ทางด้านปลายฟ้า
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ครอบครัวของน้าปลาดาวซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เป็นพ่อก็เดินทางมาถึง ค่ำนี้มีนัดรวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ทุกคนจึงพากันมาที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเป็นธุรกิจของคุณปู่คุณย่า แต่ตอนนี้ได้น้าปลาดาวมาดูแลรับช่วงต่อ
ระหว่างที่รอผู้ใหญ่ทำอาหาร หนุ่มสาวที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยก็พากันไปเดินเล่นและถ่ายรูปกันตรงแนวคลื่นของหาดทรายสีนวล ในยามที่ตะวันใกล้จะตกดิน
“พี่ปลายฟ้า นที มาถ่ายรูปกัน”
เสียงของมารีนซึ่งเป็นลูกสาวของปลาดาวเอ่ยชวนสองพี่น้อง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายภาพของตัวเองระหว่างรอสองคนนั้นมาเข้าเฟรม
แชะ! แชะ!
“พวกพี่ถ่ายรูปกันไปก่อนเลยนะ ผมขอไปคุยกับเพื่อนก่อน”
ถ่ายรูปได้สักสองสามรูปนทีก็ขอแยกตัวไปนั่งรอเพื่อโทรคุยกับเพื่อนสนิท ปล่อยให้พี่สาวทั้งสองคนที่ไม่เจอกันนานได้พูดคุยกันตามลำพัง
“ไปเรียนกรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง มีหนุ่ม ๆ มาจีบบ้างไหม” ปลายฟ้าเอ่ยถาม
“หึ อย่าพูดถึงเลย คนพวกนั้นฉันไม่สนใจหรอก”
“เธอนี่นะ”
ปลายฟ้าส่ายหน้าให้คนที่เปรียบเสมือนน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยรอยยิ้ม มารีนเป็นคนเด็ดเดี่ยว เสแสร้งไม่เป็น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือเป็นคนตรงไปตรงมา และจริงใจกับทุกคน
“ไม่รู้ล่ะ ไม่ถูกใจฉันก็ปฏิเสธหมด”
มารีนเอ่ยพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เธอไม่ชอบ ไม่อยากให้โอกาส ก็ไม่รู้จะพูดดีด้วยไปทำไม ถ้าคนมันฟังรู้ความ ปฏิเสธไปแค่ครั้งเดียวก็คงไม่กล้าเข้าหาอีก แต่กับบางคนก็หน้าทนเหลือเกิน ซื้อขนมมาให้บ้าง ซื้อน้ำมาให้บ้าง ทำอย่างกับเธอไม่มีปัญญาซื้อกินเอง
“ระวังเถอะจะขึ้นคาน”
“ว่าแต่พี่เถอะ อยู่ปีสามแล้ว ยังไม่มีแฟนสักคนเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มีแล้วมันทำให้เรารู้สึกแย่ ก็ไม่มีเลยดีกว่า”
ปลายฟ้าเผยรอยยิ้มราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าในใจกลับนึกถึงคนที่เลิกกันไปได้ไม่นาน เรียกได้ว่าแผลใจยังคงสดใหม่ จึงไม่อยากเอ่ยถึงให้ช้ำหนัก
แต่แล้วแวบหนึ่งภาพที่อยู่ในหัวก็แปรเปลี่ยนเป็นคนเมื่อคืน ก่อนที่เสียงของลูกพี่ลูกน้องจะดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์
“กอด ๆ นะพี่ปลายฟ้า เพราะแบบนี้ไงฉันถึงยังไม่อยากมีแฟน แม่งผู้ชายสมัยนี้มักจะชอบคิดว่าผู้หญิงอย่างเราน่ะเป็นของตาย”
“หึ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก พี่มูฟออนเร็ว ไม่แน่ว่าในอนาคตพี่อาจจะทำให้ผู้ชายสักคนกลายเป็นของตายของพี่ก็ได้” ปลายฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงมาดมั่น เพราะไม่อยากให้มารีนเป็นกังวล
“ให้มันได้อย่างนี่สิพี่สาว”
สองสาวเดินเลียบชายหาดทั้งขาไปขากลับก็นานเกือบชั่วโมง พอเดินมาถึงตรงที่นทีนั่งอยู่ก็แวะเรียกเขาด้วย เพื่อพากันกลับไปยังร้านอาหาร ป่านนี้พวกผู้ใหญ่คงรอกินมื้อเย็นกันแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ครอบครัวของเธอก็พากันกลับเข้าบ้าน ปลายฟ้าเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเข้าห้องไปอาบน้ำ ก่อนจะขึ้นมานอนเล่นบนเตียง
ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อดูโพสต์ในแอปพลิเคชันสีฟ้า ก็พบกับภาพของคนรักเก่าสวีทหวานกับสาวมือที่สาม น้ำสีใสก็รื้นขึ้นทั้งสองหน่วยตา มือเล็กรีบกดปิดหน้าจอคว่ำโทรศัพท์ลงบนที่นอน เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดาน สูดหายใจเข้าออกลึกเพื่อข่มกลั้นหยดน้ำตาไม่ให้ล่วงหล่น
เธอผิดอะไร?
