เพราะมีอะไรคล้าย ๆ กันถึงเข้าใจกัน ต่างคนต่างเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองขาด จนความรักแบบพี่น้อง กลายเป็นความสัมพันธ์แบบ... ที่รัก
View More"โอ๊ย! นายอ้วน นายทำบ้าอะไรเนี่ย เอามานะ" เสียงเล็ก ๆ ร้องโวยวาย ด้านหลังเสาสะพานข้ามแยกใหญ่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเท่าไหร่นัก ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังคาบขนมปังแผ่นเปล่า ควบมอเตอร์ไซค์มาติดไฟแดงอยู่เลนซ้ายสุดต้องหันหาแต่ก็มองไม่เห็นเจ้าของเสียง
"บอกแล้วไงว่าขายหมดแล้วอย่าเอามาอีกพูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ" เสียงเด็กผู้ชายน่าจะวัยใกล้เคียงกันดังขึ้น
"ก็มันยังไม่เที่ยงตามข้อตกลงเลยนี่ วันนี้วันพระด้วยเราก็ขายฝั่งของเรานายขายไม่ดีเองจะมาโทษเราทำไมล่ะ" เสียงเด็กหญิงดังสวนมาอย่างไม่ยอมกัน "นายอย่าทำแบบนี้นะ เอาคืนมา" เสียงเล็ก ๆ แหลม ๆ ดังมาอีกประโยคพร้อมกับเด็กชายวิ่งถือไม้แขวนพวงมาลัยวิ่งออกมาจากทางด้านหลังเสา แล้วมีเด็กหญิงผอมบางหน้าตาสะอาดสะอ้าน มัดผมหางม้าถึงกลางหลังวิ่งตามมาติด ๆ
"ทำไม แกจะฟ้องตาน้อยงั้นเหรอ ยายเด็กกำพร้า แน่จริงก็ตามมาเอาคืนเด้... เฮ้ย!!"
ปรี๊น!!..... "ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย จะหยอกกันให้รถชนตายหรือไงวะ!" เสียงบีบแตรดังลั่นแยกพร้อมกับเสียงก่นด่าออกมาจากรถเก๋งคันหนึ่ง ขณะที่กำลังจะออกตัวไฟเขียวแต่ต้องเบรกกระทันหัน รถข้างหลังเบรกตัวโก่งไปตาม ๆ กัน เพราะมีเด็กชายวิ่งถือไม้แขวนพวงมาลัยวิ่งตัดออกไป มีเด็กผู้หญิงผอมบางวิ่งตามเพื่อเอาของคืน หยุดยกมือไหว้ขอโทษสีหน้าหงอย ๆ เพราะเด็กชายคนนั้นวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับกระโดดแลบลิ้นปริ้นตาใส่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร แต่เธอข้ามไปไม่ทัน ชายหนุ่มมัวแต่หันมองตามเด็กน้อยที่กำลังเดินก้มหน้าหันหลังไปอีกทางอย่างสนใจ
ปรี๊น...!! "ไฟเขียวแล้วก็ไปสิวะ" เสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง ทำให้เขาต้องรีบหันไปยกมือขอโทษแล้วรีบออกรถไปทันที....
........... //..........
