LOGIN“แล้วเจ้าจักได้เห็นเมื่อพลังบุญมากพอ หากมีอันใดให้ข้าได้ช่วยเหลือ เจ้าจงบอก”
“ข้าเข้าใจแล้ว อาภรณ์ของท่าน งดงามเหลือเกิน” เมื่อคลายความสงสัยว่าตัวเองเป็นใครไปหนึ่งเปราะ นิสัยของผู้ที่เกิดเป็นหญิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมถึงอาภรณ์สีแดงสดผืนงามที่นางไม้สวมใส่อยู่ไม่ได้
“ผู้คนที่นี่เรียกว่าชุดไทย หากเจ้าอยากสวมอาภรณ์ของข้า เจ้าก็มาหยิบไปใช้สอยได้เลย ข้าอนุญาต”
“ขอบใจท่านมาก ข้าจักทำหน้าที่ของร่างนี้ให้ดีดั่งที่ท่านบอก แลจักหมั่นสั่งสมความดีให้มากที่สุด”
นางไม้ยิ้มกว้าง เธอพยักหน้าน้อยๆ ให้กับดวงจิตของเงือกสาวที่อยู่ในร่างของมนุษย์ สาลิการับรู้ได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เงือกสาวจะต้องเจอ ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้ เพราะมันจะผิดกฎของสวรรค์ จากนั้นแสงที่เปล่งประกายก็ค่อยๆ หายเข้าไปในต้นไม้
มนตรามัจฉาเห็นเช่นนั้นเธอก็รีบเอื้อมมือไปหยิบชุดไทยสีเดียวกับที่นางไม้สาลิกาสวมใส่มาไว้ในอ้อมแขน ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านชุดในมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงเอาไป
“อ้าววี”
“พี่จะทำอะไร”
“นางไม้ให้พี่ยืมชุดไปใส่ได้”
“อะไรนะ ที่พี่ยืนพูดคนเดียวเมื่อกี้พี่คุยกับนางไม้เหรอ” โชติรวีหน้าถอดสี เขาไม่กล้าแม้แต่จะปลายหางตาไปมองต้นไม้ใหญ่
“ใช่”
รู้ดังนั้นชายหนุ่มก็ยัดชุดไทยกลับเข้าไปในมือของพี่สาวคนรอง ก่อนจะรีบสับฝีเท้าเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้มนตรามัจฉามองตามหลังด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงนหนัก เพราะไม่รู้ว่าโชติรวีมีอาการตื่นกลัวเรื่องอะไร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่ชบาเปิดห้องหน่อย”
ชื่นชีวาผุดลุกออกจากเตียงหลังจากล้มตัวนอนลงไม่ถึงสิบนาที ไม่รู้ว่าน้องชายของเธอไปสร้างเรื่องอะไรอีกถึงได้มาเคาะห้องในเวลานี้
“อะไรของแกวี ไม่ใช่ว่าไปก่อเรื่องแล้วให้พี่ไปเคลียร์อีกล่ะ” เปิดประตูเห็นน้องชายหน้าตาตื่นมาแบบนี้เธอก็อดคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากน้องเธอจะเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้เช่นครั้งก่อนๆ
“ไม่ใช่ แต่เป็นพี่ชมพู พี่ชมพูเดินออกจากบ้านไปพูดคนเดียวที่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอ แล้วก็ยังดึงชุดที่คนเอามาไหว้ลงมาด้วย ผมถามก็บอกว่านางไม้ให้ยืมชุดไปใส่ได้ ผมว่าพี่ชมพูหนักแล้วนะ พาไปหาหมอผีดีไหม ผมเคยฟังรายการนึงมา เขาว่ากันว่ามันอาจจะมีผีมาแฝงตอนเรากำลังเจ็บป่วยได้นะพี่ชบา” ประโยคหลังโชติรวีกระซิบกระซาบ เพราะเขาเชื่อในเรื่องลี้ลับร้อยเปอร์เซ็นต์
“อย่าเพ้อเจ้อน่า ชมพูก็แค่ป่วย รอไปสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“ใช่เหรอ”
“เออน่า กลับห้องตัวเองไปได้แล้ว พี่จะนอน” ยกมือทั้งสองปัดไล่น้องชายให้หันหลังกลับไป
“แต่...”