เป็นคำถามที่ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้
เธอมีแค่เอเดน และก็คิดว่าเอเดนจะมีแค่เธอ แต่ทำไมถึงมีอีกคนเข้ามาแทรกกลาง
“ผู้ชายมักมาก ไม่รู้จักพอ”
และนี่ก็คือคำตอบที่เธอได้หลังจากข่มหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นอนคุมโปงร้องไห้อยู่ภายใต้ผ้าห่มนานนับชั่วโมงจนรอบดวงตาบวมแดง ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา
พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเธอจะต้องเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง และจะไม่เสียน้ำตาให้ไอ้คนที่ชื่อว่าเอเดนอีก
*****
หลายเดือนต่อมา
ในช่วงปิดเทอมใหญ่หลังจากกลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า และอยู่ที่นั่นหนึ่งอาทิตย์ ปลายฟ้าก็กลับไปนอนที่คฤหาสน์ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว บางวันก็นัดเพื่อนสนิทออกมาเจอกันบ้าง รอใกล้เปิดเทอมค่อยกลับไปนอนที่คอนโด เพราะต้องรอน้องชายที่จะเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก ย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดของเธอชั่วคราวไปก่อนในระหว่างทำกิจกรรมรับน้องตามความเห็นของพ่อแม่ ที่คุยกันไว้รอให้หาคอนโดแห่งใหม่แล้วค่อยให้นทีย้ายเข้าไปอยู่
“นที ปลายฟ้า ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
เสียงของน้ำค้าง แม่ของหนุ่มสาวทั้งสองเอ่ยเรียกลูกชายลูกสาวที่ยังอยู่บนห้องนอน
“มาแล้วค่ะ”
ปลายฟ้าก้าวลงบันไดมาด้วยใบหน้าสดใส เข้าไปหาพ่อแม่ และคุณตาที่ตอนนี้อยู่กันพร้อมหน้าที่ห้องอาหาร ตามมาด้วยนทีที่ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
“ตาฝากน้องด้วยนะปลายฟ้า”
คุณตาชยันต์เอ่ยกับหลานสาวคนโต ปลายฟ้าจะขึ้นปีสี่แล้ว แต่นทีเพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่ง คนแก่จึงรู้สึกเป็นห่วงที่หลาน ๆ พากันออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
“ตาพูดผิดรึเปล่าครับ ผมน่าจะได้ดูแลพี่ปลายฟ้ามากกว่า”
“ก่อนจะมาดูแลพี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” ปลายฟ้าโต้กลับน้องชาย
พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ส่ายหน้าไปมาให้กับลูกทั้งสอง ปลายฟ้ากับนทีรักใคร่กลมเกลียวมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็แบ่งปันและช่วยเหลือกันมาตลอด พอโตขึ้นก็จะเถียงกันบ้างตามประสา
เช้านี้น้ำค้างและฉลามได้เข้าครัวด้วยกัน ตั้งใจทำอาหารเมนูโปรดที่ลูกทั้งสองคนชอบ เพราะกว่าลูก ๆ จะกลับมาบ้านก็คงอีกนาน เธอและสามีต่างก็เข้าใจว่าลูกโตกันแล้ว จึงไม่ได้บังคับอะไรมาก เพราะเข้าใจดีว่าช่วงวัยนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากอยู่กับกลุ่มเพื่อน
หลังจากกินข้าวเสร็จพ่อแม่และคุณตา ก็เดินมาส่งทั้งสองคนที่โรงจอดรถ เฝ้ามองจนขับรถพ้นประตูรั้วถึงได้พากันกลับเข้าไปในบ้าน
นทีได้ขับรถอีกคันตามหลังรถของปลายฟ้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปยังคอนโดหรูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
พอไปถึง นทีก็เดินตามพี่สาวไปอย่างเงียบ ๆ หลายเดือนมานี้ดูเหมือนเธอจะพูดน้อยลงและไม่ค่อยสดใสเหมือนแต่ก่อน จนเข้าไปในห้องพักสุดหรูที่มีหนึ่งห้องนอน ห้องน้ำในห้องนอน และด้านนอก พื้นที่ใช้สอยประมาณยี่สิบห้าตารางเมตร แต่ดีที่โซฟานั้นผลิตมาอย่างดี เป็นเบาะหนานุ่มนอนได้สบาย
