LOGINNa-T: เลิกเรียนรึยัง กลับพร้อมกันไหม
KH_212: เลิกแล้วค่ะ แต่ยังกลับไม่ได้
Na-T: ทำไมล่ะ?
KH_212: งานยังไม่เสร็จค่ะ พี่กลับก่อนเลย
Na-T: อยู่ไหนเหรอ
KH_212: J.J cafe
หญิงสาวพิมพ์ข้อความส่งไป เขาอ่านแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ จึงนั่งแปลงานของจันจิต่อ สักพักก็มีชายหนุ่มถือแก้วกาแฟเย็น หย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้ว่างที่อยู่ตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ
“พี่ขอนั่งด้วยนะครับ น้องข้าวหอม”
“เอ่อ ค่ะ” น้ำเสียงชั่งใจดังขึ้น ทว่าเธอก็ตอบตกลงให้อีกฝ่ายนั่งด้วย
เขามีชื่อว่าทิว เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลตอนทำกิจกรรมรับน้อง มีนิสัยใจดี พูดเพราะ ใบหน้าหล่อตี๋ราวกับลูกครึ่งไทย-จีน และให้ความช่วยเหลือรุ่นน้องเป็นอย่างดี
“ทำไมมานั่งคนเดียวครับ เพื่อนน้องกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ พอดีงานหนูยังไม่เสร็จเลยให้เพื่อนกลับก่อน”
“ความคิดดีนะครับ เอางานมาทำในคาเฟ ได้กินของอร่อย แอร์เย็นสบาย ไอเดียก็จะเกิด”
ทิวคลี่ยิ้มให้คนตรงหน้า จ้องมองหญิงสาวน่ารักด้วยแววตาเปล่งประกาย ถ้าเธอชอบมานั่งที่แบบนี้ สงสัยคงต้องแวะมาบ่อย ๆ เสียแล้ว
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
ทิวเห็นหญิงสาวก้มลงมองกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ สลับกับพิมพ์ข้อความในมือถือ คิดว่าคงกำลังทำงานที่ว่ายังไม่เสร็จเกี่ยวกับเนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้น เขาก็พอมีความรู้และผลการเรียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร จึงเสนอความมีน้ำใจเผื่อว่าเธอจะต้องการ
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ทิว” หญิงสาวปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม
นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันได้สักพักข้าวหอมก็รู้สึกปวดปัสสาวะจึงขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เพราะงานยังไม่เสร็จ ขนมและน้ำที่สั่งยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง
ทิวมองตามแผ่นหลังของคนที่ลุกออกไป ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อตี๋เผยรอยยิ้มขึ้นใจเต้นแรง มือทั้งสองข้างเปียกชุ่มด้วยคราบเหงื่ออย่างตื่นเต้น
เขารู้สึกชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันตอนรับน้อง แม้จะคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค เจอหน้ากันแค่ไม่กี่หน แต่คนมันชอบก็คือชอบ ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับ และการได้มาเจอกันในครั้งนี้ ทิวกำลังชั่งใจ อยากลองขอคบกับเธอ แต่เห็นว่าสาวรุ่นน้องกำลังยุ่งอยู่ทำให้ไม่กล้าเอ่ยออกไป
ขณะนั่งอยู่ตามลำพังเขาก็เริ่มส่งเสียงพึมพำแผ่วเบาราวกับซักซ้อมบทพูด รวบรวมความกล้าเอาไว้บอกกับสาวรุ่นน้องตอนกลับมานั่งที่เดิม
“เราคบกันไหมครับ” ว่าพลางทำหน้าไม่มั่นใจ มันดูเร่งรัด เธอคงไม่ทันตั้งตัว
“พี่ชอบน้องข้าวหอมนะครับ น้องข้าวหอมมีแฟนรึยัง ถ้ายังไม่มีเรามาลองคบกันนะ” พูดจบก็ส่ายหน้า คิดว่าคงยาวไป
“ถ้าน้องข้าวหอมยังโสด พี่ขอจีบได้ไหมครับ”
ทิวคิดว่าประโยคหลังน่าจะดีสุด อย่างน้อยก็ขอจีบก่อน ยังไม่ต้องคบกันก็ได้ เปิดโอกาสให้เธอและเขาได้เรียนรู้กันและกัน แต่ทว่าคนตัวเล็กที่เขาแอบชอบยังไม่ทันได้กลับมานั่งเก้าอี้ตรงข้าม ก็มีเสียงเข้มดังขึ้นทางด้านหลัง
“โสดบ้านพ่อมึงดิ ผัวเธอยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
ทิวหันไปมองก็ปรากฏร่างของหนุ่มหล่อในชุดวิศวะฯ เดินเข้ามานั่งลงแทนที่ข้าวหอม ใบหน้าของอีกฝ่ายดุดัน จ้องมองมาทางเขาตาเขม็ง และเขาก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายคือใคร
“พี่กับน้องข้าวหอม เป็นแฟนกัน”
ทิวยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วยความประหลาดใจ นทีคือหนุ่มฮอตของคณะ ถ้ามีแฟนก็คงมีข่าวดังไปทั่ว แต่นี่เขาไม่เคยได้ยิน
“ก็เออดิ หรือมึงคิดว่าไง” เสียงเข้มของนทีเอ่ยยืนยัน
ขณะที่นทีเปิดประตูเดินเข้าร้านที่คนตัวเล็กพิมพ์ตอบกลับข้อความ ก็เห็นเพียงกระเป๋าของข้าวหอมวางอยู่บนเก้าอี้ แต่เจ้าตัวหายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วโต๊ะเดียวกันนั้นก็มีชายอีกคนที่สวมเสื้อช็อปสีเลือดหมูนั่งอยู่ ส่งเสียงพึมพำว่าจะขอเธอเป็นแฟน เขาไม่รู้จะทำอย่างไรเลยเอ่ยออกไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมถอยและไม่มายุ่งกับเธออีก
ทิวสังเกตสีหน้าของนทีที่เต็มไปด้วยความจริงจัง และแสดงความหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน หรือว่าข้าวหอมจะเป็นแฟนของรุ่นพี่คนนี้จริง ๆ
“ถ้างั้นผมไม่รบกวนเวลาของพี่สองคนแล้วครับ”
“อือ” นทีส่งเสียงในลำคออย่างขอไปที
ทิวลุกออกจากโต๊ะไปอย่างเสียดาย อีกทั้งยังไม่ได้ล่ำลาคนที่เขาแอบชอบ ไม่นานนักข้าวหอมก็ออกจากห้องน้ำ เดินกลับมาที่โต๊ะก็รู้สึกแปลกใจกับด้านหลังและทรงผมของทิวที่เปลี่ยนไป
“อ้าวพี่นที แล้วพี่ทิวล่ะคะ” เอ่ยพลางเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมที่อยู่ตรงข้ามกับนที หันใบหน้ามองไปยังโต๊ะรอบข้าง
“เธอหมายถึงใคร” เขาแสร้งไขสือ
“เมื่อกี้พี่ไม่เจอใครนั่งโต๊ะนี้เลยเหรอคะ”
“ไม่นี่ พี่เข้ามาก็เห็นแต่กระเป๋าใบนั้น” เขาชี้ไปที่กระเป๋าของเธอ
หญิงสาวนึกในใจ สงสัยพี่ทิวคงจะมีธุระเลยรีบกลับไปก่อน
“พี่มาได้ยังไงคะ”
“เดินมา” เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำหน้านิ่งใส่อีกฝ่าย จึงปรับมุมปากให้มีรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม
“งานยังค้างอีกเยอะไหม เอามาให้พี่ช่วยได้นะ พี่ตั้งใจมาอยู่เป็นเพื่อน”
“อยู่เป็นเพื่อน” หญิงสาวทำหน้างุนงง
“อย่างน้อยมีคนนั่งเป็นเพื่อนก็ดีกว่านั่งเหงาอยู่คนเดียว จริงไหม”
“อืม… ก็จริงค่ะ” เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มหวาน แล้วถามต่อ “อยากกินอะไรคะ เดี๋ยวหนูเลี้ยง”
“เป็นผู้หญิงจะเลี้ยงผู้ชายทำไม หน้าที่จ่ายเงินให้เป็นของพี่ดีกว่า”
“สุภาพบุรุษจัง เป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนไหมคะ”
ไม่รู้ว่าได้เผลอทำดวงตาเปล่งประกายตอนเอ่ยประโยคนี้ออกไปได้อย่างไร ทั้งยังถามว่าเขาเคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ข้าวหอม ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่ดังออกมาจากปากของหนุ่มรุ่นพี่
“ไม่ครับ พี่เป็นแบบนี้กับข้าวหอมคนเดียว”
ถ้อยคำของเขาทำให้บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบ ราวกับมีแค่เขาและเธอนั่งอยู่กันสองต่อสอง ภาพหนุ่มหล่อที่ปรากฏในดวงตาคู่สวย ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนใบหน้าขึ้นกะทันหัน อกข้างซ้ายพลันส่งเสียงเต้นแรงไม่เป็นส่ำแทบทะลุออกมาจากอก นี่เขากำลังจีบเธออยู่เหรอ
“ข้าวหอม”
“ข้าวหอม”
เสียงเรียกดังขึ้นสองครั้งก็ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ กระพริบตาปริบ ๆ เผยรอยยิ้มให้คนตรงหน้า
“เอาอะไรเพิ่มไหม พี่จะไปสั่งน้ำ”
“ไม่เอาแล้วค่ะ แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว หนูขอทำงานต่อดีกว่า”
หนุ่มหล่อลุกไปสั่งโกโก้เย็นที่เคาน์เตอร์ แล้วกลับมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เป็นเพื่อนเธออย่างเงียบ ๆ สายตาคู่คมชำเรืองมองใบหน้าคนตัวเล็กเป็นระยะ พลางยกยิ้มมุมปากบางจังหวะ เธอดูเป็นคนตั้งใจ จดจ่อกับงานที่ทำ มองยังไงก็น่ารักไปทุกมุม ยิ่งตอนเห็นผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้ ก็ทำให้เขารู้สึกหวงเธอมากขึ้นไปทุกที
ข้าวหอมปรือดวงตาขึ้นในช่วงสายของวันอย่างงัวเงีย แต่ดีที่ไม่มีอาการปวดหัวจากอาการเมาค้าง ทว่าคนข้างกายของเธอได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงกล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูวางอยู่ตรงที่เขานอนกอดเธอเมื่อคืนหญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนจะหยิบกล่องสีขาวขึ้นมาดึงริบบิ้นออก เปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในพร้อมกับใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วดวงตาคู่หวานก็ปรากฏร่องรอยของความแปลกใจกับของขวัญที่ได้รับด้านในกล่องมีกุญแจรถยนต์ และโบรชัวร์ของโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวยังอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสียงของนทีก็ดังขึ้นพลันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ทันได้สังเกตว่าเขายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร“ถูกใจของขวัญที่พี่ให้ไหม”“นี่คืออะไรเหรอคะ” เธอยังรู้สึกงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้“รถของเมียพี่ไงครับ แล้วก็บ้านหนึ่งหลังที่จะเป็นเรือนหอของเรา”เขาเอ่ยพลางเข้ามานั่งลงบนเตียง ตอนนี้ข้าวหอมก็เรียนจบแล้ว ได้เวลาสร้างครอบครัวที่เคยวาดฝันกันเอาไว้นทีได้ซื้อรถเก๋งให้เธอหนึ่งคันเป็นของขวัญวันเรียนจบ ส่วนโบรชัวร์โครงการบ้านเดี่ยว เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมการตัดสินใ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สองสาวเพื่อนรักอย่างข้าวหอมและอบเชยก็ได้เรียนจบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่ำนี้ประมาณหนึ่งทุ่มทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่เลานจ์ซึ่งเปิดให้บริการที่โรงแรมชื่อดัง หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวนทีหนุ่มหล่อสาวสวยรวมแปดคน นั่นก็คือ นที ข้าวหอม ไอดิน ปลายฟ้า ไวน์ อาทิตย์ ฟลุ๊ก และอบเชย ได้นั่งอยู่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตัว สั่งอาหารหลากหลายเมนู รวมถึงเหล้าพร้อมกับมิกเซอร์“มาครับทุกคน ฉลองให้กับสองสาวหน่อย”ไวน์ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วที่มีเหล้าผสมโซดา ยื่นออกไปตรงหน้าเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม แล้วเสียงแก้วทั้งแปดใบก็ยื่นออกไปกระทบกัน ก่อนจะยกจรดริมฝีปากของตัวเองกระดกน้ำสีอำพันกลืนลงคอจนหมดแก้วคืนนี้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อแสดงความยินดีให้กับว่าที่บัณฑิตใหม่ทั้งสองคน ไม่เมาไม่กลับ“พี่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางหยิบของขวัญที่เตรียมมาด้วยยื่นให้กับคนเรียนจบ“นี่ของข้าวหอมจ้ะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางมอบของขวัญสองอย่างให้กับแฟนน้องชาย“ขอบคุณนะคะพี่ปลายฟ้า”ข้าวหอมรับมาไว้ในมือ คนอื่น ๆ ก็เชียร์ให้เปิดดู พบว่าเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ขึ้นชื่อ และยังมีสร้อยข้อมือประดับเพชร“ว้าว สวยมาก
อาทิตย์ต่อมาครอบครัวฝ่ายชายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบทองห้าบาท เงินสดสามล้านตามที่ครอบครัวฝ่ายหญิงประสงค์ ทุกคนต่างมากันอย่างพร้อมหน้ารวมทั้งข้าวหอม นที และยายของหญิงสาวการมอบสินสอดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้คำมั่นและความไว้วางใจ บ่งบอกว่าลูกสาวของบ้านนี้ได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของอีกบ้านแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านพิธีการใด“ในส่วนนี้พวกคุณเก็บไว้ได้เลยนะคะ ส่วนในอนาคตพวกเราคงต้องขอสงวนสิทธิ์ให้หนูข้าวหอมรับเพียงคนเดียว”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าจะขัดใจอีกฝ่าย ทำให้จินดารีบโพล่งขึ้น“อนาคต หมายถึงอะไร”“เราทำตามที่ตกลงกันแล้วนะคะ ทองห้าบาท เงินสดสามล้าน หนูข้าวหอมอยู่กับลูกชายของเรา คุณยายย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากเรียนจบพวกเราจะจัดงานแต่งกันอีกครั้ง”“อันนี้ฉันเข้าใจ แต่ทำไมต้องสงวนสิทธิ์ให้แค่ข้าวหอม”“หยุดพูดได้แล้ว”ในขณะที่จินดารู้สึกขัดใจกับถ้อยคำอีกฝ่าย สามีของเธอก็ส่งเสียงเอ็ดทำให้สงบปากสงบคำในทันทีเพราะเมื่อหลายวันก่อน หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สามีก็ได้เรียกลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้าน อยู่กันครบทั้งแม่ลูก ก็ได้ต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
“ตอนที่พวกคุณไปเจอเด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน หนูข้าวหอมได้แจ้งชัดเจนแล้วนะคะว่าอยากจะพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก พวกเราเลยจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปถามแฟนของลูกชาย“แล้วยายของหนูล่ะจ๊ะ”“ยายอยู่บ้านอีกหลังค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง กลัวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย“ดิฉันว่าให้คุณยายมาฟังสิ่งที่พวกเราคุยกันด้วยดีกว่านะคะ ยังไงท่านก็เป็นอีกคนที่เลี้ยงดูหนูข้าวหอมมา”ขันธ์ชัยเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนั้น จึงเรียกให้แม่บ้านไปพาแม่ของภรรยาผู้ล่วงลับเข้ามานั่งในห้องนี้อีกคนหญิงชรานั่งลงข้างหลานสาว ยังไม่รู้ว่าการถูกเรียกตัวเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในรอบกี่ปีก็จำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังมีคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหากและพอลูกเขยแนะนำให้รู้จักอีกฝ่าย มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้รับทราบ หญิงชราก็รู้สึกยินดีที่หลานสาวมีคนรัก และพร้อมจะดูแลเธอต่อจากนี้ แต่ที่ยังไม่ทราบคือ…“หนูข้าวหอมอยากพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก คุณยายสะดวกไหมคะ” แม่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนชรายายหลานหันจ้องมองกัน ข้าวหอมกอดแขนของยายแน่น แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังหญิงชร
ในขณะข้าวหอมและนทีกลับเข้าห้อง เขาก็คว้าเอาแฟนสาวเข้ามาโอบกอด แผ่นหลังของเธอสั่นไหว ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่พูดไม่ดีกับพ่อของเราไป”“ฮึก พี่นทีไม่ผิดค่ะ ฮึก หนูผิดเอง”“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าวหอมดีที่สุดสำหรับพี่ ดีที่สุดสำหรับทุกคน”ทว่าเธอกลับตอกย้ำตัวเองในใจ ว่ายังไม่ดีพอสำหรับคนบ้านนั้น อยู่ที่นั่นเธอไม่มีพื้นที่ให้หายใจ ทำอะไรก็ผิด โดนเอาเปรียบ ถูกต่อว่า มีแค่ยายที่เป็นที่พึ่งพิง ให้ความรักความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียว“พี่นที ฮึก ยายยังอยู่ที่นั่น”เขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องหาบ้านให้ยายแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของแฟนสาวกำลังบอบช้ำ พวงแก้มก็เป็นรอยนิ้วมือบวมแดง จะปล่อยให้ไปหายายตอนนี้ข้าวหอมคงยังไม่พร้อม“เดี๋ยวพี่จัดการให้”*****สองวันต่อมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านเจ้าของตลาดใหญ่ดังขึ้นอยู่สองครั้ง แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เมื่อทราบว่าคนที่มาเยือนมีธุระกับเจ้านายของตนด้วยเรื่องสำคัญ จึงเชิญเข้าไปนั่งรอในบ้าน แล้วรีบแจ้งให้ผู้เป็นนายรับทราบพ่อแม่ของนทีพร้อมด้วยทนายได้เข้าไปที่บ้านของข้าวหอม ตามคำขอของลูกชาย และพอเจ้าของบ้า
ทางด้านจันจิหลังจากตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับเข้าบ้านในวันเสาร์ เนื่องจากหลักฐานการถูกทำร้ายยังอยู่บนแก้มทั้งสองข้างไม่จางหาย“หน้าลูกไปโดนอะไรมา นี่มันรอยมือใช่ไหม”ขณะกำลังกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ของจันจิได้เห็นรอยนิ้วมือบนพวงแก้มของลูกสาวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ผู้เป็นสามีเบี่ยงสายตาตำหนิลูกสาวทันที“ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”“นี่คุณ ถามให้มันดี ๆ หน่อย ลูกของเราไม่ใช่เด็กเกเร”“แค่กินเที่ยวไม่เว้นวัน”แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เห็นลูกเจ็บ แต่พ่อก็มักจะพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนมอยู่เสมอ“เด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีบ้างสิ ทำอย่างกับตอนเรียนคุณไม่เที่ยว”ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงสมัยเรียนก็ทำให้จันจินึกถึงคำพูดของข้าวหอมเมื่อคืน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อถามเอาความจริงจากเรื่องนั้น แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า“เมื่อคืนหนูไปเที่ยวกับเพื่อนจริง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”“ไม่มีเรื่อง แล้วรอยนี่มาได้ยังไง” แม่ของเธอเอ่ย“เอ่อ เมื่อคืนหนูเจอ…” จันจิแสร้งทำหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากจะเอ่ย เมื่อเห็นพวกท่านจ้องเธอด้วยรอฟังคำตอบ จันจิจึงพูดต่อ“เจอข้าวหอมไปกับผู้ชาย”แล





![NightZ [I] THE LOST MEMORIES](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