มหาวิทยาลัย BU
รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดที่รถนักศึกษา มนัสพงษ์ นักศึกษาชั้นปี 3 คณะบริหารภาคภาษาอังกฤษ รีบตั้งขาตั้งรถแล้ววิ่งขึ้นอาคารเรียน โดยไม่รอลิฟต์อย่างกระหืดกระหอบ
"มาร์ค ทางนี้โว้ย" เสียงโรมเพื่อน 1 ในกลุ่มที่สนิทกันร้องเรียกมาจากหน้าห้องที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าสอบวิชาแรกของภาคเรียนที่ 1
"ไอ้เทนกับศิลาล่ะ" มาร์คถามขึ้นพร้อมกับหอบน้อย ๆ นั่งลงเป่าปากหลาย ๆ รอบ
"ไอ้ศิลามันโดนเรียกให้ไปส่งคุณปู่ที่สนามบิน ส่วนไอ้เทนกำลังเดินมานั่นไง" โรมตอบเพื่อนพร้อมกับชี้มือไปทางหนุ่มแว่นหน้าตี๋ที่กำลังเดินมาหาเพื่อน
"รีบวิ่งทำไมวะ กูเรียกไม่หันเหลือเวลาอีกตั้ง 20 นาที" เทนเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับแว่นตาเบา ๆ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ กัน
"รีบน่ะดิ กูยังไม่อ่านหนังสือเลย กะว่าจะให้มึงกับไอ้โรมสรุปให้ฟ้งหน่อย ซักนิดก็ยังดี" มาร์คว่าพลางดึงชีทสรุปออกมาจากกระเป๋าสะพายในสภาพยับยู่ยี่ (น่าจะเรียกว่าเศษกระดาษน่าจะเหมาะกว่านะนั่น >~<)
"คุณมาร์คครับ ถ้ามึงกับไอ้ศิลาไม่เข้าใจ กู 2 คนนี่ก็ F ตั้งแต่นั่งรอสอบแล้วครับ พวกกูคงจะสอนปลาสวายว่ายน้ำได้หรอก" โรมว่าขึ้นขำ ๆ
"ก็ศิลามันเก่งนี่หว่าแต่กูเนี่ยถ้าไม่อ่านคือจบเลยนะ แล้วเมื่อคืนกว่าจะได้กลับจากร้านพี่รันก็ปาไปเกือบตี 3 กูร่างแทบสลาย" มาร์คว่าพร้อมกับเปิดชีทอ่านอย่างตั้งใจ
"เห็นพี่รันบอกว่าเมื่อคืนมึงได้ทิปเป็นหมื่นนี่หว่า" โรมเอ่ยแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เมื่อคืนมาร์คไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นนักร้องที่ร้านของสรัญพี่ชายของโรม และทุกวันที่ชายหนุ่มมีคิวไปร้องเพลงที่นั่นจะมีแขกประจำมาแทบเต็มทุกโต๊ะ และมาร์คมักจะได้ทิปเป็นกอบเป็นกำกับงานนี้ มากกว่างานวิ่งส่งอาหารที่ทำช่วงกลางวันหลายเท่า
"อย่าทำพูด ลูกค้าพี่รันน่ะแหละตัวดี ลากกูไปนั่ง ถ้าทิปไม่หนักนะกูไม่อดหลับอดนอนหรอก แล้วแม่งยังจะลากกูไปนอนอีก สยองฉิบหาย" มาร์คว่าพลางลูบแขนตัวเองอย่างขนลุก เมื่อนึกถึงลูกค้า VIP ของพี่ชายเพื่อน
"ฮ่า ๆๆ อย่าบอกนะว่ามึงเสร็จพี่แมนไปแล้วน่ะ" โรมชี้หน้าล้อเลียนเพื่อน
"ไอ้บ้า คิดได้นะเอ็งนี่แล้วจะชวนคุยทำไมครับ ไม่ติวให้ผมล่ะครับ" มาร์คเอ่ยขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มลงอ่านหนังสือสีหน้าจริงจังใน 15 นาทีสุดท้ายก่อนสอบ
"มาร์ค พ่อให้มาบอกว่าวันเสาร์นี้กลับบ้านด้วย" เนสน้องชายต่างแม่ของมาร์คเดินเข้ามาบอกแล้วหันหลังจะเดินออกไป
"บอกพ่อด้วยนะวันเสาร์นี้ไปหาไม่ได้หรอกรับงานเอาไว้แล้ว" เสียงทุ้มตอบกลับขณะที่ตายังมองที่ชีทอย่างตั้งใจ
"ถ้ามึงกลับวันเสาร์ กูจะให้แม่จ่ายค่าเทอมให้" เนสเอ่ยขึ้นเสียงห้วน
"กูหาเองได้ อย่ามายุ่งกับกู" ว่าจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินเข้าห้องสอบ
"ไอ้มาร์ค!" "เฮ้ ~ No…. อย่ามาสถุลและอวดรวยแถวนี้ครับคุณ กลับไปที่ของคุณครับ เชิญครับ" โรมขัดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนผายมือไปทางที่เนสเดินมาแล้วยักคิ้วไล่อย่างท้าทาย
"ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้มาร์ค พ่อตายเมื่อไหร่กูจะให้แม่โอนทุกอย่างให้กูให้หมด" เนสพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น เขาเกลียดมาร์คมาตั้งแต่เด็ก เกลียดแบบไม่มีเหตุผล เกลียดที่เห็นแม่กับน้องชายอีกคนของเขาเอาใจมาร์คสารพัด ทั้งยังชื่นชมมาร์คหลาย ๆ ด้านอย่างภูมิใจ ไม่เคยชื่นชมเขาที่เป็นลูกแท้ ๆ เลยซักครั้ง และเมื่อขึ้นมหาลัยมาร์คได้ย้ายออกมาอยู่คอนโดลำพังในขณะที่เขาได้อยู่บ้าน ทั้ง ๆ ที่คอนโดนั้นมันเป็นของพ่อเขาและเขาก็สมควรจะได้อยู่ ไม่ใช่ประเคนให้ไอ้ลูกกำพร้าแม่ตายอย่างมาร์ค
"ไอ้เนสมึง!" มาร์คพุ่งออกมาจากห้องพร้อมหมัดลุ่น ๆ ทำให้เพื่อนรักอย่างโรมกับเทนที่กำลังจะเดินเข้าห้องสอบรีบรั้งคอเพื่อนไว้อย่างเร็ว
"ไอ้เนส ไอ้เนรคุณที่พ่อเป็นแบบทุกวันนี้เพราะใครมึงน่าจะสำนึก มึงพูดออกมาแบบนี้ถ้าน้านารถได้ยินจะรู้สึกยังไง" มาร์คเอ่ยขึ้นเสียงดังจนคนที่กำลังยืนรอเข้าห้องสอบหันมามอง
"รู้สึกยังไงเหรอ รู้สึกโล่งน่ะสิวะ ทุกวันนี้แม่ต้องดูแลทั้งพ่อทั้งสวน ทุกอย่างในบ้านก็แม่กู มึงไม่คิดจะแบ่งเบาบ้างล่ะ" เนสว่าพร้อมกับเหยียดยิ้มหยัน
"มึงพูดแบบนี้ได้ไงเนส กูออกมาอยู่คนเดียว แล้วกูเคยขอค่าเทอมค่าเรียนจากที่บ้านซักบาทรึเปล่า ค่าน้ำค่าไฟก็ตัดผ่านบัญชีกูทุกเดือน แล้วมึงช่วยอะไรน้านารถบ้างนอกจากช่วยผลาญน่ะ" มาร์คขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด
"กูจะผลาญก็แม่กู อย่าเสือกสอน อยากได้ใช่มั้ยคอนโดนั่นมึงอยู่ไปเลย พ่อตายเมื่อไหร่กูจะให้แม่ขายสวน ขายคอนโดมึงซะ กูจะคอยดูว่ามึงจะมีปัญญาไปอยู่ที่ไหน" เนสว่าขึ้นอย่างไม่อาย
"ไอ้เนส!! ..." ผลัวะ!!! มาร์คสะบัดแขนออกจากมือเพื่อน หมัดลุ่น ๆ ประเคนเข้าใส่คนปากดีอย่างไม่ทันตั้งตัวจนล้มหงายหลังเลือดกบปากไปอย่างเสียท่า โรมและเทนช่วยกันกอดรั้งแขนเพื่อนชายเป็นพัลวัน
"มึงเตรียมโดนไล่ออกได้เลยไอ้มาร์ค กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่" เนสว่าพลางขยับจะลุกขึ้นยืน
"แต่ลุงว่าเนสมีเรื่องต้องคุยกับลุงก่อนสอบนะ" อาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ คณบดีประจำคณะบริหารที่ทั้ง 2 เรียนอยู่กล่าวเสียงเนิบพร้อมกับกัดฟันมองหน้าชายหนุ่มลูกชายของน้องชายอย่างเหลืออด
"แต่มัน..." "ไปพบลุงที่ห้อง เดี๋ยวนี้ มาร์คเข้าไปสอบได้แล้วไป" คณบดีเอ่ยสวนขึ้นพร้อมกับสั่งหลานชายคนโตให้เข้าห้องสอบตามเพื่อน
"แต่ลุงครับ มันทำร้ายผมนะใคร ๆ ก็เห็น" เนสเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
"แต่มาร์คจะไม่ทำร้ายเธอถ้าเธอไม่หาเรื่องเขาก่อน เรื่องนี้ลุงจำเป็นต้องให้พ่อกับแม่เธอรู้นะ ปล่อยไว้แบบนี้ได้เสียอนาคตทั้ง 2 คนแน่" คนเป็นลุงเอ่ยขึ้นเสียงดังพร้อมกับหันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงานด้านหลังชั้นเดียวกันมีเนสเดินตามไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
..........//..........
