจักทำหน้าที่ของร่างนี้ให้ดีดั่งที่ท่านบอก แลจักหมั่นสั่งสมความดีให้มากที่สุด”

นางไม้ยิ้มกว้าง เธอพยักหน้าน้อยๆ ให้กับดวงจิตของเงือกสาวที่อยู่ในร่างของมนุษย์ สาลิการับรู้ได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เงือกสาวจะต้องเจอ ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้ เพราะมันจะผิดกฎของสวรรค์ จากนั้นแสงที่เปล่งประกายก็ค่อยๆ หายเข้าไปในต้นไม้

มนตรามัจฉาเห็นเช่นนั้นเธอก็รีบเอื้อมมือไปหยิบชุดไทยสีเดียวกับที่นางไม้สาลิกาสวมใส่มาไว้ในอ้อมแขน ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านชุดในมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงเอาไป

“อ้าววี”

“พี่จะทำอะไร”

“นางไม้ให้พี่ยืมชุดไปใส่ได้”

“อะไรนะ ที่พี่ยืนพูดคนเดียวเมื่อกี้พี่คุยกับนางไม้เหรอ” โชติรวีหน้าถอดสี เขาไม่กล้าแม้แต่จะปลายหางตาไปมองต้นไม้ใหญ่

“ใช่”

รู้ดังนั้นชายหนุ่มก็ยัดชุดไทยกลับเข้าไปในมือของพี่สาวคนรอง ก่อนจะรีบสับฝีเท้าเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้มนตรามัจฉามองตามหลังด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงนหนัก เพราะไม่รู้ว่าโชติรวีมีอาการตื่นกลัวเรื่องอะไร

ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่ชบาเปิดห้องหน่อย”

ชื่นชีวาผุดลุกออกจากเตียงหลังจากล้มตัวนอนลงไม่ถึงสิบนาที ไม่รู้ว่าน้องชายของเธอไปสร้างเรื่องอะไรอีกถึงได้มาเคาะห้องในเวลานี้

“อะไรของแกวี ไม่ใช่ว่าไปก่อเรื่องแล้วให้พี่ไปเคลียร์อีกล่ะ” เปิดประตูเห็นน้องชายหน้าตาตื่นมาแบบนี้เธอก็อดคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากน้องเธอจะเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้เช่นครั้งก่อนๆ

“ไม่ใช่ แต่เป็นพี่ชมพู พี่ชมพูเดินออกจากบ้านไปพูดคนเดียวที่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอ แล้วก็ยังดึงชุดที่คนเอามาไหว้ลงมาด้วย ผมถามก็บอกว่านางไม้ให้ยืมชุดไปใส่ได้ ผมว่าพี่ชมพูหนักแล้วนะ พาไปหาหมอผีดีไหม ผมเคยฟังรายการนึงมา เขาว่ากันว่ามันอาจจะมีผีมาแฝงตอนเรากำลังเจ็บป่วยได้นะพี่ชบา” ประโยคหลังโชติรวีกระซิบกระซาบ เพราะเขาเชื่อในเรื่องลี้ลับร้อยเปอร์เซ็นต์

“อย่าเพ้อเจ้อน่า ชมพูก็แค่ป่วย รอไปสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”

“ใช่เหรอ”

“เออน่า กลับห้องตัวเองไปได้แล้ว พี่จะนอน” ยกมือทั้งสองปัดไล่น้องชายให้หันหลังกลับไป

“แต่...”

“บอกว่าให้ไป หรืออยากโดนด่าฮะ!”

