เพลงขวัญเดินถือถุงไก่ทอดหน้าโรงเรียนหลายไม้ พร้อมกับโตเกียวที่อยู่ในถุงกระดาษพับซ้อนด้วยถุงพลาสติกใสอีกสองถุง เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ในสุดของรีสอร์ท เธอเงยหน้ายิ้มร่าได้เมื่อเห็นเหนือตะวันออกมาเดินเล่น
“เอ่อ..” ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรชายหนุ่มก็รีบเดินมองตรงผ่านหน้าเธอไปหน้าตาเฉย โดยที่ไม่คิดจะก้มต่ำเพื่อมองเธอแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้อ แล้วจะได้คุยกันตอนไหนล่ะเนี่ย” สาวเจ้าเดินเกาหัวแกรกๆ ส่ายหน้าน้อยๆ ตรงไปที่บ้านท้ายรีสอร์ท หากเป็นแบบนี้เห็นทีคงจะไม่ได้คุยเรื่องสำคัญกันเสียที
ไม่ชอบเอาเสียเลยที่ต้องถูกเหนือตะวันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หวังในใจว่าหากได้พูดคุยเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับเขาแล้วความสัมพันธ์ของเธอและเขาคงจะดีขึ้นกว่านี้
ดนัยและดนุพลปล่อยให้เด็กแฝดนั่งเล่นของเล่นที่เขาเตรียมมาให้หน้าบ้าน ส่วนพวกเขาก็นั่งดูอยู่ห่างๆ พลางคุยกันเพลินๆ เคล้าบรรยากาศริมธารน้ำตกยามเย็น
“เห็นเจ้าแฝดก็นึกถึงตอนที่ตาเหนือกับตาน่านยังเล็กๆ นะ วิ่งเล่นคู่กันอย่างกับเด็กแฝดคู่นี้เลย” ดนัยมองเด็กสองคนที่นั่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ ยอมรับว่ามันทำให้เขานึกถึงภาพที่เหนือตะวันและน่านฟ้าตอนเด็กๆ ชัดเหลือเกิน
“จะว่าไปสองคนนี้ก็เหมือนลูกเราตอนเด็กๆ เหมือนกันนะ” ดนุพลพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย เขามีคิดเรื่องนี้เข้ามาในสมอง ไม่คิดว่าพี่ชายตนจะคิดเหมือนกันด้วย
“อ่อ จริงด้วย แค่ดูมีเนื้อมีหนังกว่าหน่อย นั่นพูดถึงตาเหนือก็มาพอดี นั่น” ดนัยส่งยิ้มให้ลูกชายครู่หนึ่งก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าตาตื่น
เหนือตะวันเห็นพ่อและอาของตนมองไปยังด้านหลังด้วยสีหน้าตกใจ จึงรีบหันขวับมองตามสายตาของพ่อทันที
ปึก ยังไม่ทันที่จะได้จับจ้องสายตากับภาพตรงหน้าดีเขาก็รู้สึกเจ็บจุกแผ่ซ่านไปทั้งตัว เพราะเจ้าเด็กตัวกลมวิ่งถือก้อนหินมาทุบที่กลางเป้าของเขาเต็มๆ จนล้มลงไปนอนขดที่พื้นภายในไม่กี่วินาที
“ขอโทษค้าบ” เด็กชายปริญภัครู้ว่าตัวเองทำผิดก็รีบยกมือป้อมขอโทษคนที่นอนหลับตาปี๋ประหงกๆ ส่วนปุริมภัทรก็วิ่งเข้ามายืนข้างพี่ชายด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเพราะเห็นว่าผู้ใหญ่ตรงหน้าล้มลงไปกองกับพื้น
“หน้าเขียวเลยลูกฉัน” ดนัยส่ายหัวน้อยๆ ทั้งขำทั้งสงสารลูกชายและรีบพยุงลูกตนลุกไปนั่งที่เก้าอี้
“คุณพ่อ อืม ช่วยผมด้วยครับ”
“ไม่เล่นแบบนี้นะครับ คุณลุงเค้าเจ็บมากเลยรู้ไหม ปู่ขอนะครับ” ดนุพลรวบเจ้าตัวกลมทั้งสองเข้ามากอดหลวมๆ และแบมือขอก้อนหินในมือของปริญภัค