“บอกว่าให้ไป หรืออยากโดนด่าฮะ!”
เมื่อพี่สาวคนโตเริ่มมีน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ โชติรวีจึงต้องเดินหน้าบึ้งตึงคอตกกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ชื่นชีวาปิดประตูเรียบร้อยก็ยืนกอดอกพิงหลังกับประตู คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นขึ้น เพราะกำลังใช้ความคิดจากเรื่องที่น้องชายเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ ทว่าเธอก็ยังไม่อยากให้โชติรวีกระโตกกระตาก กลัวว่าเรื่องราวมันจะไปถึงหูคนอื่นๆ แล้วชมชีวันจะถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า เรื่องนี้ยังไงเธอก็ต้องปรึกษากับหมอวายุเงียบๆ เพราะเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด
มนตรามัจฉามองชุดไทยที่เธอเพิ่งแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าด้วยสายตาชื่นชม ริมฝีปากบางฉีกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินลงไปทิ้งตัวนอนบนเตียง จากนั้นก็เอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟบนหัวนอน
“ช่วยด้วย มีใครได้ยินผมไหม มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับผมเนี่ย”
เมื่อหัวถึงหมอนไม่ทันไรเสียงของผู้ชายปริศนาที่เธอเคยได้ยินก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบเอื้อมมือเปิดไฟอีกครั้งก่อนกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าตระหนก ทว่าก็มองไปไม่เห็นเจ้าของเสียงอีกเช่นเคย
“ฉันได้ยินคุณอีกแล้ว คุณใช่ไหมที่เคยคุยกับฉัน”
“น่าจะใช่นะ เพราะผมได้ยินแต่เสียงของคุณ ผมดีใจมากเลยรู้ไหมที่ได้ยินเสียงคุณน่ะ”
“ฉันอยากช่วยคุณนะ ฉันถามท่านสาลิกามาแล้วเรื่องของคุณ ท่านสาลิกาบอกว่าถ้าฉันหมั่นสั่งสมบุญ ฉันก็จะช่วยคุณได้ คุณรอฉันหน่อยนะ”
“ผมไม่อยากอยู่ที่มืดๆ แบบนี้คนเดียว ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ผมสับสนไปหมด แล้วก็รู้สึกกลัวมากด้วย แล้วท่านสาลิกาคือใคร”
“ไม่รู้สิ เป็นนางไม้ และน่าจะเป็นผู้วิเศษ”
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าคุณรู้สึกกลัวให้นึกถึงฉัน ฉันชื่อมนตรามัจฉา แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“ผมชื่ออัคคี เพิ่งจะนึกชื่อตัวเองออกไม่นานมานี้เอง แล้วผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ผมก็มาอยู่ที่นี่ ผมรู้แค่ว่าผมอยากกลับบ้าน แต่ก็จำไม่ได้ว่าทางกลับบ้านไปยังไง”
“คุณก็คงไม่ต่างอะไรจากฉัน เพียงแค่ฉันไม่ได้อยู่ในที่มืดเหมือนคุณ แล้วคุณพอจะจำอะไรได้อีกไหมคุณอัคคี” สาวเจ้าพยายามเงี่ยหูฟังเสียงนั้นตอบกลับมาอีกรอบ ทว่าก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกเลย
“คุณยังได้ยินฉันอยู่ไหมคุณอัคคี หายไปอีกแล้วเหรอ” มนตรามัจฉาบุ้ยปากก่อนจะเอื้อมมือปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง
“อัคคี ทำไมชื่อนี้เหมือนกับชื่อสามีของชมพูเลยล่ะ” เธอพึมพำอยู่ในห้องมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากไฟด้านนอกผ่านม่านของหน้าต่างเข้ามาเท่านั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าของเสียงที่เธอได้ยินจะเป็นสามีของชมชีวัน ทว่าคนที่นอนป่วยไม่รู้สึกตัวในโรงพยาบาลแบบนั้นจะส่งเสียงมาหาเธอได้อย่างไร บนโลกนี้ช่างมีความเข้าใจยากสำหรับเธอเสียเหลือเกิน
“พวกท่านจักรักข้าเหมือนลูกแท้ๆ จริงฤา”“เหตุใดจักมิจริงกันเล่า” เพลิงพันจักรรวบตัวพสุนทราขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมอก“ใช่แล้ว ข้านั้นก็เติบโตมากับท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม แลพวกท่านนั้นรักแลหวังดีกับข้ามิได้ต่างจากพ่อแม่แท้ๆ แลเหตุใดพวกข้าจักรักเจ้าจริงๆ มิได้เล่า”“เจ้าอยู่ที่นี่เถิดหนาอย่าหนีไปไหน ย่าเจ้า ตัวข้า แลแม่เจ้านั้นจักดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”“ข้า ข้าจักอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่...ข้ามีท่านแม่เพียงตนเดียว” พสุนทราเอ่ยจบก็ก้มหน้างุดซุกไปที่อกกว้างของผู้เป็นพ่ออัญญาภานารีหน้าเจื่อนเช่นเดียวกับเพลิงพันจักรเมื่อได้ยินพญานาคตัวน้อยเอ่ยออกมาแบบนั้น“ข้าเข้าใจเจ้าหนาพสุนทรา เจ้ายังมิต้องยอมรับข้าตอนนี้ก็ได้ แต่ข้าก็จักดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ข้าสัญญา”เพลิงพันจักรอมยิ้มให้กับอัญญาภานารี คราแรกคิดว่าชายาตนนั้นจะเสียใจกับคำพูดของพสุนทราเสียอีก โล่งใจที่ชายาตนนั้นมีเมตตาต่อพสุนทราที่กำลังไร้เดียงสา“จักมิหนีไปอีกใช่ฤาไม่เจ้าคะ” อัญญาภานารีเอ่ยถามเพลิงพันจักรหลังจากส่งพสุนทราให้สิงหลพาไปนอนแล้ว“ข้าคิดว่ามิหนีไปแล้วล่ะ แลเจ้าจักทำอย่างไรให้พสุนทรายอมรับเจ้าให้เป็นแม่”“ข้ามิคิดจักแทนที่แม่ของพสุนทราดอกเ
“หากข้ามิหนีมาเรื่องเช่นนี้คงมิเกิด หากข้ารอฟังตอนที่ท่านฟื้น ท่านพี่แลอิรวดีคงมิต้องจากไป” อัญญาภานารียังคงร้องห่มร้องให้อยู่ในอ้อมอกของเพลิงพันจักร แม้นจะออกจากท้องพระโรงมาพักที่ตำหนักของตน ทว่าความรู้สึกตกใจและภาพความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็ยังติดตาของเธอไม่หายที่เสียใจไปกว่านั้นก็เพราะรับรู้ว่าอย่างไรบูรพกันต์ก็ต้องถูกประหาร เพราะคิดจะฆ่าเธอและเขาก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของอิรวดี“เจ้าอย่าโทษตนเองเลยหนา เป็นข้าเองที่มิบอกเรื่องของอิรวดีแลพสุนทรากับเจ้า แลหากมิใช่แผนร้ายของบูรพกันต์ฤา เจ้าจึงได้เสียใจจนหนีไป”“ข้าเสียใจเหลือเกิน ข้าเสียใจเหลือเกินเจ้าค่ะ” เสียใจไปกับการสูญเสียแค่นั้นไม่พอ ตอนนี้สิ่งที่ห่วงที่สุดคือพสุนทรา พญานาคตัวน้อยจะรู้สึกเช่นไรหากได้รู้ว่าเสียผู้เป็นแม่แล้ว ไม่ว่าเพลิงพันจักรจะเอ่ยถึงสาเหตุของเรื่องว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่อย่างไรเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้น“ข้ามิคิดว่าเรื่องการกลั่นแกล้งใส่ความกันจักเป็นบ่อเกิดของเรื่องร้ายแรงเพียงนี้เลยขอรับ” รณจักรปักษาคิดว่าจะไม่พูดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นมาอีกแล้ว ทว่าความหดหู่หัวใจก็มีมากเกินเสีนจนอดระบายออก
“ท่านเพลิงพันจักร” ปักษิณสิงขรรีบดึงให้เพลิงพันจักรนั่งลง หากปล่อยให้มีเรื่องมีราวกันการไต่สวนอาจจะไม่จบ และเขาก็เชื่อไม่มีผู้ใดเชื่อคำของบูรพกันต์อยู่แล้ว ดีเสียอีกที่ครุฑหนุ่มนั่นเผยสันดานที่แท้จริงออกมา ผู้อื่นจะได้เลิกเคารพเสียที“มิจริงหนาท่านแม่ ข้ามิเคยถูกท่านพี่ล่วงเกิน” อัญญาภานารีคิดว่าจะนั่งฟังอยู่เงียบๆ ทว่าเธอก็อดส่งเสียงท้วงไม่ได้ ถึงจะถูกบูรพกันต์จับไปขังอยู่หลายเพลา ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำล่วงเกินอันใดกับเธออย่างที่กล่าวออกมา“หากอยากจักเอาชนะข้าด้วยวิธีอื่นข้ามิว่า แต่อย่าหยามเกียรติชายาของข้าโดยการพูดพล่อยๆ” เพลิงพันจักรรู้ทันบูรพกันต์ หรือแม้แต่เรื่องที่ครุฑหนุ่มพูดจะเป็นความจริงเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว“ทำไม เจ้ายอมรับความจริงมิได้ฤา” บูรพกันต์ยังคงตีสีหน้ายียวนขณะหันไปพูดกับเพลิงพันจักรเพียะ ศีตกาลที่ทนเห็นพฤติกรรมไม่สะทกสะท้านของหลานชายไม่ได้ เธอจึงต้องเดินเข้าไปสั่งสอนบูรพกันต์ให้ได้สติโดยการยกมือฟาดไปที่แก้มสากจนบูรพกันต์หน้าหัน“ทำไมเป็นเช่นนี้หนาหลานข้า หากเจ้าพูดสิ่งใดข้าย่อมเอนเอียงไปทางเจ้าเสียหมดหนาบูรพกันต์ แต่เรื่องที่เจ้าเอ่ยว่าหยามเกียรติของอัญญาภานารีข้าว่ามั
“หากเป็นเช่นนั้น ถ้าเราไปถามก็คงจักมิบอก ทางเดียวที่ข้าคิดได้ตอนนี้ก็คือการติดตามบูรพกันต์อยู่ห่างๆ” ปักษิณสิงขรเห็นว่ามันน่าจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ได้เจอกับอัญญาภานารีได้เร็วที่สุด“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แลทำอย่างไรพวกเราจึงจักอยู่ที่นี่ได้ต่อ หากเป็นเรื่องตามหาอัญญาภานารีก็มิเจอนางแล้ว”“หากบูรพกันต์รู้ว่าอัญญาภานารีอยู่ที่ใดคงมิปล่อยให้ห่างแน่ ป่านนี้ต้องกระวนกระวายเพราะถูกขังอยู่ในตำหนัก มิแน่คืนนี้เขาอาจจักกำลังหาทางออกไปจากตำหนักอีกก็เป็นได้”“เช่นนั้นเราต้องทำให้บูรพกันต์ได้ถูกปล่อยตัวในคืนนี้ ข้าเห็นว่าเป็นหน้าที่ของท่าน”“อย่างไรฤา” ปักษิณสิงขรยังไม่ค่อยเข้าใจที่เพลิงพันจักรพูดเท่าไรนักวิเวก องครักษ์ผู้ที่สนิทกับบูรพกันต์รีบเดินเข้ามาขวางหน้าเมื่อเห็นปักษิณสิงขรและรณจักรปักษากำลังตรงเข้ามายังตำหนักของบูรพกันต์“ท่านปักษิณสิงขรมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดขอรับ”“ข้าอยากคุยกับท่านบูรพกันต์”“ตอนนี้ท่านทศยันต์สั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาท่านบูรพกันต์ขอรับ”“ข้าเป็นผู้ใดเจ้าลืมไปแล้วฤา หากข้ามิขออนุญาตท่านพ่อของข้าแลข้าจักมาที่นี่ได้ฤา ถอยออกไปหากมิอยากถูกขังลืม”“ข้าให้เข้าไปมิได้ขอรับ”“