เมื่อพี่สาวคนโตเริ่มมีน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ โชติรวีจึงต้องเดินหน้าบึ้งตึงคอตกกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ชื่นชีวาปิดประตูเรียบร้อยก็ยืนกอดอกพิงหลังกับประตู คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นขึ้น เพราะกำลังใช้ความคิดจากเรื่องที่น้องชายเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ ทว่าเธอก็ยังไม่อยากให้โชติรวีกระโตกกระตาก กลัวว่าเรื่องราวมันจะไปถึงหูคนอื่นๆ แล้วชมชีวันจะถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า เรื่องนี้ยังไงเธอก็ต้องปรึกษากับหมอวายุเงียบๆ เพราะเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด

มนตรามัจฉามองชุดไทยที่เธอเพิ่งแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าด้วยสายตาชื่นชม ริมฝีปากบางฉีกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินลงไปทิ้งตัวนอนบนเตียง จากนั้นก็เอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟบนหัวนอน

“ช่วยด้วย มีใครได้ยินผมไหม มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับผมเนี่ย”

เมื่อหัวถึงหมอนไม่ทันไรเสียงของผู้ชายปริศนาที่เธอเคยได้ยินก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบเอื้อมมือเปิดไฟอีกครั้งก่อนกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าตระหนก ทว่าก็มองไปไม่เห็นเจ้าของเสียงอีกเช่นเคย

“ฉันได้ยินคุณอีกแล้ว คุณใช่ไหมที่เคยคุยกับฉัน”

“น่าจะใช่นะ เพราะผมได้ยินแต่เสียงของคุณ ผมดีใจมากเลยรู้ไหมที่ได้ยินเสียงคุณน่ะ”

“ฉันอยากช่วยคุณนะ ฉันถามท่านสาลิกามาแล้วเรื่องของคุณ ท่านสาลิกาบอกว่าถ้าฉันหมั่นสั่งสมบุญ ฉันก็จะช่วยคุณได้ คุณรอฉันหน่อยนะ”

“ผมไม่อยากอยู่ที่มืดๆ แบบนี้คนเดียว ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ผมสับสนไปหมด แล้วก็รู้สึกกลัวมากด้วย แล้วท่านสาลิกาคือใคร”

“ไม่รู้สิ เป็นนางไม้ และน่าจะเป็นผู้วิเศษ”

“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”

“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าคุณรู้สึกกลัวให้นึกถึงฉัน ฉันชื่อมนตรามัจฉา แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”

“ผมชื่ออัคคี เพิ่งจะนึกชื่อตัวเองออกไม่นานมานี้เอง แล้วผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ผมก็มาอยู่ที่นี่ ผมรู้แค่ว่าผมอยากกลับบ้าน แต่ก็จำไม่ได้ว่าทางกลับบ้านไปยังไง”

“คุณก็คงไม่ต่างอะไรจากฉัน เพียงแค่ฉันไม่ได้อยู่ในที่มืดเหมือนคุณ แล้วคุณพอจะจำอะไรได้อีกไหมคุณอัคคี” สาวเจ้าพยายามเงี่ยหูฟังเสียงนั้นตอบกลับมาอีกรอบ ทว่าก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกเลย

“คุณยังได้ยินฉันอยู่ไหมคุณอัคคี หายไปอีกแล้วเหรอ” มนตรามัจฉาบุ้ยปากก่อนจะเอื้อมมือปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง

“อัคคี ทำไมชื่อนี้เหมือนกับชื่อสามีของชมพูเลยล่ะ” เธอพึมพำอยู่ในห้องมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากไฟด้านนอกผ่านม่านของหน้าต่างเข้ามาเท่านั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าของเสียงที่เธอได้ยินจะเป็นสามีของชมชีวัน ทว่าคนที่นอนป่วยไม่รู้สึกตัวในโรงพยาบาลแบบนั้นจะส่งเสียงมาหาเธอได้อย่างไร บนโลกนี้ช่างมีความเข้าใจยากสำหรับเธอเสียเหลือเกิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่9 ความลับที่ต้องบอก

