"จริงเหรอแม่ นี่ย่าขายบ้านของผมเหรอ?" เนสเอ่ยขึ้นอึ้ง ๆ พร้อมกับขยับตัวออกห่างจากผู้เป็นย่า
"ใช่ ย่าเนสขายบ้านเนสไปก่อนวันเกิดเนสลูก พวกเรากะจะเซอร์ไพรส์ลูกกัน กลัวลูกจะน้อยใจที่พี่มาร์คได้ไปอยู่คอนโด แล้วเนสขับรถไปกลับไกล ๆ พ่อเป็นห่วงเนสมากนะลูก พี่มาร์คเขาก็ทำงานเพิ่มเก็บเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ตั้งหลายอย่าง (ว่าพลางขยิบตาให้ลูกเลี้ยงพลาง) แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วลูกเพราะย่าที่เนสรักขายไปหมดแล้ว" คุณนงนารถว่าเสียงเครือพร้อมกับทำท่าสะอื้นจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อต่างซุบซิบนินทากันอย่างหนาหูถึงการกระทำของแม่คนตายที่ขายสมบัติลูกหลานจนหมด
"แม่บอกเนสหลายครั้งเนสไม่เคยเชื่อแม่ คอนโดพี่มาร์คนั่นเป็นเงินของแม่ดาราเขาลูก ค่าเทอมพี่มาร์คก็หาเองทั้งหมด ค่ารักษาพ่อพี่มาร์คก็ช่วยมาตลอด เราไม่เคยได้จ่าย ค่าน้ำค่าไฟก็พี่เค้า ที่เค้าไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะเค้าทำงานด้วยเรียนด้วยไงลูก ลำพังแค่สวนผลไม้ตอนนี้มันไม่ได้ออกทั้งปีเหมือนตอนที่พ่อแข็งแรงแล้วนะ ลูกดูถูกพี่เค้ามาตลอด เห็นดีเห็นงามกับคำพูดของคุณย่าแต่เนสรู้มั้ยคนที่เนสเกลียดที่สุด เขารักและห่วงเนสแค่ไหน พี่มาร์คต้องทำเรื่องขอผ่อนค่าเทอมของเนสเพื่อไม่ให้พ่อรู้ว่าเนสไม่ได้จ่ายแล้วตัวเองก็ไม่ได้จ่ายของตัวเอง แล้วดูคนที่เนสรักสิลูกขนาดบ้านของลูกจากเงินเก็บก้อนสุดท้ายของบ้านเรายังปลอมลายมือขายเอาเงินไปใช้คนเดียวเลย" คุณนงนารถพูดกับลูกชายคนกลางน้ำตานองหน้า เรียกความสงสารแก่คนในงานได้อย่างมาก พร้อมทั้งมองผู้หญิงแก่ในงานแล้วเบะปากอย่างรังเกียจ
"พอเถอะน้านารถ เรื่องมันแล้วไปแล้วนะครับยังไงพ่อก็หาไว้ให้พวกเราสุดความสามารถที่สุดแล้ว เพียงแต่มีมารมาผลาญแค่นั้นเอง น้านารถอย่าเสียใจเลยนะครับเราหากันใหม่ได้" มาร์คที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนฟังเงียบ ๆ ตั้งแต่เริ่ม ลุกขึ้นมารั้งแขนแม่เลี้ยงเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มอย่างน่าฟัง
"แต่...บ้านนั่นมันเป็น" นงนารถหันมองหน้าลูกชายคนโตของสามีพร้อมทั้งขยิบตาเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มร่วมแสดงละครฉากใหญ่เพื่อดึงลูกชายกลับสู่อก ซึ่งมาร์คก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดีก็มองหน้าแล้วพยักหน้าน้อย ๆ แล้วพูดขึ้นอย่างตัดสินใจ
"มันเป็นของคนอื่นครับน้า ผมเข้าใจว่าเนสมันไปกลับไกล คอนโดผมก็เล็ก ๆ เตียงแค่ 3 ฟุตครึ่ง ครั้นจะให้นอนกองกันกับมันก็ไม่ไหวหรอกครับ" มาร์คพูดขึ้นเสริมความน่าสงสารของตัวเองจนคนเป็นแม่เลี้ยงที่หันไปสบตาแอบยิ้มมุมปากกับการเล่นละครเศร้าสุดเนียนของลูกเลี้ยงหนุ่ม "เอาอย่างนี้นะครับน้า ผมจะผ่อนบ้านหลุดจำนองกับไอ้ศิมันซักหลัง (ก็หลังนั้นแหละเนียน ๆ ไปจะให้เข้าอยู่เลยก็กระไรอยู่เดี๋ยวย่าจะวุ่นวายอีก) ให้มันอยู่ แต่... (หันไปมองหน้าเนส) กูไปอยู่ด้วยแบ่งกันคนละห้อง