หน้าหลัก / โรแมนติก / My destiny ร่างนี้ของใคร / ตอนที่8 คงต้องพึ่งจิตแพทย์

แชร์

ตอนที่8 คงต้องพึ่งจิตแพทย์

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-08 19:57:56

มื้อเช้านี้อาหารบนโต๊ะเต็มไปด้วยผัก ไม่ว่าจะเป็นผัดผักรวม ผักต้ม สลัดผัก มีเมนูที่เป็นเนื้อก็คือหมูพะโล้ กับข้าวต้มกุ้ง มนตรามัจฉาดูจะเจริญอาหารกว่ามื้อเย็นเมื่อวานเป็นที่สุด เพราะเธออร่อยกับผักต้มถาดใหญ่จิ้มกับเกลือ สองพี่น้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ตักข้าวต้มเข้าปากกันช้าๆ พลางมองไปยังคนอีกฝั่งที่กำลังอร่อยกับผักต้มจิ้มเกลือไม่วางตา

“อร่อยนะ ลองสิ” มนตรามัจฉาหยิบคะน้าฮ่องกงต้มจิ้มเกลือเล็กน้อยแล้ววางไปยังถ้วยข้าวต้มของชื่นชีวาและโชติรวี เพราะจำได้ว่าเวลารับประทานอาหารต้องตักอาหารให้กันเป็นมารยาท

“ผักต้มจิ้มเกลือเนี่ยนะ” โชติรวีขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปยังผักที่พี่สาวคนรองหยิบมาวางในถ้วยของตัวเอง

“กินๆ ไปเถอะ” ชื่นชีวาถลึงตาใส่น้องชาย ไม่อยากให้โชติรวีพูดอะไรออกมาที่ทำให้ชมชีวันรู้สึกว่าตัวเองแปลก เธออยากจะให้น้องสาวแสดงพฤติกรรมทุกอย่างออกมาโดยไม่คิดจะห้ามอะไร เพราะเธออยากจะเก็บรายละเอียดพฤติกรรมของชมชีวันเพื่อปรึกษากับหมออีกที

“เมื่อคืนชมพูไปทำอะไรที่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอเหรอ” ชื่นชีวาเปรยถามกับคนที่ก้มหน้าก้มตามรับประทานผักต้มด้วยสีหน้าอารมณ์ดี

“ไปคุยกับนางไม้ ท่านชื่อสาลิกา พี่ชบาเคยเจอไหม แต่ท่านบอกฉันว่าท่านไม่ค่อยให้ผู้คนได้พบเห็น แล้วท่านก็ให้ฉันเอาชุดของท่านมาใส่ได้ด้วย พี่ชบาอยากใส่ไหม ฉันจะไปขอท่านให้”

“ไม่เอาหรอก พี่ไม่ชอบใส่ชุดไทยน่ะ แล้วมันก็ไม่ใช่ชุดที่คนอื่นเขาใส่กันปกติ ชุดไทยจะเอาไว้ให้พวกนางรำหรือไม่ก็เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงาน”

“ทำไมคนอื่นไม่ชอบใส่ ฉันว่าชุดไทยสวยมาก”

“ก็ เอ่อ... ช่างเถอะ เอาเป็นว่าคนส่วนมากไม่ใส่ชุดไทยถ้าไม่ได้มีงานสำคัญ”

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วนะว่าชื่อของฉันคือ มนตรามัจฉา ฉันเป็นธิดาของเงือก ถึงฉันจะจำอะไรเกี่ยวกับตอนที่เป็นเงือกไม่ได้ แต่ก็เข้าใจแล้วว่าที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เพราะฉันเป็นเงือกอยู่ในมหาสมุทร”

ชื่นชีวาและโชติรวีวางช้อนพร้อมกันเพราะรู้สึกกลืนอะไรไม่ลงคอ จากนั้นทั้งสองก็หันมามองหน้ากันเงียบๆ แค่บอกว่าคุยกับนางไม้ได้ก็ว่าแปลกมากๆ แล้ว เรื่องที่บอกว่าตัวเองคือธิดาของเงือกได้ พวกเขาทั้งสองคิดว่ามันไม่ปกติและคนที่จะช่วยให้ชมชีวันหายจากอาการนี้น่าจะต้องพึ่งจิตแพทย์แล้ว

