Share

1

Author: Plearn9
last update Last Updated: 2024-12-24 13:37:35

"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วย

วันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย

"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม

"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ

"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม

"ใช่" เทียนตอบ

"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที

"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม

"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เขาจะไปนานเป็นพิเศษก็เลยอยากจะดื่มกับเพื่อนสักหน่อย แม้วันนั้นจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่เขาก็แอบเห็นว่าหมิงมีอาการเงียบผิดปกติแถมตัวเจ้ายังดื่มเยอะมากเป็นพิเศษอีกด้วย  ถ้าดูจากสีหน้าก็คือรู้เลยว่าเจ้าเขาต้องมีเรื่องทุกข์ใจอะไรอยู่อย่างแน่นอน

"ต้องโทษผมที่ตอนนั้นไม่ถามเขาให้รู้เรื่อง" เทียนพูด พอเกิดเรื่องขึ้นแล้วเทียนก็รู้สึึกผิดมากที่ตอนนั้นเขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเพราะไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตจนทำให้เพื่อนของเขาขสดการติดต่อไปแบบนี้

____________________________________________________

"ไม่อยู่แล้วเหรอครับ" หลังจากที่มาถึงเทียนก็รีบลงมาถามเรื่องหมิงกับพนักงานต้อนรับทันทีแต่คำตอบที่ได้ก็คือหมิงขายห้องนั้นไปแล้วเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน

"แน่ใจนะครับว่าขายไปแล้วจริงๆ" เทียนถามย้ำอีกครั้ง

"แน่ใจค่ะ คุณหมิงอยู่ที่นี่กับพวกเรามา 4 ปีก่อนที่จะไปยังมาบอกลากันอยู่เลบล ส่วนห้องนั้นก็ขายไปแล้วจริงๆ ลูกบ้านคนใหม่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองค่ะ" พนักงานตอบ

"งั้นพอจะมีเบอร์ติดต่อเขาไหมครับ" เทียนถาม

"คุณหมิงเหรอคะ" พนักงานถาม

"หมายถึง...คนใหม่ที่เข้ามาอยู่น่ะครับ" เทียนตอบ

"มันเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ดิฉันให้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ" พนักงานพูด

"นะครับ ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขาจริงๆ" เทียนตอบ

"ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ" พนักงานพูดเลยเดินออกมาหาเวกัสที่ยืนรอเขาอยู่ข้างนอก

"คุณเทียนออกมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ" เวกัสพูดแล้วก็รีบวางสายทันที

"ผมได้ข้อมูลของคุณหมิงมาแล้วครับ" คำพูดของเวกัสทำเอาหมิงกลับมามีแรงฮึดอีกครั้งหลังจากที่เดินคอตกออกมา

"คุณรู้แล้วเหรอว่าหมิงอยู่ที่ไหน" เทียนถาม

"ครับ" เวกัสตอบ คำตอบของเวกัสทำให้เทียนมีรอยยิ้มอีกครั้ง

"ไป รีบไป" เทียนพูดแล้วรีบดันให้เวกัสขึ้นรถเพื่อขับพาเขาไปเจอหมิงทันที 

ระหว่างทางเวกัสก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหมิงให้เทียนฟังอย่างละเอียดว่า

ช่วงประมาณกลางปีที่แล้วแม่ของหมิงป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลตลอดทำให้หมดค่ารักษาไปพอสักควรแต่เขาก็ยังผ่านมันไปได้จนเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนแม่ของหมิงได้เข้ารับการผ่าตัดเส้นเลือดในสมองและหลังจากผ่าตัดเสร็จครั้งนั้น ทำให้หมิงต้องหยุดงานเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยจนไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองสักระยะ แม้จะมีเหตุผลในการลางานแต่ใช่ว่าบริษัทจะเข้าใจเขา สุดท้ายหมิงก็ถูกไล่ออกจากที่ทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า "เขาไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่" และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องยอมขายทุกอย่างทิ้งไปเพื่อนำเงินมาไว้ใช้เป็นทุนในการรักษาแม่ต่อในอนาคต

หลังจากเขาทิ้งทุกอย่างไปแล้วเขาก็พาแม่ย้ายจากสมุทรปราการไปอยู่ที่กรุงเทพเพราะมันอยู่ใกล้กับที่ทำงานใหม่ของเขาพอดีและงานใหม่ก็คือเป็นพนักงานในร้านอาหารฟิวชั่นแห่งนึงที่ค่อนข้างใหญ่โตและชื่อชื่อเสียงมากๆ

ตอนนี้เทียนเข้าใจแล้วว่าทำไมปาร์ตี้คืนนั้นเมื่อ 3 เดือนก่อนหมิงถึงได้มีอาการแปลกไป จริงๆ ตัวเขารู้อยู่แล้วว่าแม่ของหมิงป่วยหนักเพราะหมิงก็เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้างแต่หลังจากที่ไปญี่ปุ่นแล้วเขาก็ไม่รับรู้เรื่องราวของหมิงอีกเลยไม่งั้นเทียนคงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องประสบกับปัญหาแบบนี้หรอก และถึงแม้จะบอกว่าหมิงโชคดีได้ทำงานกับร้านอาหารดังๆ แต่เทียนกับไม่เคยรู้เคยได้ยินชื่อหรือจักที่นั่นมาก่อนเลยแต่ก็อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทยด้วยแหละมั้งจึงไม่ค่อยคุ้นชื่อร้านนี้ แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้เทียนก็ตั้งใจแล้วว่าจะพาเพื่อนของออกมาจากที่นั่นแล้วให้มาทำงานกับครอบครัวของเขาแทน

เทียน Part... 

ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารที่หมิงทำงานอยู่แล้ว ซึ่งพอมาเห็นเองกับตาตัวเองก็แอบตกใจไม่น้อยที่ร้านมันหรูหราและใหญ่โตมากขนาดนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปในร้านแห่งนี้ทันที 

"ว้าว~" ผมอุทานออกมาอย่างประหลาดใจเพราะภายในร้านมันอัศจรรย์ยิ่งกว่าข้างนอกอีก เสียงเพลงคลอเบาๆ กับบรรยากาศสุดโรแมนติกมันช่างดีต่อใจซะเหลือเกินและแม้ที่นี่จะเป็นร้านอาหารแต่มันกับไม่มีกลิ่นอาหารออกมารบกวนโพรงจมูกเลยเพราะที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอโรามาหอมอ่อนๆ ซึ่งพอได้สูดดมแล้วก็รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก ผมก้าวเดินเข้าไปช้าๆ อย่างกับคนที่กำลัังถูกแรงดึงดูดของเวทมนตร์ชักนำ

"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าได้จองไว้หรือเปล่าคะ" หลังจากถูกบรรยากาศในร้านทำให้เคลิ้มไปก็มีพนักงานสาวสวยคนนึงเดินเข้ามาถามผมจนทำให้ผมได้สติ

"เอ่อ! เปล่าครับ" ผมตอบ

"อ๋อ~ลูกค้ามากี่ท่านคะ" พนักงานถาม สีหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสดูเป็นมิตรสุดๆ 

"คนเดียวครับ" ผมตอบ

"งั้นเชิญลูกค้าทางนี้เลยค่ะ" เธอพูดจบก็ผายมือบอกทางให้ผมเดินตามไป เธอพาผมมายังโต๊ะที่ว่างอยู่แล้วนำเมนูอาหารมาวางไว้ให้

"ขอผมดูเมนูสักครู่นะครับ" ผมพูด

"ได้ค่ะ" เธอตอบแล้วก็เดินจากไปซึ่งนั่นเป็นความต้องการของผมอยู่แล้ว ผมพยายามมองไปรอบๆ ร้านแต่ก็ไม่เห็นหมิงเลยไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน

"หรือว่าจะอยู่ที่ชั้นสองนะ" ผมพูดแล้วมองไปที่บันไดทางขึ้น ตรงนั้นมีพนักงานเดินขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปเสิร์ฟ ผมมองอยู่สักพักเลยแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของหมิงอีกเหมือนเดิม

จะว่าไปร้านนี้มีพนักงานเยอะมากนะแค่เฉพาะที่บริการอยู่ที่ชั้นนี้ก็น่าจะประมาณสิบกว่าคนได้แล้วนี่ยังไม่รวมคนที่ดูแลอยู่ข้างบนและพนักงานในห้องครัวอีก ดูถ้าเจ้าของที่นี่จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ 

หลังจากนั่งสำรวจไปได้แป๊ปนึงผมก็เรียกพนักงานให้มารับออร์เดอร์ที่โต๊ะแต่ด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งใจมาทานอาหารแต่แรกอยู่แล้วก็เลยจิ้มๆ ไปมั่วๆ 2-3 รายการแล้วก็เพิ่มไวน์แดงมาด้วยอีกขวด

ระหว่างที่รออาหารผมก็ยังคงมองหาหมิงอยู่ตลอดแต่ทันทีที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟกลิ่นของมันก็ตีขึ้นมาที่จมูกจนผมต้องรีบหันกลับมาดู น่าแปลกมากที่ตอนเข้ามาผมเดินผ่านโต๊ะมานังไม่ถ้วยแต่ไม่ได้กลิ่นอาหารจากโต๊ะไหนเลยจนกระทั่งมีอาหารมาวางตรงหน้าผม

"ทานให้อร่อยนะคะ" พนักงานพูดแล้วก็เดินจากไป

"นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ" ผมมองไปที่อาหารตรงหน้าที่ดูดีจนผมแทบอดใจไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมขอลืมเรื่องหมิงแล้วจัดการของตรงหน้าก่อนแล้วกัน 

เพียงแค่ใช้มีดหันลงไปเบาๆ เนื้อตรงหน้าก็ขาดออกจากกัน ผมใช้ส้อมจิ้มมันลงไปแล้วยกขึ้นมาดมกลิ่นใกล้ๆ

"หอมมาก~" เพียงแค่ได้ดมกลิ่นน้ำลายในปากก็แตกออกอย่างกับกำลังเร่งเร้าให้ผมกินมันสักทีและแน่นอนผมเองก็ไม่รอช้าอ้าปากรับเนื้อชิ้นนั้นทันที

(ว้าว แบบนี้มันอร่อยที่จู๊ดเยยยยยยย~)

นี่แหละเนื้อสเต๊กที่ถูกต้องสำหรับผม รสชาติอร่อยละมุนลิ้นกัดเข้าไปก็มีซอสแตกอยู่ในปากแถมเนื้อยังนุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย กลิ่นเครื่องนี่ก็เทศตลบอบอวลจนตีขึ้นจมูก มันช่างเป็นอะไรที่ฟินมากจริงๆ 

ผมไม่รอช้าซัดอาหารที่เหลือเข้าไปจนหมดอย่างเอร็ดอร่อยในเวลาอันรวดเร็วจากนั้นก็สั่งอาหารมาเพิ่มจนพนักงานต้องเดินมาเสิร์ฟแบบไม่ได้หยุดพักกันเลยทีเดียว

22:45 น.

เอิ๊ก~ (เสียงเรอ)

"อิ่มจัง" ผมยกมือขึ้นมาลูบท้องเพราะรู้สึกแน่นไปหมดจนลุกไม่ไหวแล้ว

"ขออนุญาตค่ะคุณลูกค้า" พนักงานเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ

"ครับ" ผมถาม

"พอดีร้านของเราจะปิดให้บริการตอน 5 ทุ่ม รบกวนลูกค้าชำระค่าอาหารก่อนได้ไหมคะ" พนักงานพูด

"อ่อ ได้ครับ" ผมตอบแล้วล้วงหากระเป๋าสตางค์เพื่อที่จะจ่ายค่าอาหารแต่ไม่ว่าจะล้วงไปตรงไหนก็ไม่เจอกระเป๋าสตางค์เลย 

"เอ่อ~สักครู่นะครับ" ผมพยายามจับดูตามตัวอีกรอบเพื่อความแน่ใจแต่คำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือผมไม่เอาพกมา

"ขะ ขอโทษนะครับแต่ผมน่าจะลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถยังไงช่วยรอสักครู่ได้ไหมครัับเดี๋ยวผมจะรีบวิ่งไปหยิบมาให้เลย" ผมพูด สีหน้าของพนักงานเริ่มเปลี่ยนไปทันที

"มาไม้นี้อีกแล้วนะคะคุณลูกค้า" พนักงานตอบ

"ครับ" ผมอุทานออกไปด้วยความสงสัย

"พวกเราทำงานอยู่ที่นี่เจอเคสกินแล้วหนีมาก็ไม่ใช่น้อยๆ ดิฉันว่าลูกค้าจ่ายเงินมาซะดีๆ เถอะนะคะพวกเราจะได้ไม่ต้องลำบากเรียกคุณตำรวจมา" พนักงานพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่มาให้ผม

หลังจากโต้ตอบฉันไปมาพนักงานก็เริ่มพูดจาเป็นกันเองกับผมมาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเรายืนเถียงกันอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์มาสักพักแล้วแต่ก็ดูเหมือนเหตุการณ์จะไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมเองก็ไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไหร่แต่ครั้งนี้ผมผิดติดที่มาทานอาหารแล้วไม่ได้พกเงินมาด้วยจึงได้ทนพูดกับเขาดีๆ แม้ว่าปกติผมจะไม่ใช่คนแบบนี้เลยก็ตาม

"เงินผมอยู่ในรถจริงๆ" ผมพูด

"แล้วพวกเราจะเชื่อได้ไงว่าถ้าปล่อยให้คุณออกไปคุณจะไม่หนีไป" เธอตอบ 

"งั้นคุณก็ให้คนตามผมไปด้วยสิ" ผมพูด

"แล้วถ้าคุณมีอาวุธอยู่ในรถพวกเราไม่ตายกันหมดเหรอ" เธอตอบ 

(โอ๊ย~ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ)

"เอางี้ไหม เดี๋ยวคุณเอานาฬิกาผมไว้พอผมเดินไปเอาเงินมาชำระให้คุณเสร็จคุณค่อยคืนนาฬิกาผม" ผมพูด

"เงินค่าอาหารยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยจะเอานาฬิกามาอะไรก็ไม่รู้มาเป็นตัวประกัน" เธอตอบ ผมนี่ขึ้นเลยกล้าพูดว่านาฬิกาอะไรก็ไม่รู้ได้ไงว่ะ ผมถกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นข้อมือไปตรงหน้าเธอเพื่อมห้เธอเห็นชัดๆ ว่านี่มันไม่ใช่นาฬิการาคาถูกๆ เลยนะ

"นี่มัน Rolex เชี่ยวนะ" ผมพูด

"ของจริงหรือเปล่าล่ะ" เธอถาม

"ก็ต้องขิงจริงดิ" ผมตอบ เธอทำหน้าไม่เชื่อแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อนพนักงานของเธอ 

"จะออกไปเอาเงินที่รถก็ได้แต่ต้องทิ้งบัตรประชาชนไม่ก็มือถือไว้เท่านั้นถึงจะออกไปได้" เธอพูด

"ก็ถ้ามีมือถือจะยืนเถียงอยู่ตรงนี้ตั้งนานไหมล่ะส่วนบัตรประชาชนก็อยู่ในกระเป๋าสตางค์นั่นแหละ" ผมตอบ 

"งั้นจะเอาไง ให้เรียกตำรวจเลยไหม" เธอเท้าเอวถามผม

"คุณให้ใครก็ได้เดินไปที่ลานจอดรถบอกคนที่เฝ้ารถอยู่ใครเขาเอาโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ของผมมาที่นี่" ผมตอบ

"ได้" เธอตอบแล้วมองหาพนักงานคนอื่นที่กำลังทำความสะอาดร้านอยู่ใกล้ๆ

"เฟิร์ส" เธอพูด

"ครับพี่" พนักงานชายอีกคนรีบวางอุปกรณ์แล้ววิ่งมาหาเธอทันที

"เดี๋ยวไปที่ลานจอดรถหน่อยนะ ดูสิว่าตรงนั้นมีคนอยู่หรือเปล่า ถ้ามีก็บอกเขาว่าคนชื่อ..." เธอหันหน้ามาหาผมเหมือนเป็นการถามว่าผมชื่ออะไร

"เทียน เมธัส สิริยากร" ผมตอบ เธอหลุดขำออกมาแล้วก็หันกลับไปหาพนักงานชายคนนั้น

"ชื่อเทียนให้เขามาหาแล้วก็เอาเงินมาจ่ายค่าอาหารให้ด้วย" เธอพูด

"ได้ครับพี่" พนักงานชายตอบแล้วก็รีบออกไปทันที

"เมธัส สิริยากร ฮึๆๆ" เธอพูดออกมาเบาๆ แล้วก็หัวเราะคิกคักใหญ่เลย

(จบพาร์ทเทียน)

ในระหว่างที่รอกันอยู่พนักงานสาวคนนึงกลัวว่าทั้งคู่จะมีปัญหากันก็เลยรีบเข้าไปในครัวเพื่อแจ้งให้กับเจ้าของร้านรับรู้ว่าข้างหน้ามีคนทะเลาะกันอยู่

"น้องปูนปั้นค่ะ น้องปูนปั้น" เสียงพนักงานสาวกระโกนถามหาเจ้าของร้านของเธอที่วันนี้วิ่งวุ่นอยู่ในครัวตลอดทั้งคู่ทั้งๆ เเพราะลูกค้าแน่นร้านไปหมดและเขาเองก็เพิ่งจะได้หยุดพักเมื่อไม่กี่นาทีนี้นี่เอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   72

    เทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   71

    (ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   70

    เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   69

    ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   68

    เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   67

    "พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status