บ้านอามนตรี
บ้านหลังใหญ่ท่ามกลางสวนผลไม้ รถกระบะ 4 ประตูยกสูงคันใหญ่วิ่งเข้าไปในบริเวณบ้านตามมาด้วยรถเก๋งยุโรป 2 คันวิ่งตามกันมาติด ๆ แล้วเข้าไปจอดข้างกัน
"พี่มาร์ค!!!" เสียงแหลมเล็กเรียกชายหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถคันหรูอย่างตื่นเต้นพร้อมทั้งวิ่งเข้ามากอด จนทำให้คนโดนกอดเซไปชนกับประตูรถอย่างจัง อึ่ก!
"หยุดนะ!!" มาร์คตะคอกเสียงดุทันทีที่หญิงสาวทำท่าจะหอมแก้มตัวเองทั้งมองอย่างไม่พอใจ
"ทำไมล่ะคะแค่ทักทาย" หญิงสาวว่าเสียงหวานในขณะที่น้ำหวานเปิดประตูลงมาจากรถและคุณนงนารถรีบเดินเข้ามาโอบเอวของเด็กสาวไว้และลูบหัวอย่างเอ็นดู
"ทักทาย? เธอทักทายคนที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 7 ปี แบบนี้ทุกคนหรือไง" มาร์คว่าเสียงห้วนพร้อมทั้งแกะมือหญิงสาวออกจากเอว พอดีกับอาสะใภ้เดินยิ้มออกมาจากบ้าน
"พี่นารถสวัสดีค่ะ มาร์ค เนส นิค" หญิงวัยกลางคนร่างท้วมเอ่ยทักทายผู้มาใหม่ยิ้ม ๆ
"สวัสดีครับอาเดือน" 3 หมุ่นยกมือไหว้อาสะใภ้และน้ำหวานก็ยกมือไหว้ตามเงียบ ๆ
"เดือนนี่น้องตัวเล็กจ่ะ น้องพี่มาร์คเค้า ตัวเล็กลูกนี่อาเดือน
"นี่รถไอ้มาร์คมันเหรอ" เนสเลิกคิ้วถามพลางมองรถคันสวยที่มาร์คขับมา ขณะที่เด็กสาวเปิดประตูก้มไปหยิบเอาหลอดดูดน้ำ มือถือของเธอและของมาร์คตรงคอนโซลกลางมาถือไว้แล้วปิดประตูล็อกรถเรียบร้อย"ไม่รู้สิคะ ปกติพี่มาร์คกลับไทยคุณปู่ก็จะส่งรถมีคนขับมาให้ด้วย หวานเลยไม่ได้ถามว่ารถใครแต่คงไม่ใช่รถศิลาหรอก คันนี้ไม่เคยเห็นที่บ้านศิลา" คนตัวเล็กแบบไม่ได้คิดอะไร"ไปบ้านศิลามาด้วยเหรอ?""ไปสิคะ ตอนที่ตายังไม่ป่วยหนักก็ไปบ่อยค่ะ คุณป้าสั่งให้ไปนอนด้วย เรายังแอบเอารถของศิลามาขับเล่นกันเลย แต่ต่อไปคงทำไม่ได้แล้วล่ะพี่มาร์ครู้แล้วเดี๋ยวฟ้องศิลา หวานกับเพื่อนคงได้โดนดุข้ามประเทศมาแน่ ๆ""ปกติก็โดนไอ้มาร์คดุข้ามประเทศอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง" เนสว่าขำ ๆ *เออ...พูดเก่งดีว่ะ เป็นนกแก้วนกขุนทองดี*"ฮี่... ก็โดนค่ะแต่เราก็ชินแล้วไง แต่พี่ศิลายังไม่เคยดุพวกเราไงคะต้องกลัวไว้ก่อน" คนตัวเล็กหันมายิ้มแห้ง ๆ เมื่อถึงหน้าบ้านแล้วพากันเดินเข้าไปในห้องวันนี้คุณย่าผกาทานข้าวได้จนหมดชามจากการป้อนของลูกสะใภ้คนโต คนที่เธอไม่เคยมองเป็นลูกสะใภ้นอกจากมองเป็นผู้อาศัยที่ขัดผลประโยชน์เม
