LOGIN“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เสียงของเพื่อนใหม่ดังขึ้น
ตอนนี้ข้าวหอมและอบเชยยืนอยู่ที่โรงอาหารของคณะในช่วงพักกลางวัน กำลังลังเลกันอยู่ว่าจะกินอะไรดี เพราะยังลองชิมไม่ครบทุกร้าน
“ไปร้านนั้นกัน ฉันอยากกินขนมจีน” ข้าวหอมเอ่ยตอบ
“อืม”
ตกลงกันเสร็จสองสาวพากันเดินไปยังล็อกที่ห้าของร้านในโรงอาหาร สั่งขนมจีนสองชาม แล้วหาโต๊ะว่างนั่งลงตรงข้ามกัน
นับตั้งแต่เปิดเทอมข้าวหอมและอบเชยก็จับคู่นั่งเรียนด้วยกันตลอด ตอนทำกิจกรรมก็อยู่ด้วยกันไม่ห่าง จึงทำให้สนิทกันเร็ว อีกอย่างสถานะทางบ้านของสองสาวก็คล้ายคลึงกันมาก พ่อมีภรรยาสองคน อบเชยเป็นลูกคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สองเช่นเดียวกับเธอ
พ่อของข้าวหอมเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ มีทรัพย์สินมากมาย แต่ท่านแต่งงานมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน
ส่วนมารดาของเธอนั้น ถ้าพูดให้ถูกก็มีสถานะเป็นเพียงภรรยาน้อยเท่านั้น
ผู้เป็นพ่อนั้นรักและรู้สึกผิดกับแม่ของเธอมากที่ปกปิดเรื่องมีลูกมีเมียอยู่แล้ว จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดเธอออกมาถึงได้พาเข้าบ้าน ทว่าเมียเอกที่จดทะเบียนสมรสนั้นไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงยื่นข้อเสนอให้สองแม่ลูกและยายของเธออาศัยในบ้านหลังเล็กซึ่งอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน ห้ามเหยียบเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เด็ดขาด
พอเริ่มเรียนหนังสือข้าวหอมก็มีโอกาสได้เข้าไปเล่นกับพี่สาวที่อายุห่างกันเพียงหนึงปีอยู่บ้าง แม่ใหญ่ซึ่งเป็นภรรยาเอกของพ่อ ต่อหน้าก็ดูเหมือนจะรักเธอดี แต่พอจันจิโตพอรู้ความก็ถูกมารดาเป่าหูและให้ท้ายมากลั่นแกล้งและพูดจาดูถูกเธอกับแม่สารพัด
จนกระทั่งเมื่อแปดปีก่อน แม่ของเธอก็โชคร้าย ลาลับจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร สร้างความเศร้าโศกให้กับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ยาย และพ่อเป็นอย่างมาก
หลังจากแม่เสียชีวิต ข้าวหอมก็ถูกเลี้ยงดูโดยผู้เป็นยายนับตั้งแต่นั้นมา มีเพียงบางวันที่จะได้ไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนในบ้านหลังใหญ่
พอพูดถึงเรื่องนี้ อบเชยน่าจะโชคดีกว่าเธอมาก อย่างน้อยภรรยาเอกก็ยังทำใจยอมรับได้ และให้อยู่ในบ้านด้วยกันอย่างพร้อมหน้า
“มื้อหน้าแกต้องให้ฉันเลี้ยงนะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างเกรงใจ ถ้าได้เลี้ยงคืนจะได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
“โอเค ตามนั้น”
สองสาวนั่งกินขนมจีนกันได้ไม่นาน ก็มีนักศึกษาหนุ่มสองคนถือจานข้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหัวโต๊ะ ทำเอาข้าวหอมและอบเชยต่างหันมองอย่างพร้อมเพรียง แล้วเสียงทุ้มของคนแปลกหน้าก็ดังขึ้น
“น้องข้าวหอมใช่ไหมครับ”
“เอ่อ ค่ะ พี่รู้จักหนูได้ยังไงคะ”
ข้าวหอมทำหน้างุนงง ไม่ต่างจากอบเชยที่จ้องมองเธออย่างเป็นคำถาม สลับเงยหน้ามองหนุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ หัวคิ้วขมวดแทบจะชนกัน