“ค้าบ” เด็กชายยอมยกก้อนหินให้โดยดี หลังจากนั้นดนุพลจึงจูงมือเด็กแฝดตามหลังดนัยที่กำลังดูแลเหนือตะวันอยู่ที่เก้าอี้ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ฮ่าๆๆ เกือบสูญพันธ์แล้วไหมล่ะ” หทัยรัตน์นั่งขำขณะที่น่านฟ้ากำลังพยุงเหนือตะวันเข้ามาพักในห้องนอน
“ตลกตรงไหนครับคุณแม่ โอ้ย” เหนือตะวันตัวถึงเตียงนุ่มได้ก็นอนขาถ่างสีหน้าเหยเก ด้วยยังรู้สึกจุกที่ท้องน้อยและปวดหนึบเจ้าโลกของตัวเองไม่หาย
“นี่ แล้วก็อย่าไปถือสาเด็กๆ ล่ะ เค้าก็เล่นไปตามประสาเด็ก”
“รู้แล้วครับ” คราแรกยอมรับว่านึกเคืองเด็กชายตัวกลมเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาเด็กยังไงก็คือเด็กจึงคิดเคืองใจเพลงขวัญมากกว่า ที่ไม่ดูแลลูกให้ดีให้มาซนจนทำเขาเจ็บได้
“เดี๋ยวแม่ขอตัวก่อนนะ ว่าจะเข้าครัวทำกับข้าวกับสารภีซะหน่อย”
“ครับ”
หทัยรัตน์เห็นลูกชายไมได้เป็นอะไรมากก็ปลีกตัวออกไปจากห้อง
“นายโอเคใช่ไหม” น่านฟ้ามองหน้าเหนือตะวันด้วยแววตาสงสาร เพราะพอจะรู้ได้ว่าความเจ็บจุกที่เหนือตะวันได้รับมันทรมานแค่ไหน
“อืม”
“มีอะไรให้ช่วยก็โทรเรียกละกัน ขอตัวก่อน”
น่านฟ้าออกไปได้เหนือตะวันก็ใช้มือยันเตียงนุ่มขยับตัวทุลักทุเลมานอนที่กลางเตียง หากเจอหน้าเพลงขวัญเห็นทีต้องอบรมเธอเสียหน่อยเรื่องปล่อยให้ลูกเล่นซนในสิ่งที่ไม่ควรเล่น นึกถึงตอนที่ถูกหินก้อนโตฟฟาดเต็มๆ เข้าที่กลางเป้า ไม่รู้ว่าระบบสืบพันธุ์ของเขาจะถูกทำลายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
เมื่อถึงเวลานอนของลูกๆ เพลงขวัญก็เข้ามานอนตรงกลางระหว่างลูกชายทั้งสองที่ฟูกนอนกว้าง และรวบกอดลูกทั้งสองเอาไว้หลวมๆ
“ปลื้มไปทุบคุณลุงเค้าตรงไหนครับ”
“ที่ขาครับ”
“คราวหลังไม่เอาก้อนหินหรือว่าของอะไรไปทุบใครนะลูก คนถูกทุบเค้าเจ็บนะครับ”
“ปลื้มขอโทษค้าบ”
“เปรมก็เหมือนกันนะครับ ห้ามแกล้งใครแบบที่ปลื้มทำ”
“ค้าบแม่”
“นอนกันได้แล้วครับ” เพลงขวัญรู้ว่าเมื่อตอนเย็นปริญภัคเล่นซนจนทำให้เหนือตะวันเจ็บ แต่เธอก็ยังไม่ได้เข้าไปถามไถ่ชายหนุ่มว่าเจ็บตรงไหนเขาก็กลับไปพักที่บ้านแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจลูกเธอแค่ไหน เมื่อเย็นถึงไม่ได้ออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน เห็นทีหลังกล่อมลูกหลับคงจะต้องเข้าไปขอโทษเขาด้วยตัวเองสักหน่อยแล้ว
เพลงขวัญวิ่งออกมาจากบ้านหลังจากที่กล่อมลูกๆ หลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอรีบวิ่งผ่านความมืดหลบแสงไฟไปที่บ้านหลังใหญ่ด้านในสุดของรีสอร์ท
เมื่อมาถึงตรงห้องที่เหรือตะวันอยู่เห็นว่าในห้องยังไม่ปิดไฟ จึงค่อยๆปีนมาที่ริมระเบียงห้องนอนชายหนุ่มและใช้กุญแจไขประตูกระจกบานเลื่อนเข้ามาด้านใน
แกร๊ก... เหนือตะวันที่กำลังจะล้มตัวลงนอนก็ต้องดีดผึงลุกขึ้นมองไปยังหลังห้อง แล้วก็ต้องตกใจจนลุกขึ้นไปยืนถ่างขาข้างเตียงด้วยสีหน้าเหยเก เมื่อเห็นเพลงขวัญเข้ามาจากทางหลังห้อง
“ขะ เข้ามาทำไม” เขาจ้องหน้าหญิงสาวเขม็งทั้งรีบคว้าผ้านวมสีขาวผืนใหญ่เข้ามาพันตัว