ช่วงเที่ยงรถครอบครัวคันใหญ่คุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดหน้าตึกคณะบริหาร มาร์คและเพื่อนที่กำลังนั่งติวเตรียมสอบภาคบ่ายเงยหน้ามอง "มาร์คนั่นรถบ้านมึงหนิ" โรมเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อน
"อือ คงมาเรื่องเมื่อเช้าล่ะมั้ง" มาร์คว่าพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด ถ้าลองได้เอารถคันใหญ่นี่มาพ่อเขาต้องมาแน่ แล้วเขาก็ไม่อยากให้ท่านรู้ถึงนิสัยน้องชายต่างแม่มากนักเพราะท่านกำลังป่วยและอยากให้พี่น้องรักกัน มาร์คกลัวท่านคิดมากและทรุดลงอีก
"พี่มาร์ค คณบดีให้มาตามครับ" เด็กรุ่นน้องปี 2 เดินเข้ามาบอกยิ้ม ๆ
"ขอบใจ เดี๋ยวพี่ไป" มาร์คเอ่ยเสียงทุ้มพร้อมกับมองหน้าเพื่อนแล้วถอนหายใจหนัก ๆ ศิลาตบบ่าเพื่อนเบา ๆ อย่างให้กำลังใจส่วนเทนพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ
"เอางี้พวกกูไปด้วย กูอยากรู้ว่าไอ้เนส มันจะแถยังไง" เทนว่าพลางลุกขึ้นเก็บของแล้วพยักหน้าให้เพื่อน แล้วทั้ง 4 ก็พากันเดินขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องคณบดีตามที่รุ่นน้องมาเรียก
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม
"ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ คงเป็นปกติของอเมริกันชนน่ะ เพื่อน ๆ ของน้องขวัญเขาก็มีเซ็กส์กันตั้งแต่ไฮสคูลเยอะแยะไป แต่กับศิลา น้องขวัญก็คงแค่คู่นอนตอนกลางคืนตอนกลางวันเราก็เป็นเจ้านายลูกน้องกันปกติ""จ่ะ เจ้านายลูกน้อง เรียกไปนอนกลางวันซะทุกวันขนาดนั้น แหนะ ๆๆ อย่าบอกนะว่าบอสหิวกลางวันด้วยน่ะ" หญิงสาวชี้หน้าถามเพื่อนอย่างล้อเลียน *พี่มาร์คก็คงคิดกับเราแบบนี้สินะ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ผัว*"บ้า ~ ช่วงนั้นป่วยจริง นอนกลางวันจริงจ่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ได้นอนแล้วไงก็มาฝึกงานกับหวาน เอ้อ... เห็นศิลาพูดว่าคุณปู่สั่งให้หวานขึ้นมาฝึกงานกับพี่มาร์คนี่ พี่มาร์คบอกหรือยัง?" ของขวัญตอบเพื่อนพร้อมกับถามอย่างนึกขึ้นได้"ก็เกริ่นเมื่อคืนนิดนึงนะแต่นิดเดียวจริง ๆ แต่ยังไม่รู้อะไรคงต้องรอผู้ใหญ่สั่งอีกทีล่ะมั้ง แต่หวานอยู่แผนกนี้ก็สนุกนะ พี่ ๆ น่ารักดี" น้ำหวานว่ายิ้ม ๆ *จะให้ไปทำไมวะแค่นี้ก็หายใจไม่ได้แล้วมั้ย*"เมื่อวานพี่โอปอล์กระซิบบอกว่าระวังเอริน่าแผนกต้อนรับ นางปลื้มพี่มาร์คมาก 2 วันนี้พี่มาร์คกับท่านประธานไม่อยู่ ระวังโดนหยุมหัว" ของขวัญยื่นหน้าพูดกับเ