“พวกพี่ไปนั่งดูตอนรับน้องน่ะครับ น้องข้าวหอมน่ารักโดดเด่นมาก เลยอยากทำความรู้จักกันไว้”
“เหอะ เหอะ” อบเชยขำเสียงแห้งโดยเบือนหน้าไปทางอื่น คงคิดจะเข้ามาขายขนมจีบเพื่อนเธอล่ะสิท่า
“ที่นั่งข้างน้องยังว่าง พวกพี่ขอนั่งด้วยนะครับ”
ข้าวหอมกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรว่าไม่สะดวกใจจะให้นั่งด้วย ทว่าเธอไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน
“โทษทีว่ะ ที่ไม่ว่างแล้ว”
เสียงทุ้มคุ้นเคยดังมาพร้อมกับหนุ่มหล่อร่างสูงเดินเข้ามา ในมือของเขาถือจานข้าว มืออีกข้างถือขวดน้ำดื่มมาด้วย ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างข้าวหอมอย่างถือวิสาสะ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองชะงักไปพร้อมกับสายตาเลิ่กลั่กปนหวาดวิตกอย่างสับสน ที่จู่ ๆ หนุ่มรุ่นพี่ปีสามอย่างนทีโผล่เข้ามา
“พี่นั่งด้วยนะ” นทีเอ่ยกับข้าวหอมด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ค่ะ”
ริมฝีปากหยักของคนที่เพิ่งมาถึงเผยรอยยิ้มให้เธอ ก่อนจะหุบยิ้มทำหน้าขรึม ดวงตาดุจ้องไปยังเด็กปีสองที่ยืนอยู่
“นี่เด็กพี่นทีเหรอครับ”
“เออ”
เสียงเข้มสั้น ๆ แต่ได้ใจความดังขึ้นพร้อมกับสายตาเอาเรื่อง ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขนพองไม่ต่างจากเห็นผี และรู้ดีว่ากลุ่มของนทีนั้นขึ้นชื่อเรื่องความไม่เกรงกลัวใคร จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปหาเรื่อง และยุ่งกับผู้หญิงที่ห้าหนุ่มนั้นควงอยู่
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าเด็กพี่ พวกเราขอตัวก่อน”
“รีบไปเร็วไอ้สัส จะจีบใครก็หัดเช็กดูดี ๆ ซะบ้าง กูไม่อยากโดนตีนนะเว้ย” เพื่อนอีกคนที่มาส่งบ่นพึมพำ รีบพากันเดินออกไปจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว เกือบพากันมาซวยแล้วไหมล่ะ
เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญออกไปแล้วอบเชยก็หลุดเสียงขำ ก่อนจะเอียงคอมองเพื่อนสาวกับหนุ่มที่นั่งข้างกัน กระตุกยิ้มส่งสายตาจ้องจับผิด
“ทำไมแกมองแบบนั้น” ข้าวหอมเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้หญิงสาวรู้สึกแปลกประหลาดกับคำว่าเออของหนุ่มรุ่นพี่ เขาเอ่ยไปแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาน่ะสิ
แต่เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย
แล้วเพื่อนก็ยังมาใช้สายตาแบบนั้นมองมาอีก พลันทำให้อกข้างซ้ายส่งเสียงเต้นผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เปล่า” อบเชยเปล่งเสียงสูงพร้อมกับไหวไหล่ใส่คนที่นั่งตรงข้าม ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ใครจะไปกล้าถามต่อหน้ารุ่นพี่กันล่ะ รออยู่สองต่อสองกับเพื่อนก่อนเถอะ แล้วค่อยสัมภาษณ์ก็ยังไม่สาย
“พี่นทีคะ เมื่อกี้ที่พี่ตอบสองคนนั้นไป…” ข้าวหอมหันไปถามคนนั่งข้างกัน อยากรู้มันหมายความว่าอย่างไร
“พี่ก็ช่วยเราไง เพิ่งมาเรียนใหม่อย่าไปหลงกลไอ้พวกนั้นที่เข้ามาจีบเชียวล่ะ”
เขาว่าพลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะของคนตัวเล็ก ปากหยักเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับมือที่ขยับอยู่บนผมเบา ๆ หญิงสาวย่นคอลงเล็กน้อย คลี่ยิ้มขึ้นอย่างโล่งใจ ดีที่ไม่เผลอมโนไปไกล