“โอเค แต่ในเมื่อมนตรามัจฉาอยู่ในร่างของชมพู ก็ต้องเข้าใจว่าตัวเองชื่อชมพู โอเคไหม” ชื่นชีวาพยายามทำใจดีเข้าสู้ แม้ตอนนี้หน้าของเธอจะถอดสีไปแล้วก็ตาม

“โอเคแปลว่าตกลง ฉันเข้าใจค่ะ” มนตรามัจฉาพยักหน้าน้อยๆ ให้ชื่นชีวาก่อนจะก้มหน้าก้มตารับประทานผักต้มจิ้มเกลืออย่างไม่มีท่าทีที่จะอิ่ม

จบมื้ออาหารเรียบร้อยโชติรวีและชื่นชีวาก็เก็บถ้วยชามเข้ามาล้างในครัว ปล่อยให้ชมชีวันนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น

“พี่รีบพาพี่ชมพูไปหาหมอเลย ผมไม่กล้านอนบ้านเดียวกับพี่ชมพูแล้วนะ”

“รู้แล้วน่ะ”

“ไม่รู้แหละ ถ้าพี่ชมพูยังไม่หายผมจะไปนอนที่ออฟฟิศ”

“แล้วแต่แกเลย แต่พี่หยุดได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น อาทิตย์หน้าแกต้องดูแลชมพู”

“อ้าว ทำไมเป็นผมล่ะ”

“ก็พี่ลางานได้แค่อาทิตย์เดียว หรือว่าแกจะให้พี่ลาออกแล้วให้แกเลี้ยงล่ะเอาไหม”

“โห่...อะไรกันครับเนี่ย” สีหน้าชายหนุ่มห่อเหี่ยวกะทันหัน ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดใจที่จะดูแลพี่สาวคนรองแม้แต่น้อย ทว่าเมื่อรู้ว่าชมชีวันติดต่อพูดคุยกับนางไม้ได้ก็ไม่กล้าจะอยู่ใกล้พี่สาวของเขาอีก ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนพี่สาวคนรองของเขาจะอาการดีขึ้นเลย

ชื่นชีวาเข้ามาทำหน้าที่แจกใบแจ้งหนี้ค่าเช่าห้องให้ลูกหอแทนชมชีวัน สีหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเป็นกังวล เพราะครุ่นคิดเรื่องอาการของน้องสาวไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่แก่นแก้วไม่เกรงกลัวหน้าไหนอย่างชมชีวันจะกลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมยังเอาเรื่องลี้ลับขึ้นมาพูด คราแรกว่าจะรอให้ถึงวันนัดตรวจร่างกายถึงจะพาชมชีวันไปโรงพยาบาล ทว่าเห็นทีคงรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว

สาวเจ้าทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยก็ลงมาที่สำนักงานของหอพัก เธอเดินไปหยุดอยู่ที่หน้ารูปบานใหญ่ของพ่อกับแม่ ดวงตาคู่สวยมองภาพนั้นตาละห้อย หากตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอยังอยู่คงดี แม้ท่านทั้งสองจะช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ทว่าอ้อมกอดอบอุ่นของพวกเขาคงทำให้หัวใจของเธอแข็งแรงขึ้นกว่านี้เยอะ

เป็นพี่คนโตมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับเธอ “แม่คะพ่อคะ ชบาจะทำยังไงต่อดีคะ”

พูดจบก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่เคยได้นอนหนุนตักคนเป็นแม่ยามเหนื่อยจากการเรียนและการทำงาน หลังจากที่พ่อแม่เสียไป เธอก็ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวในวัยที่ยังไม่ถึงยี่สิบห้าปี ในตอนที่น้องทั้งสองคนยังเรียนไม่จบ เธอทั้งทำงานไปด้วย ดูแลหอพัก และดูแลน้องทั้งสองที่ดูจะแก่นแก้วกันทั้งหญิงทั้งชาย กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายเลย คิดว่าน้องทั้งสองเรียนจบจะไม่มีเรื่องอะไรให้เธอต้องหนักใจแล้วเสียอีก ทว่าปัญหาที่เธอจะต้องปวดหัวมีมาไม่เว้นระยะเลยจริงๆ

“เฮ้อ...” ชื่นชีวาพ่นลมหายใจก่อนจะลุกขึ้นฮึดสู้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะรู้ตัวว่าตอนนี้เธอจะอ่อนแอนานไม่ได้

