แชร์

บังคับเป็นแฟน

ผู้เขียน: มนต์สิงหา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-25 18:43:02

ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว

“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?” 

อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย  ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...

เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...

ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที  และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดี

ผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า

“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”

เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง

“นายบอกฉันเองว่าแค่จูบกันเฉยๆ ไง นายมันขี้โกง ”  เธอต่อว่า แต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ

“ บอกเมื่อไหร่? เธอพูดของเธอคนเดียว ฉันไม่ได้รับปากอะไรสักหน่อย ”

Rrr! Rrr! Rrr!

ผมเถียงในขณะที่มีเสียงโทรศัพท์ของเธอ ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ผมจำต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ เพื่อให้เธอล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง

อันนามองหน้าจอ แล้วพอรู้ว่าเป็นใคร เธอจึงเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าผม ผมไหวไหล่ก่อนลุกขึ้นไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ แล้วนั่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อรอฟังคำสนทนาของเธอ กับคนที่อยู่ปลายสาย และถ้าผมคิดไม่ผิด มันจะต้องเป็นพี่ชายของเธอแน่นอน

ตอนนี้ไอ้อุลมันคงแทบบ้า ที่ตามหาน้องสาวของตัวเองไม่เจอ...

“ฉันกำลังอยู่กับเพื่อน ใกล้จะกลับแล้ว ”

เธอโกหกคนที่อยู่อีกฝั่ง  เพราะกำลังนั่งอยู่ต่อหน้า จึงไม่กล้าบอกความจริงออกไป

“ ทำไมพี่อุลต้องตะโกนใส่ฉันด้วยฮะ! ก็พี่มัวแต่สนใจสาวๆ แล้วทิ้งให้ฉันนั่งเหงาอยู่คนเดียว....ฮึก...พอดีเจอเพื่อน...ฮึก.ก็เลยไปเที่ยวที่อื่นกันต่อนะสิ ”

มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ เพื่อกั้นเสียงสะอื้นที่เหมือนจะฝืนไม่ไหวและได้จะหลุดออกมา นั่นทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี เพราะกลัวใจอ่อนกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ คราวต่อไปพี่อย่าทิ้งฉันอีกนะ ถ้าเห็นผู้หญิงอื่นสำคัญกว่าน้องอีกฉันจะฟ้องพ่อกับแม่ ฮึก...แล้วบอกว่าเป็นห่วง พูดแต่ปากพอเจอหญิงก็ลืมน้อง ฮึกๆไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย...แค่น้อยใจ ฮื่อๆๆ ไอ้พี่บ้า..ฉันเกลียดพี่อุลแล้ว ฮื่อๆ ”

สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมา ให้ตายเถอะ! ผมเกลียดน้ำตาผู้หญิง!

อันนากดสายทิ้งไป พลางใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตา และมองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะพูดออกมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังรอฟัง

“ ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมนายต้องทำแบบนี้ และไม่เคยรู้ด้วยว่า ระหว่างนายกับพี่อุลเคยบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของฉัน ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก ฉันก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่ดี หากสิ่งที่นายทำกับฉัน มันสามารถลบล้างสิ่งที่พี่อุลเคยทำกับไว้นายได้ ฉันก็ยินดีที่จะรับความผิดนี้ไว้ ขอเพียงแต่นายอย่าทำร้ายพี่ชายฉัน...ได้ไหม? ”

“ หึ..ใจเด็ดซะด้วย...แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเธอ เป็นคนเสนอความรับผิดชอบนี้ แทนคนเป็นพี่ชาย..งั้นก็ตกลงตามนั้นได้เลยนะ? ”

ผมถามกลับไป และเจ้าของใบหน้าเนียนใสก็พยักหน้ารับ แทนคำตอบกับผม  เธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พี่ชายของเธอได้กระทำลงไป มันมากมายขนาดไหน

“ งั้นเธอก็ต้องคบกับฉัน ”

“ ทำไมฉันต้องคบกับนายด้วย? ”

“ ก็พี่ชายของเธอเคยแย่งแฟนฉันไป เธอก็ต้องมาเป็นแฟนฉันแทนไง ”

ผมปดคำโต เพราะยังไม่ต้องการให้อันนาได้รู้ว่า พี่ชายของเธอได้กระทำระยำอะไรเอาไว้กับผมบ้าง

“นายพอจะมีทางอื่นให้ฉันเลือกบ้างได้ไหม? ”

“ เป็นเมียฉันไง ”

“ หา! นายจะบ้าเหรอ!”