4 ทุ่มของวันเดียวกัน ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกจากลิฟต์ของ อพาร์ตเมนต์ ศิลาต้องขมวดคิ้วแล้วดึงแขนเพื่อนอย่างนึกได้"เดี๋ยวมาร์ค มึงบอกว่าวันนี้น้องขวัญกับน้ำหวานจะกลับมานี่" พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองห้องตรงข้ามของมาร์ค"เออ~ ว่ะ แล้วจะมาตอนไหนไม่เห็นโทรบอกให้ไปรับวะ กูลืมน้อง ๆ ไปแล้วนะเนี่ย" ว่าจบมาร์คก็ล้วงมือถือมากดโทรหาน้ำหวานทันที ซึ่งเสียงมือถือก็ดังแว่ว ๆ ออกมาจากห้องของหญิงสาว"มาถึงแล้วไง" ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแตะคีย์การ์ดห้องตรงข้ามกับห้องของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วเดินออกมาที่หน้าห้องของน้ำหวานอีกครั้งก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปอุ้มร่างบางเดินออกมาที่ห้องตัวเองผ่านหน้าเพื่อนชาย ซึ่งมาร์คก็ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าขำ ๆ"เฮ้อ...มึงก็มึนเกินศิลา ยังดีที่น้องขวัญไม่โกรธกูนี่สิ ขนาดมายังไม่บอกกูเลยเฮ้อ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างหงอย ๆ "เอาเหอะ...พรุ่งนี้ค่อยคุย" .............//..........4 ทุ่มของอีกวันวันนี้ทั้งวันมาร์คต้องออกไปพบลูกค้ากับศิลาที่ต่างเมืองชายหนุ่
ครืด.... ครืด....เสียงมือถือดังขึ้นทำให้คนกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งหันมาคว้ามือถือกดรับสายทันทีแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"สวัสดีค่ะ"(ตัวเล็ก)"คะ"(เป็นอะไรหรือเปล่า)"เปล่าค่ะ"(ศุกร์นี้ไปอเมริกากันนะ) เสียงปลายสายเอ่ยชวนพลางถอนหายใจเบา ๆ"ไปทำไมคะ"(น้องขวัญเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ) คำบอกเล่าทำให้น้ำหวานถึงกับลุกขึ้นนั่งชันเข่าทันที"น้องขวัญเป็นหนักหรือคะ" เสียงเครือปนสะอื้นดังลอดไปตามสาย(พี่ก็ไม่รู้หรอก วันศุกร์เลิกงานเราไปกันนะพี่จองตั๋วไว้แล้ว)"แต่หวาน..."(ไปเถอะพี่จองตั๋วไปแล้ว) มาร์คเอ่ยสวนขึ้นทันที"ค่ะ"(กินข้าวรึยัง ออกไปกินข้าวกับพี่มั้ย) ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย"เรียบร้อยแล้วค่ะ หวานจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ" ตื๊ด! ....mark talkตั้งแต่วันนั้นน้องก็พยายามหลบหน้าผมตลอดเลย คงงอนไปแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมก็งานยุ่ง แต่จะว่ายุ่งแค่ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ครับ เพราะงานผมก็แบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ศิลามันไม่อยู่น้องขวัญที่กลับบ้า
Comments