หญิงสาวเดินออกมาจากสำนักงาน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถSUVสีดำคันหรูที่คุ้นตา และคนที่เพิ่งลงรถมาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือปกป้องหนุ่มหล่อเข้มสูงโปร่งกำยำแบบชายไทย เป็นรุ่นพี่ของเธอและเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะที่ชมชีวันทำงานด้วย เมื่อเห็นว่าเขากำลังหอบของพะลุงพะลังลงมาจากรถก็รีบเดินเข้าไปทักทาย

“พี่ป้องสวัสดีค่ะ ฉันช่วยค่ะ” เธอเข้าไปช่วยชายหนุ่มถือถุงผลไม้

“ขอบคุณครับ พี่เพิ่งกลับมาเชียงใหม่ ได้ข่าวว่าชมพูกับคุณอัคเกิดอุบัติเหตุเลยมาเยี่ยมครับ แล้วชมพูเป็นอะไรมากรึเปล่า”

“เอ่อ... ตัวของชมพูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่อาจจะช็อกจนความจำเสื่อมนิดหน่อย แต่คุณอัคสามีชมพูหนักอยู่ค่ะ ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย”

“ชมพูคงเสียใจแย่สินะครับ”

“ชมพูจำอะไรไม่ได้ค่ะพี่ป้อง ก็เลยไม่ได้เสียใจ” สาวเจ้ายิ้มแหย ทำให้อีกฝ่ายรับรู้อารมณ์ของเธอจากทางสีหน้าได้เป็นอย่างดี

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่9 ความลับที่ต้องบอก

    “ที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้นี่เรื่องอะไรบ้างครับ” ปกป้องเริ่มขมวดคิ้วมุ่น“ก็...ทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง แล้วก็ชอบพูดจาแปลกๆ เลยต้องสอนการใช้ชีวิตใหม่หมดเลยค่ะ”“โห...แล้วหมอว่ายังไงครับ”“หมอตรวจเช็กร่างกายแล้วทุกอย่างออกมาปกติค่ะ แต่ที่จำอะไรไม่ได้หมอให้เหตุผลว่าอาจจะช็อคจากเหตุการณ์ หลังจากนี้ไม่นานคงดีขึ้น”“แล้วตอนนี้ชมพูอยู่ไหนครับ”“อยู่ในบ้านค่ะ เราไปคุยกันต่อในบ้านเถอะค่ะ”“ครับ”ชื่นชีวาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังบ้านของเธอ สีหน้าของเภสัชสาวเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่รู้ว่าหลังจากปกป้องเจอกับชมชีวัน น้องสาวของเธอจะพูดอะไรเหลือเชื่ออย่างเช่นที่พูดคุยกับเธอหรือเปล่า ภาวนาในใจเอาไว้ก่อนเลยว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น“ชมพู พี่ป้องมาหา”มนตรามัจฉาหันมองไปยังเสียงของชื่นชีวา เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าตามพี่ของเธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็รีบปิดโทรทัศน์แล้วลุกยืนต้อนรับคนมาใหม่เช่นที่พี่สาวเคยสอน

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่8 คงต้องพึ่งจิตแพทย์

    มื้อเช้านี้อาหารบนโต๊ะเต็มไปด้วยผัก ไม่ว่าจะเป็นผัดผักรวม ผักต้ม สลัดผัก มีเมนูที่เป็นเนื้อก็คือหมูพะโล้ กับข้าวต้มกุ้ง มนตรามัจฉาดูจะเจริญอาหารกว่ามื้อเย็นเมื่อวานเป็นที่สุด เพราะเธออร่อยกับผักต้มถาดใหญ่จิ้มกับเกลือ สองพี่น้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ตักข้าวต้มเข้าปากกันช้าๆ พลางมองไปยังคนอีกฝั่งที่กำลังอร่อยกับผักต้มจิ้มเกลือไม่วางตา“อร่อยนะ ลองสิ” มนตรามัจฉาหยิบคะน้าฮ่องกงต้มจิ้มเกลือเล็กน้อยแล้ววางไปยังถ้วยข้าวต้มของชื่นชีวาและโชติรวี เพราะจำได้ว่าเวลารับประทานอาหารต้องตักอาหารให้กันเป็นมารยาท“ผักต้มจิ้มเกลือเนี่ยนะ” โชติรวีขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปยังผักที่พี่สาวคนรองหยิบมาวางในถ้วยของตัวเอง“กินๆ ไปเถอะ” ชื่นชีวาถลึงตาใส่น้องชาย ไม่อยากให้โชติรวีพูดอะไรออกมาที่ทำให้ชมชีวันรู้สึกว่าตัวเองแปลก เธออยากจะให้น้องสาวแสดงพฤติกรรมทุกอย่างออกมาโดยไม่คิดจะห้ามอะไร เพราะเธออยากจะเก็บรายละเอียดพฤติกรรมของชมชีวันเพื่อปรึกษากับหมออีกที“เมื่อคืนชมพูไปทำอะไรที่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอเหรอ” ชื่นชีวาเปรยถามกับคนที่ก้มหน้าก้มตามรับประทานผักต้มด้วยสีหน้าอารมณ์ดี“ไปคุยกับนางไม้ ท่านชื่อสาลิกา พี่ชบาเคยเ

