Masuk“ก็เออดิ จะให้เป็นผัวกูหรือไง”
มารีนเอ่ยตอบทันควัน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความมึนเมา ลอบมองไปยังเพื่อนชายที่นั่งลงข้างเธอด้วยสายตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย เกรงว่าเขาจะไม่ชอบใจที่เพื่อนของเธอพูดล้อแบบนั้น แต่ดีที่เมษาช่วยพูดขึ้นมาอีกคนว่าเจ้าตัวก็รู้จักวายุเหมือนกัน จึงทำให้ปอนด์และคูเปอร์นั้นยอมเชื่อ
วายุเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย ทว่าเขานั้นเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากถ้าเต็มใจเปิดรับเพื่อนใหม่ ขณะทั้งสามหนุ่มนั่งกระดกน้ำสีเหลืองมีฟองลงคออย่างไม่มีใครยอมใคร คูเปอร์และปอนด์ที่เป็นคนคุยเก่ง ก็ชวนวายุพูดคุยจนดูเหมือนสนิทกันไปแล้ว
“กู ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
มารีนเอ่ยน้ำเสียงยาน รีบลุกออกจากกลุ่มเพื่อนวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมงที่นั่งดื่มกันตั้งแต่ตอนเธอมา จนตอนนี้ก็ปาไปเกือบสองทุ่ม พอเข้าห้องน้ำได้ก็วิ่งไปย่อตัวลงนั่งอยู่หน้าชักโครก อ้าปากระบายน้ำเมาที่ดื่มไปจนแน่นกระเพาะออกมา
เสียงโอ้กอ้ากดังขึ้นอยู่นาน วายุจึงตามเข้าไปดูเนื่องจากเพื่อนสาวไม่ได้ล็อกประตู เขายืนอยู่ทางด้านหลัง โน้มตัวลงแล้วเลื่อนฝ่ามือไปลูบแผ่นหลังของเธอ
มารีนสะดุ้งเล็กน้อยเหลียวใบหน้ามองคนที่ยืนอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ จึงก้มหน้าระบายของเหลวออกมาต่อ
“เมาแล้วยังจะอวดดีชวนคนอื่นยกหมดแก้ว” เสียงทุ้มเอ็ดเธอเบา ๆ
“ก็เห็นพวกมึงคุยกันสนุก กูก็เลยชวนยกไง จะได้สนิทกันเร็วขึ้น”
“แล้วเป็นไงล่ะ มานั่งอ้วกอยู่ตรงนี้คนเดียว เมษายังไม่เห็นจะเมาเหมือนมึงเลย”
“หยุดว่ากูได้ปะ อึก แหวะ”
พูดไปได้เพียงไม่กี่คำ เธอก็ต้องหันใบหน้ากลับไประบายของเหลวออกมาทางปากต่อจนแทบจะหมดแรงคาห้องน้ำ ดีที่ได้เพื่อนชายเข้ามาช่วยลูบหลัง แล้วยังหาน้ำมาให้บ้วนปากโดยไม่คิดรังเกียจ ทั้งที่เขาไม่ต้องเข้ามาดูแลเธอก็ได้ แต่เพื่อนชายแสนดีคนนี้ก็ยังทำให้ด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต้องร้องขอ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลับคาห้องน้ำจริง ๆ เพราะตอนนี้ดวงตานั้นเริ่มริบหรี่จนลืมแทบไม่ขึ้น
“ไอ้วา กูเดินไม่ไหว”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวมีท่าทางเมามายเป็นอย่างมาก สภาพนี้ปล่อยให้เดินคนเดียวคงไปได้ไม่กี่ก้าว เขาจึงย่อตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ขึ้นมา”
มารีนเผยรอยยิ้มหวานจนตาหยี รีบโน้มตัวลงทาบแผ่นหลังของเพื่อนสนิท ส่งเรียวแขนกอดรอบคอของเขาแบบหลวม ๆ วายุก็ลุกขึ้นยืนแล้วพาเธอก้าวออกไปจากห้องน้ำ
“มารีนเมาแล้ว พวกกูขอตัวกลับก่อน”
วายุแบกคนเมาเข้าไปหาเพื่อนของเธอทั้งสามคน หลังจากเอ่ยจบก็หันไปมองเมษา
“เธอจะกลับพร้อมกันเลยไหม”
“อื้ม” เมษาขานรับ ก่อนจะเอ่ยกับสองหนุ่ม “พวกนายกินกันต่อเลยนะ พวกเราขอตัวก่อน”
เมษาก็รู้สึกเมาแล้วเช่นกัน หลัง ๆ เธอเลยยกเบียร์ขึ้นจิบเท่านั้น แต่เพื่อนรักของเธอนี่สิ เล่นดื่มจนหมดแก้วติดต่อกันจึงทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้ ดีที่วายุตามมาหา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพามารีนกลับคอนโดได้อย่างไร เพราะปอนด์กับคูเปอร์ก็ดูจะเมาแล้วเหมือนกัน
เมื่อไปถึงคอนโดเมษาก็กลับเข้าห้องตัวเอง เพราะห้องของเธอนั้นอยู่ชั้นสาม ส่วนวายุก็พาคนเมาที่อยู่บนหลังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นหก คราแรกเธอก็คิดจะขึ้นไปส่งด้วย แต่มารีนบอกว่าไม่เป็นไร ให้แยกย้ายกันที่ลิฟต์เลย
“รหัสอะไร”
เขาถามรหัสเข้าห้องของเพื่อนสาว ที่จริงห้องนี้มีคีย์การ์ด แต่ถ้าจะให้ค้นกระเป๋าของเธอก็ดูจะถือวิสาสะเกินไป
“หนึ่งเจ็ดสองสี่”
ขณะที่หนุ่มหล่อกำลังตั้งท่าจะกดตัวเลขตามที่เธอบอก แต่แล้วปลายนิ้วกลับต้องชะงัก เขาเกิดวันที่สิบเจ็ด ส่วนมารีนเกิดวันที่ยี่สิบสี่ ไม่คิดว่าเธอจะตั้งรหัสเป็นวันเกิดของเขาและวันเกิดของเธอ และพอวายุกดรหัสสี่ตัวประตูก็ได้ถูกปลดล็อก เขาจึงแบกคนเมาพาเข้าไปยังห้องนอน
ตุบ!
ชายหนุ่มหย่อนก้นลงนั่งข้างเตียงเพื่อให้เธอปล่อยมือออกจากคอของเขาก่อนจะได้ประคองลงนอน ทว่ามารีนที่ดูเหมือนจะหมดแรงก็ปล่อยแขนออกแล้วหงายหลังลงไปทันที
“ฮือ... ไอ้เวร วางกูเบา ๆ ไม่ได้เหรอวะ”
หญิงสาวส่งเสียงงอแงแล้วเอ็ดเพื่อนชายทั้งที่ยังไม่ลืมตา ตอนนี้เธอเวียนหัวเป็นอย่างมาก เพียงแค่เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยโลกก็หมุนจนอยากอาเจียน จึงทำได้แค่หลับตาแล้วส่งเสียงพูดออกมาแทน
“เมาแล้วก็นอนดี ๆ กูจะกลับละ”
“ไม่เอา มึงห้ามกลับ มึงต้องอยู่ดูแลกูก่อน”
มารีนรวบรวมเรี่ยวแรงและสติที่ยังเหลืออยู่รีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมทั้งคว้ามือของเพื่อนชายมากอบกุม เอ่ยด้วยน้ำเสียงยานอ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ ทว่าพอเธอลืมตาเงยหน้าจ้องคนตัวสูงได้เพียงไม่กี่วินาที ก็รู้สึกอยากระบายน้ำเมาออกมาอีกครั้ง จึงได้รีบวิ่งออกจากเตียง มุ่งหน้าเข้าไปในห้องน้ำ
วายุถอนหายใจส่ายหน้าไปมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองดื่มของมึนเมา แถมยังไม่ประมาณตัวเองว่าดื่มได้แค่ไหน แล้วดูสภาพตอนนี้เธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย ถึงต้องร้องขอให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน ทว่าถึงแม้จะแอบบ่นเพื่อนสาวอยู่ในใจ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็เป็นห่วง เลือกจากไปไม่ได้อยู่ดี
ไม่นานนักหญิงสาวในห้องน้ำรับรู้ได้ถึงฝ่ามืออุ่นของเพื่อนชายที่เข้ามาลูบหลังให้เธอก็รู้สึกอุ่นใจ หลังจากระบายของเหลวออกมาจนรู้สึกดีขึ้น วายุก็ประคองเธอเข้าไปนอนบนเตียงดังเดิม
“ห้ามทิ้งกูไป” หญิงสาวปรือดวงตาขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“อือ นอนเถอะ กูจะอยู่เป็นเพื่อน”
เขาขานรับแล้วนั่งเอนกายพิงพนักหัวเตียง เฝ้ามองคนเมารอให้เธอหลับเสียก่อนค่อยลุกออกไป แต่แล้วดวงตาคู่คมก็คล้อยลงจนปิดสนิท
สามชั่วโมงต่อมา
“ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนกัน มึงจะอดใจแบบนี้ได้ไหม”
ดังคำเขาว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่ตรงกับใจ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วพบว่าเพื่อนชายกำลังนอนหลับตะแคงข้างหันหน้ามาทางเธอ จึงจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนรัก ไม่รู้ว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน วายุจะแค่นอนหลับไปโดยไม่คิดอะไร หรือว่าความเป็นชายจะปลุกเร้าให้เขาทำเกินกว่านั้น
ทว่าเสียงพึมพำที่ดังออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว กลับเป็นการปลุกให้วายุสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาเกือบตีหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ปวดหัว แล้วก็หิว”
เสียงแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาคู่หวานกระพริบปริบ ๆ เขาจึงลุกออกจากเตียงโดยไม่พูดไม่จา ตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ครัว หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มใส่ผักกาดขาวและไข่ลงไปด้วย เสร็จแล้วก็เทใส่ชาม นำมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
กลิ่นหอมของน้ำซุปโชยเข้าไปหาเพื่อนสาว มารีนจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องนอนพร้อมกับรอยยิ้ม
“ก็นึกว่าหายไปไหน”
“หิวไม่ใช่เหรอ มานั่งสิ”
“แล้วของนายล่ะ”
“กินเถอะ กูไม่ชอบกินจุกจิกตอนกลางคืน”
“หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้ยังจะกลัวอ้วนอีกหรือไง”
เธอบ่นพึมพำพลางเดินไปหยิบถ้วย ช้อน ตะเกียบที่เคาน์เตอร์ครัว แล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพื่อนชายคนสนิท
“อะ แบ่งกันกิน”
วายุไร้ท่าทีคัดค้าน เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็แบ่งบะหมี่รสต้มยำกุ้งของเธอใส่ในถ้วยของตัวเอง แล้วนั่งกินด้วยกัน
“นายจะกลับแล้วใช่ไหม”
กินอิ่มมารีนก็เอ่ยถามขึ้นแม้ในใจยังไม่อยากแยกจาก แต่จะรั้งไว้มันก็ไม่สมควร ในเมื่อเขาก็ต้องกลับไปนอนที่เพนท์เฮาส์ของตนเอง
“อือ”
“ขับรถดี ๆ นะ แล้วก็ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อน”
หญิงสาวเดินไปส่งเพื่อนชายที่หน้าประตู พอวายุเดินพ้นออกไปก็ปิดประตูลงแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน เพราะอาการปวดหัวจากฤทธิ์ของน้ำเมานั้นยังไม่หายดี
เก้าเดือนต่อมาหลังเรียนจบวายุก็ได้ปรึกษาผู้เป็นพ่อและแม่เรื่องขอหมั้นหมายกับแฟนสาว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รับรู้ว่าทั้งคู่นั้นอยู่ด้วยกันมาแล้วประมาณสองปีกว่า ทว่ายังไม่ถึงวันรับปริญญาซึ่งก็คงอีกแรมปีกว่าสภาจะอนุมัติจบการศึกษา เขาจึงไม่อยากรอฤกษ์แต่งงานที่ยังไม่มีกำหนดพิธีหมั้นได้ถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ตของครอบครัวหญิงสาว มีเพียงญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยานรักและความซื่อตรงที่วายุมีให้ต่อมารีน ในงานหมั้นตลบอบอวนไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าด้วยความยินดีแม้จะเป็นเพียงพิธีเล็ก ๆ ที่ฝ่ายชายอยากมอบความมั่นคงและอยากให้ทางฝ่ายหญิงเชื่อมั่นเชื่อใจ ว่าเขาจะมีเพียงเธอคนเดียวตลอดไป แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสุขของคู่หมั้นหมายและผู้มาร่วมงาน“ลูกชายของดิฉันใจร้อนอีกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งจะเรียนจบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์เลย”นับดาวเอ่ยขอโทษปลาดาวแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเด็กทั้งสอง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้นจ้องอีกฝ่ายที่ตอบรับงานนี้อย่างไม่ขัดข้อง“เด็กทั้งสองรักกัน ดิฉันก็ไม่ขัดหรอกค่ะ ลูก ๆ มีความสุข พวกเราก็มีความสุขไปด้วย” ปลาดาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่น
ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนยังคงดำเนินมาอย่างราบรื่น ทั้งสองต่างเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก แม้จะเจอกันแค่ช่วงปิดเทอมแต่ก็สนิทกันมากจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้เข้าอกเข้าใจ ไม่ต้องปรับตัวกันมาก เพราะต่างก็รู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ปรับจูนในบางเรื่องให้มาอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ก็ทำให้ความรักของวายุและมารีนนั้นหวานฉ่ำ จนหลายคนต่างก็พากันอิจฉาไม่ต่างจากวันแรกที่เปิดตัวคบกันและแม้จะคบกันในวัยเรียน ทว่าทั้งสองก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนไม่เป็นสองรองจากความรัก พอจบปีสามวายุก็ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผู้เป็นพ่อ ส่วนมารีนนั้นฝึกงานที่บริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง แต่ดีที่ว่าอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน วายุจึงไปส่งมารีนที่ทำงานและรอรับกลับพร้อมกันในช่วงเย็นจุ๊บ!หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเฟอร์รารีคันโปรดของแฟนหนุ่ม ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดให้อย่างทุกครั้ง และเธอก็จะมอบรอยลิปสติกไว้ที่แก้มของเขาเพื่อเป็นการขอบคุณเช่นเดียวกันมารีนเผยรอยยิ้มหวานส่งไปให้เขาด้วยแววตาที่เปล่งประกายไปด้วยความรัก ก่อนจะเอ่ย
เหล้าหมดลงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับคอนโด โดยที่เมษาเดินทางกลับพร้อมเพื่อนสนิทอย่างมารีนและวายุและเมื่อคู่รักที่หลายคนต่างอิจฉาได้เข้าไปในห้อง วายุก็อุ้มร่างของแฟนสาวขึ้นคีบเอว บดจูบริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่ขาของเขาก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วอุ้มเธอวางลงปลายเตียง มารีนก็เลื่อนมือเล็กไปปลดเข็มขัดของแฟนหนุ่มแล้วตามด้วยกางเกงยีนราคาแพงของเขาต่อแก่นกายขนาดใหญ่ผงาดอยู่ตรงหน้า เธอก็ใช้ปากครอบครองพร้อมกับมือที่จับรูดขึ้นลง วายุเลื่อนมือไปสอดใต้กลุ่มผมของแฟนสาวสุดที่รัก เชิดหน้าสูดปากคราง และพอเธอทำให้น้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาที่ปลายหัวบาน ก็ถึงคราวที่วายุจะปรนเปรอความสุขให้เธอบ้างหลังจากผลัดกันมอบความสุขให้กันด้วยปาก หญิงสาวก็นอนราบกับพื้นที่นอน เพื่อให้แฟนหนุ่มส่งตัวตนความเป็นชายเข้ามาในร่องอ่อนนุ่มโดยไร้เครื่องป้องกันอย่างที่เธอชอบ ออกแรงกระแทกร่องสาวของเธออย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนให้เธอขึ้นไปนั่งขย่มอยู่ด้านบนเสียงครวญครางดังลั่นห้องนอน ไม่ต่างจากเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังเป็นเวลานานนับชั่วโมง ก็แตะขอบสวรรค์กันอีกคราปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขจนเปรอะเปื้อนหว่างขาและ
ช่วงบ่ายของวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้โยเกิร์ตเข้าพบตำรวจ หลังจากสอบปากคำโยเกิร์ตได้แต่โยนความผิดไปให้พี่สายรหัสของวายุ“ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันถูกใส่ร้าย นังกอหญ้าต่างหากที่เป็นคนจ้างตัดต่อคลิป ฉันมีหลักฐานที่มันโอนเงินให้ไอ้หมอนั่นด้วย”“นี่น่ะเหรอหลักฐานที่คุณว่า”ตำรวจนายหนึ่งปริ้นรูปภาพข้อความที่ทั้งสองคนคุยกัน เนื่องจากโทรศัพท์ของโยเกิร์ตได้ถูกยึดเป็นของกลางเพื่อตรวจสอบ เลื่อนไปวางตรงหน้านักศึกษาสาวที่ใส่เสื้อคลุมเพื่อปกปิดสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย“เห็นได้ชัดว่าคุณหลอกให้อีกฝ่ายโอนเงินไปให้กับบัญชีนั้น ซึ่งทางเราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นบัญชีของลูกจ้างร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้กำลังออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน”โยเกิร์ตเริ่มนั่งไม่ติด ดวงตาของเธอเลิ่กลั่กไม่กล้าสบตานายตำรวจ มือทั้งสองข้างที่อยู่ใต้โต๊ะบีบเข้าหากันแน่น แต่พอนึกย้อนไปถึงวันว่าจ้าง เธอได้ปกปิดใบหน้าไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่ลูกจ้างคนนั้นจะจำได้ว่าเป็นเธอแน่แต่ทว่าเธอกลับคิดผิด หลังจากเจ้าพนักงานสืบสวนได้มีการเรียกสอบปากคำทั้งกอหญ้าและคนตัดต่อคลิป ก็ได้ข้อสรุปว่ากอหญ้าเป็นเพียงบุคคลที่โยเกิร์ตจะใช้เป็นแพะรับบา
นาฬิกาปลุกของเช้าวันใหม่ดังขึ้น เนื่องจากวันนี้มารีนมีเรียนในช่วงเก้าโมง ทำให้ทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกันหลังจากทั้งสองจบบทรักกันเมื่อคืน วายุก็แต่งตัวแล้วลงไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเขา พอกลับขึ้นมาก็อาบน้ำแล้วเข้านอนด้วยกัน“ที่รักจะอาบก่อนไหม” มารีนเอ่ย“อือ อาบเสร็จเดี๋ยวลงไปซื้อข้าวให้”“วานี่น่ารักที่สุดเลย”สาวสวยส่งน้ำเสียงออดอ้อนแต่เช้า ทำเอาคนฟังอยากจับแฟนสาวกดลงเตียงอีกสักรอบ แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะแค่สองคืนแรกน้องสาวของเธอก็แทบไม่ได้พักแล้วเขาอาบน้ำเสร็จ มารีนก็เข้าไปอาบน้ำต่อ วายุจึงลงไปซื้อมื้อเช้าที่ร้านหน้าคอนโด หลังจากกลับมาแฟนสาวก็แต่งตัวเสร็จพอดี เหลือแค่รอแต่งหน้า“จะแต่งสวยไปไหน”เสียงทุ้มเอ่ยขณะเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขานำอาหารที่ซื้อมาเทใส่จานเสร็จแล้ว แต่มารีนก็ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ“ไปเรียนไง ก็แต่งแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วปะ ทำไมวันนี้หึงเหรอ”“อืม หึง อย่าลืมล่ะว่าเธอเป็นของฉันแล้ว” เขาว่าพลางเลื่อนมือไปเชยปลายคางของแฟนสาวให้หันมาสบตากัน“แค่รอตอกบนเตียงก็พอ ไม่ต้องมาตอกย้ำ ยังไงมารีนก็เป็นของวายุแค่คนเดียว คิกคิก”หญิงสาวส่งเสียงหั
ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นในทันที แล้วเขาก็จับเธอลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างปิดดวงตาของเธอไว้ราวกับกำลังจะเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง วายุพาแฟนสาวเดินไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วผละมือหนาออกไปข้างหนึ่ง ทว่าแม้ดวงตาทั้งสองข้างจะถูกปิด แต่หูของเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับเลื่อนลิ้นชัก“สุขสันต์วันเกิด”เสียงละมุนดังขึ้นทำให้หญิงสาวจับมืออีกข้างของเจ้าของน้ำเสียงที่ปิดตาของเธอออก แล้วหมุนตัวกลับมาหาคนตัวสูงที่มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ในมือมีกล่องสี่เหลี่ยมผูกด้วยริบบิ้นสีแดงยื่นออกมาด้านหน้า“จำวันเกิดได้ด้วยเหรอ”“จำได้สิ เสียดายที่ไม่มีเค้ก”“ขอบคุณนะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่จำวันเกิดฉันได้ ฉันก็ดีใจแล้ว”วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เดิมทีคิดจะชวนพวกเพื่อนไปกินเลี้ยงกันเสียหน่อย ทว่าดันเกิดเรื่องคลิปหลุดขึ้นมาก่อนเธอจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ และไม่คิดว่าวายุจะจำวันเกิดของเธอได้ แถมยังแอบเตรียมของขวัญเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนมากหญิงสาวยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญด้วยรอยยิ้มอันปลาบปลื้ม ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วแกะออกมาดูว่าเขาซื้ออะไรให้ แล้วพบว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์หรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งราคานั้นก็







