เรื่องที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนกลับด้วยกันก่อนหน้า เธอคงไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วล่ะ เพราะว่าได้รับปากไปแล้วว่าจะไปส่งเขาตามนัด แล้วหมอก็ดันนัดวันนี้พอดี
ข้าวหอมเดินเคียงคู่นทีจนไปถึงรถของเขาที่จอดอยู่ลานกว้างด้านหลังตึกคณะ ทั้งสองเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน เจ้าของรถก็สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วปรับอุณหภูมิแอร์ไม่ให้หนาวจนเกินไป เพราะเสื้อของทั้งคู่นั้นเปียกชุ่มเล็กน้อย กลัวว่าเธอจะไม่สบายตัว
“พี่ชื่อนที เราสองคนถือว่ารู้จักกันแล้วนะ ต่อไปอยู่กับพี่ก็ทำตัวตามสบายได้เลย” เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำตัวเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเกร็งเวลาอยู่ด้วยกัน
“ค่ะพี่นที” เสียงหวานตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก
แม่งยิ้มแบบนี้ทำใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ และก่อนที่จะเก็บอาการไม่อยู่ใบหน้าหล่อก็หันมองไปด้านหน้า เท้าเหยียบคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกจากมหาวิทยาลัย
“กลัวพี่จะพาไปที่อื่นเหรอ นั่งเงียบเชียว”
“ปะ เปล่าค่ะ คือหนูไม่รู้จะพูดอะไร”
ข้าวหอมหันใบหน้าแดงระเรื่อมาหาคนที่กำลังขับรถอยู่ พร้อมกับอกข้างซ้ายที่เต้นไม่เป็นส่ำกับคำถามของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งรถมากับชายแปลกหน้า แม้จะรู้จักกันแล้ว แต่ก็เจอกันแค่สองครั้ง เธอยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายว่าไว้วางใจได้มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่แปลกที่จะคิดแบบนี้
“หึ ไม่ต้องกลัวพี่หรอก พี่ไม่ชอบขืนใจใคร”
เขาแกล้งเอ่ยให้เธอสับสน แต่เรื่องมีอะไรกันนั้นนทียึดคตินี้มาโดยตลอด จะไม่ทำกับคนที่ไม่ยินยอมเด็ดขาด แต่ถ้าเธอยอมให้เขาสักหน่อยก็คงดี
ข้าวหอมหันไปคลี่ยิ้มตาหยีให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับทันทีราวกับใช้ท่าทางแสดงว่าเธอรับรู้เอาไว้แล้ว และขอให้มันเป็นอย่างนั้นจริงเถอะ
พอไปถึงที่หมายหญิงสาวก็นั่งรอหน้าห้องฉีดยาของโรงพยาบาลเอกชน ไม่นานเขาก็เดินออกมาแล้วพาเธอไปหน้าห้องการเงิน
ตอนนี้เป็นเวลาใกล้หนึ่งทุ่ม ท้องฟ้าเริ่มมืดดำเข้าสู่ช่วงค่ำ แต่ทว่าท้องของเธอนั้นยังไม่ได้รับอาหารเลยแม้แต่น้อย พอเข้าไปนั่งในรถจึงส่งเสียงร้องประท้วงขึ้นอย่างน่าอาย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน หลับตาปี๋หันออกไปด้านนอกกระจก พลางนึกในใจว่าขายหน้าชะมัด ทำไมต้องมาร้องเอาตอนนี้ด้วย
“หึ” เสียงแค่นหัวเราะในลำคอดังขึ้น ก่อนที่ใบหน้าหล่อของนทีจะหันมาทางเธอแล้วเอ่ย “แถวที่เราพักมีร้านอาหาร เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเพื่อขอบคุณที่มาส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ บนห้องหนูมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”
“จะชวนพี่ขึ้นห้องเหรอ แก่แดดนะเรา”
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้ชวน”
“รีบปฏิเสธเลยนะ”
หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวอมยิ้มเขินอย่างเสียอาการ รีบเบือนหน้าหันมองข้างทางกลบเกลื่อน หลังจากนั้นเขาก็ขับรถไปจอดที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากอะพาร์ตเมนต์ของเธอมาก แม้ว่าข้าวหอมจะทำทีปฏิเสธ แต่เขาเชื่อว่าได้พามาถึงที่นี่แล้วไม่ได้กินข้าวด้วยกันก็ให้มันรู้ไป