    “ที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้นี่เรื่องอะไรบ้างครับ” ปกป้องเริ่มขมวดคิ้วมุ่น“ก็...ทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง แล้วก็ชอบพูดจาแปลกๆ เลยต้องสอนการใช้ชีวิตใหม่หมดเลยค่ะ”“โห...แล้วหมอว่ายังไงครับ”“หมอตรวจเช็กร่างกายแล้วทุกอย่างออกมาปกติค่ะ แต่ที่จำอะไรไม่ได้หมอให้เหตุผลว่าอาจจะช็อคจากเหตุการณ์ หลังจากนี้ไม่นานคงดีขึ้น”“แล้วตอนนี้ชมพูอยู่ไหนครับ”“อยู่ในบ้านค่ะ เราไปคุยกันต่อในบ้านเถอะค่ะ”“ครับ”ชื่นชีวาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังบ้านของเธอ สีหน้าของเภสัชสาวเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่รู้ว่าหลังจากปกป้องเจอกับชมชีวัน น้องสาวของเธอจะพูดอะไรเหลือเชื่ออย่างเช่นที่พูดคุยกับเธอหรือเปล่า ภาวนาในใจเอาไว้ก่อนเลยว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น“ชมพู พี่ป้องมาหา”มนตรามัจฉาหันมองไปยังเสียงของชื่นชีวา เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าตามพี่ของเธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็รีบปิดโทรทัศน์แล้วลุกยืนต้อนรับคนมาใหม่เช่นที่พี่สาวเคยสอน

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่8 คงต้องพึ่งจิตแพทย์

    มื้อเช้านี้อาหารบนโต๊ะเต็มไปด้วยผัก ไม่ว่าจะเป็นผัดผักรวม ผักต้ม สลัดผัก มีเมนูที่เป็นเนื้อก็คือหมูพะโล้ กับข้าวต้มกุ้ง มนตรามัจฉาดูจะเจริญอาหารกว่ามื้อเย็นเมื่อวานเป็นที่สุด เพราะเธออร่อยกับผักต้มถาดใหญ่จิ้มกับเกลือ สองพี่น้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ตักข้าวต้มเข้าปากกันช้าๆ พลางมองไปยังคนอีกฝั่งที่กำลังอร่อยกับผักต้มจิ้มเกลือไม่วางตา“อร่อยนะ ลองสิ” มนตรามัจฉาหยิบคะน้าฮ่องกงต้มจิ้มเกลือเล็กน้อยแล้ววางไปยังถ้วยข้าวต้มของชื่นชีวาและโชติรวี เพราะจำได้ว่าเวลารับประทานอาหารต้องตักอาหารให้กันเป็นมารยาท“ผักต้มจิ้มเกลือเนี่ยนะ” โชติรวีขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปยังผักที่พี่สาวคนรองหยิบมาวางในถ้วยของตัวเอง“กินๆ ไปเถอะ” ชื่นชีวาถลึงตาใส่น้องชาย ไม่อยากให้โชติรวีพูดอะไรออกมาที่ทำให้ชมชีวันรู้สึกว่าตัวเองแปลก เธออยากจะให้น้องสาวแสดงพฤติกรรมทุกอย่างออกมาโดยไม่คิดจะห้ามอะไร เพราะเธออยากจะเก็บรายละเอียดพฤติกรรมของชมชีวันเพื่อปรึกษากับหมออีกที“เมื่อคืนชมพูไปทำอะไรที่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอเหรอ” ชื่นชีวาเปรยถามกับคนที่ก้มหน้าก้มตามรับประทานผักต้มด้วยสีหน้าอารมณ์ดี“ไปคุยกับนางไม้ ท่านชื่อสาลิกา พี่ชบาเคยเ

