ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล มือถือของชายหนุ่มสั่นรัว ๆ นับ 10 สายจากเบอร์โทรเข้าแค่เบอร์เดียว ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องแวะปั๊มน้ำมันเติมน้ำมันและกดรับสาย
"ครับน้านารถ"
(มาร์ค ถึงไหนแล้วลูก) เสียงนงนารถสั่นเครือมาตามสาย
"แวะปั๊มครับ อีก 7 กิโลก็ถึงครับน้าแค่นี้นะครับผมจะรีบไป" ว่าจบชายหนุ่มก็รีบวางสายแล้วบึ่งออกไปทันทีแบบไม่รอเงินทอน เขาจับน้ำเสียงของแม่เลี้ยงได้ว่าพ่ออาการน่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
.........//..........
ณ โรงพยาบาล
รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดรถชั่วคราว ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อกวางที่เบาะแล้วถอดกุญแจวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินที่เห็นหลังของแม่เลี้ยงไว ๆ อยู่ตรงนั้น
"น้านารถครับ พ่อเป็นไงมั่งครับ" ชายหนุ่มวิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับถามแม่เลี้ยงเสียงรัว
"พ่ออยู่ข้างในลูก หมอกำลัง... กำลัง...ฮือ" นงนารถตอบลูกเลี้ยงเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง
"กำลังอะไรครับ น้า..." มาร์คจับมือแม่เลี้ยงเขย่าถามน้ำตาคลอ พอดีกลับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาคุณหมอเดินออกมาหาญาติคนไข้ด้วยใบหน้าสงบ มาร์ครีบปล่อยมือแม่เลี้ยงแล้วคว้าแขนของหมอเขย่าถามรัวทันที
"หมอ พ่อผมเป็นไงครับ ผมเข้าไปได้มั้ยครับ หมอครับ"
"หมอทำเต็มที่แล้วครับ เรายื้อท่านไม่ไหวจริง ๆ หมอเสียใจด้วยนะครับ" คุณหมอพูดออกมาอย่างยากลำบากด้วยความที่จำชายหนุ่มตรงหน้าได้ เขาจะมาหาพ่อทุกครั้งที่ท่านมาพบหมอที่โรงพยาบาลและยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอต่อหน้าพ่อและแม่เลี้ยง มาร์คจะเป็นคนดูแลค่ารักษาพยาบาลของพ่อเองทั้งหมดถึงแม้บางครั้งจะจ่ายไม่ครบเขาก็จะขอผ่อนกับทางโรงพยาบาลจนครบก่อนที่พ่อจะมาพบหมอครั้งต่อไป โดยที่ขอร้องไม่ให้ทางโรงพยาบาลบอกเรื่องค่าใช้จ่ายที่แท้จริงให้ผู้เป็นพ่อรู้ ทั้ง ๆ ที่เสี่ยมนตราเองก็จัดว่าเป็นคนมีฐานะ แต่ลูกชายคนโตกลับขอผ่อนค่ารักษากับทางโรงพยาบาล และเสี่ยมนตรามีลูกชาย 3 คนแต่หมอที่รักษาก็เคยเห็นแค่คนโตกับคนเล็กแค่นั้น
"หมอว่าอะไรนะครับ ไหนน้านารถว่าแค่ล้มในห้องน้ำนี่ครับหมอ" มาร์คเอ่ยถามอึ้ง ๆ น้ำตาคลอหน่วย
"ท่านหัวใจล้มเหลวในห้องน้ำครับ จากบ้านมาถึงนี่เกือบ 40 นาที หัวใจท่านหยุดเต้นระหว่างทางหลายครั้ง เราทำได้เต็มที่แค่นี้จริง ๆ ครับ" คุณหมอบอกความจริงให้ชายหนุ่มฟัง
"พ่อ... ฮือ น้านารถครับ ผมขอโทษ ผมมาช้า พ่อครับผมขอโทษครับ" ชายหนุ่มปล่อยโฮไม่อายใครพร้อมทั้งกล่าวขอโทษแม่เลี้ยงและพ่อบังเกิดเกล้าเสียงดัง แล้วกอดแม่เลี้ยงร้องไห้สะอื้นอย่างน่าสงสาร
"แม่ พี่มาร์ค ..." เสียงนิคน้องชายคนเล็กร้องเรียกและวิ่งเข้ามากอดเอวพี่ชายต่างแม่
"นิค" พี่ชายเรียกชื่อน้องพร้อมทั้งรั้งเด็กหนุ่มเข้ามากอด "ฟังพี่นะนิค พ่อไม่อยู่กับเราแล้ว พ่อทิ้งเราแล้ว" พี่ชายเอ่ยพลางกอดน้องชายไว้แน่น
"มาร์ค" "ลุงศักดิ์ ป้าธิดา" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกลูกผู้พี่ของพ่อกับภรรยาที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ท่านคณบดีคว้าตัวหลานทั้ง 2 เข้าไปกอดไว้แน่น ในขณะที่ป้าธิดารีบรั้งน้องสะใภ้กอดไว้อย่างปลอบโยน
"ตั้งสตินะลูก ตั้งสติก่อน พ่อเราท่านหมดกรรมแล้วเราอย่าทุกข์โศกให้กรรมติดมันไปเลยนะ เดี๋ยวลุงช่วยจัดการทางนี้ให้ ส่วนธิดาพาน้องไปจัดการเรื่องวัดนะ ตอนเย็นตรีกับมะปรางน่าจะมาถึง" คุณลุงของหลานจัดแจงเสียงนิ่งสงบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเสียคนที่รักไป ทั้งพ่อแม่น้าชาย ตลอดจนแม่ของมาร์คท่านก็เป็นคนดำเนินการเองทั้งหมดท่านจึงเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในครอบครัวที่พึ่งพาได้ในตอนนี้
"ลุงครับผมอยู่ด้วยครับ นิคไปกับแม่นะ ดูแลแม่ดี ๆ" มาร์ครีบเอ่ยพลางหันไปบอกน้องชายทั้งน้ำตา ที่ท่านคณบดีมาได้เร็วขนาดนี้มาร์คไม่แปลกใจ เพราะ ผอ.โรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของท่านและทุกครั้งที่พ่อของเขาเข้าโรงพยาบาลท่านจะรู้ด้วยตลอด
"แต่ผมขอเข้ามาหาพ่อก่อนได้มั้ยครับ" นิคเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ทุกคนจึงพากันหันไปมองหน้าคุณหมอที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คุณหมอพยักหน้าช้า ๆ แล้วเปิดประตูห้องฉุกเฉินพาทุกคนเดินเข้าพาทุกคนเข้าไปข้างใน มาร์คกับนิคจับมือกันเดินเข้าไปหาพ่อพร้อมทั้งนั่งลงคุกเข่ากราบที่เท้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มเอ่ยให้สัญญากับร่างไร้ลมหายใจของผู้เป็นพ่อเสียงทุ้มแต่หนักแน่นที่สุด
"พ่อไม่ต้องห่วงน้านารถกับนิคนะครับ ผมสัญญาจะดูแลน้านารถกับนิคให้ดีจะไม่ให้ใครรังแกได้ ผมเคยพูดอะไรไว้ผมจะทำให้ได้พ่อกับแม่คอยมองดูความสำเร็จของผมบนสวรรค์นะครับ" ว่าจบชายหนุ่มยกมือที่ซีดไร้สีของผู้เป็นพ่อลูบหน้าตัวเองแล้วแนบแก้มลงที่หลังมืออุ่น ๆ อีกครั้งแล้วลุกขึ้นดึงแขนน้องชายมายืนข้างกัน
งานศพของเสี่ยมนตราถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติถึง 5 วัน โดยการจัดการที่ไร้การคัดค้านของท่านคณบดีศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นพี่ชาย โดยที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้คุณผกาอดีตน้าสะใภ้ แม่ของคนตายมาวุ่นวายกับเงินที่มีคนใส่ซองช่วยทำบุญ หรือส่วนใด ๆ เด็ดขาด
"หนอย... ไอ้ศักดิ์ ฉันเป็นแม่มันนะ มันตายซองช่วยงานมันก็ต้องเป็นของฉันสิ" คุณย่าผกาพูดขึ้นขณะที่อยู่ต่อหน้าศพวันสุดท้าย
"ไม่ได้หรอกครับ เงินพวกนี้ต้องจัดงานแล้วลูกเมียมนมันก็อยู่ครบ เหลือตรงนี้ต้องจัดการไปตามส่วน" ท่านคณบดีพูดขึ้นเสียงนิ่ง
"ลูก เมีย? มันจะสำคัญอะไร มันก็แค่คนนอก ฉันเป็นแม่มัน ไม่มีฉันมันจะเกิดมาให้ไอ้พวกนี้ได้เกาะกินสบายกันอยู่นี่มั้ย" คุณผกาพูดขึ้นไม่อายใครในขณะที่แขกหันมองหน้ากันตาปริบ ๆ