“ งั้นเป็นนางบำเรอ...”

ผมเสนอ แต่เธอส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ไม่เอา หนักกว่าเก่าอีก...ที่พูดมานั่นล้วนต้องเสียตัวให้นายทั้งนั้น” เธอว่าก่อนหลุบตาลงมองพื้น ด้วยใบหน้ารื้นแดง

“ใครๆ ก็อยากได้ตำแหน่งนี้จากฉันทั้งนั้น”

“ แต่ฉันยังไม่พร้อมนี่...”

เธอปฎิเสธทุกอย่าง ทั้งที่ผมไม่จำเป็นต้องมีตัวเลือกให้เธอเลยด้วยซ้ำ แต่ที่กำลังทำอยู่นี่ เพราะผมรู้สึกดีที่ได้แกล้งเธอกลับไป

“ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ชอบ ตกลงจะเอายังไงไหนตอบมาสิ?”

“ นายกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่มั้ย?”

“ ไม่...ฉันเอาจริง!” ผมว่าพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะพูดต่อจากนั้น

“ฉันไม่เล่น...เธอต้องการให้พี่ชายของเธอจากเป็น หรือว่าจากตายละ”

“นายเป็นกู้ภัย มีหน้าที่ช่วยเหลือคนไม่ใช่รึไงฮะตองเก้า!?”

“ ก็ใช่แหละ...แต่ยกเว้นมัน!”

ผมแกล้งขู่อันนาโดยใช้ชีวิตพี่ชายของเธอเป็นเดิมพัน ผมโกรธเกลียดอุลตร้าแต่คงฆ่ามันไม่ได้ เพราะผมเป็นกู้ภัยที่มีหน้าที่ช่วยเหลือชีวิต ไม่เคยคิดย้อนแย้ง เหมือนที่กำลังแสดงให้เธอได้เห็นในตอนนี้

“ แต่ถ้าพี่อุลรู้ เขาต้องไม่ยอมแน่ๆ ”

“ ก็อย่าให้รู้สิ เราอยู่คนละมหาลัย จะรู้ได้ไง? ”

“ หมายความว่า...ฉันอยู่มหาลัยเดียวกันกับนายงั้นเหรอ?”

“ แน่นอน ”

“ ขอคิดดูก่อนได้ไหม? ”

“ หนึ่ง...สอง...สาม...หมดเวลา..”

“ ยังไม่ถึงห้าวิเลยนะ จะบ้าหรือไง! ”

อันนาโวยวาย พลางมองหน้าผมด้วยนัยน์ตาขุ่นขวาง ถ้าไม่ขู่ให้เธอกลัวบ้าง ดูดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“ เธอไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน ต้องตอบว่าตกลงเท่านั้นเข้าใจมั้ย? ลุกขึ้นสิ  ฉันจะไปส่ง ”

ผมเอ็ดเธอด้วยคำพูดและสายตา  อันนาจึงลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากสีหน้าที่แสดงอาการดีใจ เมื่อได้ยินผมพูดออกไปแบบนั้น 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์    ตอนพิเศษ 2 Countdown ข้ามปี ณ.ที่เขาใหญ่

