Se connecterเปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้นอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเสียงนาฬิกาปลุก มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นบังแสงที่สาดส่องเข้ามาทางผ้าม่านสีขาวโปร่งที่ทับซ้อนอยู่กับผ้าสีเทาเข้ม ทว่าเมื่อคืนเธอลืมปิดอีกชั้นจึงทำให้มีแสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาในห้องนอนกระทบกับดวงตาที่งัวเงีย มืออีกข้างก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงรบกวน กว่าเมื่อคืนจะได้นอนเธอต้องขับรถตระเวนหาร้านขายยา
ก็เพราะไอ้ความคิดบ้า ๆ ที่อยากมีวันไนต์สแตนกับหนุ่มหล่อ รูปร่างสูง ยาว…
“คิดบ้าอะไรเนี่ย”
เสียงพึมพำเอ่ยขัดความคิดตัวเองที่ดันเผลอนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาและท่วงท่าอันเร่าร้อนของคนเมื่อคืน ก่อนจะเลื่อนผ้าห่มออกแล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เนื่องจากวันนี้เธอต้องเดินทางกลับบ้านเกิดของผู้เป็นพ่อ กลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่กำลังรอหลาน ๆ ไปเยี่ยมในช่วงปิดเทอม
ปลายฟ้าขับรถออกจากคอนโดเพื่อไปรวมตัวกับพ่อแม่ น้องชาย และคุณตาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะออกเดินทางด้วยรถตู้ดีไซต์หรูเจ็ดที่นั่ง สัญชาติเยอรมัน สมาชิกในครอบครัวห้าคน ถ้านับรวมคนขับรถก็เป็นหกคน ได้เดินทางจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปยังแถบชายทะเล
การเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านคุณปู่คุณย่า เด็กหนุ่มสาวทั้งสองจึงรีบก้าวเข้าบ้านด้วยใบหน้าชื่นบาน
“สวัสดีค่ะคุณปู่คุณย่า”
“สวัสดีครับ”
ปลายฟ้ากับนทีน้องชายของเธอยกมือไหว้ชายหญิงผมสีดอกเลา ก่อนหลานสาวจะเข้าไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันแล้วสวมกอดคุณย่านภาด้วยความคิดถึง นทีเองก็เข้าไปนั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ด้านข้าง
พ่อแม่ของเธอและคุณตาลงจากรถก็เดินตามกันเข้ามานั่งพูดคุยกันที่ชั้นล่างของบ้าน สักพักเธอกับนทีก็พากันเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บบนห้องนอน
ทางด้านไอดิน
“เมื่อคืนไปก่อเรื่องอะไรมาอีก เห็นไหมว่าฉันต้องตามเช็ดตามล้างเรื่องที่แกทำไว้”
น้ำเสียงเข้มทรงอำนาจของอิทธิกรดังขึ้นเพื่อตำหนิลูกชายที่ไปมีเรื่องชกต่อยกันในผับ ขณะนั่งกินมื้อเที่ยงที่ห้องรับประทานอาหารในคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่ยี่สิบกว่าไร่
“หึ พ่อถนัดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
ไอดินแค่นหัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มเอ่ยโต้กลับผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงแข็ง ทว่ากลับแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
พ่อของเขาเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ มีอิทธิพลมากในแถบภาคใต้ ยิ่งมีคนนับหน้าถือตาก็ยิ่งห่วงแต่ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง อำนาจ และเงินทอง จนลืมความสุขของคนในบ้าน ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่ลูกชายได้สร้างไว้ อิทธิกรก็จะสั่งให้ลูกน้องคนสนิทตามทำลายหลักฐานทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผู้คนติฉินนินทาว่ามีลูกชายเพียงคนเดียว แต่ก็เลี้ยงไม่ได้ดั่งใจ ป้องกันภาพลักษณ์ครอบครัวอบอุ่นที่ได้สร้างไว้ถูกพังทลาย