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่7 ชื่อเจ้าของเสียงปริศนา

    “แล้วเจ้าจักได้เห็นเมื่อพลังบุญมากพอ หากมีอันใดให้ข้าได้ช่วยเหลือ เจ้าจงบอก”“ข้าเข้าใจแล้ว อาภรณ์ของท่าน งดงามเหลือเกิน” เมื่อคลายความสงสัยว่าตัวเองเป็นใครไปหนึ่งเปราะ นิสัยของผู้ที่เกิดเป็นหญิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมถึงอาภรณ์สีแดงสดผืนงามที่นางไม้สวมใส่อยู่ไม่ได้“ผู้คนที่นี่เรียกว่าชุดไทย หากเจ้าอยากสวมอาภรณ์ของข้า เจ้าก็มาหยิบไปใช้สอยได้เลย ข้าอนุญาต”“ขอบใจท่านมาก ข้าจักทำหน้าที่ของร่างนี้ให้ดีดั่งที่ท่านบอก แลจักหมั่นสั่งสมความดีให้มากที่สุด”นางไม้ยิ้มกว้าง เธอพยักหน้าน้อยๆ ให้กับดวงจิตของเงือกสาวที่อยู่ในร่างของมนุษย์ สาลิการับรู้ได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เงือกสาวจะต้องเจอ ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้ เพราะมันจะผิดกฎของสวรรค์ จากนั้นแสงที่เปล่งประกายก็ค่อยๆ หายเข้าไปในต้นไม้มนตรามัจฉาเห็นเช่นนั้นเธอก็รีบเอื้อมมือไปหยิบชุดไทยสีเดียวกับที่นางไม้สาลิกาสวมใส่มาไว้ในอ้อมแขน ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านชุดในมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงเอาไป“อ้าววี”“พี่จะทำอะไร”“นางไม้ให้พี่ยืมชุดไปใส่ได้”“อะไรนะ ที่พี่ยืนพูดคนเดียวเมื่อกี้พี่คุยกับนางไม้เหรอ” โชติร

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่6 นางไม้

    “ไม่เป็นไร เราไปกินข้าวกันเถอะ ไปช้าเดี๋ยวเจ้าวีกินกับข้าวเล่นหมด”สามพี่น้องมานั่งรวมกันที่โต๊ะรับประทานอาหาร บนโต๊ะอาหารตอนนี้มีกับข้าวที่เป็นของโปรดของชมชีวันอยู่หลายอย่างที่ชื่นชีวาตั้งใจทำให้ เพราะหวังเล็กๆ ว่ารสชาติของอาหารจะกระตุ้นความทรงจำของน้องตัวเองได้“วันนี้มีแต่ของโปรดพี่ชมพูเหรอ ไก่ผัดตะไคร้ของผมไม่เห็นมีเลย” โชติรวีบุ้ยปากมองไปยังถาดปลาทับทิมนึ่ง ต้มจืดมะระยัดไส้ และน้ำพริกหนุ่มกับกากหมูติดมัน นอกจากนั้นก็เป็นต้มยำกุ้งและผัดผักของชอบของพี่สาวคนโต“ก็พี่ลืมซื้อไก่มาวันหลังจะทำให้กินแล้วกัน ของพวกนี้แกก็ชอบเหมือนกัน ทำเป็นขี้น้อยใจไปได้”โชติรวีจ้วงตักปลานึ่งเต็มช้อน ก่อนจะวางลงไปยังจานข้าวของชมชีวัน “พี่กินเยอะๆ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”“พี่ไม่อยากกินปลา ดูน่าสงสารเหลือเกิน”“ฮะ!” โชติรวีเกาหัวยิก เหลือจะเชื่อว่าพี่สาวคนรองของเขาจะเอ่ยว่าสงสารของอร่อยที่เคยสวาปามทีละสองสามตัวยังได้“ปลาทับทิมนึ่งของโปรดชมพูเลยนะ บางที่ที่ชมพูหิวมากๆ ก็กินทีละสองตัวเลย” ชื่นชีวามีอาการตกใจไม่ต่างจากโชติรวี“ฉันกินมันลงด้วยเหรอ” สีหน้าของชมชีวันเหือดแห้งไร้สี ดูไม่สู้ดีจนคนทั้งสองเข้าใจโดยที่ไม