    [ตองเก้า...จากต้นไทรวอสองเปลี่ยน]ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองดังมาแต่ไกล แต่เป็นความรู้สึกที่คลับคล้ายกับกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น...แล้วผมก็พยายามฝืนที่จะลืมตา[ไอ้เก้า!...มึงมัวทำห่าอะไรอยู่วะ...ทำไมมึงถึงไม่พาน้องมันมาสักที..กูกับหลินนั่งรอพวกมึงมาชั่วโมงกว่าๆ อีกสิบห้านาทีถ้ามึงยังไม่มา หลินบอกว่าจะไปหาอันนาที่เต๊นแล้วนะเว้ย]เสียงของไอ้ต้น! ที่เป็นคนเรียกชื่อผมดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร นั่นจึงทำให้ผมรีบหันไปคว้ามันมากดคีย์รับ"เออโทษทีว่ะ...อากาศกำลังดีมันเลยทำให้กูเผลอหลับไปพร้อมกับอันนา"[ มึงคิดว่ากูไม่รู้เลยงั้นสิ...ไอ้สันดาน ]"เออตามนั้น...ในเมื่อมึงรู้แล้วจะถามกูทำไม...บอกหลินด้วยว่าไม่ต้องมาเพราะกูกับอันนากำลังจะไป"ผมรีบตัดบทสนทนา ก่อนหันมองอันนาที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี"ไอ้ต้นมันเรียกวิทยุตามเราสองคนน่ะ" ผมบอกเจ้าของใบหน้าน่ารัก ก่อนก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากของเธอทีหนึ่ง ซึ่งมันยังไม่น่าจะพอเพราะเมื่อผมผละออกมา อันนาก็รั้งต้นคอของผมให้ลงไปจูบกับเธออีกครั้งก่อนจะผละออก"ต่อกันไหม?...ฉันจะได้วิทยุบอกไอ้ต้นมันว่า ให้พาหลินไปเดินเที่ยวที่งานดนตรีกันก่อนไม่ต้องรอ""ขืนต่ออีกที ฉันคงได

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์    ตอนพิเศษ 1 Countdown ข้ามปี ณ.ที่เขาใหญ่

    วันสิ้นปี ณ.ที่เขาใหญ่{Unna part}เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเราสองคนมากมาย จึงเป็นเหตุที่ทำให้การจัดกิจกรรม ของชมรมวิศวะไฟฟ้าคราวนั้นต้องถูกยกเลิกกลางคัน และหลังจากที่ทุกคนปรับความเข้าใจกันได้ ตองเก้าจึงจัดทริปเค้าดาวน์ที่เขาใหญ่เพราะเจ้าตัวเขาต้องการเอาใจฉันนั่นเองอยากรู้ใช่ไหมละ ว่าทำไมฉันถึงเลือกเค้าท์ดาวน์ข้ามปี ณ.ที่เขาใหญ่แห่งนี้..นั่นเป็นเพราะที่นี่มีงานลานดนตรีที่ถูกจัดขึ้นทุกปี แต่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้มาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้เลยสักครั้งซึ่งในบริเวณงานดังกล่าว จะมีพื้นที่ประมาณราวหนึ่งตารางกิโลเมตรเห็นจะได้ บริเวณด้านในจะประกอบไปด้วยเวทีต่าง ๆ ที่เอาไว้สำหรับให้นักร้องทั้งหลายขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ตให้คนที่ตั้งใจมาในงานนี้ได้ฟัง ซึ่งแต่ละเวทีก็ยังแยกประเภทของดนตรีแต่ละแนวอย่างเช่น Jazz Pop Rock หรือลูกทุ่ง กระทั่งรำวงย้อนยุค รวมไปถึงการระเล่นต่างๆ อย่างมากมายที่นี่จึงเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางให้คนที่มีดนตรีในหัวใจได้มารวมตัวกัน เพราะมีเหล่าบรรดาศิลปินในดวงใจหลากหลาย ที่เราจะได้เห็นพวกเขามารวมตัวกันที่นี่นั่นเองและจุดที่เราเข้าพักก็จะอยู่ใกล้กับสถานที่ที่จัดงานลานดนตรี ซึ่งฉ

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์   ตีตราจอง (จบ)