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่7 ชื่อเจ้าของเสียงปริศนา

    “แล้วเจ้าจักได้เห็นเมื่อพลังบุญมากพอ หากมีอันใดให้ข้าได้ช่วยเหลือ เจ้าจงบอก”“ข้าเข้าใจแล้ว อาภรณ์ของท่าน งดงามเหลือเกิน” เมื่อคลายความสงสัยว่าตัวเองเป็นใครไปหนึ่งเปราะ นิสัยของผู้ที่เกิดเป็นหญิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมถึงอาภรณ์สีแดงสดผืนงามที่นางไม้สวมใส่อยู่ไม่ได้“ผู้คนที่นี่เรียกว่าชุดไทย หากเจ้าอยากสวมอาภรณ์ของข้า เจ้าก็มาหยิบไปใช้สอยได้เลย ข้าอนุญาต”“ขอบใจท่านมาก ข้าจักทำหน้าที่ของร่างนี้ให้ดีดั่งที่ท่านบอก แลจักหมั่นสั่งสมความดีให้มากที่สุด”นางไม้ยิ้มกว้าง เธอพยักหน้าน้อยๆ ให้กับดวงจิตของเงือกสาวที่อยู่ในร่างของมนุษย์ สาลิการับรู้ได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เงือกสาวจะต้องเจอ ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้ เพราะมันจะผิดกฎของสวรรค์ จากนั้นแสงที่เปล่งประกายก็ค่อยๆ หายเข้าไปในต้นไม้มนตรามัจฉาเห็นเช่นนั้นเธอก็รีบเอื้อมมือไปหยิบชุดไทยสีเดียวกับที่นางไม้สาลิกาสวมใส่มาไว้ในอ้อมแขน ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านชุดในมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงเอาไป“อ้าววี”“พี่จะทำอะไร”“นางไม้ให้พี่ยืมชุดไปใส่ได้”“อะไรนะ ที่พี่ยืนพูดคนเดียวเมื่อกี้พี่คุยกับนางไม้เหรอ” โชติร

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่6 นางไม้

    “ไม่เป็นไร เราไปกินข้าวกันเถอะ ไปช้าเดี๋ยวเจ้าวีกินกับข้าวเล่นหมด”สามพี่น้องมานั่งรวมกันที่โต๊ะรับประทานอาหาร บนโต๊ะอาหารตอนนี้มีกับข้าวที่เป็นของโปรดของชมชีวันอยู่หลายอย่างที่ชื่นชีวาตั้งใจทำให้ เพราะหวังเล็กๆ ว่ารสชาติของอาหารจะกระตุ้นความทรงจำของน้องตัวเองได้“วันนี้มีแต่ของโปรดพี่ชมพูเหรอ ไก่ผัดตะไคร้ของผมไม่เห็นมีเลย” โชติรวีบุ้ยปากมองไปยังถาดปลาทับทิมนึ่ง ต้มจืดมะระยัดไส้ และน้ำพริกหนุ่มกับกากหมูติดมัน นอกจากนั้นก็เป็นต้มยำกุ้งและผัดผักของชอบของพี่สาวคนโต“ก็พี่ลืมซื้อไก่มาวันหลังจะทำให้กินแล้วกัน ของพวกนี้แกก็ชอบเหมือนกัน ทำเป็นขี้น้อยใจไปได้”โชติรวีจ้วงตักปลานึ่งเต็มช้อน ก่อนจะวางลงไปยังจานข้าวของชมชีวัน “พี่กินเยอะๆ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”“พี่ไม่อยากกินปลา ดูน่าสงสารเหลือเกิน”“ฮะ!” โชติรวีเกาหัวยิก เหลือจะเชื่อว่าพี่สาวคนรองของเขาจะเอ่ยว่าสงสารของอร่อยที่เคยสวาปามทีละสองสามตัวยังได้“ปลาทับทิมนึ่งของโปรดชมพูเลยนะ บางที่ที่ชมพูหิวมากๆ ก็กินทีละสองตัวเลย” ชื่นชีวามีอาการตกใจไม่ต่างจากโชติรวี“ฉันกินมันลงด้วยเหรอ” สีหน้าของชมชีวันเหือดแห้งไร้สี ดูไม่สู้ดีจนคนทั้งสองเข้าใจโดยที่ไม