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่5 เสียงปริศนา

    ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงรถเก๋งสีขาวก็แล่นมาถึงลานจอดรถหน้าหอพักสี่ชั้น ด้านหน้าหอพักติดกับประตูรั้วมีต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสามสีพันเอาไว้หลายชั้นพร้อมกับชุดไทยที่แขวนเอาไว้สองสามชุด ไม่ไกลจากต้นใหญ่ก็เป็นบ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่ที่มีสวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้านพร้อมกับศาลพระภูมิสีขาวตั้งอยู่“นี่หอพักที่พ่อกับแม่ทิ้งเป็นมรดกให้เราหลังจากท่านเสีย ในรูปที่พี่ให้ดูไง ตอนที่ชมพูถูกหวย ชมพูก็เอาเงินทั้งหมดมารีโนเวทที่นี่ พอจะจำได้ไหม”ชมชีวันเงยหน้ามองหอพักสีขาว เธอไล่สายตาจากชั้นบนค่อยๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นล่างก่อนจะส่ายหัวช้าๆ เป็นการตอบกลับชื่นชีวา ทว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบ เพราะเธอเคยถามคำถามนี้กับน้องสาวมาแล้วโชติรวีดึงมือชมชีวันให้หนไปทางขวาของมุมตึก ที่มีตึกแถวสองชั้นสี่คูหาตั้งตระหง่าน “ตรงมุมขวาสุดเป็นร้านขายของชำกับอาหารตามสั่งของป้าน้อย พี่ชอบไปซื้อข้าวกะเพราหมูกรอบบ่อยๆ ข้างร้านป้าน้อยก็เป็นร้านทำผมป้าศรีที่พี่ชอบไปให้แกสระผมให้ทุกอาทิตย์ ส่วนข้างร้านป้าศรีก็เป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ของผมเอง มุมซ้ายสุดก็เป็นสำนักงานของหอพัก”“ข้ามิคุ้นเลย”“รู้ว่าจำไม่ได้ บอกเฉยๆ อ่อ...นั่นบ้านที่เร

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่4 งงหนักเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

    “อ๋อ...เข้าใจแล้ว แล้วฉันจะใช้ชีวิตที่นี่ได้ยังไง ใครจะสอนฉัน”“ข้านี่ไง อาจารย์คนเก่งของเจ้า” ผู้เฒ่าเต่าโพล่งเสียงดัง ชมชีวันยังคงเงียบ สีหน้าและแววตาของเธอดูว่างเปล่า ตอนนี้ในหัวโล่งไปหมดเพราะคิดอะไรไม่ออก นี่เธอจะต้องอยู่ในร่างของเงือกสาวตนนี้อีกนานเท่าไร แล้วจะต้องทำอารมณ์ให้เป็นอย่างไรในตอนนี้ เธอใช้คำว่างงหนักได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็วันนี้ หรือควรจะคิดว่าทุกอย่างเป็นประสบการณ์ จู่ๆ ตื่นมาเป็นเงือก ใช้ชีวิตอยู่ในท้องทะเล มีอาจารย์เป็นผู้เฒ่าเต่า อะไรกันเนี่ย...สองวันแล้วที่ชมชีวันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอมีชื่นชีวาและโชติรวีคอยสลับมาดูแลอยู่ตลอด สองพี่น้องช่วยกันหาเรื่องพูดคุยกับชมชีวันเพื่อที่จะเรียกความจำของชมชีวันกลับมาได้บ้าง ทว่าไม่เพียงหญิงสาวจำไม่ได้ แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะพูดจาภาษาโบราณ แทนตัวเองว่าข้า เรียกคนอื่นว่าเจ้า ทั้งยังชอบพูดว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่คนปกติพูดกันอีก“ผมเอาอุปกรณ์วาดรูปมาให้พี่ดู เผื่อพี่ได้เห็นแล้วจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ชายหนุ่มช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์วัยยี่สิบกว่า เจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับพระเอกเกาหลียื่นสมุดวาดรูปพร้อมกับดินสอและกล่องสีให้ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status