    "ไม่ให้กลับ!...โอ๊ย!"ตองเก้าร้องเสียงดัง พลางทำหน้าแหยเพราะคงเจ็บแผลจากการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้กำลังแขนของตัวเองมากเกินไป"ฉันบอกนายแล้วเห็นมั้ยว่าอย่าขยับ!..." ว่าแล้วฉันก็ค่อยๆ ประคองร่างใหญ่ให้นอนลงไปที่เดิม"ฉันไม่กลับแล้วก็ได้... ฉันขอโทษความจริงฉันไม่น่ายั่วให้นายโกรธเลย...เจ็บมากมั้ย?""เจ็บมาก..." เจ้าตัวพูดว่าเจ็บแถมยังเบะปาก จนฉันอยากจะขำพรืดออกมาเมื่อเห็นหน้าตาของเขา"สามวันที่เราไม่ได้เห็นหน้ากัน ทำฉันคิดถึงเธอมาก...จูบหน้าผากฉันหน่อยได้ไหม?"ตองเก้ากำลังอ้อนฉันด้วยการใช้คำพูดหวานๆ และมันก็ทำให้ฉันใจอ่อนกับเขาอีกตามเคย"แค่หน้าผากเองเหรอ?" ฉันถามขณะโน้มหน้าลงจูบหน้าผากตามที่เขาร้องขอ จากนั้นจึงถามเขาต่อว่า"พอไหม?" แต่ฉันไม่ได้รอคำตอบอะไร เพราะฉันค่อยๆ จูบไล่จากหน้าผากลงมาจนถึงริมฝีปากของเขา แต่จูบแค่เพียงเบาๆ"เอาอีก..."เห็นไหมละ...ว่าพอเจ้าตัวได้คืบก็จะเอาศอก ฉันจึงได้บอกเขาออกไปว่า..."พอก่อนนะ เพราะตอนนี้ฉันมีเรื่องที่จะถามนาย.." ฉันว่าพลางหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม"เรื่องอะไร?"“แหวนของนะโม อยู่กับแม่นายใช่ไหม ฉันอยากขอเอาไปคืนให้เขา”“อยู่ที่เอวา เอวาอาสาว่าจะเ

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์   ผู้หญิงสายรุก

    ฉันหยุดยืนอยู่หน้าห้องพิเศษของตองเก้าพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนหันไปมองหน้าของนะโมเพื่อขอกำลังใจนะโมพยักหน้าให้พร้อมกับยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเชิงต้องการขออนุญาตคนที่อยู่ด้านใน แต่ฉันยังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไป เมื่อคนที่อยู่ด้านในกลับเป็นฝ่ายเปิดออกให้เอง“อันนา!...อันนามาแล้วค่ะแม่”เอวาร้องลั่นราวกับดีใจนักหนาเมื่อเห็นว่าเป็นฉัน ก่อนหันไปบอกคนเป็นมารดาที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับบิดาของเธอเรายกมือขึ้นไหว้พวกท่านพร้อมกัน และเมื่อเห็นว่าท่านรับไหว้ฉันกับนะโมจึงเดินตามหลังเอวาไปนั่งด้วยกันที่โซฟา แต่ทว่า..อยู่คนละฝั่ง และฉันเป็นคนที่ได้นั่งอยู่ตรงกลางทุกคนในครอบครัวของตองเก้ารู้เรื่องราวของนะโมทุกอย่าง โดยผ่านการบอกเล่าจากฉันเมื่อสามวันที่ผ่านมา"เราใช่ไหมที่มีชื่อว่านะโม?..."แม่ของเอวาเลื่อนสายมาที่นะโมตอนถาม เพราะเมื่อสามวันก่อนตอนที่พวกเราอยู่โรงพยาบาล พวกท่านยังไม่ทันได้สังเกตใคร นอกฉันกับคนเป็นลูกชายของท่านเท่านั้น"ครับ.." นะโมตอบกลับสั้นๆ พอได้ยินอย่างนั้นท่านจึงได้พูดกับเขาในประโยคต่อไปอีกว่า"ครอบครัวของเราขอขอบใจเธอมากนะ ที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของเราไว้ แล้วยังพาเขามา