“ช่วงนี้ขอยึดโซฟาพี่ก่อนนะ”
“อืม ตามสบาย แล้วนายจะใช้ห้องน้ำในห้องพี่หรือข้างนอกล่ะ”
“ข้างนอกนี่แหละ ไม่อยากรบกวนมาก”
นทีว่าพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะเห็นพี่สาวเดินหายเข้าไปน่าจะเป็นโซนห้องครัว แล้วออกมาพร้อมกับน้ำเย็นและแก้วหนึ่งใบ ตั้งวางไว้ให้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา
“น้ำ”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่อยู่คนเดียว ทีแรกนึกว่าจะอยู่กับแฟนซะอีก”
ราวกับว่าการทำใจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เป็นผล ตอนนี้เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงใจอีกครั้ง ก่อนที่ปลายฟ้าจะคลี่ยิ้มขึ้น
“ฟงแฟนอะไร ไม่มีสักหน่อย”
นทีก็แสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะเมื่อช่วงปิดภาคเรียนที่หนึ่งตอนที่ไปนอนบ้านคุณปู่คุณย่า เขาได้ยินเสียงพี่สาวร้องไห้ในห้องนอน แล้วอีกวันก็เป็นเสียงคุยกับเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ จึงรู้ว่าพี่สาวของเขาอกหัก แต่ไม่คิดว่าหลายเดือนมาแล้วเธอก็ยังไม่มีแฟนใหม่ สงสัยจะเฮิร์ตหนัก
ทางด้านไอดิน“ขอบใจนะเว้ยที่มาช่วย ออกไปเที่ยวกัน เดี๋ยวกูเลี้ยง”หลังจากไอดินช่วยนทีย้ายของออกจากคอนโดของพี่สาวมาไว้ที่คอนโดแห่งใหม่ ซึ่งพ่อของเพื่อนได้เดินทางมาเซ็นสัญญาซื้อขายเมื่อช่วงบ่าย นทีก็เอ่ยปากชวนไปต่อกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไม่ถึงห้ากิโลเมตรเดินทางไปถึงสองหนุ่มถอดเสื้อช็อปทิ้งไว้ในรถของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปนั่งโต๊ะว่างแล้วสั่งกับแกล้มมาสามสี่อย่าง มีกุ้งนึ่งมะนาว หมูคลุกฝุ่น เอ็นไก่ทอด ยำวุ้นเส้น แล้วก็เหล้าขวดลิตรพร้อมกับมิกเซอร์พีอาร์สาวสวยในชุดปาดไหล่สีดำเข้ามายืนชงเหล้าอยู่ตรงชั้นวางหัวโต๊ะ แล้วยื่นแก้วน้ำสีอำพันให้กับลูกค้าหนุ่มหล่อทั้งสองคน“ให้นั่งด้วยไหมคะ” สาวสวยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์“ไม่/ไม่”ทั้งสองหนุ่มโพล่งขึ้นราวกับนัดกันไว้เรียกได้ว่าถูกชะตา คุยกันถูกคอ นิสัยบางอย่างคล้ายกัน ทำให้ไอดินและนทีสนิทกันไวแม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองอาทิตย์ตอนนี้ไอดินย้ายออกมาอยู่คอนโดแล้ว ดูเหมือนจะเป็นอิสระ แต่ทว่าเขาก็ลอบสังเกตว่ามีลูกน้องของพ่อคอยติดตามอยู่เหมือนเดิม แต่ที่ดีกว่าเดิมคือไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันให้ผู้เป็นแม่เกิดความลำบากใจ“คนนั้น พี่
และแล้วก็มาถึงวันเปิดภาคเรียน ในช่วงนี้นทีมีกิจกรรมรับน้องของคณะวิศวกรรมศาสตร์ แล้วคงจะได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ กว่าจะกลับเข้าห้องก็หกโมงเย็นไปจนถึงสองทุ่มส่วนปลายฟ้าเทอมนี้มีเรียนไม่มากแล้วเพราะเหลือเก็บอีกไม่กี่หน่วยกิต แล้วเดือนหน้าก็ต้องเดินทางไปฝึกงานโรงแรมที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลาสามเดือนดูเหมือนไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่น เพราะตั้งใจจะคิดแค่เรื่องฝึกงานแล้วต่อด้วยโปรเจกต์จบ แต่แล้วขณะนั่งเล่นมือถืออยู่กับเพื่อนสนิทอย่างอันนาและซัมเมอร์ สายตาของเธอก็ชะงักเข้ากับภาพของหนุ่มหล่ออันคุ้นตาคนหนึ่งในแอปพลิเคชันสีฟ้า