ส่วนแม่ของเขามีชื่อว่า กานดา เป็นคนหัวอ่อน สามีพูดอะไรก็ก้มหน้าเชื่อฟัง ไม่กล้าปริปากต่อต้าน ได้ถือทะเบียนสมรสแต่ก็ไม่มีปากไม่มีเสียง หรือกล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ ทั้งนั้น แม้กระทั่งสามีแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย ก็ได้แต่เก็บความเจ็บช้ำนี้เอาไว้ในใจ
ทำให้สองแม่ลูกตกอยู่ในวังวนของการใช้อำนาจภายในบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ในกฎที่คนเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งไว้ แต่ทว่าพอลูกชายโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีนิสัยต่อต้าน ไม่เชื่อฟัง ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ทำเอาอิทธิกรได้แต่กุมขมับหนักใจอยู่ไม่น้อย
“จำเอาไว้ว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก นี่ก็ใกล้จะถึงวันหาเสียงแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องของแกมากระทบกับผลการเลือกตั้ง”
สุ้มเสียงของคนเป็นพ่อดังขึ้นอีกครั้ง ไอดินก็ได้แต่ถอนหายใจเนื่องจากสบเข้ากับสายตาของผู้เป็นแม่ที่ส่ายหน้าให้เบา ๆ สื่อเป็นนัยว่าอย่าโต้เถียงกัน ไอดินจึงวางช้อนส้อมในมือลง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วลุกออกไปแทน
“อิ่มแล้วเหรอ เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเอง”
กานดารีบเอ่ยกับลูกชาย ทว่ากลับโดนสามีพูดแทรกด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“มันไม่กินก็ช่างหัวมัน มัวแต่ตามใจจนจะเสียคนอยู่แล้วไม่เห็นหรือไง”
กานดาปิดปากเงียบนั่งกินข้าวต่อ เก็บความเป็นห่วงลูกชายเอาไว้ รอให้สามีกินข้าวอิ่ม เธอจึงนำอาหารขึ้นไปหาลูกชายบนห้องนอน
ก๊อก! ก๊อก!
“แม่เข้าไปนะ”
“ครับ”
หญิงวัยกลางคนหมุนลูกบิดเข้าไปในห้องของลูกชาย เดินถือถาดอาหารวางลงบนโต๊ะทรงเตี้ยที่ตั้งวางด้านหน้าโซฟาตรงมุมห้องติดกับหน้าต่าง
“มากินข้าวเร็ว อย่าปล่อยให้ท้องหิว”
ลูกชายวางโทรศัพท์ในมือไว้ข้างหมอน ก่อนจะก้าวออกจากเตียงเดินเข้ามานั่งกับผู้เป็นแม่ที่โซฟาอย่างเชื่อฟัง
“อย่าถือสาพ่อเลยนะ พ่อทำงานหนัก อาจจะมีเรื่องเครียดเลยทำให้เผลอกดดันลูกไปบ้าง ลูกก็รู้ว่างานของพ่อเกี่ยวข้องกับสังคม การที่ครอบครัวเรามีภาพลักษณ์ที่ดี ก็ส่งผลดีต่องานของพ่อด้วย”
กานดาว่าพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมของลูกชายอย่างเบามือ ไอดินโตขึ้นก็มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบบังคับกะเกณฑ์ พอนานวันเข้าสองพ่อลูกก็เริ่มมีปากเสียงทุกครั้งขณะร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร เพราะนี่คือเวลาเดียวที่จะอยู่พร้อมหน้ากันสามคนพ่อแม่ลูก
“แม่ก็เข้าใจพ่อไปซะทุกอย่าง แล้วพ่อล่ะครับ เคยเข้าใจพวกเราบ้างไหม”
เขารู้ว่าแม่ไม่ได้มีความสุขกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะแม่รักเขามาก แล้วก็รักพ่อมากเช่นเดียวกัน จึงเป็นฝ่ายยอมเก็บความรู้สึกน้อยใจนี้เอาไว้ แล้วทำตัวเข้มแข็งแสร้งยิ้มให้กับทุกคนในบ้านเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า
“พ่อก็แค่หวังดี ไม่อยากให้ลูกทำตัวเสเพล แม่รู้ว่าลูกไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ลูกแค่ต้องการเอาชนะพ่อ”
“ขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง”
ไอดินจับมือของผู้เป็นแม่มากอบกุมอย่างรู้สึกผิด การกระทำของเขามักจะทำให้แม่ทุกข์ใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่โดนผู้เป็นพ่อต่อว่าโดยไม่ได้ถามถึงสาเหตุหรือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น
“เมื่อคืนลูกไม่ได้เจ็บตัวใช่ไหม ไหนแม่ขอดูซิ”
มือของหญิงวัยกลางคนจับใบหน้าลูกชายหันไปมาเพื่อสำรวจร่องรอยบอบช้ำ ถ้าสามีไม่พูดขึ้นเธอก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อวานลูกชายมีเรื่องกับคนอื่นมา
“ไม่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร เรื่องเมื่อคืนผมก็แค่ช่วยคน”
แต่วิธีการมันอาจจะรุนแรงไปหน่อย
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กินข้าวเถอะเดี๋ยวแม่นั่งเป็นเพื่อน จะได้รอเอาจานลงไปเก็บด้วยเลย”
“ครับแม่”
ไอดินขานรับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม แม่ของเขามักจะเชื่อในคำพูดที่ออกมาจากปากของลูกชายเสมอโดยไม่ถามไถ่อะไรมาก เขาไม่ชอบพูดโกหกมาตั้งแต่เด็ก และทุกอย่างที่ทำนั่นพิจารณามาอย่างดีแล้ว ถึงตัดสินใจทำลงไป แม่ของเขาทราบดีว่าลูกชายคนนี้เป็นคนยังไง แม้หลัง ๆ จะมีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นบ้างตามประสาวัยรุ่นใจร้อน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเข้าไปหาเรื่องใครก่อน
ยกเว้นครั้งนี้ ยอมรับว่าแส่เรื่องของคนอื่น แต่ผลพลอยได้มันกลับหอมหวานจนทำให้เขาลืมไม่ลง
หลังเรียนจบไอดินก็ได้ควงแฟนสาวที่เขารักมากเข้าร้านตัดชุดแต่งงาน และถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ทั้งสองเลือกวิวริมทะเล พร้อมกับรถคู่ใจของชายหนุ่มรถหรูเปิดประทุนสีแดงได้จอดอยู่บนถนนริมชายหาดซึ่งเป็นบ้านของคุณปู่คุณย่าของปลายฟ้า วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แต่ก็ยังมีสายลมพัดให้ความเย็นตลอดเวลาว่าที่เจ้าสาวอยู่ในชุดกระโปรงคอกว้างลายลูกไม้สีขาว แหวกช่วงล่างขึ้นมาถึงกลางหน้าขา สวมรองเท้าส้นสูงสีขาวเข้ากับชุด นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับที่มีว่าที่เจ้าบ่าวสุดหล่อของเธอสวมชุดสูตสีดำ เสื้อเชิ้ตด้านในสีขาว เซ็ตผมเป็นทรงอย่างดูดี“เจ้าบ่าวโอบไหล่เจ้าสาวหน่อยครับ แล้วก็หันมองหน้ากัน”เสียงช่างภาพบอกให้ทั้งคู่ปรับเปลี่ยนท่วงท่า ก่อนจะกดชัตเตอร์เก็บภาพคู่รักหวานแหววหลายภาพ เพื่อเป็นหลักฐานว่าพวกเขานั้นรักกันมากแค่ไหน ผ่านท่าทางและแววตาที่ฉายออกมามองกันและกันแม่ของไอดินได้หาฤกษ์แต่งงานเอาไว้ ก็คืออีกสองเดือนข้างหน้า เนื่องจากลูกชายแสดงเจตนารมณ์มานานว่าถ้าเรียนจบแล้ว ให้ผู้เป็นแม่ไปสู่ขอว่าที่ลูกสะใภ้ทันทีพอใกล้จะถึงวันงาน ไอดินและปลายฟ้าก็ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เพื่อเป็นการดื่มสละโสดที่เลานจ์แห่งหนึ่ง โดยจองห้องวี
ในช่วงปิดภาคเรียนชั้นปีที่สาม ไอดินและปลายฟ้าก็ได้พากันมาพักผ่อนที่บ้านสวนผู้เป็นแม่ สถานที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมากในช่วงเย็นของวันปลายฟ้าก็ได้เข้าไปช่วยงานในครัว โดยที่แม่ของ แฟนหนุ่มรับหน้าที่ทำอาหาร ส่วนเธอก็คอยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่างกับข้าวที่ทำเสร็จก็ถูกนำไปจัดเรียงไว้บนโต๊ะอาหาร มีทั้งอาหารคาวหวานหลากหลายเมนู เพื่อต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ที่เปิดใจคบกับลูกชายอันเป็นที่รัก และดูเหมือนความรักของหนุ่มสาวยังคงหวานไม่เคยเปลี่ยน“ไอดินตักน้ำชุบหยำให้หนูปลายฟ้าลองชิมดูสิลูก” กานดาเอ่ยกับลูกชายน้ำชุบหยำก็คือน้ำพริกกะปิที่ใส่กุ้งสด แม่ของชายหนุ่มตั้งใจทำสุดฝีมือ จึงอยากให้ไอดินใช้โอกาสนี้เอาใจด้วยการตักอาหารให้แฟนสาว“ครับแม่” เขาทำตามที่ผู้เป็นแม่บอกด้วยความเต็มใจ“แซ่บมากเลยค่ะคุณแม่”ปลายฟ้าตักอาหารเข้าปากพร้อมกับข้าวสวย รสชาติเผ็ดพอดี กุ้งก็หวานลงตัว เธอชอบรสชาติอาหารของแม่แฟนหนุ่มทุกเมนูเลยก็ว่าได้หนุ่มสาวต่างอมยิ้มหันจ้องมองกันสลับกับอาหารตรงหน้า โดยอยู่ในสายตาของกานดาตลอดเวลาโชคดีที่มีปลายฟ้าเข้ามาในชีวิตของไอดิน ลูกชายของเธอจึงแลดู
หลังจากสอบเสร็จและปิดภาคเรียน ไอดินกับปลายฟ้าที่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองสองอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ไอดินกลับมานอนที่คฤหาสน์กานดาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของสามี ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะทำงานหลังใหญ่ อิทธิกรที่นั่งอยู่เก้าอี้ล้อเลื่อนสีดำขลับก็หยิบขึ้นมาเปิดดูสิ่งที่อยู่ในซอง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วรีบเงยหน้ามองภรรยา“นี่มันอะไรกัน คุณจ้างนักสืบตามผมเหรอ”สิ่งที่อยู่ในซองคือภาพถ่ายของอิทธิกรกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คงจะเป็นคนที่เขาอ้างว่าจ้างมาเอนเตอร์เทน แต่หารู้ไม่ว่าเธอไม่เคยเชื่อ นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลครั้งล่าสุด กานดาก็ได้มีการติดต่อทนาย จ้างนักสืบ เพื่อหาหลักฐานเหล่านี้มาเป็นข้อต่อรอง“ฉันต้องการหย่า”“ไม่ ผมไม่หย่า ถ้าหย่ากันแล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“ก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ ผู้หญิงพวกนั้นคงเฝ้ารอวันนี้อยู่ คุณจะได้พาเข้าบ้านหลังนี้ได้อย่างสบายใจ จะพามากี่คนก็แล้วแต่ ฉันไม่สนเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ยอมฉันก็จะฟ้องหย่า รวมถึงฟ้องชู้ด้วย”“คุณกล้าทำแบบนี้กับผมได้ยังไงกานดา เมื่อก่อนครอบครัวคุณเป็นหนี้ตั้งกี่ล้าน พ่อแม่ผมสงสารถึงได้ยอมให้
ดูเหมือนว่าปลายฟ้าจะรับรู้สิ่งที่ไอดินกำลังคิด จึงเอ่ยอธิบาย“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าจะทำให้ใครสักคนรัก เอาอกเอาใจ ดูแล และไม่จากฉันไปไหน แต่ฉันจะไม่ให้ความรักกลับคืนไปเด็ดขาด แต่แล้วพอนายเข้ามาก็ทำลายกฎที่ตั้งไว้ทุกข้อ นายเป็นของตายที่ฉันขาดไม่ได้ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ฉันอยากเปิดใจอีกสักครั้งแล้วลองคบกับนาย เรามาเป็นแฟนกันนะ”ปลายฟ้าเผยรอยยิ้มอย่างมีความหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ หัวใจดวงน้อยก็เต้นตึกตักรอฟังคำตอบ“ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม”“อื้ม เรื่องแบบนี้ใครจะล้อเล่นกัน”ไอดินโผเข้าสวมกอดสาวรุ่นพี่ ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มดีอกดีใจ ก่อนจะผละอ้อมกอดออกจากกัน เลื่อนมือหนาขึ้นไปลูบพวงแก้มอมชมพูของเธอ“เป็นแฟนกันแล้วนะครับ งั้นผมเปิดตัวกับคนอื่นได้แล้วใช่ไหม”“อือ” เธอขานรับในลำคอพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้มหวานไอดินเชยปลายคางของเธอขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบกับริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอร์รีอย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการขอบคุณที่เธอยอมเปิดใจคบกัน เพียงชั่วครู่เขาก็ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง“ไม่เจอกันนาน คิดถึงผมไหม”“คิดถึงสิ อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”“ต่อไปจะไม่หายไปไหนแล้วครับ”ปลายฟ้ารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
สุดสัปดาห์ของอาทิตย์ต่อมาคืนนี้สามสาวชวนกันไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง จึงนัดกันใส่ชุดกระโปรงทรงสั้นแบบเซ็กซีไว้อวดผิวขาว ๆ ปลายฟ้าจึงหยิบเสื้อหนังสายเดี่ยว มีสายห้อยคอ แต่งดีเทลผูกสายด้านหน้าขึ้นไปมัดตรงหน้าอก สวมคู่กระโปรงยีนส์สีสนิม และรองเท้าส้นสูงสีดำรถของเธอขับเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอันนาเพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว“ฮัลโหล พวกแกอยู่ไหนกัน”(เดินเข้าประตูมาแล้วเลี้ยวซ้าย พวกฉันนั่งอยู่โต๊ะริมผนัง ถ้านับจากที่แกเดินมาก็ประมาณโต๊ะที่เจ็ด)“ฮะ อะไรนะ”ปลายฟ้าถามย้ำอีกครั้งขณะก้าวเดินไปยังทางเข้า เนื่องจากด้านในเสียงเพลงค่อนข้างดัง ทำให้ได้ยินไม่ค่อยถนัด(เดินเข้ามาเลี้ยวซ้าย นับมาโต๊ะที่เจ็ด)“โต๊ะที่เจ็ด โอเค”หญิงสาวเข้าประตูไปก็เลี้ยวไปยังทางเดินด้านซ้ายมือ ก่อนจะนับจำนวนโต๊ะตามที่เพื่อนบอก ก็เจอกับเพื่อนรักทั้งสองที่สั่งเหล้าเอาไว้รอแล้ว“เซ็กซีมากจ้า หนุ่ม ๆ มองตอนแกเดินเข้ามากันเป็นแถว”ซัมเมอร์เอ่ยแซวเพื่อนรัก ไม่ว่าจะเป็นชุดแบบไหน ปลายฟ้าก็เอาอยู่ทั้งนั้น“มาถึงกันนานรึยัง”“ก็ถึงก่อนหน้าแกสักสิบนาทีนี่เอง” อันนาตอบระหว่างนั่งอยู่ก็มีหนุ่มหล่อทั้งวัยเรียนและว
ปลายฟ้าสะดุ้งตื่นก่อนนาฬิกาปลุกจะดังประมาณสิบห้านาที ในขณะที่ดวงตายังคงปิดอยู่ ริมฝีปากสวยก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยต้อนรับเช้าวันใหม่ มือเล็กกระชับผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเนื่องจากยังอยู่ในสภาพเปลือยกาย พอตะแคงข้างวาดวงแขนคล้ายจะกอดคนที่นอนด้วยกัน ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่าจึงลืมตาขึ้นแต่ก็ไม่พบใครหญิงสาวไม่ได้ร้องเรียก เขาเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร อยากมาก็มา จะไปก็ไป ผิดแต่ครั้งนี้เธอแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาจะนอนด้วยกันจนถึงเช้าอาบน้ำเสร็จ เธอก็ออกมาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะมาหาอะไรในครัวทำแบบง่าย ๆ สำหรับมื้อเช้า หลังจากนั้นก็ออกจากคอนโดเพื่อไปเรียน“เป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ”ซัมเมอร์เอ่ยขึ้นขณะที่กำลังฟังอาจารย์สอน แต่ว่าเพื่อนรักดูใจลอยเหมือนไม่มีสมาธิเรียน“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”แม้ปากจะปฏิเสธ ทว่าในสมองที่ไม่สามารถเปิดรับสิ่งที่อาจารย์อธิบาย กลับเผลอคิดเรื่องอย่างอื่นเขาเป็นอะไรหรือเปล่า คิดมากเรื่องทางบ้านเหรอ ถึงได้ออกจากห้องไปโดยไม่บอกเธอสักคำ และไม่รู้ว่าวันนี้มาเรียนไหมทางด้านไอดินหลังจากเขาตื่นอยู่บนโซฟาที่ห้องเพื่อน ก็ขอตัวกลับคอนโดตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าประมาณสิบโมงก็ไ