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์   พ้นขีดอันตราย

    เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปทำให้ฉันรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน จากชั่วโมงหนึ่งกลายเป็นสองสามสี่ และในชั่วโมงที่ห้านั่นเองที่ฉันได้เห็นร่างของหมอใหญ่เปิดประตูออกมา แล้วบอกกับพวกเราทุกคนว่า“คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”ทุกคนเฮโลลั่นโรงพยาบาลประสานเสียงกัน จนถูกคุณหมอดุเข้าให้นั่นแหละถึงได้พากันเบาเสียงลงฉันเห็นคนเป็นพี่ชายพลอยดีใจร่วมไปกับคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของทั้งสองคน มันยังคงไม่จืดจางฉันคิดว่าอย่างนั้นพี่อุนเดินมาโอบไหล่ฉันเชิงให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็ดึงฉันเข้าไปกอด ก่อนจะผละออกมาพูดว่า“แกกลับไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ดูเสื้อผ้าของแกมีแต่เลือดอยู่เต็มไปหมด หมอบอกว่าไอ้เก้ามันพ้นขีดอันตรายแล้ว เราแค่รอให้มันฟื้นหมอถึงจะอนุญาตให้เราเข้าเยี่ยมมันได้"หลังจากที่พี่ชายบอกฉัน หลินซีก็เข้ามาพูดในทำนองเดียวกัน“ฉันก็คิดแบบพี่อุลนะ แกกลับไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ มอมแมมเป็นลูกหมาเลย”ฉันรับฟัง แต่ยังไม่ขยับไปไหน เนื่องจากฉันกำลังสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาใครบางคน“หลิน... นะโมละเขาไปไหน แกเห็นเขาไหม?” ฉันเอ่ยถามเอากับเพื่อนสนิทเพราะคิดว่ามันน่าจะรู้ดี“นะโมกลับไปเอารถที่ห้าง

  • My engineer เกียร์ล็อคกาวน์   แหวนของใคร?

    เราสองคนช่วยกันพยุงตองเก้าให้นอนราบไปกับพื้นรถทางด้านหลัง และนะโมยังจับดูชีพจรของตองเก้าอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยที่เราสองคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยนะโมเปิดกระเป๋าร่วมยาแล้วล้วงเอาผ้าก๊อต มาปิดปากแผลให้ตองเก้าที่ด้านหน้า จากนั้นเราจึงช่วยกันพลิกร่างหนาเพื่อทำแผลให้เขาที่ด้านหลังเจ้าตัวทำหน้าแหยทุกครั้งนั่นแหละแต่ทว่ากลับไม่มีเสียงร้อง ผิดกับฉันที่มีน้ำตาไหลนองออกมา โดยไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดไหลได้สักทีเมื่อปฐมพยายาบาลเบื้องต้นให้คนเจ็บเสร็จสรรพ ฉันจึงแจ้งทางศูนย์กลับไปว่า เราได้นำตองเก้าขึ้นรถกู้ชีพของเขาไปส่งโรงพยาบาลให้เอง โดยสั่งการให้ศูนย์ช่วยประสานกับทางโรงพยาบาลว่าให้เตรียมทุกอย่างไว้รอพอได้ยินเสียงฉัน พี่อุลจึงขึ้นความถี่เรียกขาน ทั้งอย่างนั้นเวลานี้ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างมันฉันไม่แคร์ เพราะฉันสนแค่คนที่อยู่ในอ้อมแขนของฉันในตอนนี้เท่านั้นเองนะโมให้ฉันเอาผ้าสะอาดที่มีในกระเป๋า กดทับบาดแผลของตองเก้าเอาไว้อีกชั้น เพื่อกันไม่ให้เลือดไหลออกมามาก จากนั้นเขาจึงใช้ผ้าด้ายดิบผืนใหญ่ที่มีไว้สำหรับห่อคนตาย แต่มันยังไม่ผ่านไช้งาน มาห่มให้ตองเก้าเพราะเราไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status