“เอาคะน้าหมูกรอบไข่ดาวหนึ่งจานค่ะ”
แล้วก็เป็นไปตามคาด หิวจนท้องร้องขนาดนั้น พอเข้าไปในร้านข้าวหอมก็สั่งอาหารกับเจ้าของร้านที่กำลังผัดอาหารในกระทะบริเวณเคาน์เตอร์ที่ตั้งไว้หน้าร้านทันที
“ของผมเอาเหมือนกันครับ แต่พิเศษ” สั่งอาหารเสร็จ นทีก็เอ่ยกับสาวรุ่นน้องต่อ “ไปนั่งเถอะ เดี๋ยวพี่ตักน้ำให้”
“ขอบคุณค่ะ”
หนุ่มหล่อแสดงความมีน้ำใจ ตักน้ำมาสองแก้วสำหรับเขาและเธอ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงข้ามกัน เวลาผ่านไปไม่นานอาหารที่สั่งก็วางลงตรงหน้า
“ชอบกินผัดคะน้าเหมือนกันเหรอคะ” เธอว่าพลางตักพริกน้ำปลาราดลงบนข้าวเล็กน้อย
“เปล่าหรอก แต่พี่เป็นคนกินง่าย เรากินอะไรพี่ก็กินอย่างนั้น ง่ายดี”
“ไม่ต้องเสียเวลาคิดสินะคะ คิกคิก” เธอส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบาอย่างน่ารัก
พอได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ข้าวหอมก็รู้สึกว่าหนุ่มรุ่นพี่เป็นคนชวนคุยเก่ง อาจจะมีนิ่งขรึมเป็นบางเวลา แต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งจนเข้าถึงยาก ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเกร็งเหมือนตอนนั่งรถออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว
กินข้าวเสร็จนทีก็อาสาออกเงินเลี้ยง ถือว่าตอบแทนที่เธอไปส่งเขาฉีดยา เขาให้เหตุผลนี้ข้าวหอมจึงยอมรับน้ำใจเอาไว้และเอ่ยคำขอบคุณกลับไป
นทีขับรถมาส่งสาวรุ่นน้องที่หน้าตึกสูงของอะพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอาศัย สถานที่แม้จะสร้างมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้ดูทรุดโทรม ห้องเช่าด้านในหลังจากมีคนย้ายออก เจ้าของก็ได้จ้างคนมาทำความสะอาด ทาสี ปรับปรุงส่วนที่สึกหรอจนดูเหมือนใหม่
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
หญิงสาวหันมาเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน ทำเอาคนมองเหมือนต้องมนต์สะกดเผลอจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตค้างไว้อย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงมือเล็กเปิดประตูจึงหลุดออกจากภวังค์ รีบเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะก้าวออกไป
“เราแลกคอนแท็กต์กันไหม อยู่มหา’ลัยเดียวกัน ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็ทักมาหาพี่ได้ตลอด ปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง”
“ได้ค่ะ จะได้เอาไว้คุยกันเรื่องนัดครั้งหน้าด้วย เผื่อหนูลืม”
ข้าวหอมเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาแลกช่องทางการติดต่อกัน อย่างน้อยมีคนรู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคน แถมยังเป็นรุ่นพี่ในสาขา อีกหน่อยถ้ามีปัญหาเรื่องเรียนจะได้ขอคำปรึกษาให้เขาช่วยเหลือ
“หนูไปก่อนนะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาส่ง”
นทีกระตุกยิ้มมองคนตัวเล็กเดินเข้าไปในตึกอะพาร์ตเมนต์อย่างพึงพอใจ ไม่คิดว่าเธอจะยอมให้ง่าย ๆ แบบนี้
ชายหนุ่มกลับไปถึงคอนโด ก็รีบเข้าห้องไปอาบน้ำทันทีเพราะกลัวจะเป็นหวัด เขาออกจากห้องน้ำในสภาพใช้ผ้าขนหนูพันท่อนล่าง ด้านบนโชว์แผงอกกำยำ มีผ้าผืนเล็กที่กำลังใช้เช็ดผม
เห็นเขาเป็นผู้ชายแต่ก็เจ้าสำอางไม่น้อย เช็ดตัวเสร็จก็ทาครีมบำรุงไปทุกสัดส่วนของเรือนร่าง ก่อนจะหยิบกางเกงขายาวมาสวมใส่ จู่ ๆ ก็นึกเป็นห่วงสาวรุ่นน้องขึ้นมา จึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนบนเตียง พิมพ์ข้อความส่งไปหาเธอ
Na-T: อาบน้ำรึยัง ตากฝนมาระวังจะเป็นหวัด
ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับมา
KH_212: เพิ่งอาบเสร็จค่ะ
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้นพร้อมกับความคิดบางอย่าง ก่อนจะกดวิดีโอคอลไปหาเธอทันที
ทางด้านข้าวหอม
จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นการโทรแบบเห็นหน้า ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับการโทรเข้ามาในครั้งนี้ แต่ทว่าปลายนิ้วก็ยังกดรับสายของเขาอยู่ดี
“พะ พี่ โป๊อยู่”
หญิงสาวกะจะเอ่ยทักทายที่เขาเป็นฝ่ายโทรเข้ามา แต่ภาพที่เห็นในหน้าจอของโทรศัพท์คือท่อนบนตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงหน้าอกของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เธอไม่ทันได้มองใบหน้าหล่อนิ่ง เพราะสายตามัวแต่สะดุดเข้ากับตุ่มไตสีชมพูที่อยู่บนอกล่ำทั้งสองข้าง พลันรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมกับความร้อนที่ปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
(เพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ)
“ทำไมไม่ใส่เสื้อก่อนล่ะคะ” เอ่ยพลางใจเต้นแรงตึกตัก จะโทรมาทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน
(หึ ไม่เห็นมีอะไรให้อายเลย ผู้ชายอยู่ห้องก็ถอดเสื้อปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมองก็มองได้นะ พี่ไม่ถือ)
“พี่นที อย่าล้อเล่นสิคะ รีบใส่เสื้อเร็ว ไม่งั้นหนูจะวางแล้วนะ”
เขาไม่ถือแต่เธอถือนี่นา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยมาถอดเสื้อโชว์ทำไม
(ใส่เสร็จแล้วครับ หันมาดูสิ)
เขากระตุกยิ้มรอดูคนเสียอาการ ตอนเธอเขินนี่น่ารักเป็นบ้า แถมยังแก้มแดงเป็นลูกตำลึงอีกด้วย
ข้าวหอมหันใบหน้ามองเข้าไปในหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ถืออยู่ในมือ ปรือตาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูให้แน่ใจ ก่อนจะเปิดเปลือกตาทั้งสองข้างเมื่อเห็นว่าเขาพูดความจริง
“พี่โทรมาทำไมเหรอคะ”
(ก็แค่จะดูให้แน่ใจว่าอาบน้ำแล้ว พี่เป็นห่วงไม่ได้เหรอ วันนี้เราตากฝนมาด้วยกันเลยนะ)
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างชั่วครู่ คำว่าห่วงส่งผลให้อกข้างซ้ายกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ เอ่ยตอบ
“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง”
(แล้วเราล่ะไม่ห่วงพี่บ้างเหรอ)
“เอ่อ…” พูดไม่ออกเลยทีนี้
คำถามของปลายสายทำให้ข้าวหอมชะงักไปชั่วครู่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาถามแบบนี้หมายความว่าอย่างไร อยากให้เธอเป็นห่วง หรือรู้สึกผิดที่ไม่คิดจะถามไถ่เขาเลย แต่หนุ่มรุ่นพี่ก็เพิ่งจะแยกกับเธอเมื่อสี่สิบนาทีที่แล้วเอง จะให้เธอเป็นฝ่ายติดต่อไปหาผู้ชายก่อนก็กระไรอยู่
(หึ พี่แกล้งเล่นเฉย ๆ อาบน้ำเสร็จก็ดีแล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายก็กินยาด้วยนะ เอาไว้เจอกันที่มหา’ลัย)
“ค่ะ”
ข้าวหอมพลันโล่งใจเผยรอยยิ้มหวานให้เขา ดูแล้วพี่นทีก็เป็นคนจิตใจดีแถมยังเป็นห่วงคนอื่นเก่ง นี่ขนาดเธอกับเขาเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง ยังปฏิบัติกับเธอดีขนาดนี้เลย ถ้าใครได้เป็นแฟนก็คงจะโชคดีมากแน่ ๆ
พอนึกถึงเรื่องแฟนของหนุ่มรุ่นพี่ เขาโทรมาหาเธอแบบนี้ แล้วแฟนจะไม่ว่าเอาเหรอ
หรือว่ายังไม่มีกันนะ
