Masukในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปอนด์ก็ได้นัดเพื่อนมาเที่ยวเล่นที่คอนโด หากิจกรรมสนุกทำคลายเครียด มารีนได้ชวนเมษาไปเป็นเพื่อน ที่จริงก็ชวนวายุด้วยแต่หมอนั่นไม่ยอมมา ก็เลยต้องเรียกรถแท็กซีมากันเอง
เมื่อเข้าไปในห้อง เจ้าของสถานที่อย่างปอนด์ก็เดินไปเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบเบียร์ออกมาให้เพื่อนคนละกระป๋อง แต่ว่าพวกเธอก็เพิ่งจะเรียนปีหนึ่งอยู่เลย ยังไม่เคยแตะของมึนเมาเลยสักครั้ง
“พวกมึงไปซื้อเบียร์ที่ไหนมา แถวนี้ไม่ขายให้คนอายุไม่ถึงยี่สิบนี่” มารีนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“มึงลืมไปแล้วเหรอว่าพี่ชายกูเป็นเจ้าของโกดังขายส่งเครื่องดื่ม” ปอนด์เอ่ยตอบอย่างภูมิใจ
“เออ กูลืม”
สองสาวนั่งลงตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น จากนั้นคูเปอร์ก็นำอุปกรณ์บอร์ดเกมคำต้องห้ามมาอย่างครบเซต ทั้งสี่คนต่างเลือกคำใบ้ที่พิมพ์ลงบนกระดาษคนละใบ แล้วนำไปติดสายคาดตรงหน้าผากที่สวมใส่อยู่บนศีรษะของแต่ละคน โดยห้ามแอบดูคำที่ตนเองได้รับ จากนั้นก็เริ่มเล่นเกมชิงไหวชิงพริบกัน
สายตาแต่ละคู่จดจ้องไปยังคำใบ้เพื่อหลอกล่อให้เพื่อนเอ่ยคำนั้นออกมา จะได้แพ้และโดนทำโทษด้วยการดื่มหนึ่งกระป๋องให้หมด
มารีนได้คำว่านอน เมษาได้คำว่าจับ ปอนด์ได้คำว่าเล่น และคูเปอร์ได้คำว่ากิน
“เริ่มจากมึงก่อนเลยมารีน มึงคิดว่าคนเราควรนอนวันละแปดชั่วโมงจริงไหมวะ” คูเปอร์อยากแกล้งเพื่อนสาวเป็นคนแรก รีบเอ่ยคำถามขึ้นก่อนใคร
“ฮั่นแน่ ต้องเป็นคำนี้แน่เลย ก็ต้องจริงดิ ตื่นมาจะได้สดชื่น คิกคิก”
“นายล่ะปอนด์ ชอบเล่นเกมเหรอ เห็นชวนมาห้องครั้งแรกก็ให้พวกเราเล่นเกมกันเลย” เมษาตั้งคำถามบ้าง
“ก็แหงอยู่แล้ว เรื่องเล่นเกมฉันคือที่หนึ่ง”
“คิกคิกคิก” เมษาส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
“ทำเป็นปากดีนะไอ้ปอนด์ ฮ่าฮ่าฮ่า” ตามมาด้วยเสียงของมารีน
“มึงแพ้แล้วไอ้สัส ฮ่าฮ่า” คูเปอร์หัวเราะเยาะเพื่อนอีกคน
“อะไรวะ”
ปอนด์รีบดึงป้ายที่ติดอยู่เหนือศีรษะลงมาดูอย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่เสียงหัวเราะของทั้งสามคนดังลั่นอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของห้อง เขาก็อุตส่าห์จะโชว์มันสมองเสียหน่อยว่าเล่นเกมไม่เคยแพ้เป็นคนแรกมาก่อน แต่ไหงกลายเป็นต้องมาทำโทษตัวเองด้วยการยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนใครจนได้
“เห็นมารีนบอกเมษาเป็นคนชอบจับผิด เธอเป็นอย่างที่มันว่าหรือเปล่า” คูเปอร์แสร้งถามแบบเนียน ๆ โดยไม่ได้เผลอพิรุธแต่อย่างใด
“ใครบอกว่าฉันชอบจับผิด ฉันก็แค่…” เมษากะจะพูดต่อว่าแค่เป็นคนช่างสังเกต ไม่คิดว่าเธอจะทำพลาดไปแล้ว
“หลงกลไอ้คูเปอร์มันแล้ว คิกคิก” มารีนหลุดเสียงขำใส่เพื่อนรัก
“ฮ่าฮ่า ทำโทษตัวเองเลยเมษา”
คูเปอร์เอ่ยพลางเทน้ำสีเหลืองทองลงในแก้วพร้อมกับหยิบน้ำแข็งใส่ตามลงไป แล้วยื่นให้กับคนแพ้ในเกมนี้ เนื่องจากสาว ๆ ยังไม่เคยดื่มมาก่อนเลยต้องใส่น้ำแข็งลงไปด้วยเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น
“เหลือแค่กูกับมึงแล้วไอ้คูเปอร์”
มารีนส่งดวงตาคู่สวยที่แผ่รังสีความอยากเอาชนะจ้องเข้าไปในดวงตาของคูเปอร์ พร้อมกับริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นเพื่อข่มขวัญ แต่มีหรือเพื่อนชายของเธอจะรู้สึกหวั่นเกรง
ทั้งสองคนผลัดกันตั้งคำถาม หลอกล่อให้อีกฝ่ายหลุดคำต้องห้ามออกมาอยู่หลายคราแต่ก็ยังกินกันไม่ลง จนกระทั่งคูเปอร์เอ่ยประโยคนี้ขึ้น