“ท่านพี่ที่แสนสุขุมแลให้เกียรติผู้อื่นบัดนี้อยู่ที่ใดเจ้าคะ”“ข้าก็ให้เกียรติเฉพาะผู้ที่ข้าอยากให้เกียรติ เจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายเถิด” บูรพกันต์วางถาดอาหารแลน้ำไว้ได้เขาก็หมุนแหวนครุฑของตนเพื่อเปิดประตูมิติ หลังจากที่ครุฑหนุ่มหายไป ประตูและหน้าต่างที่เคยเปิดก็ปิดสนิทก็มีกำแพงแก้วเข้ามาปิดกั้นไม่ให้นกยักษ์สาวนั้นหนีไปไหนได้“เหตุใดเป็นเยี่ยงนี้ไปได้” อัญญาภานารีน้ำเสียงสั่นเครือ พลางคิดย้อนเวลา เธอไม่น่าใช้แขวนครุฑกลับไปยังตำหนักของบูรพกันต์ตั้งแต่คราแรกเลย แล้วตอนนี้แหวนนั้นเขาก็เอาคืนไปแล้ว แล้วเมื่อไรเขาจะมาปลดปล่อยเธอออกไปจากที่นี่กันทางด้านเพลิงพันจักร เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงสวรรค์ชั้นกลางก็รีบลากอิรวดีไปเข้าเฝ้าองค์ราชาพญาทศยันต์และองค์ราชินีศีตกาลโดยมีปักษิณสิงขรและรณจักรปักษาตามหลังติดๆ ทั้งสี่ได้พยายามเล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นให้กับองค์ราชาและราชินีพญาครุฑทั้งสองอย่างละเอียดครู่ใหญ่เรื่องราวอันน่าปวดหัวนั้นสร้างความหนักใจให้กับพญาทศยันต์และศีตกาลไม่น้อย เพราะบูรพกันต์นั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท อีกทั้งพวกเขาทั้งสองก็ไม่ทราบได้จริงๆ ว่าอัญญาภานีหนีมาที่นี่หรือไม่“เรื่องทั้งห
“ข้าจักเป็นลมเสียให้ได้ ใยเจ้ามิคิดบอกเรื่องนี้กับแม่บ้าง” อังกาบแทบจะล้มพับในขณะที่กำลังนั่ง ดีที่โสภิณนั้นช่วยประคองเอาไว้“ข้ากลัวว่าท่านแม่จักมิอยากให้ข้ารับบุตรผู้อื่นเป็นบุตรของตนขอรับ แลตอนนี้ข้านั้นรักพสุนทราเหมือนลูกจริงๆ ข้าเองก็หาเพลาจักบอกท่านแม่กับอัญญาภานารีเช่นกัน แต่ก็มีเรื่องของเมืองศิคาลเข้ามาก่อนขอรับ”“แล้วพวกเจ้าจักทำอย่างไร ตอนนี้อัญญาภานารีหนีไปไหนมิรู้ได้ อีกทั้งพสุนทราจักต้องรับรู้เรื่องท่านพ่อกับท่านแม่ของตนเช่นไรหากเจ้าจักพรากแม่พรากลูกเช่นนี้”“เรื่องอัญญาภานารีข้าจักตามหาน้องข้าเอง ท่านก็สะสางเรื่องตรงนี้ให้จบเถิดท่านเพลิงพันจักร” ปักษิณสิงขรเอ่ยจบก็ยืนส่ายหัวน้อยๆ กับเรื่องอันน่าปวดหัวที่เกิดจากความรักแบบผิดๆ ของอิรวดีและบูรพกันต์ แม้นจะไม่มีใครบอกเขาว่าบูรพกันต์รู้สึกอย่างไรกับอัญญาภานารี แต่เขานั้นมองออกตั้งแต่งานอภิเษกของอัญญาภานารีและเพลิงพันจักรแล้ว“ข้าจักตามหาอัญญาภานารีด้วย แลหลังจากนั้นข้าจักไปสะสางกับบูรพกันต์ด้วยตัวเอง” เอ่ยกับปักษิณสิงขรจบก็หันมาจ้องหน้าอิรวดี “แลเจ้าก็ต้องไปเป็นพยานให้ข้าว่าบูรพกันต์นั้นคิดชั่วแค่ไหนกับท่านพญาทศยันต์”อิรวดีไ







