LOGIN“เสร็จแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน”
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงงานที่เธอรับมาทำก็แล้วเสร็จ ข้าวหอมเอ่ยพลางเก็บกระดาษที่พี่สาวต่างมารดาจดข้อความให้พร้อมกับโทรศัพท์ที่ส่งอีเมลไปให้จันจิเรียบร้อยแล้วเข้ากระเป๋า
“งั้นเรากลับด้วยกันเลยนะ”
“ค่ะ”
หญิงสาวเห็นว่าเริ่มเย็นมากแล้ว ช่วงนี้เป็นเวลารถติด ทั้งนักศึกษาเลิกเรียน คนกลับจากที่ทำงาน และบางส่วนก็เริ่มออกมาจับจ่ายตลาดเพื่อหากับข้าวมื้อค่ำ เธอจึงตอบตกลงอาศัยรถของหนุ่มรุ่นพี่เพื่อเดินทางกลับอะพาร์ตเมนต์
ระหว่างพากันเดินไปขึ้นรถซึ่งจอดอยู่ลานกว้างด้านหลังตึกคณะ ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเรื่องทั่วไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกินไป รวมถึงเรื่องที่เขาชวนเธอไปกินข้าว แต่ทว่ายังรู้สึกแน่นท้องกับเค้กและน้ำปั่นจึงปฏิเสธไป เนื่องด้วยเกรงใจที่เขามานั่งเป็นเพื่อนและยังขับรถไปส่งที่พักด้วย
รถของนทีเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยไปพร้อมกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ คละเคล้ากับแอร์เย็นสร้างความหอมภายในรถ ส่งผลให้มุมปากของเสือยิ้มยากเผยขึ้นเป็นระยะ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ทั้งเรื่องที่ไปอยู่เป็นเพื่อน แล้วก็มาส่งที่นี่”
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก จะให้มารับมาส่งทุกวันยังได้เลย”
“งั้นหนูขึ้นห้องก่อนนะคะ ขับรถดี ๆ นะ” เธอว่าพลางโบกมือไปมาด้วยรอยยิ้มหวานให้กับคนที่พยักหน้ารับรู้ โดยที่อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มหล่อตอบกลับมา
ข้าวหอมเปิดประตูก้าวลงจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในตึกสูงก็เหลียวกลับมามองรถของหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้งด้วยก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่สั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ารถของนทีเคลื่อนตัวออกไปแล้วจึงรีบขึ้นห้อง
ร่างเล็กหงายหลังล้มลงนอนบนเตียงที่ปูด้วยผ้าลายการ์ตูนโทนขาวฟ้าด้วยใบหน้าเอิบอิ่ม เธอสังเกตเห็นอยู่ตลอดว่าตอนนั่งอยู่คาเฟได้ถูกอีกฝ่ายจับจ้องด้วยสายตาที่พร้อมทำให้ใจละลาย ถ้าตอนนั้นไม่ได้เพ่งสมาธิไปที่งานของพี่สาว เธอคงแสดงท่าทางเขินอายที่แทบจะปกปิดไม่มิดออกมาอย่างแน่นอน
*****
“วันนั้นไม่ได้ไปดูหนัง วันนี้ต้องไปให้ได้นะ”
ขณะเดินออกจากตึกคณะอบเชยได้เอ่ยกับข้าวหอมหลังจากเรียนคาบบ่ายเสร็จ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่ชวนกันครานั้น หวังว่าครั้งนี้เพื่อนจะไม่มีเหตุจำเป็นต้องปฏิเสธการชวนของเธออีก
“อื้อ ไปก็ไป”
“ไปด้วยสิ”
ข้าวหอมเอ่ยตอบไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงของคนคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ส่งผลให้อบเชยสะดุ้งโหยงเปล่งเสียงอุทานออกมาทันที เพราะเธอเป็นคนขี้ตกใจ
“ว้ายตาเถร”
“ตาเถรอะไรจะหล่อขนาดนี้”
นทีชมตัวเองอย่างไม่อายปาก ก่อนจะแทรกตัวมายืนอยู่ตรงหน้าสองสาวที่กำลังชวนกันไปดูหนังหลังเลิกเรียน ก็ได้เห็นใบหน้าหวานของคนที่อยากเจอชัดเจนขึ้น เธอกำลังระบายยิ้มอย่างน่ารักเป็นกันเองออกมา
“จะไปดูหนังกันเหรอ พี่ขอไปด้วยสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
ใบหน้าของข้าวหอมหันไปทางเพื่อนเพื่อถามความเห็น ด้วยเกรงว่าอบเชยจะไม่สะดวก ทว่าเพื่อนของเธอกลับถามถึงอีกประเด็น
“เมื่อกี้พี่บอกจะเลี้ยงใช่ปะ งั้นโอเค” อยากใจป๋าดีนักอบเชยจึงไม่คัดค้าน
“เพื่อนอนุญาตแล้ว งั้นเราไปรถพี่นะ” นทีเอ่ยกับข้าวหอมอีกครั้ง หวังว่าเธอจะนั่งรถไปด้วยกัน
“ค่ะ”
ข้าวหอมตอบตกลง อบเชยก็รีบคว้าแขนของเธอเข้าไปกอดเกี่ยว ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังตึกคณะเพื่อไปขึ้นรถของนที
เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้า อบเชยก็เกี่ยวเรียวแขนของเพื่อนสนิทอีกครั้งที่ก้าวลงจากรถเพื่อหวังจะแกล้งนทีเล่น เห็นอยากทำฟอร์มเป็นรุ่นพี่ไม่คิดอะไรดีนัก อย่างนั้นก็ปล่อยให้เดินตามและมีหน้าที่จ่ายเงินก็แล้วกัน
หลังจากซื้อบัตรเข้าชมภาพยนตร์และของกินเสร็จ ทั้งสามก็นั่งรอรอบที่จะเข้าชมตรงโซฟา เมื่อได้เวลาแล้วจึงพากันเข้าไปด้านใน แต่คราวนี้อบเชยจัดแจงเลือกที่นั่งด้านซ้าย ให้นทีนั่งด้านขวา ส่วนตรงกลางก็เป็นของเพื่อนรักอย่างข้าวหอม
หนุ่มหล่อกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ นึกว่าจะโดนเพื่อนของเธอแกล้งกีดกันจนกระทั่งดูหนังจบเสียอีก
ผ่านไปสักพักข้าวหอมก็พลันตกใจกับหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังโน้มศีรษะมาทางเธอ ใจดวงน้อยส่งเสียงโครมครามแข่งกับเสียงพากย์ที่ดังออกมาจากลำโพง
นทีก้มดูดหลอดน้ำอัดลม และพอใบหน้าหล่อเงยขึ้นก็พบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างเป็นคำถาม
เขาจึงเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอ”
“แก้วพี่อยู่ฝั่งนู้นค่ะ” มือเล็กชี้ไปที่แก้วน้ำซึ่งวางอยู่ตรงฝั่งขวามือของนที
“อ่อ โทษที พี่ลืมน่ะ งั้นพี่ออกไปซื้อให้ใหม่นะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ข้าวหอมตอบน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
“แน่ใจว่าใช้หลอดเดียวกันได้” เขาถามย้ำอีกครั้ง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย สังเกตใบหน้าของอีกฝ่าย
“ค่ะ” ว่าพลางใจเต้นแรงตึกตัก รีบคว้าแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดูดราวกับคอแห้งขึ้นมากะทันหัน
ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กเล็กน้อย รีบหันมองหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ฉายภาพอยู่ตรงหน้า พวงแก้มทั้งสองข้างนั้นร้อนผ่าวแม้ว่าอุณหภูมิในห้องโถงจะเย็นเฉียบก็ตาม
เธอกำลังรู้สึกว่าแย่แล้ว เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ภาพยนตร์ที่ดูอยู่ก็แทบไม่รู้เรื่อง
ทำยังไงดี ข้าวหอมพูดกับตัวเองในใจราวกับเก็บอาการไม่อยู่ และนั่นก็คือสิ่งที่หนุ่มหล่อข้างกายต้องการ ยิ่งเธอแสดงว่าเสียอาการมากเท่าไร ก็แปลว่าหวั่นไหวกับเขามากขึ้นเท่านั้น
“พี่นทีฝากเพื่อนหนูด้วยนะคะ ฉันกลับก่อนนะแก พอดีแม่โทรตามให้กลับไปกินข้าวที่บ้าน” อบเชยบอกกับทั้งสองหลังจากเดินออกจากโรงภาพยนตร์
“อื้อ บ้ายบาย” ข้าวหอมโบกมือล่ำลา
“เหลือแค่เราสองคนแล้ว ไปกินข้าวก่อนกลับไหม”
“ค่ะ หนูขอเลี้ยงคืนได้ไหมคะ”
“ถ้ามันเป็นความต้องการของเธอ พี่ก็จะยอมให้เธอเลี้ยงดูสักมื้อแล้วกัน”
ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มขำขันขึ้น ส่งผลให้หญิงสาวหลุดเสียงหัวเราะแผ่วเบาออกมา
ข้าวหอมพานทีไปยังร้านที่เปิดในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ช่วงเย็นคนค่อนข้างแน่น ดีที่ยังเหลือโต๊ะว่างสำหรับทั้งสองคน เข้าไปสั่งอาหารและนั่งรอไม่นานราเมนสองชามก็มาเสิร์ฟ
“ถ้าไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้นะคะ”
เธอบอกกับคนที่นั่งตรงข้าม สำหรับเธอชามเดียวก็อิ่มจนแน่นท้องแล้ว แต่สำหรับคนตัวโตอย่างเขาอาจจะต้องเบิลสองชาม
“หึ เห็นพี่เป็นหมูหรือไง แค่ชามเดียวก็พอแล้ว” ว่าพลางยื่นมือวางบนศีรษะของคนตัวเล็ก ขยี้ผมของเธออย่างเบามือ
อีกคนย่นคอลงส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา “คิกคิก โอเคค่ะ หนูแค่กลัวพี่ไม่อิ่มเฉย ๆ”
ระหว่างที่นั่งกินไปได้สักพัก โทรศัพท์ของข้าวหอมที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีแสงไฟปรากฎขึ้นพร้อมกับเสียงของข้อความ มือเล็กคว้าขึ้นมาเปิดอ่าน พลันสีหน้าที่สดใสเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปทันที
ข้าวหอมปรือดวงตาขึ้นในช่วงสายของวันอย่างงัวเงีย แต่ดีที่ไม่มีอาการปวดหัวจากอาการเมาค้าง ทว่าคนข้างกายของเธอได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงกล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูวางอยู่ตรงที่เขานอนกอดเธอเมื่อคืนหญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนจะหยิบกล่องสีขาวขึ้นมาดึงริบบิ้นออก เปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในพร้อมกับใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วดวงตาคู่หวานก็ปรากฏร่องรอยของความแปลกใจกับของขวัญที่ได้รับด้านในกล่องมีกุญแจรถยนต์ และโบรชัวร์ของโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวยังอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสียงของนทีก็ดังขึ้นพลันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ทันได้สังเกตว่าเขายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร“ถูกใจของขวัญที่พี่ให้ไหม”“นี่คืออะไรเหรอคะ” เธอยังรู้สึกงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้“รถของเมียพี่ไงครับ แล้วก็บ้านหนึ่งหลังที่จะเป็นเรือนหอของเรา”เขาเอ่ยพลางเข้ามานั่งลงบนเตียง ตอนนี้ข้าวหอมก็เรียนจบแล้ว ได้เวลาสร้างครอบครัวที่เคยวาดฝันกันเอาไว้นทีได้ซื้อรถเก๋งให้เธอหนึ่งคันเป็นของขวัญวันเรียนจบ ส่วนโบรชัวร์โครงการบ้านเดี่ยว เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมการตัดสินใ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สองสาวเพื่อนรักอย่างข้าวหอมและอบเชยก็ได้เรียนจบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่ำนี้ประมาณหนึ่งทุ่มทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่เลานจ์ซึ่งเปิดให้บริการที่โรงแรมชื่อดัง หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวนทีหนุ่มหล่อสาวสวยรวมแปดคน นั่นก็คือ นที ข้าวหอม ไอดิน ปลายฟ้า ไวน์ อาทิตย์ ฟลุ๊ก และอบเชย ได้นั่งอยู่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตัว สั่งอาหารหลากหลายเมนู รวมถึงเหล้าพร้อมกับมิกเซอร์“มาครับทุกคน ฉลองให้กับสองสาวหน่อย”ไวน์ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วที่มีเหล้าผสมโซดา ยื่นออกไปตรงหน้าเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม แล้วเสียงแก้วทั้งแปดใบก็ยื่นออกไปกระทบกัน