“เลิกเล่นเถอะ กูหมดสนุกแล้วว่ะ”
“ขี้เกียจเล่นมึงก็กลับไปนอนเลยไป”
มารีนเอ่ยปากไล่คูเปอร์อย่างเสียงอารมณ์ เห็นว่าโต้ตอบกันไปมาเกินกว่าสิบนาที ก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ เพื่อนคงจะขี้เกียจเล่นต่อ แต่ที่ไหนได้ เธอดันติดกับดักไอ้เจ้าเล่ห์นี่เข้าจนได้
“ฮ่าฮ่า มารีน มึงแพ้กูแล้ว”
มารีนรีบดึงสายคาดศีรษะลงมาดูคำต้องห้าม ก็พบกับคำว่านอนที่เธอเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่ จึงทำได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ ยื่นมือออกไปรอรับแก้วเบียร์
“เอ่อ ๆ เทมา”
จบเกมนี้ทั้งสี่คนก็นั่งเล่นเกมโดมิโนกันต่อ เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง มารีนก็รู้สึกเบื่อไม่อยากเล่นเกม จึงได้แต่นั่งมองพวกเพื่อนเล่นกันแค่สามคน ในขณะเดียวกันปอนด์ก็ขนเบียร์ออกมาจากตู้เย็นเรื่อย ๆ พวกเธอก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มจนใบหน้าของแต่ละคนเคลือบไปด้วยสีเลือดฝาด ดวงตาแต่ละคู่หวานหยาดเยิ้ม เริ่มพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงยาน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่มารีนเอนแผ่นหลังพิงกับพนักโซฟานั่งเล่นโทรศัพท์ ปลายนิ้วที่ใช้เลื่อนบนหน้าจอดูโพสต์ต่าง ๆ ในแอปพลิเคชันสีฟ้า ก็เห็นโพสต์ของเพื่อนชายสุดเนิร์ดของเธอที่ถ่ายรูปตอนนอนอ่านหนังสือบนโซฟา จึงคิดอยากส่งข้อความเข้าไปก่อกวน
Marine: ทำอะไรอยู่
Wayu: อ่านหนังสือ
Marine: ออกมาหากูได้ปะ กูเมาแล้ว
Wayu: อยู่ที่ไหน
Marine: ห้องผู้ชาย
Wayu: ส่งโลเคชันมา เดี๋ยวรีบไป
Marine: (โลเคชันคอนโดปอนด์)
มารีนปิดข้อความพร้อมกับริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่คิดว่าวายุจะเป็นห่วงเธอมากเหมือนกัน แค่บอกว่าเมาอยู่ห้องเพื่อนแค่นี้ก็รีบออกมาหาแล้ว
ประมาณยี่สิบนาทีต่อมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนในห้องต่างเงยหน้าขึ้นมองกันอย่างเป็นคำถาม
“เพื่อนกูมา เดี๋ยวกูไปเปิดเอง”
เอ่ยจบมารีนก็ลุกออกจากโซฟา เดินไปที่ประตูด้วยสภาพคล้ายกับปูนาขาเก เธอเริ่มมึนระดับหนึ่ง ภาพตรงหน้าคล้ายกับมันกำลังเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ก็ยังครองสติตัวเองให้เดินไปถึงหน้าประตูและเปิดให้ใครอีกคนเข้ามาได้
“มาแล้วเหรอ”
หญิงสาวยกยิ้มจนตาหยี เอ่ยกับเพื่อนชายที่เพิ่งมาถึง
“อือ”
วายุขานรับพลางส่งสายตามองเข้าไปทางเสียงที่ดังขึ้น ก็พบว่าเมษาก็อยู่ด้วย เขาก็นึกเป็นห่วงคิดว่ามารีนจะออกมาคนเดียวเสียอีก
“เมาแล้วทำไมถึงยังไม่กลับ แล้วนี่เมษาก็มาด้วยเหรอ”
“อืม” เธอตอบคำถามประโยคหลัง ก่อนจะตอบประโยคหน้า “ก็กูรอให้มึงมารับไง”
“แล้วถ้ากูไม่มา มึงจะทำยังไง”
“มึงไม่มา กูก็คงเมาจนหลับอยู่ที่นี่แหละ”
“มึงเป็นผู้หญิงนะเว้ย จะมานอนค้างห้องผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง”
วายุลืมตัวส่งเสียงเอ็ดเพื่อน จนเธอเบิกตาค้างจ้องมองเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ และยู่ปากออกมาราวกับเด็กน้อย เลื่อนมือเล็กมาจับมือของเขาโยกไปมาเบา ๆ ราวกับอ้อนขอความเห็นใจ
“กูไม่ได้อยากนอนห้องคนอื่น ถึงได้ให้มึงมารับนี่ไง”
“พาเพื่อนมึงเข้ามานั่งดื่มกับพวกเราดิ เบียร์ยังเหลืออีกเยอะเลย”
หนุ่มเจ้าของห้องเห็นว่าเพื่อนสาวออกไปนานแล้วไม่กลับเข้ามาสักที จึงได้ตะโกนเรียกในขณะยังนั่งอยู่ที่เดิม