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่5 เสียงปริศนา

    ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงรถเก๋งสีขาวก็แล่นมาถึงลานจอดรถหน้าหอพักสี่ชั้น ด้านหน้าหอพักติดกับประตูรั้วมีต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสามสีพันเอาไว้หลายชั้นพร้อมกับชุดไทยที่แขวนเอาไว้สองสามชุด ไม่ไกลจากต้นใหญ่ก็เป็นบ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่ที่มีสวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้านพร้อมกับศาลพระภูมิสีขาวตั้งอยู่“นี่หอพักที่พ่อกับแม่ทิ้งเป็นมรดกให้เราหลังจากท่านเสีย ในรูปที่พี่ให้ดูไง ตอนที่ชมพูถูกหวย ชมพูก็เอาเงินทั้งหมดมารีโนเวทที่นี่ พอจะจำได้ไหม”ชมชีวันเงยหน้ามองหอพักสีขาว เธอไล่สายตาจากชั้นบนค่อยๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นล่างก่อนจะส่ายหัวช้าๆ เป็นการตอบกลับชื่นชีวา ทว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบ เพราะเธอเคยถามคำถามนี้กับน้องสาวมาแล้วโชติรวีดึงมือชมชีวันให้หนไปทางขวาของมุมตึก ที่มีตึกแถวสองชั้นสี่คูหาตั้งตระหง่าน “ตรงมุมขวาสุดเป็นร้านขายของชำกับอาหารตามสั่งของป้าน้อย พี่ชอบไปซื้อข้าวกะเพราหมูกรอบบ่อยๆ ข้างร้านป้าน้อยก็เป็นร้านทำผมป้าศรีที่พี่ชอบไปให้แกสระผมให้ทุกอาทิตย์ ส่วนข้างร้านป้าศรีก็เป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ของผมเอง มุมซ้ายสุดก็เป็นสำนักงานของหอพัก”“ข้ามิคุ้นเลย”“รู้ว่าจำไม่ได้ บอกเฉยๆ อ่อ...นั่นบ้านที่เร

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่4 งงหนักเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

    “อ๋อ...เข้าใจแล้ว แล้วฉันจะใช้ชีวิตที่นี่ได้ยังไง ใครจะสอนฉัน”“ข้านี่ไง อาจารย์คนเก่งของเจ้า” ผู้เฒ่าเต่าโพล่งเสียงดัง ชมชีวันยังคงเงียบ สีหน้าและแววตาของเธอดูว่างเปล่า ตอนนี้ในหัวโล่งไปหมดเพราะคิดอะไรไม่ออก นี่เธอจะต้องอยู่ในร่างของเงือกสาวตนนี้อีกนานเท่าไร แล้วจะต้องทำอารมณ์ให้เป็นอย่างไรในตอนนี้ เธอใช้คำว่างงหนักได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็วันนี้ หรือควรจะคิดว่าทุกอย่างเป็นประสบการณ์ จู่ๆ ตื่นมาเป็นเงือก ใช้ชีวิตอยู่ในท้องทะเล มีอาจารย์เป็นผู้เฒ่าเต่า อะไรกันเนี่ย...สองวันแล้วที่ชมชีวันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอมีชื่นชีวาและโชติรวีคอยสลับมาดูแลอยู่ตลอด สองพี่น้องช่วยกันหาเรื่องพูดคุยกับชมชีวันเพื่อที่จะเรียกความจำของชมชีวันกลับมาได้บ้าง ทว่าไม่เพียงหญิงสาวจำไม่ได้ แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะพูดจาภาษาโบราณ แทนตัวเองว่าข้า เรียกคนอื่นว่าเจ้า ทั้งยังชอบพูดว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่คนปกติพูดกันอีก“ผมเอาอุปกรณ์วาดรูปมาให้พี่ดู เผื่อพี่ได้เห็นแล้วจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ชายหนุ่มช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์วัยยี่สิบกว่า เจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับพระเอกเกาหลียื่นสมุดวาดรูปพร้อมกับดินสอและกล่องสีให้ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status