"เขาช่วยกันทำมาหากินครับคุณน้า ตามกฎหมายลูกเมียเขาต้องได้ตามส่วนครับ" ท่านคณบดีกัดฟันกล่าวอย่างระงับอารมณ์
"ไม่รู้ล่ะ เผาเสร็จเงินซองฉันต้องได้ครึ่งนึง สวนมนตรามันก็ต้องเป็นของฉันครึ่งนึงเหมือนกัน ฉันจะขายแล้วส่งหลานชายฉันไปเรียนต่างประเทศ" คุณย่าผกาว่าเสียงดังอย่างเอาแต่ใจ
"คงไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ ..." "ใครแม่แก ลูกฉันตายไปแล้วแกไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าแม่" คุณย่าผกาเอ่ยสวนภรรยาลูกชายขึ้นทันที
"งั้น...คงไม่ได้ค่ะคุณผกา (คุณนงนารถลุกขึ้นพูดเสียงดังได้ยินกันทั้งศาลาทั้งแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน) เงินที่แขกท่านให้มาท่านเอามาทำบุญค่ะ เหลือจากนี้นารถจะทำผ้าป่าเป็นมหากุศลให้พี่มนทั้งหมดและเหลือเท่าไหร่นารถจะเพิ่มให้อีกเท่าตัว ส่วนสวนมนตราที่คุณผกาวนเวียนอยากได้และพยายามไล่ผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงหนีมาตลอด มันเป็นชื่อของพี่มนกับดาราใช้เงินเก็บซื้อร่วมกันไม่ใช่ของพี่มนคนเดียวแล้วตอนนี้นารถก็ให้พี่มนโอนเป็นชื่อของมาร์คตั้งแต่มาร์คอายุ 20 แล้วค่ะ ถ้ามาร์คให้ใครอยู่คืออยู่ ถ้ามาร์คไม่ให้ใครเหยียบก็เหยียบไม่ได้" นงนารถพูดขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณผกาพยายามไล่มาร์ค ลูกชายของดาราออกจากบ้านหลอกศาลขอเป็นคนดูแลมาร์คแทนพี่มนกับ
นารถแล้วขายสมบัติของดาราทุกอย่างเอาเงินเข้าบ่อนจนเกือบหมด แอบขายบ้านที่พี่มนตั้งใจซื้อไว้เซอร์ไพรส์เนส (อันนี้เรื่องจริง เพราะบ้านหลังนั้นเสี่ยมนตรากะซื้อให้เนสตอนที่เข้ามาเรียนกรุงเทพ แต่ไม่มั่นใจว่าเนสจะเรียนที่ไหนเลยซื้อไว้ตรงรอบนอกและซื้อพร้อมกับคอนโดของมาร์ค แต่แม่ของท่านจ้างคนปลอมลายมือขายให้คนรู้จักและตอนนี้นงนารถก็ไปขอซื้อคืนมาแล้วและใส่ชื่อของมาร์คเอาไว้เพื่อปกป้องสมบัติชิ้นนี้ และเรื่องนี้มาร์คก็รู้ดีและบอกว่าจะโอนให้เนสถ้าถึงเวลา) พี่มนตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เนส (เธอเน้นชื่อลูกชายคนกลางที่นั่งอยู่ข้างคุณย่าอีกทีพร้อมทั้งมองหน้าลูก) เป็นของขวัญวันเกิดตอนเนส อายุ 20 แต่คุณผกาก็ปลอมลายมือขายให้คนรู้จักไปก่อน ให้เนสโกรธมาร์คที่ได้คอนโดสมบัติเก่าของดาราแต่เนสไม่ได้อะไรเลย แล้วบ้านหลังนั้นมันก็แพงกว่าคอนโดของมาร์คซะอีก" คุณนงนารถว่าเสียงดังพร้อมกับกำมือแน่นแล้วมองหน้าลูกชายคนกลางน้ำตานองหน้าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรักเนสมากแต่คำพูดของเธอกับสามีลูกชายไม่เคยฟังกลับไปเชื่อฟังแต่คนเป็นย่าที่คอยใส่ร้ายป้ายสีให้คนในครอบครัวทะเลาะกัน และคนที่น่าสงสารที่สุดคือลูกชายคนโตของสามีที่เขายอมคนในบ้านทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้พ่อ"จริงเหรอแม่ นี่ย่าขายบ้านของผมเหรอ?"
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม