ธูปเดินลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกหนึบ ๆ ในหัว ราวกับมีค้อนเล็ก ๆ กำลังทุบอยู่เบา ๆ เป็นสัญญาณของการแฮงค์ที่คุ้นเคยจากการดื่มหนักเมื่อคืน เขาจำได้ว่าลุกเดินลงจากห้องมาปลุกเขากลางดึกเพื่อให้เขากลับขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเองหลังจากที่เทียนหายไปแล้ว ธูปลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องเพื่อมาหาอะไรทานก่อน ธูปเดินโซซัดโซเซมาถึงโต๊ะอาหาร ก็เห็นว่าแม่ของเขากำลังนั่งปอกผลไม้อยู่เงียบ ๆ คนเดียวแว่วเสียงแม่ทักขึ้นด้วยความงัวเงียทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นลูกชายคนเล็กที่ตัวใหญ่ของเธอเป็นแน่ "ตื่นแล้วเหรอคนเก่งของแม่ เมื่อคืนนี้ลูกดื่มหนักไปหน่อยนะ" แม่พูดพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ธูปได้แต่ยิ้มแหย ๆ ตอบกลับไป "ผมนั่งดื่มกับพี่เทียนนะครับแม่แต่ว่าพี่เทียนอ่ะไม่รู้หายไปไหน""แล้วเป็นไงปวดหัวไหม" "นิดหน่อยครับ" "มีซุปอยู่ในครัวเดี๋ยวแม่ไปอุ่นมาให้นะ""ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปทำเองดีกว่า""แม่ไปทำให้ได้นะ""แม่ปอกผลไม้ไปเถอะครับเดี๋ยวผมทำเองก็ได้เรื่องแค่นี้""โอเคจ๊ะ" ธูปหายเข้าไปในครัวสักพักแล้วเดินกลับมาพร้อมถ้วยน้ำซุปร้อน ๆ แบบที่มีควันลอยชัด"ระวังร้อนนะลูก" "ครับแม่"
เช้าวันต่อมีหลังจากที่หมิงตื่นนอนเขาก็รีบโทรหาเอมม่าทันทีเพื่อสอบถามว่าทางเธอเป็นยังไงบ้างแต่ก็ได้คำตอบเป็นว่าปูนปั้นร้องไห้หนักเกินไปเธอเลยไม่กล้าถาม เทียนลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของหมิงแล้วเดินออกมาหาจากห้องเจอเขากำลังนั่งคุยกับแม่อยู่"คุณน้าสวัสดีครับ""ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ""ครับ คุณน้าสบายดีนะครับ""สบายดีจ่ะ เทียนสบายดีไหมลูก""ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยแต่ว่าก็โอเคดีครับ""เดี๋ยวกูจะออกไปทำงานมึงจะไปพร้อมกูใช่ไหม""เออดิ กูต้องไปเอารถด้วยเนี่ย" "อืม...งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับแม่""จ่ะ ขับรถระวังนะลูก" "ครับ"ทั้งสองคนมาถึงห้องบ้านของปูนปั้นแล้วแต่ยังไม่มีใครลงมาสักคนหมิงเลยช่วยโทรตามเอมม่าให้เพื่อให้เธอออกมาเปิดประตูให้หน่อย"คุณเทียนมาเอากุญแจรถใช่ไหมคะ""ครับ""ปูนปั้นยังไม่ตื่นเลยค่ะ คุณเทียนรอแป๊ปนึงได้ไหมคะเดี๋ยวเอมม่าไปปลุกน้องให้""ไม่ต้องครับ" เทียนไม่อยากให้เอมม่าไปรบกวนเวลานอนของปูนปั้น ถึงแม้พวกเขาจะทะเลาะกันแต่เทียนก็ไม่สามารถโกรธปูนปั้นจนไม่สนใจเขาได้"คุณเทียนอยากเข้ามานั่งในบ้านก่อนไหมคะ" เอมม่าอยากลองเปิดใจคุยกับเขาก่อนเผื่อว่าจะมีวิธีช่วยให้สองคนนี้คืนดีกัน เ
19:40 น.ธูปเดินเข้าบ้านมาเห็นพี่ชายนั่งหลับตาเงยหน้าพิงโซฟาอยู่ด้วยสภาพเหนื่อยล้าจึงรู้สึกสงสารขึ้นมานิดหน่อย เขารู้ว่าช่วงนี้เทียนทั้งเหนื่อยและเครียดแต่ก็ยังทำตัวดื้อต่อต้านพี่ชายอยู่ตลอดเวลาแทนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระเขาบ้าง ธูปถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปในครัวหยิบเบียร์ออกมา 4 กรป๋อง เสียงกระป๋องเบียร์วางกระทบโต๊ะกระจกด้านหล้าทำเอาเทียนต้องลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัย"อะไรเนี่ย""ก็เบียร์ไง ทำไมเดี๋ยวนี้ดื่มกับน้องชายไม่ได้แล้วหรือไง""นี่แกหายโกรธฉันแล้วเหรอ""ผมไม่ได้หายโกรธแค่สงบศึกชั่วคราว""ขอบใจนะ" เทียนว่าแล้วหยิบกระป๋องเบียร์มาเปิดดื่ม"แล้ววันนี้เป็นไงบ้างอ่ะ""ไม่มีไรหรอกแค่ไปทำบุญแล้วก็แวะไปเรือนจำนิดหน่อย""ไปหาไอ้เมฆเหรอ""อืม""ไปหามันทำไมอ่ะ นี่ถ้าสามารถยัดเงินผู้คุมได้ว่าไม่ต้องให้ข้าวมันกินสักเม็ดผมคงยัดไปแล้ว มั่นไส้จริง ๆ ไอ้พวกเนรคุณเนี่ย""มันก็ได้รับกรรมมันแล้วแหละ""ได้รับแล้วแต่ยังไม่คุ้มไง""แล้วพ่อเป็นไงบ้าง""ไม่รู้สิวันนี้ผมไม่ได้ไปหาพ่อ""อ้าว~ แล้วไปไหนมาทั้งวัน""ฮะ? กะ ก็ไปทำงานของผมดิ""งานอะไร วันนี้ร้านปิดไม่ใช่เหรอ" "งาน...งาน...เรื่องส่วนตัวของผมแหละ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุที่ตระกูลสิริยากรเทียนก็ค่อนข้างจะยุ่งมากไหนจะเรียกงานศพที่ต้องจัดตามศาสนาของแต่ละคน เรื่องปิดข่าวการฆาตกรรม เรื่องอาการของพ่อที่ถึงแม้จะปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแล้วไหนจะเรื่องสภาพจิตใจของคนในบ้านที่ต้องดูแลกันอีก ช่วงนี้เขาต้องเทียวไปตรงนู้นทีตรงนั้นทีหลายรอบต่อวันเลยเหนื่อยและเครียดจนสายต่อแทบขาดแต่ก็ต้องทำ ธูปเองก็ยังงอนเทียนไม่หายที่ปกผิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้กับเขาจึงไม่ยอมคุยหรือให้ความร่วมมือใด ๆ เลยนอกจากไปร่วมงานศพกับเฝ้าดูแลพ่อที่โรงพยาบาลส่วนคุณผู้หญิงทั้งสองคนตอนนี้รักษาการดูแลธุรกิจให้ดำเนินไปต่อแทนเทียนชั่วคราวเพราะถ้าธุรกิจไม่ดำเนินต่อไปแบบปกติอาจเป็นที่สงสัยของคนภายนอกได้เพราะงั้นช่วงนี้คนที่ไปงานสังคมรวมถึงประชุมต่าง ๆ ก็จะเป็นคุณผู้หญิงทั้งสองคนแทน"นี่กระดูกของลุงวิสุทธิ์ครับ" เจสันถือห่อผ้าสีขาวใส่พานส่งให้เทียน พวกเขายืนอยู่ในวัดที่เงียบสงบเพราะตั้งใจเอาสังฆทานและเงินปัจจัยจำนวนหนึ่งมาถวายให้กับที่วัดเพื่อทำบุญทำกุศลครั้งใหญ่ให้กับทุกคนตามที่คุณหญิงหยาดทิพย์แนะนำ"แล้วของคนอื่น ๆ ล่ะ" "ของคนอื่นหลังจากทำกา
เทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่