“แล้วพี่ล่ะ จีบเพื่อนหนูรึเปล่า”
จู่ ๆ คนที่ไม่อยู่ในสายตาอย่างอบเชยก็โพล่งคำถามขึ้น ทำเอาข้าวหอมใจเต้นลุ้นระทึกรอฟังคำตอบไปด้วย
“พี่กับข้าวหอมเคยรู้จักกันมาก่อน”
“ใช่ ๆ” ข้าวหอมรีบพยักหน้ายืนยัน
“อีกอย่างพี่ก็เป็นรุ่นพี่ของพวกเธอ รุ่นพี่คอยดูแลรุ่นน้องก็ไม่เห็นแปลก”
“ตอบไม่ตรงคำถาม” อบเชยทำปากมุบมิบส่ายหน้าไปมาเบา ๆ หนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อคนนี้ดูมีพิรุธ แต่เธอก็จะทำเป็นแกล้งเชื่อตามที่เขาบอกมาแล้วกัน
“ขนมจีนเจ้านี้อร่อยนะ อาหารตามสั่งร้านที่เจ็ดก็อร่อย” นทีหันไปเอ่ยกับคนตัวเล็ก ร้านอาหารร้านค้าในมหาวิทยาลัยมีมากมาย ถ้ามีโอกาสก็อยากพาเธอไปชิมทุกร้านเลย
“จานนี้เหรอคะร้านที่เจ็ด น่ากินจัง”
หญิงสาวใช้ดวงตากลมโตสำรวจอาหารในจานที่วางอยู่ตรงหน้าหนุ่มรุ่นพี่ เขาสั่งเส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเล ดูแล้วน่ากินมาก
“อือ ลองชิมดูสิ”
“ได้เหรอคะ” ข้าวหอมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างเป็นคำถาม มันคงไม่เหมาะเท่าไรที่จะไปแย่งอาหารในจานคนอื่น
“ได้สิ ชิมแค่คำเดียวเอง ยังเหลือให้พี่กินอีกเยอะ”
สาวสวยในชุดนักศึกษาสวมทับด้วยเสื้อช็อปนั่งคิดชั่วครู่ แต่มันก็น่าชิมจนอดใจไม่ไหว กลิ่นวัตถุดิบอย่างกระชาย ใบกะเพรา ใบมะกรูดที่ถูกผัดในน้ำมันก็ส่งกลิ่นโชยเข้าจมูก
คิดได้ดังนั้น มือเล็กก็ดึงกระดาษทิชชูสำหรับพกพาในกระเป๋ามาเช็ดช้อนส้อม เพราะมันเปื้อนน้ำขนมจีน ก่อนจะใช้ตักเส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเลมาชิม
“อื้ม อร่อย พรุ่งนี้พวกเราลองไปสั่งร้านนั้นกันนะอบเชย”
ข้าวหอมได้ลิ้มลองแล้วรู้สึกถูกปาก ซึ่งร้านนั้นเธอกับเพื่อนยังไม่ได้ลองสั่งอาหารมากินกันเลย
“โอเคจ้า”
“กุ้งกับปลาหมึกก็กินได้นะ”
“ไม่เอาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นหนูแย่งพี่กินหมด คิกคิก”
หนุ่มหล่อเผยรอยยิ้มให้ข้าวหอมเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าตักอาหารเข้าปาก เวลามองเธออยู่เฉย ๆ ก็ว่าน่ารักแล้ว แต่ตอนกินข้าวนั้นช่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่เคอะเขิน ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
กินข้าวอิ่มทั้งสามก็แยกกันตอนเอาจานชามไปเก็บ นทีได้กลับไปหากลุ่มเพื่อนที่ตอนนี้คงจะกินข้าวเสร็จแล้ว ส่วนข้าวหอมกับอบเชยก็กำลังเดินไปยังร้านกาแฟ
“คนเมื่อกี้ไปรู้จักกันได้ยังไง รู้จักกันถึงขั้นไหน เล่าให้ฉันฟังเร็ว”
“เขาชื่อนที อยู่ปีสามสาขาเดียวกับพวกเรา ฉันกับพี่นทีก็แค่เคยบังเอิญเจอกัน เขาเคยช่วยฉันไว้…”
ข้าวหอมได้เล่าเรื่องที่เจอกันครั้งแรกให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด เธอคิดว่าเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง แต่อบเชยกลับไม่คิดอย่างนั้น
“พรหมลิขิตนี่ตั้งใจส่งหนุ่มหล่อมาช่วยแกเลยนะเนี่ย ฉันว่าพี่นทีต้องแอบชอบแกแน่ ๆ”
“อย่าพูดมั่วสิ”
“แกก็ซื่อเกินไปถึงมองไม่ออก เชื่อฉันสิ พี่นทีแอบชอบแกชัวร์ แม่หมออบเชยฟันธง” อบเชยแสดงสีหน้าจริงจัง ใช้ฝ่ามือฟาดฟันกับอากาศจากบนลงล่างอย่างมั่นใจ
ข้าวหอมก้มหน้าหลบสายตาของเพื่อน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แม้จะพยายามไม่คิดอะไรเกินเลย แต่ทว่าหัวใจของเธอกลับเต้นแรงไปจากเดิมอย่างบอกไม่ถูก
ข้าวหอมปรือดวงตาขึ้นในช่วงสายของวันอย่างงัวเงีย แต่ดีที่ไม่มีอาการปวดหัวจากอาการเมาค้าง ทว่าคนข้างกายของเธอได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงกล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูวางอยู่ตรงที่เขานอนกอดเธอเมื่อคืนหญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนจะหยิบกล่องสีขาวขึ้นมาดึงริบบิ้นออก เปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในพร้อมกับใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วดวงตาคู่หวานก็ปรากฏร่องรอยของความแปลกใจกับของขวัญที่ได้รับด้านในกล่องมีกุญแจรถยนต์ และโบรชัวร์ของโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวยังอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสียงของนทีก็ดังขึ้นพลันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ทันได้สังเกตว่าเขายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร“ถูกใจของขวัญที่พี่ให้ไหม”“นี่คืออะไรเหรอคะ” เธอยังรู้สึกงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้“รถของเมียพี่ไงครับ แล้วก็บ้านหนึ่งหลังที่จะเป็นเรือนหอของเรา”เขาเอ่ยพลางเข้ามานั่งลงบนเตียง ตอนนี้ข้าวหอมก็เรียนจบแล้ว ได้เวลาสร้างครอบครัวที่เคยวาดฝันกันเอาไว้นทีได้ซื้อรถเก๋งให้เธอหนึ่งคันเป็นของขวัญวันเรียนจบ ส่วนโบรชัวร์โครงการบ้านเดี่ยว เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมการตัดสินใ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สองสาวเพื่อนรักอย่างข้าวหอมและอบเชยก็ได้เรียนจบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่ำนี้ประมาณหนึ่งทุ่มทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่เลานจ์ซึ่งเปิดให้บริการที่โรงแรมชื่อดัง หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวนทีหนุ่มหล่อสาวสวยรวมแปดคน นั่นก็คือ นที ข้าวหอม ไอดิน ปลายฟ้า ไวน์ อาทิตย์ ฟลุ๊ก และอบเชย ได้นั่งอยู่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตัว สั่งอาหารหลากหลายเมนู รวมถึงเหล้าพร้อมกับมิกเซอร์“มาครับทุกคน ฉลองให้กับสองสาวหน่อย”ไวน์ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วที่มีเหล้าผสมโซดา ยื่นออกไปตรงหน้าเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม แล้วเสียงแก้วทั้งแปดใบก็ยื่นออกไปกระทบกัน ก่อนจะยกจรดริมฝีปากของตัวเองกระดกน้ำสีอำพันกลืนลงคอจนหมดแก้วคืนนี้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อแสดงความยินดีให้กับว่าที่บัณฑิตใหม่ทั้งสองคน ไม่เมาไม่กลับ“พี่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางหยิบของขวัญที่เตรียมมาด้วยยื่นให้กับคนเรียนจบ“นี่ของข้าวหอมจ้ะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางมอบของขวัญสองอย่างให้กับแฟนน้องชาย“ขอบคุณนะคะพี่ปลายฟ้า”ข้าวหอมรับมาไว้ในมือ คนอื่น ๆ ก็เชียร์ให้เปิดดู พบว่าเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ขึ้นชื่อ และยังมีสร้อยข้อมือประดับเพชร“ว้าว สวยมาก
อาทิตย์ต่อมาครอบครัวฝ่ายชายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบทองห้าบาท เงินสดสามล้านตามที่ครอบครัวฝ่ายหญิงประสงค์ ทุกคนต่างมากันอย่างพร้อมหน้ารวมทั้งข้าวหอม นที และยายของหญิงสาวการมอบสินสอดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้คำมั่นและความไว้วางใจ บ่งบอกว่าลูกสาวของบ้านนี้ได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของอีกบ้านแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านพิธีการใด“ในส่วนนี้พวกคุณเก็บไว้ได้เลยนะคะ ส่วนในอนาคตพวกเราคงต้องขอสงวนสิทธิ์ให้หนูข้าวหอมรับเพียงคนเดียว”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าจะขัดใจอีกฝ่าย ทำให้จินดารีบโพล่งขึ้น“อนาคต หมายถึงอะไร”“เราทำตามที่ตกลงกันแล้วนะคะ ทองห้าบาท เงินสดสามล้าน หนูข้าวหอมอยู่กับลูกชายของเรา คุณยายย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากเรียนจบพวกเราจะจัดงานแต่งกันอีกครั้ง”“อันนี้ฉันเข้าใจ แต่ทำไมต้องสงวนสิทธิ์ให้แค่ข้าวหอม”“หยุดพูดได้แล้ว”ในขณะที่จินดารู้สึกขัดใจกับถ้อยคำอีกฝ่าย สามีของเธอก็ส่งเสียงเอ็ดทำให้สงบปากสงบคำในทันทีเพราะเมื่อหลายวันก่อน หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สามีก็ได้เรียกลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้าน อยู่กันครบทั้งแม่ลูก ก็ได้ต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
“ตอนที่พวกคุณไปเจอเด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน หนูข้าวหอมได้แจ้งชัดเจนแล้วนะคะว่าอยากจะพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก พวกเราเลยจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปถามแฟนของลูกชาย“แล้วยายของหนูล่ะจ๊ะ”“ยายอยู่บ้านอีกหลังค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง กลัวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย“ดิฉันว่าให้คุณยายมาฟังสิ่งที่พวกเราคุยกันด้วยดีกว่านะคะ ยังไงท่านก็เป็นอีกคนที่เลี้ยงดูหนูข้าวหอมมา”ขันธ์ชัยเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนั้น จึงเรียกให้แม่บ้านไปพาแม่ของภรรยาผู้ล่วงลับเข้ามานั่งในห้องนี้อีกคนหญิงชรานั่งลงข้างหลานสาว ยังไม่รู้ว่าการถูกเรียกตัวเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในรอบกี่ปีก็จำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังมีคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหากและพอลูกเขยแนะนำให้รู้จักอีกฝ่าย มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้รับทราบ หญิงชราก็รู้สึกยินดีที่หลานสาวมีคนรัก และพร้อมจะดูแลเธอต่อจากนี้ แต่ที่ยังไม่ทราบคือ…“หนูข้าวหอมอยากพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก คุณยายสะดวกไหมคะ” แม่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนชรายายหลานหันจ้องมองกัน ข้าวหอมกอดแขนของยายแน่น แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังหญิงชร
ในขณะข้าวหอมและนทีกลับเข้าห้อง เขาก็คว้าเอาแฟนสาวเข้ามาโอบกอด แผ่นหลังของเธอสั่นไหว ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่พูดไม่ดีกับพ่อของเราไป”“ฮึก พี่นทีไม่ผิดค่ะ ฮึก หนูผิดเอง”“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าวหอมดีที่สุดสำหรับพี่ ดีที่สุดสำหรับทุกคน”ทว่าเธอกลับตอกย้ำตัวเองในใจ ว่ายังไม่ดีพอสำหรับคนบ้านนั้น อยู่ที่นั่นเธอไม่มีพื้นที่ให้หายใจ ทำอะไรก็ผิด โดนเอาเปรียบ ถูกต่อว่า มีแค่ยายที่เป็นที่พึ่งพิง ให้ความรักความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียว“พี่นที ฮึก ยายยังอยู่ที่นั่น”เขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องหาบ้านให้ยายแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของแฟนสาวกำลังบอบช้ำ พวงแก้มก็เป็นรอยนิ้วมือบวมแดง จะปล่อยให้ไปหายายตอนนี้ข้าวหอมคงยังไม่พร้อม“เดี๋ยวพี่จัดการให้”*****สองวันต่อมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านเจ้าของตลาดใหญ่ดังขึ้นอยู่สองครั้ง แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เมื่อทราบว่าคนที่มาเยือนมีธุระกับเจ้านายของตนด้วยเรื่องสำคัญ จึงเชิญเข้าไปนั่งรอในบ้าน แล้วรีบแจ้งให้ผู้เป็นนายรับทราบพ่อแม่ของนทีพร้อมด้วยทนายได้เข้าไปที่บ้านของข้าวหอม ตามคำขอของลูกชาย และพอเจ้าของบ้า
ทางด้านจันจิหลังจากตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับเข้าบ้านในวันเสาร์ เนื่องจากหลักฐานการถูกทำร้ายยังอยู่บนแก้มทั้งสองข้างไม่จางหาย“หน้าลูกไปโดนอะไรมา นี่มันรอยมือใช่ไหม”ขณะกำลังกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ของจันจิได้เห็นรอยนิ้วมือบนพวงแก้มของลูกสาวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ผู้เป็นสามีเบี่ยงสายตาตำหนิลูกสาวทันที“ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”“นี่คุณ ถามให้มันดี ๆ หน่อย ลูกของเราไม่ใช่เด็กเกเร”“แค่กินเที่ยวไม่เว้นวัน”แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เห็นลูกเจ็บ แต่พ่อก็มักจะพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนมอยู่เสมอ“เด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีบ้างสิ ทำอย่างกับตอนเรียนคุณไม่เที่ยว”ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงสมัยเรียนก็ทำให้จันจินึกถึงคำพูดของข้าวหอมเมื่อคืน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อถามเอาความจริงจากเรื่องนั้น แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า“เมื่อคืนหนูไปเที่ยวกับเพื่อนจริง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”“ไม่มีเรื่อง แล้วรอยนี่มาได้ยังไง” แม่ของเธอเอ่ย“เอ่อ เมื่อคืนหนูเจอ…” จันจิแสร้งทำหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากจะเอ่ย เมื่อเห็นพวกท่านจ้องเธอด้วยรอฟังคำตอบ จันจิจึงพูดต่อ“เจอข้าวหอมไปกับผู้ชาย”แล


![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