ทางด้านน้ำหวานเด็กสาวค่อย ๆ สระผมให้หญิงชราอย่างเบามือมือเล็ก ๆ ของเธอนวดคลึงทั่วศีรษะ หลังใบหูและต้นคอจนหญิงชรารู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานับปี ก่อนจะล้างน้ำสะอาดและลงครีมนวดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอให้ แล้วขัดสีฉวีวรรณตามแขนขาและข้อพับต่าง ๆ ที่มีคราบไคลเกาะจนเห็นเป็นเส้นดำ ๆ หลายจุดอย่างไม่นึกรังเกียจ เด็กสาวทำไปยิ้มไปและชวนคุยไม่ได้หยุด ความอบอุ่นและสดใสของเธอชโลมใจหญิงชราที่ไร้หลานดูแลเหมือนได้ขึ้นสวรรค์"คุณย่าเจ็บตรงไหนหนูทำแรงไปบอกนะคะ หรือจะร้องโอ๊ย ดัง ๆ ก็ได้ค่ะ" เด็กสาวพูดเสียงใส"หนูเป็นแฟนมาร์คหรือลูก" หญิงชราเอ่ยถามยิ้ม ๆ *ใจดีเหลือเกินแม่คุณเอ้ย อยู่กับมาร์คไปนาน ๆ นะลูก* คุณผกาคิดในใจ"ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูเป็นแค่เด็กขายพวงมาลัยที่พี่มาร์คกับเพื่อนสงสารช่วยติวช่วยสอนการบ้านให้ พี่ ๆ ใจดีมากเลยนะคะ หนูกับเพื่อนสอบติดโรงเรียนดี ๆ กันหลายคนเลย" เด็กสาวว่ายิ้ม ๆ"หนูเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วลูก""ม.6 แล้วค่ะกำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัย แต่เฮียเทนกับพี่มาร์คบอกให้ยื่นรอบโควตาดูก่อนเผื่อได้ แต่หนูไม่มั่นใจหรอกน
"เฮ้อ...ตามใจมึงละกัน" เนสว่าอย่างอ่อนใจ *เดี๋ยวค่อยไปเปิดบัญชีโอนเข้าไว้ให้มันคืนละกัน พูดกับมันแล้วกูเหนื่อย* เนสคิดพลางถอนหายใจแรง ๆ"แล้ววันนี้มึงกับไอ้นิคก็อยู่นี่ กูสั่งข้าวเที่ยงมาให้แล้วเดี๋ยวคงมาส่ง พยุงย่ามึงไปนั่งกินที่ศาลานู่น ถ้ารถมาก็ให้น้านารถขึ้นรถไปกับคุณผกาแล้วพวกมึงค่อยขับตามกันไป อย่าไว้ใจอาเดือนกับมีนเด็ดขาด กูจะกลับก่อน" มาร์คเอ่ยสั่งน้องชายต่างแม่เสียงทุ้มขณะที่ใจเย็นลงพลางล้วงมือถือขึ้นกดเบอร์หาเด็กสาวแต่มันก็ดังขึ้นที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังของเขาเอง"เฮ้อ...ตัวแสบเอ้ย เหน็บไว้ตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย" ว่าพลางส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปเรียกเด็กสาวก่อนที่จะลาเจ้าของบ้านและแม่เลี้ยงแล้วพากันออกจากบ้านมาทันที .............//.........มาร์คกลับเข้ากรุงเทพพร้อมกับน้ำหวานถึงบ้านตาน้อยเกือบ 4ทุ่ม ทั้งคู่ต่างมองตากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ ตลอดทั้งเส้นทางมาร์คแทบจะไม่พูดคุยอะไรเลยกับคนตัวเล็กที่นั่งข้าง มีแค่เพียงบางครั้งที่ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบา ๆ ในขณะขับรถ ซึ่งเธอก็นั่งเงียบ ๆ ชำเลืองมองชายหนุ่มเป็นระยะจนถึงบ้าน"สวัสดีค่ะ