สวมใส่เสื้อช็อปสีเลือดหมูมีตราประทับคล้ายกับมหาวิทยาลัยของเธอไม่มีผิดคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนเพื่อนสงสัย พากันชะเง้อคอแอบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เปิดค้างเอาไว้ไม่เลื่อนผ่านสักที“นี่ใครอะ”“หล่อมาก”อันนาและซัมเมอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสนใจ เป็นดั่งที่เพื่อนรักทั้งสองว่า หนุ่มที่เห็นนั้นหล่อมาก แต่ประเด็นที่เธอสนใจคือเขาเรียนที่นี่อย่างนั้นหรือ“ไม่รู้จัก ก็แค่เลื่อนเจอ”จะให้เธอตอบว่าอย่างไรล่ะ ชื่อก็ไม่รู้จัก เจอกันแค่ครั้งเดียวก็ชวนเขากลับคอนโด จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกั
ทางด้านปลายฟ้าช่วงบ่ายแก่ ๆ ครอบครัวของน้าปลาดาวซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เป็นพ่อก็เดินทางมาถึง ค่ำนี้มีนัดรวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ทุกคนจึงพากันมาที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเป็นธุรกิจของคุณปู่คุณย่า แต่ตอนนี้ได้น้าปลาดาวมาดูแลรับช่วงต่อระหว่างที่รอผู้ใหญ่ทำอาหาร หนุ่มสาวที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยก็พากันไปเดินเล่นและถ่ายรูปกันตรงแนวคลื่นของหาดทรายสีนวล ในยามที่ตะวันใกล้จะตกดิน“พี่ปลายฟ้า นที มาถ่ายรูปกัน”เสียงของมารีนซึ่งเป็นลูกสาวของปลาดาวเอ่ยชวนสองพี่น้อง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายภาพของตัวเองระหว่างรอสองคนนั้นมาเข้าเฟรมแชะ! แชะ!“พวกพี่ถ่ายรูปกันไปก่อนเลยนะ ผมขอไปคุยกับเพื่อนก่อน”ถ่ายรูปได้สักสองสามรูปนทีก็ขอแยกตัวไปนั่งรอเพื่อโทรคุยกับเพื่อนสนิท ปล่อยให้พี่สาวทั้งสองคนที่ไม่เจอกันนานได้พูดคุยกันตามลำพัง“ไปเรียนกรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง มีหนุ่ม ๆ มาจีบบ้างไหม” ปลายฟ้าเอ่ยถาม“หึ อย่าพูดถึงเลย คนพวกนั้นฉันไม่สนใจหรอก”“เธอนี่นะ”ปลายฟ้าส่ายหน้าให้คนที่เปรียบเสมือนน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยรอยยิ้ม มารีนเป็นคนเด็ดเดี่ยว เสแสร้งไม่เป็น แต่ถ้าม
เปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้นอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเสียงนาฬิกาปลุก มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นบังแสงที่สาดส่องเข้ามาทางผ้าม่านสีขาวโปร่งที่ทับซ้อนอยู่กับผ้าสีเทาเข้ม ทว่าเมื่อคืนเธอลืมปิดอีกชั้นจึงทำให้มีแสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาในห้องนอนกระทบกับดวงตาที่งัวเงีย มืออีกข้างก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงรบกวน กว่าเมื่อคืนจะได้นอนเธอต้องขับรถตระเวนหาร้านขายยาก็เพราะไอ้ความคิดบ้า ๆ ที่อยากมีวันไนต์สแตนกับหนุ่มหล่อ รูปร่างสูง ยาว…“คิดบ้าอะไรเนี่ย”เสียงพึมพำเอ่ยขัดความคิดตัวเองที่ดันเผลอนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาและท่วงท่าอันเร่าร้อนของคนเมื่อคืน ก่อนจะเลื่อนผ้าห่มออกแล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เนื่องจากวันนี้เธอต้องเดินทางกลับบ้านเกิดของผู้เป็นพ่อ กลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่กำลังรอหลาน ๆ ไปเยี่ยมในช่วงปิดเทอมปลายฟ้าขับรถออกจากคอนโดเพื่อไปรวมตัวกับพ่อแม่ น้องชาย และคุณตาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะออกเดินทางด้วยรถตู้ดีไซต์หรูเจ็ดที่นั่ง สัญชาติเยอรมัน สมาชิกในครอบครัวห้าคน ถ้านับรวมคนขับรถก็เป็นหกคน ได้เดินทางจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปยังแถบชายทะเลการเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านคุณปู่คุณย่า เด็กหนุ่
ไอดินประคองคนเมาไปที่รถของเธอ เขาก็เข้าไปนั่งที่เบาะคนขับ พาคนที่ยังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างกลับคอนโด เพราะดูท่าแล้วคงจะขับรถกลับเองไม่ไหวเลยขอไปส่ง ทว่าพอเจ้าของห้องเปิดประตูก็คว้าแขนของหนุ่มหล่อที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเข้าห้องไปด้วย ทั้งที่เขาลืมไปแล้วว่าเธออยากมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแบบนั้น ก่อนที่สาวสวยนัยน์ตาเศร้าจะปิดประตูแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยาน“นอนกับฉัน อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา”“แน่ใจนะ ว่าจะไม่เสียใจทีหลัง”ไอดินเดินเข้าประชิดตัวหญิงสาว มือหนารวบข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้างกดเข้ากับบานประตู ก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างหนึ่งออกไปตรงผนังแล้วกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟในห้องให้สว่างจ้า เผื่อจะช่วยให้เธอตาสว่างขึ้นว่ากำลังคิดทำเรื่องอะไรอยู่ โน้มใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาเข้าไปกระซิบถามย้ำที่ข้างหูถึงสิ่งที่เธอต้องการอีกครั้งเขารู้ว่าเธอเมา เศร้าเสียใจที่โดนหักหลัง และต้องการหาใครสักคนมาเป็นที่พักพิงใจ หรือแค่คลายเหงาแต่วันไนต์สแตนด์ มันคือสิ่งที่เธอต้องการจริงหรือ“อืม แน่ใจ”ปลายฟ้าตอบน้ำเสียงบางเบาแต่ทว่ากลับไม่หลบสายตาคู่คมที่จ้องมองลงมา ราวกับยืนยันว่าเธอเป็นคนพูดจริงทำจริง ถึงแม้จะ
หญิงสาวในชุดมินิเดรสเกาะอกสีดำ ด้านหลังเป็นสายสลับไคว้กันไปมา ขับผิวขาวได้อย่างมีออรา แววตาอันเศร้าแต่พยายามฝืนยิ้มอย่างไม่คิดอะไร สะท้อนกับประกายของนีออนหลากสีที่ทอแสงระยิบระยับในผับดังแห่งหนึ่งขณะที่กำลังก้าวลงจากเก้าอี้เพื่อไปเข้าห้องน้ำ สายตาก็ปะทะเข้ากับอดีตแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกลากันไปเมื่อช่วงบ่าย เขาควงผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นมือที่สาม เข้ามานั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเคาน์เตอร์บาร์ที่เธอนั่งอยู่หึ ตลกดีใช่ไหมวันนี้ควรจะเป็นวันที่ทั้งสองพากันไปกินมื้อค่ำอย่างมีความสุข เนื่องจากครบรอบสองปีของการคบกัน แต่ทว่าพอไปหาเขาที่คอนโดโดยไม่ได้บอกเวลาล่วงหน้า เปิดประตูเข้าไปในห้องโถงกลับว่างเปล่า แต่สองหูนั้นได้ยินเสียงกระเส่าดังออกมาจากในห้องนอนไม่ผิดแน่อกข้างซ้ายพลันเต้นเร็วด้วยความลุ้นระทึกพร้อมกับมือที่สั่นเทาเปิดประตูเข้าไป ก็จับได้คาตาว่าเขากำลังนอนเอากับผู้หญิงอีกคนอยู่ ทว่ากลับเป็นเธอที่ถูกบอกเลิกก่อน เพียงเพราะไม่ยินยอมให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการสักทีคำว่าเล่นตัวยังดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทราวกับเขามายืนพูดซ้ำ ๆ อยู่ข้างหูภาพบัดสีที่ทำลายหัวใจจนแหลกสลาย ความรักที่ทุ่มเทไปกลับกล