“เออ เดี๋ยวไป”
มารีนรีบตอบเพื่อนสนิทในสาขา ก่อนจะช้อนดวงตาคู่หวานขึ้นมองเพื่อนชายตัวสูงแล้วเอ่ยชวน
“ไปนั่งเป็นเพื่อนกูนะ”
วายุผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ เมื่อกี้เขาเป็นห่วงเธอมากไปหน่อยเลยลืมตัวตะคอกออกไป แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้วก็ถือโอกาสทำความรู้จักเพื่อนของเธอไปด้วยเลย
มารีนจับมือของวายุพาเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อน ก่อนจะแนะนำให้เขารู้จักกับสองหนุ่ม
“ไอ้นี่ชื่อปอนด์ เป็นเจ้าของห้อง ส่วนไอ้นี่ชื่อคูเปอร์ สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของกูเอง”
สองคนนั้นยกยิ้มและพยักหน้าทักทายตามประสาผู้ชาย โดยที่วายุก็ทำแบบนั้นกลับไปเช่นเดียวกัน แล้วมารีนก็เป็นฝ่ายแนะนำคนที่เพิ่งมาถึงให้เพื่อนชายทั้งสองรู้จักบ้าง
“นี่วายุ เรียนสาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก”
“แน่ใจว่าแค่เพื่อน”
คูเปอร์เอ่ยขึ้นอย่างจับผิด ไม่เคยเห็นมารีนจับมือชายใดมาก่อน มีผู้ชายมาจีบเพื่อนก็ปฏิเสธไปทุกราย บางคนหนักหน่อยก็จะโดนไล่ตะเพิดว่าอย่ามายุ่งกับมันอีก แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนใหม่คนนี้จะสำคัญกับมารีนมาก ซึ่งต่างจากพวกเขาที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน
เก้าเดือนต่อมาหลังเรียนจบวายุก็ได้ปรึกษาผู้เป็นพ่อและแม่เรื่องขอหมั้นหมายกับแฟนสาว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รับรู้ว่าทั้งคู่นั้นอยู่ด้วยกันมาแล้วประมาณสองปีกว่า ทว่ายังไม่ถึงวันรับปริญญาซึ่งก็คงอีกแรมปีกว่าสภาจะอนุมัติจบการศึกษา เขาจึงไม่อยากรอฤกษ์แต่งงานที่ยังไม่มีกำหนดพิธีหมั้นได้ถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ตของครอบครัวหญิงสาว มีเพียงญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยานรักและความซื่อตรงที่วายุมีให้ต่อมารีน ในงานหมั้นตลบอบอวนไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าด้วยความยินดีแม้จะเป็นเพียงพิธีเล็ก ๆ ที่ฝ่ายชายอยากมอบความมั่นคงและอยากให้ทางฝ่ายหญิงเชื่อมั่นเชื่อใจ ว่าเขาจะมีเพียงเธอคนเดียวตลอดไป แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสุขของคู่หมั้นหมายและผู้มาร่วมงาน“ลูกชายของดิฉันใจร้อนอีกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งจะเรียนจบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์เลย”นับดาวเอ่ยขอโทษปลาดาวแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเด็กทั้งสอง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้นจ้องอีกฝ่ายที่ตอบรับงานนี้อย่างไม่ขัดข้อง“เด็กทั้งสองรักกัน ดิฉันก็ไม่ขัดหรอกค่ะ ลูก ๆ มีความสุข พวกเราก็มีความสุขไปด้วย” ปลาดาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่น
ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนยังคงดำเนินมาอย่างราบรื่น ทั้งสองต่างเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก แม้จะเจอกันแค่ช่วงปิดเทอมแต่ก็สนิทกันมากจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้เข้าอกเข้าใจ ไม่ต้องปรับตัวกันมาก เพราะต่างก็รู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ปรับจูนในบางเรื่องให้มาอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ก็ทำให้ความรักของวายุและมารีนนั้นหวานฉ่ำ จนหลายคนต่างก็พากันอิจฉาไม่ต่างจากวันแรกที่เปิดตัวคบกันและแม้จะคบกันในวัยเรียน ทว่าทั้งสองก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนไม่เป็นสองรองจากความรัก พอจบปีสามวายุก็ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผู้เป็นพ่อ ส่วนมารีนนั้นฝึกงานที่บริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง แต่ดีที่ว่าอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน วายุจึงไปส่งมารีนที่ทำงานและรอรับกลับพร้อมกันในช่วงเย็นจุ๊บ!หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเฟอร์รารีคันโปรดของแฟนหนุ่ม ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดให้อย่างทุกครั้ง และเธอก็จะมอบรอยลิปสติกไว้ที่แก้มของเขาเพื่อเป็นการขอบคุณเช่นเดียวกันมารีนเผยรอยยิ้มหวานส่งไปให้เขาด้วยแววตาที่เปล่งประกายไปด้วยความรัก ก่อนจะเอ่ย
เหล้าหมดลงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับคอนโด โดยที่เมษาเดินทางกลับพร้อมเพื่อนสนิทอย่างมารีนและวายุและเมื่อคู่รักที่หลายคนต่างอิจฉาได้เข้าไปในห้อง วายุก็อุ้มร่างของแฟนสาวขึ้นคีบเอว บดจูบริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่ขาของเขาก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วอุ้มเธอวางลงปลายเตียง มารีนก็เลื่อนมือเล็กไปปลดเข็มขัดของแฟนหนุ่มแล้วตามด้วยกางเกงยีนราคาแพงของเขาต่อแก่นกายขนาดใหญ่ผงาดอยู่ตรงหน้า เธอก็ใช้ปากครอบครองพร้อมกับมือที่จับรูดขึ้นลง วายุเลื่อนมือไปสอดใต้กลุ่มผมของแฟนสาวสุดที่รัก เชิดหน้าสูดปากคราง และพอเธอทำให้น้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาที่ปลายหัวบาน ก็ถึงคราวที่วายุจะปรนเปรอความสุขให้เธอบ้างหลังจากผลัดกันมอบความสุขให้กันด้วยปาก หญิงสาวก็นอนราบกับพื้นที่นอน เพื่อให้แฟนหนุ่มส่งตัวตนความเป็นชายเข้ามาในร่องอ่อนนุ่มโดยไร้เครื่องป้องกันอย่างที่เธอชอบ ออกแรงกระแทกร่องสาวของเธออย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนให้เธอขึ้นไปนั่งขย่มอยู่ด้านบนเสียงครวญครางดังลั่นห้องนอน ไม่ต่างจากเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังเป็นเวลานานนับชั่วโมง ก็แตะขอบสวรรค์กันอีกคราปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขจนเปรอะเปื้อนหว่างขาและ
ช่วงบ่ายของวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้โยเกิร์ตเข้าพบตำรวจ หลังจากสอบปากคำโยเกิร์ตได้แต่โยนความผิดไปให้พี่สายรหัสของวายุ“ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันถูกใส่ร้าย นังกอหญ้าต่างหากที่เป็นคนจ้างตัดต่อคลิป ฉันมีหลักฐานที่มันโอนเงินให้ไอ้หมอนั่นด้วย”“นี่น่ะเหรอหลักฐานที่คุณว่า”ตำรวจนายหนึ่งปริ้นรูปภาพข้อความที่ทั้งสองคนคุยกัน เนื่องจากโทรศัพท์ของโยเกิร์ตได้ถูกยึดเป็นของกลางเพื่อตรวจสอบ เลื่อนไปวางตรงหน้านักศึกษาสาวที่ใส่เสื้อคลุมเพื่อปกปิดสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย“เห็นได้ชัดว่าคุณหลอกให้อีกฝ่ายโอนเงินไปให้กับบัญชีนั้น ซึ่งทางเราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นบัญชีของลูกจ้างร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้กำลังออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน”โยเกิร์ตเริ่มนั่งไม่ติด ดวงตาของเธอเลิ่กลั่กไม่กล้าสบตานายตำรวจ มือทั้งสองข้างที่อยู่ใต้โต๊ะบีบเข้าหากันแน่น แต่พอนึกย้อนไปถึงวันว่าจ้าง เธอได้ปกปิดใบหน้าไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่ลูกจ้างคนนั้นจะจำได้ว่าเป็นเธอแน่แต่ทว่าเธอกลับคิดผิด หลังจากเจ้าพนักงานสืบสวนได้มีการเรียกสอบปากคำทั้งกอหญ้าและคนตัดต่อคลิป ก็ได้ข้อสรุปว่ากอหญ้าเป็นเพียงบุคคลที่โยเกิร์ตจะใช้เป็นแพะรับบา
นาฬิกาปลุกของเช้าวันใหม่ดังขึ้น เนื่องจากวันนี้มารีนมีเรียนในช่วงเก้าโมง ทำให้ทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกันหลังจากทั้งสองจบบทรักกันเมื่อคืน วายุก็แต่งตัวแล้วลงไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเขา พอกลับขึ้นมาก็อาบน้ำแล้วเข้านอนด้วยกัน“ที่รักจะอาบก่อนไหม” มารีนเอ่ย“อือ อาบเสร็จเดี๋ยวลงไปซื้อข้าวให้”“วานี่น่ารักที่สุดเลย”สาวสวยส่งน้ำเสียงออดอ้อนแต่เช้า ทำเอาคนฟังอยากจับแฟนสาวกดลงเตียงอีกสักรอบ แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะแค่สองคืนแรกน้องสาวของเธอก็แทบไม่ได้พักแล้วเขาอาบน้ำเสร็จ มารีนก็เข้าไปอาบน้ำต่อ วายุจึงลงไปซื้อมื้อเช้าที่ร้านหน้าคอนโด หลังจากกลับมาแฟนสาวก็แต่งตัวเสร็จพอดี เหลือแค่รอแต่งหน้า“จะแต่งสวยไปไหน”เสียงทุ้มเอ่ยขณะเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขานำอาหารที่ซื้อมาเทใส่จานเสร็จแล้ว แต่มารีนก็ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ“ไปเรียนไง ก็แต่งแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วปะ ทำไมวันนี้หึงเหรอ”“อืม หึง อย่าลืมล่ะว่าเธอเป็นของฉันแล้ว” เขาว่าพลางเลื่อนมือไปเชยปลายคางของแฟนสาวให้หันมาสบตากัน“แค่รอตอกบนเตียงก็พอ ไม่ต้องมาตอกย้ำ ยังไงมารีนก็เป็นของวายุแค่คนเดียว คิกคิก”หญิงสาวส่งเสียงหั
ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นในทันที แล้วเขาก็จับเธอลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างปิดดวงตาของเธอไว้ราวกับกำลังจะเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง วายุพาแฟนสาวเดินไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วผละมือหนาออกไปข้างหนึ่ง ทว่าแม้ดวงตาทั้งสองข้างจะถูกปิด แต่หูของเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับเลื่อนลิ้นชัก“สุขสันต์วันเกิด”เสียงละมุนดังขึ้นทำให้หญิงสาวจับมืออีกข้างของเจ้าของน้ำเสียงที่ปิดตาของเธอออก แล้วหมุนตัวกลับมาหาคนตัวสูงที่มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ในมือมีกล่องสี่เหลี่ยมผูกด้วยริบบิ้นสีแดงยื่นออกมาด้านหน้า“จำวันเกิดได้ด้วยเหรอ”“จำได้สิ เสียดายที่ไม่มีเค้ก”“ขอบคุณนะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่จำวันเกิดฉันได้ ฉันก็ดีใจแล้ว”วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เดิมทีคิดจะชวนพวกเพื่อนไปกินเลี้ยงกันเสียหน่อย ทว่าดันเกิดเรื่องคลิปหลุดขึ้นมาก่อนเธอจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ และไม่คิดว่าวายุจะจำวันเกิดของเธอได้ แถมยังแอบเตรียมของขวัญเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนมากหญิงสาวยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญด้วยรอยยิ้มอันปลาบปลื้ม ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วแกะออกมาดูว่าเขาซื้ออะไรให้ แล้วพบว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์หรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งราคานั้นก็