กูจะปล่อยคอนโดให้เช่าเอาเงินมาจ่ายค่าผ่อน แล้วกูจ่ายค่าน้ำส่วนมึงจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ตแล้วก็ค่าส่วนกลาง มึงก็หางานทำหาค่าเทอมเอง ส่วนสวนนี่ก็ให้น้านารถดูแลเหมือนเดิมส่งนิคมันเรียนไป เราโตแล้วเราก็หากันเอง มึงโอเคมั้ยล่ะ ถ้าโอเค ศิลามันนั่งอยู่นั่นกูจะคุยกับมันเลย แต่บ้านมันจะไม่ใช่ทั้งชื่อกูและชื่อมึงนะเพราะกูต้องผ่อน ฉะนั้นสบายใจได้ไม่มีใครปลอมลายเซ็นขายแล้วไล่มึงหนีแน่นอน" มาร์คพูดขึ้นกับน้องชายต่อหน้าทุกคนเพราะเขาต้องการช่วยแม่เลี้ยงให้แม่ลูกเข้าใจกันและอยากกันให้เนส ออกห่างคุณผกา เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเนสเป็นคนหัวอ่อนเชื่อคนง่ายและคุณย่าผกาเป็นคนที่ฉอเลาะเป็นจึงหลอกใช้เนสได้ง่าย
"อย่าไปเชื่อมันนะเนสลูก มันจะหลอกเนสไปใช้น่ะสิ มันไม่มีปัญญาทำได้หรอกเด็กกำพร้านอกคอกอย่างมันจะมีปัญญาที่ไหนมาผ่อนบ้าน มันจะหลอกเนสให้หาเงินเองมันจะขายสวนน่ะลูก" คณย่าผกาพูดกับหลานชายคนโปรดเสียงอ่อนเสียงหวาน
"ผมคงไม่คิดเลว ๆ ขายสมบัติของพ่อกินเหมือนที่คุณทำหรอกครับคุณผกา แม่เลี้ยงผมยังอยู่ทั้งคน เนสกับนิคมันก็น้องผม คนนอนในโลงนั่นคือพ่อผม เลือดดีของท่านอยู่ในตัวผมเกินครึ่ง เป็นบุญของผมเหลือเกินที่เลือดเลว ๆ ของคุณผกาไหลมาไม่ถึงผม" มาร์คว่าขึ้นเสียงดังลั่นศาลาอย่างไม่ไว้หน้า
"มึงว่าไงเนส อีก 1 ชั่วโมงเราจะเผาพ่อกันแล้ว ถ้ามึงโอเคกูจะพูดกับไอ้ศิมันตอนนี้ ถ้ามึงยังเงียบแสดงว่าไม่ ก็ดีนะภาระกูจะได้ไม่เพิ่ม ผ่อนบ้านเดือนนึงปาทิ้ง ๆ ก็ 2 หมื่นเลยมั้ง ค่าเช่าคอนโดน่าจะได้ซัก 4 พัน กูก็ไม่ต้องหาเพิ่มให้เหนื่อย" มาร์คว่าพลางทำท่าจะหันหลังให้
"โอเค...กูตกลงแต่มึงบอกแล้วนะว่าจะผ่อนเอง กูจ่ายแค่ค่าไฟค่าเน็ตค่าส่วนกลางน่ะ" เนสพูดขึ้นตามหลัง
"เนสลูก มันได้จ่ายค่าน้ำ 2 คนจะถึงพันอะไร ค่าไฟเปิดแอร์ตัวเดียวก็หลายพันแล้วนะลูก" คุณย่าพยายามหาพวก
"ก็ไงล่ะ ผมจ่ายค่าน้ำกับค่าผ่อนบ้าน ให้มันจ่ายค่าไฟกับค่าเน็ต ถ้าคิดว่าเสียเปรียบก็ไม่ต้องเอา ผมอยู่คอนโดเล็ก ๆ ก็สบายดี ตีนกวาด ๆ ก็นอนได้" มาร์คหันมองหน้าแม่ของพ่อแล้วพูดขึ้นนิ่ง ๆ (อันที่จริงคอนโดมาร์คกว้างมากนะ 2 ห้องนอนเลยนะ ซื้อของโครงการที่ครอบครัวของศิลาทำขายเลยได้ราคาพิเศษแต่เขาแค่พูดประชดคุณผกาเท่านั้น)
"มาร์ค กูเอา กูโอเค" เนสว่าขึ้นเสียงดัง หลังมาคิด ๆ ดูแล้วอยู่ในเมืองมันก็น่าจะดีขนาดมาร์คยังหางานทำได้เลย หาค่าเทอมเองได้ เขาก็น่าจะหาได้เหมือนกันแล้วก็ไม่ต้องขับรถไปกลับไกล ๆ ทุกวัน เอาค่าน้ำมันมาจ่ายค่าไฟก็น่าจะได้
"มึงโอเคแน่นะ" มาร์คชี้หน้าถาม คนน้องพยักหน้าทันทีขณะที่คุณย่าจับแขนหลานชายรั้งไว้เบา ๆ แต่ถูกเนสสะบัดออกอย่างโกรธ ๆ
"เนส อย่านะลูก เชื่อย่านะ อย่าไปเป็นขี้ข้ามันลูก มันหลอกใช้เนสมันไม่มีปัญญาผ่อนหรอก อย่างมากก็แค่เช่าไม่กี่เดือน โดนเขาไล่ออกอายคนนะลูก" คุณย่าหว่านล้อมหลานชายสุดที่รักเต็มที่ จนเพื่อนรักทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างศิลาที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานอดรนทนไม่ได้ลุกเดินมาทางหลังเพื่อนรักแล้วตบบ่าเบา ๆ พร้อมทั้งสบตากันแล้วหันไปพูดกับคุณผกาด้วยตัวเอง