“คุณเหนือ เบาๆ ค่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ป้องที่ปากของตัวเอง เป็นสัญญาณไม่ให้เขาส่งเสียงดัง แต่มีหรือชายหนุ่มจะทำได้ ในหัวของเขาคิดไปแล้วว่าตอนนี้เพลงขวัญน่าจะเข้ามารวบหัวรวบหางตัวเองแน่นอน
“จะทำอะไรผม”
“เพลงไม่ได้มาทำมิดีมิร้ายคุณนะคะ แค่จะมาพูดเรื่องสำคัญด้วยเฉยๆ มานั่งก่อนค่ะ” หญิงสาวรีบวิ่งพุ่งตรงเข้ามาปิดปากชายหนุ่มที่กำลังเข้าใจเธอผิด
“เพลงไม่คุยด้วยแล้วค่ะ คุ้กกี้พี่เหนือเพลงก็ไม่ทำให้แล้วด้วย” เธอถอดถุงมือและหมายจะเดินออกไปจากในครัวแต่ก็ถูกคนตัวโตรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน“อ้าวเพลง แต่พี่หิวมากเลยนะ แล้วก็อยากกินคุ้กกี้ผักฝีมือเพลงมากด้วย แต่ถ้าเพลงไม่ทำให้พี่ก็ไม่รบกวนก็ได้” เขาเอ่ยเสียงอู้อี้พลางตีสีหน้าน่าสงสาร“เพลงทำให้ก็ได้ค่ะ แต่ขอเถอะนะคะอย่าพูดถึงพ่อเด็กๆ แบบนี้อีก”“ก็ได้ ก็ได้”“ถอนคำพูดด้วยค่ะที่บอกว่าขอให้เค้าไม่ตายดี เพลงไม่ได้อยากให้เค้าตาย”“โอเค ขอให้คนๆ นั้นอายุมั่นขวัญยืน พอใจยัง”“ค่ะ” เพลงขวัญยอมใจอ่อนกลับไปปั้นคุ้กกี้ต่อจนได้เหนือตะวันได้แต่ยืนกอดอกอมยิ้ม เพราะเห็นอยู่กับตาได้ยินกับหูว่าเพลงขวัญยังคงปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา เขานับถือหัวใจของเธอเลยที่รักคนอื่นโดยที่ไม่วังอะไรตอบแทนได้จริงๆ แต่เขาก็อยากจะแกล้งเธอต่อให้สมกับที่เธอทำให้เขาดูเป็นคนบาปทิ้งลูกทิ้งเมียในวันหยุดยาวของเดือนหทัยรัตน์เลือกที่จะพาครอบครัวของเธอขับเรือยอร์ชมาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว ที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ทุกคนมาถึงเกาะเล็กๆ ที่มีธรรมชาติรายล้อมอุดมสมบูรณ์ในช่วงบ่ายของวันเด็กชายทั้งสองเหยียบหาดทรายได้ก็วิ่งโล่เป็นจับปูใส่กร
“เอ่อ”“แถมลูกของเพลงตอนนี้ยังหน้าเหมือนแกมากๆ ด้วย”เหนือตะวันเริ่มพูดอะไรไม่ออก เขานึกย้อนไปถึงเรื่องพ่อของลูกเพลงขวัญ ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของผู้ชายคนนั้น เพราะหญิงสาวไม่เคยปริปากบอกใคร และเธอก็ไม่ยอมให้ใครพูดถึงพ่อของลูกไปในทางที่ไม่ดีด้วย หรือว่าสิ่งที่ตุลภัทรคิดน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ปักใจเชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นอยู่ดี“เพลงเขียนหนังสือเล่มนี้ตอนไหน”“คุณสืบบอกว่าเป็นเล่มแรกที่เธอเขียนแล้วส่งให้พิจารณาประมาณสามปีที่แล้ว”“แกว่าพระเอกที่เพลงเขียนจะเป็นฉันจริงๆ หรือเปล่าวะ”“ใจฉันเชื่อไปแล้ว80เปอร์เซ็น จะเชื่อ100เปอร์เซ็นเลยถ้าแกตรวจดีเอ็นเอลูกของเพลงแล้วปรากฎว่าเป็นลูกแก”“ถ้าปลื้มกับเปรมเป็นลูกฉันจริง เหมือนเพลงทำให้ฉันเป็นคนบาปโดยไม่รู้ตัวเลย”“ในหนังสือเขียนว่านางเอกไม่ได้ตั้งใจท้อง เธอกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว แต่ก็น่าจะไม่ได้ผล แล้วเธอก็รักพระเอกเกินกว่าจะเอาภาระบอกให้พระเอกหนักใจ”“ฉันขอเอาหนังสือไปอ่านได้ไหม”“เอาไปสิ”เหนือตะวันนึกถึงไปถึงตอนที่เพลงขวัญชอบตามใจเขาทุกอย่าง และไม่ยอมให้เขาพูดไม่ดีถึงพ่อของเด็กๆ ถ้าเขาเป็นพ่อเด็กๆ จริงก็น่าเคืองหญิงสาวอยู่เหมือนกัน ที่ทำให้เข