ก่อนจะยกจรดริมฝีปากของตัวเองกระดกน้ำสีอำพันกลืนลงคอจนหมดแก้วคืนนี้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อแสดงความยินดีให้กับว่าที่บัณฑิตใหม่ทั้งสองคน ไม่เมาไม่กลับ“พี่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางหยิบของขวัญที่เตรียมมาด้วยยื่นให้กับคนเรียนจบ“นี่ของข้าวหอมจ้ะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางมอบของขวัญสองอย่างให้กับแฟนน้องชาย“ขอบคุณนะคะพี่ปลายฟ้า”ข้าวหอมรับมาไว้ในมือ คนอื่น ๆ ก็เชียร์ให้เปิดดู พบว่าเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ขึ้นชื่อ และยังมีสร้อยข้อมือประดับเพชร“ว้าว สวยมาก
อาทิตย์ต่อมาครอบครัวฝ่ายชายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบทองห้าบาท เงินสดสามล้านตามที่ครอบครัวฝ่ายหญิงประสงค์ ทุกคนต่างมากันอย่างพร้อมหน้ารวมทั้งข้าวหอม นที และยายของหญิงสาวการมอบสินสอดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้คำมั่นและความไว้วางใจ บ่งบอกว่าลูกสาวของบ้านนี้ได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของอีกบ้านแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านพิธีการใด“ในส่วนนี้พวกคุณเก็บไว้ได้เลยนะคะ ส่วนในอนาคตพวกเราคงต้องขอสงวนสิทธิ์ให้หนูข้าวหอมรับเพียงคนเดียว”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าจะขัดใจอีกฝ่าย ทำให้จินดารีบโพล่งขึ้น“อนาคต หมายถึงอะไร”“เราทำตามที่ตกลงกันแล้วนะคะ ทองห้าบาท เงินสดสามล้าน หนูข้าวหอมอยู่กับลูกชายของเรา คุณยายย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากเรียนจบพวกเราจะจัดงานแต่งกันอีกครั้ง”“อันนี้ฉันเข้าใจ แต่ทำไมต้องสงวนสิทธิ์ให้แค่ข้าวหอม”“หยุดพูดได้แล้ว”ในขณะที่จินดารู้สึกขัดใจกับถ้อยคำอีกฝ่าย สามีของเธอก็ส่งเสียงเอ็ดทำให้สงบปากสงบคำในทันทีเพราะเมื่อหลายวันก่อน หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สามีก็ได้เรียกลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้าน อยู่กันครบทั้งแม่ลูก ก็ได้ต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
“ตอนที่พวกคุณไปเจอเด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน หนูข้าวหอมได้แจ้งชัดเจนแล้วนะคะว่าอยากจะพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก พวกเราเลยจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปถามแฟนของลูกชาย“แล้วยายของหนูล่ะจ๊ะ”“ยายอยู่บ้านอีกหลังค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง กลัวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย“ดิฉันว่าให้คุณยายมาฟังสิ่งที่พวกเราคุยกันด้วยดีกว่านะคะ ยังไงท่านก็เป็นอีกคนที่เลี้ยงดูหนูข้าวหอมมา”ขันธ์ชัยเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนั้น จึงเรียกให้แม่บ้านไปพาแม่ของภรรยาผู้ล่วงลับเข้ามานั่งในห้องนี้อีกคนหญิงชรานั่งลงข้างหลานสาว ยังไม่รู้ว่าการถูกเรียกตัวเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในรอบกี่ปีก็จำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังมีคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหากและพอลูกเขยแนะนำให้รู้จักอีกฝ่าย มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้รับทราบ หญิงชราก็รู้สึกยินดีที่หลานสาวมีคนรัก และพร้อมจะดูแลเธอต่อจากนี้ แต่ที่ยังไม่ทราบคือ…“หนูข้าวหอมอยากพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก คุณยายสะดวกไหมคะ” แม่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนชรายายหลานหันจ้องมองกัน ข้าวหอมกอดแขนของยายแน่น แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังหญิงชร
ในขณะข้าวหอมและนทีกลับเข้าห้อง เขาก็คว้าเอาแฟนสาวเข้ามาโอบกอด แผ่นหลังของเธอสั่นไหว ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่พูดไม่ดีกับพ่อของเราไป”“ฮึก พี่นทีไม่ผิดค่ะ ฮึก หนูผิดเอง”“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าวหอมดีที่สุดสำหรับพี่ ดีที่สุดสำหรับทุกคน”ทว่าเธอกลับตอกย้ำตัวเองในใจ ว่ายังไม่ดีพอสำหรับคนบ้านนั้น อยู่ที่นั่นเธอไม่มีพื้นที่ให้หายใจ ทำอะไรก็ผิด โดนเอาเปรียบ ถูกต่อว่า มีแค่ยายที่เป็นที่พึ่งพิง ให้ความรักความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียว“พี่นที ฮึก ยายยังอยู่ที่นั่น”เขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องหาบ้านให้ยายแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของแฟนสาวกำลังบอบช้ำ พวงแก้มก็เป็นรอยนิ้วมือบวมแดง จะปล่อยให้ไปหายายตอนนี้ข้าวหอมคงยังไม่พร้อม“เดี๋ยวพี่จัดการให้”*****สองวันต่อมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านเจ้าของตลาดใหญ่ดังขึ้นอยู่สองครั้ง แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เมื่อทราบว่าคนที่มาเยือนมีธุระกับเจ้านายของตนด้วยเรื่องสำคัญ จึงเชิญเข้าไปนั่งรอในบ้าน แล้วรีบแจ้งให้ผู้เป็นนายรับทราบพ่อแม่ของนทีพร้อมด้วยทนายได้เข้าไปที่บ้านของข้าวหอม ตามคำขอของลูกชาย และพอเจ้าของบ้า
ทางด้านจันจิหลังจากตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับเข้าบ้านในวันเสาร์ เนื่องจากหลักฐานการถูกทำร้ายยังอยู่บนแก้มทั้งสองข้างไม่จางหาย“หน้าลูกไปโดนอะไรมา นี่มันรอยมือใช่ไหม”ขณะกำลังกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ของจันจิได้เห็นรอยนิ้วมือบนพวงแก้มของลูกสาวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ผู้เป็นสามีเบี่ยงสายตาตำหนิลูกสาวทันที“ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”“นี่คุณ ถามให้มันดี ๆ หน่อย ลูกของเราไม่ใช่เด็กเกเร”“แค่กินเที่ยวไม่เว้นวัน”แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เห็นลูกเจ็บ แต่พ่อก็มักจะพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนมอยู่เสมอ“เด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีบ้างสิ ทำอย่างกับตอนเรียนคุณไม่เที่ยว”ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงสมัยเรียนก็ทำให้จันจินึกถึงคำพูดของข้าวหอมเมื่อคืน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อถามเอาความจริงจากเรื่องนั้น แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า“เมื่อคืนหนูไปเที่ยวกับเพื่อนจริง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”“ไม่มีเรื่อง แล้วรอยนี่มาได้ยังไง” แม่ของเธอเอ่ย“เอ่อ เมื่อคืนหนูเจอ…” จันจิแสร้งทำหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากจะเอ่ย เมื่อเห็นพวกท่านจ้องเธอด้วยรอฟังคำตอบ จันจิจึงพูดต่อ“เจอข้าวหอมไปกับผู้ชาย”แล