ก่อนวันเดินทางรถสปอร์ตมัสแตงคันสวยวิ่งเข้าไปจอดหน้าตึกคณะบริหารธุรกิจ หนุ่มหล่อผิวขาวใส สไตล์โอปป้าสูงเกินกว่า 180 ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนขึ้นถึงศอกกางเกงสแลคสีเข้มรองเท้าหนังมันวาวและแว่นกันแดดสีเข้มทรงทันสมัย ก้าวลงจากรถด้วยเรียกสายตาอาจารย์และนักศึกษาที่เดินผ่านและกำลังนั่งอยู่ใต้อาคารได้ไม่น้อย"หล่อมาก...." เสียงแว่วมาจากในกลุ่มของนักศึกษาสาวที่มองมาตาเป็นประกายพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างยั่วยวน"ใช่คนที่เราเห็นที่โรมี่เมื่อคืนมั้ยแก เพื่อนเจ้าของผับน่ะ ใช่มั้ย?" 1 ในกลุ่มถามอย่างตื่นเต้น"กูว่าใช่ กลางคืนว่าหล่อแล้ว กลางวันหล่อมากมึง พ่อของลูกมาก" อีกเสียงว่ามาอย่างระริกระรี้ ทำให้ชายหนุ่มที่ได้ยินถึงกับถอนหายใจแล้วเดินตรงเข้าอาคารเพื่อพบท่านคณบดีตามนัดหมาย"นั่นพี่มาร์คนี่ พี่มาร์ค!!" มีนาหรือมีนเรียกเสียงดัง ขณะที่มาร์คเดินขึ้นอาคารคณะของตนแล้วเดินมานั่งที่กลุ่มกับเพื่อน"แกรู้จักเหรอ?" แองจี้สาวสวยแสนเซ็กซี่ในกลุ่มถามอย่างตื่นเต้น"รู้สิ นั่นลูกชายลุงกูเอง นักเรียนนอกนะจ๊ะ อาทิตย์ก่อนเพิ่งไปบ้านกูที่ลำปางมา หล่อเว่อร
บ้านตาน้อยรถมัสแตงสีน้ำเงินคาดขาววิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายหนุ่มดับเครื่องแล้วเดินลงจากรถตรงเข้าในบ้านอย่างคุ้นเคย"ตา สวัสดีครับ" มาร์คนั่งลงยกมือไหว้ตาน้อยที่นอนอยู่ที่ที่นอนปิกนิกกลางบ้านโดยมีลุงปกรณ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ"อือ...กลับวันนี้แล้วหรือลูก" ตาน้อยว่าเสียงเหนื่อย ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นจับแขนชายหนุ่ม"ครับตา อาทิตย์นี้มีประชุมครับผมต้องเข้าร่วมประชุมในฐานะตัวแทนไอ้ศิมันที่มาประชุมที่ไทยครับ""มาร์ค ถ้ามาครั้งหน้าตาไม่อยู่ ตาฝากดูแลน้องด้วยนะลูก" ตาน้อยพูดทั้งมองหน้าน้ำตาคลอ"ตาอย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมให้ไอ้โรมหาหมอที่เก่งที่สุดมาดูแลตานะครับ" มาร์คว่าพลางบีบมือชายชราเม้มปากแน่น"ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกลูกตอนนี้ตับตามันไม่มีส่วนไหนที่ทำงานได้แล้วเหลือแค่กำลังใจตาเท่านั้นที่มันหล่อเลี้ยงอยู่ สิ่งที่ตาห่วงในชีวิตมีแค่อย่างเดียวคือน้ำหวาน มาร์คอย่าทิ้งน้องนะลูก" ตาน้อยบีบมือชายหนุ่มกลับเบา ๆ"มาร์คเดินไปที่ตู้หัวเตียงตาหน่อยสิลูก" ตาน้อยว่ายิ้ม ๆ ซึ่งมาร์คก็ปล่อยมือแล้วลุกขึ้นเดินไปอย่างว่าง่าย "แล้วหยิบกล่องใส่ขนมมาให้ตาท
Rome barน้ำหวานนั่งเคาะนิ้วถอนหายใจเซ็ง ๆ อย่างต่อเนื่อง หลายวันมาแล้วที่เธอรอโทรศัพท์จากมาร์ค แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้โทรกลับ ครั้นเธอจะโทรหาเขาอีกก็ไม่กล้า ทำให้เพื่อนรักอย่างคิตตี้หรือของขวัญก็พลอยเซ็งไปกับเธอด้วย"นี่เอาตูดมาแปะหน้าผากกันเหรอ" โรมว่าพลางดีดหน้าผาก 2 สาวที่นั่งถอนหายใจพร้อมกันอยู่หน้าร้านอย่างมันเขี้ยว"ตูดที่ไหนจะมาสวยเหมือนเราล่ะคะพี่โรม กำลังเครียดอยู่" ของขวัญพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"เครียดเรื่อง?? ศิลามันโทรมาด่าเรื่องเอาน้องเขียวมันไปทำสีใหม่น่ะเหรอ" โรมเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ ทั้งยังแซวเด็กสาวที่ขับรถเฟอรารี่สุดรักของศิลาไปขูดริมฟุตบาทเป็นทางยาวเมื่อวันก่อน"โว้...ทางกลับบ้านยังจำไม่ได้เลยแล้วจะจำเบอร์โทรที่บ้านโทรมาด่าได้ไงคะ ถ้าพี่โรมกับเฮียเทนไม่ฟ้อง ศิลาก็ไม่รู้หรอก น้องขวัญเครียดเรื่องหวานหน้าบึ้งเนี่ย" ของขวัญตอบพลางถอนหายใจ"แล้วหวานเครียดเรื่อง โควตาก็ผ่านเหลือแต่รายงานตัวแล้วนี่ ไม่ดีใจหรือไง" โรมหันไปว่ากับน้ำหวานยิ้ม ๆ"เฮ้อ... ก็ดีใจอยู่ ดีใจมากที่มีที่เรียนแล้วไม่ต้องไปสอบแข่งอีกแล้ว อือ... ดี
ครืด....ครืด.....เสียงมือถือของชายหนุ่มเรียกเข้าทำให้คนที่กำลังจะกดโทรออกรีบกดรับสายทันที"ฮัลโหลเทน"(มาร์คกลับไทยด่วนตาน้อยไม่โอเค) เทนตะโกนแข่งกับเสียงลมผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังขับมอเตอร์ไซค์อยู่"ตาเป็นไงมั่ง" มาร์คลุกขึ้นยืนทันที(กูไม่รู้กำลังไป) ตื๊ด! ตอบแค่นั้นเทนกดวางสายทันที พร้อมกับมาร์คลุกขึ้นแทบจะพุ่งออกจากห้องตรงไปที่ห้องทำงานของเพื่อนรักที่อยู่ตรงข้ามแต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปได้หันมาสั่งให้เอ็ดเวิร์ด เลขาหน้าห้องท่านประธานสาขาคนใหม่จองตั๋วเครื่องบินกลับไทยไฟล์ตที่ด่วนที่สุด"ไอ้ศิ กูจะกลับไทยด่วนงานที่นี่มึงจัดการไปก่อนเลยนะ เอกสารมึงตรวจมึงเซ็นไปเลย กูยังไม่มีกำหนดกลับมา""อือ..." "โอเค" ศิลาครางในลำคองง ๆ แล้วเงยหน้ามองเพื่อน ซึ่งมาร์คก็รีบตัดบทแล้วเดินออกจากห้องไปทันที "อะไรของมันวะ?""คุณมาร์คครับคุณมาร์ค ตั๋วกลับไทยเร็วสุดอีก 3 วันครับ" เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นร้องตามหลังชายหนุ่ม"ผมต้องการกลับวันนี้ เดี๋ยวนี้ คุณทำยังไงก็ได้ให้ผมได้กลับไทยภายในวันนี้ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปซะ" มา
"ไม่ลำบากดีกว่าค่ะ ตรงนั้นมันพื้นที่ส่วนตัวพี่เค้า แล้วตั้งแต่ตาทรุดหนัก หนูก็ไม่ได้เข้าไปทำความสะอาดให้แล้ว หนูฝากกุญแจไว้ที่พี่โรมแล้วค่ะ" เด็กสาวพูดขึ้น "หนูขอเข้าบ้านนะคะ มีหลายอย่างที่หนูต้องทำ เสื้อผ้าตาบางส่วนยังเก็บไปทำบุญไม่หมด เดินทางกลับดี ๆ นะคะ สวัสดีค่ะแม่นารถ" น้ำหวานว่าพลางยกมือไหว้แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไปเหงา ๆ ท่ามกลางสายตาของผู้ใหญ่ที่มองตามอย่างเป็นห่วง ซึ่งหากสังเกตุให้ดีตั้งแต่งานศพของตาจนถึงวันเผา น้ำหวานจะพยายามอยู่ห่างจากมาร์คพอสมควรเพื่อรักษาระยะห่างอย่างให้เกียรติเพราะคิดว่าพี่ชายคนนี้กำลังมีแฟนและไม่เหมาะมากที่เธอจะสนิทเหมือนก่อน ก่อนที่จะได้รับอนุญาต (คือน้ำหวานรู้จักแฟนของโรมและภรรยาของเทนแล้วและพวกเธอก็รักน้ำหวานกับของขวัญเหมือนน้องสาวเธอเลยสบายใจที่จะยังสนิทกับพวกพี่ ๆ เหมือนเมื่อก่อนแต่กับมาร์คเธอยังไม่ได้เห็นแฟนของชายหนุ่มเธอเลยเกรงใจเป็นพิเศษ)"มาร์ค กูมีอะไรจะคุยกับมึง" โรมเอ่ยเสียงทุ้มพลางกอดคอมาร์คเดินออกมาที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้านของเด็กสาว ในขณะที่เทนขอตัวกลับไปก่อน"ว่า..." "มึงกับน้องทะเลาะกัน?" โรมว่าขึ้นพลางมองหน้า
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม
"ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ คงเป็นปกติของอเมริกันชนน่ะ เพื่อน ๆ ของน้องขวัญเขาก็มีเซ็กส์กันตั้งแต่ไฮสคูลเยอะแยะไป แต่กับศิลา น้องขวัญก็คงแค่คู่นอนตอนกลางคืนตอนกลางวันเราก็เป็นเจ้านายลูกน้องกันปกติ""จ่ะ เจ้านายลูกน้อง เรียกไปนอนกลางวันซะทุกวันขนาดนั้น แหนะ ๆๆ อย่าบอกนะว่าบอสหิวกลางวันด้วยน่ะ" หญิงสาวชี้หน้าถามเพื่อนอย่างล้อเลียน *พี่มาร์คก็คงคิดกับเราแบบนี้สินะ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ผัว*"บ้า ~ ช่วงนั้นป่วยจริง นอนกลางวันจริงจ่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ได้นอนแล้วไงก็มาฝึกงานกับหวาน เอ้อ... เห็นศิลาพูดว่าคุณปู่สั่งให้หวานขึ้นมาฝึกงานกับพี่มาร์คนี่ พี่มาร์คบอกหรือยัง?" ของขวัญตอบเพื่อนพร้อมกับถามอย่างนึกขึ้นได้"ก็เกริ่นเมื่อคืนนิดนึงนะแต่นิดเดียวจริง ๆ แต่ยังไม่รู้อะไรคงต้องรอผู้ใหญ่สั่งอีกทีล่ะมั้ง แต่หวานอยู่แผนกนี้ก็สนุกนะ พี่ ๆ น่ารักดี" น้ำหวานว่ายิ้ม ๆ *จะให้ไปทำไมวะแค่นี้ก็หายใจไม่ได้แล้วมั้ย*"เมื่อวานพี่โอปอล์กระซิบบอกว่าระวังเอริน่าแผนกต้อนรับ นางปลื้มพี่มาร์คมาก 2 วันนี้พี่มาร์คกับท่านประธานไม่อยู่ ระวังโดนหยุมหัว" ของขวัญยื่นหน้าพูดกับเ
4 ทุ่มของวันเดียวกัน ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกจากลิฟต์ของ อพาร์ตเมนต์ ศิลาต้องขมวดคิ้วแล้วดึงแขนเพื่อนอย่างนึกได้"เดี๋ยวมาร์ค มึงบอกว่าวันนี้น้องขวัญกับน้ำหวานจะกลับมานี่" พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองห้องตรงข้ามของมาร์ค"เออ~ ว่ะ แล้วจะมาตอนไหนไม่เห็นโทรบอกให้ไปรับวะ กูลืมน้อง ๆ ไปแล้วนะเนี่ย" ว่าจบมาร์คก็ล้วงมือถือมากดโทรหาน้ำหวานทันที ซึ่งเสียงมือถือก็ดังแว่ว ๆ ออกมาจากห้องของหญิงสาว"มาถึงแล้วไง" ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแตะคีย์การ์ดห้องตรงข้ามกับห้องของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วเดินออกมาที่หน้าห้องของน้ำหวานอีกครั้งก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปอุ้มร่างบางเดินออกมาที่ห้องตัวเองผ่านหน้าเพื่อนชาย ซึ่งมาร์คก็ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าขำ ๆ"เฮ้อ...มึงก็มึนเกินศิลา ยังดีที่น้องขวัญไม่โกรธกูนี่สิ ขนาดมายังไม่บอกกูเลยเฮ้อ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างหงอย ๆ "เอาเหอะ...พรุ่งนี้ค่อยคุย" .............//..........4 ทุ่มของอีกวันวันนี้ทั้งวันมาร์คต้องออกไปพบลูกค้ากับศิลาที่ต่างเมืองชายหนุ่
ครืด.... ครืด....เสียงมือถือดังขึ้นทำให้คนกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งหันมาคว้ามือถือกดรับสายทันทีแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"สวัสดีค่ะ"(ตัวเล็ก)"คะ"(เป็นอะไรหรือเปล่า)"เปล่าค่ะ"(ศุกร์นี้ไปอเมริกากันนะ) เสียงปลายสายเอ่ยชวนพลางถอนหายใจเบา ๆ"ไปทำไมคะ"(น้องขวัญเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ) คำบอกเล่าทำให้น้ำหวานถึงกับลุกขึ้นนั่งชันเข่าทันที"น้องขวัญเป็นหนักหรือคะ" เสียงเครือปนสะอื้นดังลอดไปตามสาย(พี่ก็ไม่รู้หรอก วันศุกร์เลิกงานเราไปกันนะพี่จองตั๋วไว้แล้ว)"แต่หวาน..."(ไปเถอะพี่จองตั๋วไปแล้ว) มาร์คเอ่ยสวนขึ้นทันที"ค่ะ"(กินข้าวรึยัง ออกไปกินข้าวกับพี่มั้ย) ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย"เรียบร้อยแล้วค่ะ หวานจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ" ตื๊ด! ....mark talkตั้งแต่วันนั้นน้องก็พยายามหลบหน้าผมตลอดเลย คงงอนไปแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมก็งานยุ่ง แต่จะว่ายุ่งแค่ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ครับ เพราะงานผมก็แบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ศิลามันไม่อยู่น้องขวัญที่กลับบ้า