“แม่ก็นึกว่าสาวที่ไหนมาหาตาเหนือ” หทัยรัตน์เดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาในห้องทำงานของลูกชาย คราแรกได้ยินพนักงานคุยกันว่ามีผู้หญิงมาหาประธานหนุ่ม เธอคิดว่าเป็นคาริน่าจึงรีบเข้ามาดู แต่ก็ใจชื้นเมื่อเห็นหน้าลูกสะใภ้ของตัวเอง“คุณแม่สวัสดีค่ะ เพลงเอาขนมมาให้พี่เหนือน่ะค่ะ” หญิงสาวรีบละมือจากเอกสารมายกมือสวัสดีผู้ใหญ่ที่เพิ่งเข้ามา“แล้วของแม่ล่ะมีหรือเปล่า”“เอ่อ เพลงไม่รู้ว่าคุณแม่เข้าบริษัทด้วยค่ะ” สาวเจ้ายิ้มหน้าแหย“ล้อเล่นจะ แม่ไม่กวนแล้วตามสบายนะ” หทัยรัตน์มาเร็วไปเร็วเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของสามีภรรยา ยิ่งเห็นหน้าของเหนือตะวันไม่ได้มีความทุกข์ใจหลังจากผ่านข่าวการเปิดตัวแฟนใหม่ของคาริน่าแค่นี้เธอก็สบายใจมากแล้วเหนือตะวันส่ายหัวน้อยๆ หลังจากที่แม่ของเขาเดินออกไป ที่แม่ตนมาไวไปไวขนาดนี้ไม่วายต้องการเข้ามาจับผิดเขาแน่นอนวันเวลาของความสุขพ้นผ่านไปนานร่วมสามเดือน เหนือตะวันมีความสุขขึ้นทุกวันเมื่อได้มีเพลงขวัญอยู่ใกล้ๆ จนตอนนี้หญิงสาวก็ขโมยหัวใจของชายหนุ่มไปครองได้โดยที่ตัวของเธอก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเหนือตะวันพยายามทำดีเอาอกเอาใจเพลงขวัญทุกครั้งที่ทำได้ แต่ก็ยังไม่เคยกล้าเผยความในใจเพราะคิดว
“เป็นใครกันนะ” เหนือตะวันนอนก่ายหน้าผากมองเพดานห้องผ่านแสงสลัวของโคมไฟ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าพ่อของเด็กๆ เป็นใคร ทำไมเพลงขวัญถึงได้ดูรักและออกตัวปกป้องคนที่ใจจืดใจดำทิ้งลูกทิ้งเมียได้ขนาดนี้“หื้ม..” เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า นึกสงสารเด็กชายทั้งสองลึกๆ หากเขาได้เป็นพ่อคนจะไม่กระทำทิ้งๆ ขว้างๆ ปัดความรับผิดชอบให้ฝ่ายหญิงอยู่ฝ่ายเดียวแน่เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสสำหรับเหนือตะวันนัก ถึงจะเป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจทำงานเพราะเห็นข่าวของแฟนสาวตัวเองประกาศเปิดตัวคบกับนักธุรกิจชื่อดังชาวอังกฤษ“มันเรื่องอะไรกันรีน่า ทำไมข่าวออกไปแบบนั้น” เหนือตะวันละจากงานมาหาคาริน่าถึงที่บ้านอีกครั้ง เพื่อถามหาความจริงจากปากของเธอโดยที่ไม่เชื่อข่าวไปก่อน“แล้วทีคุณไปแต่งงานจดทะเบียนกับผู้หญิงคนอื่นไม่บอกรีน่าล่ะคะ” ดาราสาวเอ่ยตอบเสียงห้วนมีสีหน้าท่าทีไม่สนใจคนที่เข้ามาหา เพราะตอนนี้เธอได้ตกลงคบหากับนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่น่าจะทำให้เธอสบายกว่าการคบกับเหนือตะวันได้หลายเท่าชายหนุ่มชาวาบไปทั้งตัว เพราะเข้าใจได้จากคำตอบของหญิงสาวว่าเรื่องราวมันเป็นจริงตามข่าวที่ออกมา หากเปิดตัวคบกันในเวลา
“ก็เมื่อวานฉันอุตส่าห์วางยาคุณเหนือจนจะเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่แล้ว ยัยหทัยรัตน์พาคนมาลากลูกชายกลับไป แถมยังขู่ฉันว่าถ้าไม่เลิกยุ่งกับลูกชายนางจะแฉให้ฉันอยู่ในวางการไม่ได้ เพราะนางบอกว่านางรู้เรื่องที่ฉันไปมั่วผู้ชายอยู่ที่ต่างประเทศ”“โอ้โห งั้นแกก็เลิกยุ่งกับคุณเหนือเด็ดขาดเลย เพราะความฝันที่แกจะได้เป็นสะใภ้บ้านนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แถมถ้าถูกแฉจะหมดอนาคตในวงการอีก” ว่าแล้ว เอวารินคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเรื่องผู้ชายที่คาริน่าชอบไปพัวพันจะสร้างปัญหาให้ตัวเองสักวัน“ถ้าเค้ามาก็ไล่เค้ากลับไปด้วยแล้วกัน ฉันขอตัวก่อน พอดีมีนัด”“แกนี่มันจริงๆ”เอวารินส่ายหัวและมีสีหน้าอ่อนใจกับคาริน่า ที่โยนปัญหาของตัวเองมาให้เธอจนได้เพลงขวัญเดินวนไปวนมาที่ห้องนั่งเล่นอยู่หลายรอบ ขณะที่ยุพินพาลูกๆ ของเธอไปอาบน้ำหลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” เธอเห็นว่าตั้งแต่เหนือตะวันกลับมาจากข้างนอกก็เอาแต่นั่งเครียดอยู่ที่หลังบ้านตลอดเวลาตอนนี้รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะเข้าไปคุยกับเขาดีหรือไม่เพราะยังไม่กล้าสู้หน้าเขาจากเหตุการณ์เมื่อคืน แต่หัวใจของเธอก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกินจนสุดท้ายก็ต้องเดินเข้า
เหนือตะวันเริ่มวาดมือเลื้อยกอดคนตัวเล็กและพลิกตัวของเธอให้นอนอยู่ใต้ร่าง เขาทาบทับกดคนตัวเล็กกับเตียงนุ่มก่อนจะเริ่มจูบตอบรับกับเธอริมฝีปากหนากดประสานกับปากของหญิงสาวแน่นขึ้น ก่อนจะเริ่มแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก จนเพลงขวัญรู้สึกขาดลมหายใจเป็นห้วงๆ เพราะรสจูบดูดดื่มของเหนือตะวันเสมือนทำให้ตัวเธอรู้สึกถูกกลืนกินแทบจะตลอดเวลาเขาดูดดึงลิ้นเรียวเล็กเล่น เร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเริ่มหายใจถี่มีเสียงฟึดฟัด มือหนาตอนนี้ทำหน้าที่ลูบไล้ไปทั่วชุดคลุมสีหวานก่อนจะดึงเชือกผูกที่กลางหน้าท้องของเพลงขวัญออกชายหนุ่มเริ่มไล่สัมผัสความอุ่นจากหน้าท้องน้อยขึ้นไปที่อกอวบอิ่มนุ่มนิ่มชูชัน จนคนใต้ร่างเริ่มแอ่นสะท้านเมื่อมือหนาบดขยำอยู่กับอกของเธอไปพร้อมๆกับลีลาการจูบที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆเวลานานสองนานที่ริมฝีปากนุ่มของทั้งสองคลอเคลียกันไม่ห่างรวมถึงมือไม้ของเหนือตะวันก็ปัดป่ายทั่วเนื้อตัวนุ่มนิ่มไม่หยุดจนอารมณ์วาบหวามของทั้งคู่เริ่มพลุ่งพล่านเต็มที่ ชายหนุ่มสลัดบอกเซอร์ตัวจิ๋วทิ้งก่อนจะแทรกขาแกร่งกับกลางขาเรียวทั้งสองและอัดบดเบียดตัวตนยักษ์ใหญ่ถูไถส่งเข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบ“อะ..อื้ออ..” เสี