“มาโน่นแล้วเว้ย” ฟลุ๊กโพล่งขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามาอยู่ในรัศมีของสายตาหนุ่มหล่อทั้งสี่คนรอจนกระทั่งนทีหย่อนก้นลงม้านั่งตัวเดียวกันกับไอดิน ก็ยิงคำถามที่อยากรู้ทันที“หายไปไหนมาวะ ทำไมไม่มานั่งกินข้าวกับพวกกู” อาทิตย์เอ่ยเข้าประเด็น ทั้งที่รู้กันอยู่แล้วว่าเพื่อนหายไปไหนมาก่อนหน้านี้ที่โรงอาหารพวกเขาห้าคนคุยกันว่าแยกย้ายไปซื้อข้าวเสร็จก็มารวมตัวกันที่โต๊ะประจำ แต่นทีเดินถือจานอาหารตามสั่งมาได้เพียงครึ่งทางก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง สร้างความงุนงงและความอยากรู้ของพวกเขาเป็นอย่างมากจากที่สี่หนุ่มมองตามหลังไปจนกระทั่งเพื่อนนั่งลง ก็พอมองออกว่าคนที่นทีนั่งด้วยเป็นผู้หญิง และตอนทั้งคู่หันมาคุยกัน ได้เห็นเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของเธอ ดูจากที่ไกลแล้วตัวจริงคงจะน่ารักมากเลยทีเดียว“เห็นแวบ ๆ ว่านั่งกับผู้หญิงใช่ไหมวะ” ไวน์เสริมขึ้น พร้อมกับยกคิ้วข้างหนึ่งอย่างสงสัยนทียิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับทันที“กูว่าใช่แน่ ๆ” อาทิตย์พูดพลางใช้ศอกกระแทกแขนของฟลุ๊กให้พูดเสริม“เสือซุ่มนี่หว่า ไม่ปฏิเสธแบบนี้แสดงว่าใช่”“เล่ามาให้หมด ไม่งั้นกูจะให้พี่ปลายฟ้ามาสอบปากคำ” ไอดินพูดติดตลก แต่ก็แฝงไปด้วยความอยา
“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เสียงของเพื่อนใหม่ดังขึ้นตอนนี้ข้าวหอมและอบเชยยืนอยู่ที่โรงอาหารของคณะในช่วงพักกลางวัน กำลังลังเลกันอยู่ว่าจะกินอะไรดี เพราะยังลองชิมไม่ครบทุกร้าน“ไปร้านนั้นกัน ฉันอยากกินขนมจีน” ข้าวหอมเอ่ยตอบ“อืม”ตกลงกันเสร็จสองสาวพากันเดินไปยังล็อกที่ห้าของร้านในโรงอาหาร สั่งขนมจีนสองชาม แล้วหาโต๊ะว่างนั่งลงตรงข้ามกันนับตั้งแต่เปิดเทอมข้าวหอมและอบเชยก็จับคู่นั่งเรียนด้วยกันตลอด ตอนทำกิจกรรมก็อยู่ด้วยกันไม่ห่าง จึงทำให้สนิทกันเร็ว อีกอย่างสถานะทางบ้านของสองสาวก็คล้ายคลึงกันมาก พ่อมีภรรยาสองคน อบเชยเป็นลูกคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สองเช่นเดียวกับเธอพ่อของข้าวหอมเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ มีทรัพย์สินมากมาย แต่ท่านแต่งงานมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกันหนึ่งคนส่วนมารดาของเธอนั้น ถ้าพูดให้ถูกก็มีสถานะเป็นเพียงภรรยาน้อยเท่านั้นผู้เป็นพ่อนั้นรักและรู้สึกผิดกับแม่ของเธอมากที่ปกปิดเรื่องมีลูกมีเมียอยู่แล้ว จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดเธอออกมาถึงได้พาเข้าบ้าน ทว่าเมียเอกที่จดทะเบียนสมรสนั้นไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงยื่นข้อเสนอให้สองแม่ลูกแล
เรื่องที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนกลับด้วยกันก่อนหน้า เธอคงไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วล่ะ เพราะว่าได้รับปากไปแล้วว่าจะไปส่งเขาตามนัด แล้วหมอก็ดันนัดวันนี้พอดีข้าวหอมเดินเคียงคู่นทีจนไปถึงรถของเขาที่จอดอยู่ลานกว้างด้านหลังตึกคณะ ทั้งสองเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน เจ้าของรถก็สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วปรับอุณหภูมิแอร์ไม่ให้หนาวจนเกินไป เพราะเสื้อของทั้งคู่นั้นเปียกชุ่มเล็กน้อย กลัวว่าเธอจะไม่สบายตัว“พี่ชื่อนที เราสองคนถือว่ารู้จักกันแล้วนะ ต่อไปอยู่กับพี่ก็ทำตัวตามสบายได้เลย” เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำตัวเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเกร็งเวลาอยู่ด้วยกัน“ค่ะพี่นที” เสียงหวานตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักแม่งยิ้มแบบนี้ทำใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ และก่อนที่จะเก็บอาการไม่อยู่ใบหน้าหล่อก็หันมองไปด้านหน้า เท้าเหยียบคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกจากมหาวิทยาลัย“กลัวพี่จะพาไปที่อื่นเหรอ นั่งเงียบเชียว”“ปะ เปล่าค่ะ คือหนูไม่รู้จะพูดอะไร”ข้าวหอมหันใบหน้าแดงระเรื่อมาหาคนที่กำลังขับรถอยู่ พร้อมกับอกข้างซ้ายที่เต้นไม่เป็นส่ำกับคำถามของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งรถมากับชายแปลกหน้า แม้จะรู้จักกันแล้ว แต่ก็เจอกันแค่สองครั้ง เธอยังไม่รู้จักนิสัยใจค
ปัจจุบัน“มึงยิ้มอะไร” อาทิตย์จ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย เป็นบ้าอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียว ทำเอาเพื่อนอีกสามคนหันมามองด้วยเช่นกันนทีหุบยิ้มอย่างเร็วพลันเมื่อโดนทัก แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่า”“เห็นคาตาว่ามึงยิ้ม” อาทิตย์ยังคาใจ“ก็บอกว่าไม่ได้ยิ้ม แล้วมึงเป็นห่าอะไรมาจ้องหน้ากูเนี่ย” นทีโต้กลับพลางขมวดคิ้วใส่ แสร้งทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อนขณะที่สองคนนี้กำลังโต้กันไปมา นักศึกษาคณะเดียวกันได้เดินผ่านกลุ่มของพวกเขาไปพร้อมกับเสียงพูดคุย พอนทีได้ยินชื่อของคนที่บังเอิญเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เรียกสายตาของเขาให้เหลียวไปมอง“เพื่อนกูส่งรูปน้องใหม่มาให้ดู คนนี้ชื่อข้าวหอม น่ารักมากเลยว่ะ”“เห็นว่าปีนี้มีสาวสวยหมวยเอ็กซ์หลายคน มึงว่าพวกเราจะจีบติดสักคนไหมวะ”“ของแบบนี้ใครเร็วคนนั้นก็ได้ไปสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”พวกที่เดินผ่านพูดกันอย่างครื้นเครง นทีพลันนึกในใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า จู่ ๆ เขาก็หันไปเอ่ยกับเพื่อนถึงคำเชิญชวนก่อนหน้า“กูเปลี่ยนใจละ กูจะไปกับพวกมึง”“ไหนมึงบอกว่าเจ็บขา” ฟลุ๊กถามย้อน เพิ่งปฏิเสธไปหยก ๆ ทำไมเปลี่ยนใจกะทันหัน“พูดมากน่ะไอ้ฟลุ๊ก ไปกันได้แล้ว”นทีเลี่ยงที่จะตอบคำถามของฟลุ๊ก เดินนำเพื่อนทั้ง
“เฮ้ยพวกมึง ได้ข่าวว่าน้องใหม่ปีนี้โคตรแจ่ม ไปดูกันไหมวะ”เสียงของเพื่อนในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากช่วงนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้จัดกิจกรรมรับน้องที่ลานเกียร์ ช่วงเย็นตั้งแต่ห้าโมงไปจนถึงหกโมงจะมีนักศึกษาปีหนึ่งไปรวมตัวกันที่นั่น โดยมีรุ่นพี่ปีสองดำเนินกิจกรรม และพี่ว้ากปีสามช่วยกำกับดูแลแต่พี่ว้ากที่ว่าไม่ใช่แก๊งหนุ่มฮอตของสาขาวิศวกรรมอุตสาหการอย่างกลุ่มของพวกเขา เย็นนี้จึงมีเวลาว่างเพราะไม่มีนัดที่ไหน“พวกมึงอยากไปก็ไปกันดิ กูเจ็บขาอยู่ จะกลับไปนอน”นที หนุ่มวิศวะฯ ปีสาม ลูกชายเจ้าของโรงงานแปรรูปอาหารและโรงแรมชื่อดังในตัวเมือง ผู้มีเบ้าหน้าฟ้าประทาน หล่อเหลากร้าวใจ ดวงตาคมมีเสน่ห์ สาวคนไหนเห็นก็ชื่นชอบและอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจ แต่ทว่าเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจสักที ได้รีบเอ่ยปฏิเสธเพื่อนเพราะไม่สนใจกลุ่มของเขามีด้วยกันห้าคน เพื่อนสนิทอีกสี่คนมีชื่อว่า ไอดิน อาทิตย์ ไวน์ และฟลุ๊ก นับได้ว่าเป็นแก๊งหนุ่มหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย การเรียนก็ไม่น้อยหน้ากัน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินออกจากตึกคณะหลังจากเรียนเสร็จไอ้สามคนหลังที่กล่าวมามีนิสัยชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เห็นใครสวยหน่อยไม่ได้ ต้องเข้าไปทำคว