"มาร์คมันพูดเพราะมันทำได้ครับ ก่อนที่มันจะพูดกับน้องมัน มันคุยกับผมไว้เรียบร้อยแล้ว มันเริ่มเก็บเงินดาวน์บ้านเพื่อให้น้องมันไปอยู่ด้วย ตั้งแต่รู้ว่าคุณแอบขายบ้านหลังนั้นแล้ว ไอ้มาร์คมันรักน้องมันมากกว่าที่คุณผกาบอกว่ารักซะอีกแล้วคุณผกาไม่ต้องห่วงว่ามันจะไม่มีปัญญาผ่อนนะครับ เพราะตอนนี้บริษัทชั้นนำของไทยหลายบริษัทก็อยากได้มันไปทำงานด้วยหลังเรียนจบทั้งนั้น 1 ในนั้นก็คือบริษัทที่บ้านผม" ประโยคสุดสุภาพที่ยาวที่สุดแห่งปีของศิลาเอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัดทั้งงานทำเอาคุณผกากัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ
"แก ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ทำเป็นรู้ดีไอ้พวกเด็กสร้างบ้าน แกเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันห๊า... พ่อแม่..."
"ผมชื่อ ศิลา เศรษฐทรัพย์ไพศาล พ่อชื่อภูษิต แม่ชื่อวรรณารี เศรษฐทรัพย์ไพศาล เป็นเพื่อนสนิทของไอ้มาร์คมัน ผมไม่ได้สร้างแค่บ้านะครับคุณผกา คอนโด รีสอร์ต โรงแรม ผมก็สร้าง" ศิลาเอ่ยสวนคุณผกาเสียงดังฟังชัดถึงชื่อนามสกุลตัวเองและพ่อแม่ทำให้คนทั้งงานต่างครางฮือไปตาม ๆ กัน ที่รู้ว่ามาร์คมีเพื่อนรักเป็นถึงทายาทคนเดียวของ เคเอส กรุ๊ป คนนี้
"มึงพูดแล้วนะเนสว่าจะช่วยไอ้มาร์คมันน่ะ ผ่อนหนักมากเลยนะ" ศิลาช่วยเพื่อนโน้มน้าวน้องชายอีกแรง
"เอ้อ...แค่ค่าไฟค่าเน็ตค่าส่วนกลาง มันคงไม่ถึงหมื่นหรอกมันยังหาได้กูก็หาได้เหมือนกันนั่นแหละ" เนสว่าเสียงดัง
"งั้นเดี๋ยวย่าไปอยู่เป็นเพื่อนนะลูก" ย่าผกาว่าเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับมีแผนการร้ายในหัว
"คงไม่ได้หรอกย่า ผมอยู่กับไอ้มาร์ค 2 คน น้ำไฟใช้แค่นิดหน่อยมาร์คมันก็ทำงาน ผมก็จะหางานทำช่วงที่ถูกพักการเรียนนี่ ไม่อยู่บ้านก็ไม่ได้ใช้น้ำไฟ แต่ถ้าคุณย่าอยู่เปิดแอร์เปิดไฟทิ้งทั้งวันเหมือนอยู่บ้านสวนผมก็จ่ายตายเลยสิครับ พวกผมอยู่กัน 4 คนค่าไฟไม่ถึง 5 พัน ย่ามาไม่ถึงเดือนใบเสร็จไฟมาตั้งเกือบ 2 หมื่น ค่าน้ำเพิ่มอีกตั้ง 3 เท่า ย่าเคยอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นเถอะครับ อย่ามาเบียดเบียนพวกผมเลย" เนสว่าขึ้นเสียงดัง เขาโกรธมากที่นึกถึงว่าย่าแอบขายบ้านที่พ่อจะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเขา แล้วนึกถึงตอนที่ย่ามาอยู่บ้านสวนกับพวกเขาที่ค่าน้ำค่าไฟพุ่งจนแม่ต้องแอบเก็บใบเสร็จไม่ให้พ่อเห็น แต่ตอนนั้นเขาก็มีส่วนผิดเพราะร่วมมือกับย่าแกล้งมาร์คโดยการเปิดไฟทั้งห้องเปิดแอร์ 24 ชม. เปิดน้ำทิ้งตลอดเวลาแล้วเขายังแอบเข้าไปเปิดในห้องของมาร์คอีกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้มันตัดอัตโนมัติผ่านบัญชีของมาร์ค เลยคิดว่าพ่อเขาจะไม่รู้เรื่องนี้
"เอาล่ะ สรุปกันได้แล้วหรือยังลูก จะถึงเวลาแล้วนะ...
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม