Share

1

Author: Plearn9
last update Last Updated: 2024-12-24 13:37:35

"สวัสดีครับคุณเทียน" เวกัสเอ่ยทักทายลูกชายคนโตของเจ้านายทันทีที่เขาเดินมาถึงพร้อมกับเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเทียนขึ้นรถให้ด้วย

วันนี้เป็นวันแรกที่เทียนกลับประเทศไทยหลังจากที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมาถึง 3 เดือนเต็มๆ แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนเทียนจะไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นักเพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อหมิงไม่ได้เลยจึงทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เทียนเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากพยายามโทรหาหมิงเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทรติดเลย

"คุณเทียนจะกลับบ้านเลยไหมครับ" เวกัสถาม

"ไม่อ่ะ คุณช่วยพาผมไปส่งที่คอนโด xx หน่อยนะ" เทียนตอบ

"ไปหาคุณหมิงเหรอครับ" เวกัสถาม

"ใช่" เทียนตอบ

"ได้ครับ" เวกัสพูดแล้วเปิดประตูให้เทียนขึ้นไปนั่งบนรถก่อนที่ตัวเขาเองจะตามขึ้นไปแล้วรีบขับออกไปทันที

"ช่วงที่ผมไม่อยู่หมิงเขาไปหาผมที่บ้านบ้างหรือเปล่า" เทียนถาม

"ไม่นะครับ" เวกัสตอบ พอรู้ว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็หายไปอย่างไร้เหตุผลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากว่าเดิมเพราะว่าก่อนหน้าที่เขาจะบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้เขาได้นัดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรกันด้วยก่อนเนื่องจากครั้งนี้เขาจะไปนานเป็นพิเศษก็เลยอยากจะดื่มกับเพื่อนสักหน่อย แม้วันนั้นจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่เขาก็แอบเห็นว่าหมิงมีอาการเงียบผิดปกติแถมตัวเจ้ายังดื่มเยอะมากเป็นพิเศษอีกด้วย  ถ้าดูจากสีหน้าก็คือรู้เลยว่าเจ้าเขาต้องมีเรื่องทุกข์ใจอะไรอยู่อย่างแน่นอน

"ต้องโทษผมที่ตอนนั้นไม่ถามเขาให้รู้เรื่อง" เทียนพูด พอเกิดเรื่องขึ้นแล้วเทียนก็รู้สึึกผิดมากที่ตอนนั้นเขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเพราะไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตจนทำให้เพื่อนของเขาขสดการติดต่อไปแบบนี้

____________________________________________________

"ไม่อยู่แล้วเหรอครับ" หลังจากที่มาถึงเทียนก็รีบลงมาถามเรื่องหมิงกับพนักงานต้อนรับทันทีแต่คำตอบที่ได้ก็คือหมิงขายห้องนั้นไปแล้วเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน

"แน่ใจนะครับว่าขายไปแล้วจริงๆ" เทียนถามย้ำอีกครั้ง

"แน่ใจค่ะ คุณหมิงอยู่ที่นี่กับพวกเรามา 4 ปีก่อนที่จะไปยังมาบอกลากันอยู่เลบล ส่วนห้องนั้นก็ขายไปแล้วจริงๆ ลูกบ้านคนใหม่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองค่ะ" พนักงานตอบ

"งั้นพอจะมีเบอร์ติดต่อเขาไหมครับ" เทียนถาม

"คุณหมิงเหรอคะ" พนักงานถาม

"หมายถึง...คนใหม่ที่เข้ามาอยู่น่ะครับ" เทียนตอบ

"มันเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ดิฉันให้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ" พนักงานพูด

"นะครับ ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขาจริงๆ" เทียนตอบ

"ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ" พนักงานพูดเลยเดินออกมาหาเวกัสที่ยืนรอเขาอยู่ข้างนอก

"คุณเทียนออกมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ" เวกัสพูดแล้วก็รีบวางสายทันที

"ผมได้ข้อมูลของคุณหมิงมาแล้วครับ" คำพูดของเวกัสทำเอาหมิงกลับมามีแรงฮึดอีกครั้งหลังจากที่เดินคอตกออกมา

"คุณรู้แล้วเหรอว่าหมิงอยู่ที่ไหน" เทียนถาม

"ครับ" เวกัสตอบ คำตอบของเวกัสทำให้เทียนมีรอยยิ้มอีกครั้ง

"ไป รีบไป" เทียนพูดแล้วรีบดันให้เวกัสขึ้นรถเพื่อขับพาเขาไปเจอหมิงทันที 

ระหว่างทางเวกัสก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหมิงให้เทียนฟังอย่างละเอียดว่า

ช่วงประมาณกลางปีที่แล้วแม่ของหมิงป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลตลอดทำให้หมดค่ารักษาไปพอสักควรแต่เขาก็ยังผ่านมันไปได้จนเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนแม่ของหมิงได้เข้ารับการผ่าตัดเส้นเลือดในสมองและหลังจากผ่าตัดเสร็จครั้งนั้น ทำให้หมิงต้องหยุดงานเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยจนไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองสักระยะ แม้จะมีเหตุผลในการลางานแต่ใช่ว่าบริษัทจะเข้าใจเขา สุดท้ายหมิงก็ถูกไล่ออกจากที่ทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า "เขาไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่" และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องยอมขายทุกอย่างทิ้งไปเพื่อนำเงินมาไว้ใช้เป็นทุนในการรักษาแม่ต่อในอนาคต

หลังจากเขาทิ้งทุกอย่างไปแล้วเขาก็พาแม่ย้ายจากสมุทรปราการไปอยู่ที่กรุงเทพเพราะมันอยู่ใกล้กับที่ทำงานใหม่ของเขาพอดีและงานใหม่ก็คือเป็นพนักงานในร้านอาหารฟิวชั่นแห่งนึงที่ค่อนข้างใหญ่โตและชื่อชื่อเสียงมากๆ

ตอนนี้เทียนเข้าใจแล้วว่าทำไมปาร์ตี้คืนนั้นเมื่อ 3 เดือนก่อนหมิงถึงได้มีอาการแปลกไป จริงๆ ตัวเขารู้อยู่แล้วว่าแม่ของหมิงป่วยหนักเพราะหมิงก็เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้างแต่หลังจากที่ไปญี่ปุ่นแล้วเขาก็ไม่รับรู้เรื่องราวของหมิงอีกเลยไม่งั้นเทียนคงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องประสบกับปัญหาแบบนี้หรอก และถึงแม้จะบอกว่าหมิงโชคดีได้ทำงานกับร้านอาหารดังๆ แต่เทียนกับไม่เคยรู้เคยได้ยินชื่อหรือจักที่นั่นมาก่อนเลยแต่ก็อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทยด้วยแหละมั้งจึงไม่ค่อยคุ้นชื่อร้านนี้ แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้เทียนก็ตั้งใจแล้วว่าจะพาเพื่อนของออกมาจากที่นั่นแล้วให้มาทำงานกับครอบครัวของเขาแทน

เทียน Part... 

ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารที่หมิงทำงานอยู่แล้ว ซึ่งพอมาเห็นเองกับตาตัวเองก็แอบตกใจไม่น้อยที่ร้านมันหรูหราและใหญ่โตมากขนาดนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปในร้านแห่งนี้ทันที 

"ว้าว~" ผมอุทานออกมาอย่างประหลาดใจเพราะภายในร้านมันอัศจรรย์ยิ่งกว่าข้างนอกอีก เสียงเพลงคลอเบาๆ กับบรรยากาศสุดโรแมนติกมันช่างดีต่อใจซะเหลือเกินและแม้ที่นี่จะเป็นร้านอาหารแต่มันกับไม่มีกลิ่นอาหารออกมารบกวนโพรงจมูกเลยเพราะที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอโรามาหอมอ่อนๆ ซึ่งพอได้สูดดมแล้วก็รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก ผมก้าวเดินเข้าไปช้าๆ อย่างกับคนที่กำลัังถูกแรงดึงดูดของเวทมนตร์ชักนำ

"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าได้จองไว้หรือเปล่าคะ" หลังจากถูกบรรยากาศในร้านทำให้เคลิ้มไปก็มีพนักงานสาวสวยคนนึงเดินเข้ามาถามผมจนทำให้ผมได้สติ

"เอ่อ! เปล่าครับ" ผมตอบ

"อ๋อ~ลูกค้ามากี่ท่านคะ" พนักงานถาม สีหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสดูเป็นมิตรสุดๆ 

"คนเดียวครับ" ผมตอบ

"งั้นเชิญลูกค้าทางนี้เลยค่ะ" เธอพูดจบก็ผายมือบอกทางให้ผมเดินตามไป เธอพาผมมายังโต๊ะที่ว่างอยู่แล้วนำเมนูอาหารมาวางไว้ให้

"ขอผมดูเมนูสักครู่นะครับ" ผมพูด

"ได้ค่ะ" เธอตอบแล้วก็เดินจากไปซึ่งนั่นเป็นความต้องการของผมอยู่แล้ว ผมพยายามมองไปรอบๆ ร้านแต่ก็ไม่เห็นหมิงเลยไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน

"หรือว่าจะอยู่ที่ชั้นสองนะ" ผมพูดแล้วมองไปที่บันไดทางขึ้น ตรงนั้นมีพนักงานเดินขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปเสิร์ฟ ผมมองอยู่สักพักเลยแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของหมิงอีกเหมือนเดิม

จะว่าไปร้านนี้มีพนักงานเยอะมากนะแค่เฉพาะที่บริการอยู่ที่ชั้นนี้ก็น่าจะประมาณสิบกว่าคนได้แล้วนี่ยังไม่รวมคนที่ดูแลอยู่ข้างบนและพนักงานในห้องครัวอีก ดูถ้าเจ้าของที่นี่จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ 

หลังจากนั่งสำรวจไปได้แป๊ปนึงผมก็เรียกพนักงานให้มารับออร์เดอร์ที่โต๊ะแต่ด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งใจมาทานอาหารแต่แรกอยู่แล้วก็เลยจิ้มๆ ไปมั่วๆ 2-3 รายการแล้วก็เพิ่มไวน์แดงมาด้วยอีกขวด

ระหว่างที่รออาหารผมก็ยังคงมองหาหมิงอยู่ตลอดแต่ทันทีที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟกลิ่นของมันก็ตีขึ้นมาที่จมูกจนผมต้องรีบหันกลับมาดู น่าแปลกมากที่ตอนเข้ามาผมเดินผ่านโต๊ะมานังไม่ถ้วยแต่ไม่ได้กลิ่นอาหารจากโต๊ะไหนเลยจนกระทั่งมีอาหารมาวางตรงหน้าผม

"ทานให้อร่อยนะคะ" พนักงานพูดแล้วก็เดินจากไป

"นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ" ผมมองไปที่อาหารตรงหน้าที่ดูดีจนผมแทบอดใจไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมขอลืมเรื่องหมิงแล้วจัดการของตรงหน้าก่อนแล้วกัน 

เพียงแค่ใช้มีดหันลงไปเบาๆ เนื้อตรงหน้าก็ขาดออกจากกัน ผมใช้ส้อมจิ้มมันลงไปแล้วยกขึ้นมาดมกลิ่นใกล้ๆ

"หอมมาก~" เพียงแค่ได้ดมกลิ่นน้ำลายในปากก็แตกออกอย่างกับกำลังเร่งเร้าให้ผมกินมันสักทีและแน่นอนผมเองก็ไม่รอช้าอ้าปากรับเนื้อชิ้นนั้นทันที

(ว้าว แบบนี้มันอร่อยที่จู๊ดเยยยยยยย~)

นี่แหละเนื้อสเต๊กที่ถูกต้องสำหรับผม รสชาติอร่อยละมุนลิ้นกัดเข้าไปก็มีซอสแตกอยู่ในปากแถมเนื้อยังนุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย กลิ่นเครื่องนี่ก็เทศตลบอบอวลจนตีขึ้นจมูก มันช่างเป็นอะไรที่ฟินมากจริงๆ 

ผมไม่รอช้าซัดอาหารที่เหลือเข้าไปจนหมดอย่างเอร็ดอร่อยในเวลาอันรวดเร็วจากนั้นก็สั่งอาหารมาเพิ่มจนพนักงานต้องเดินมาเสิร์ฟแบบไม่ได้หยุดพักกันเลยทีเดียว

22:45 น.

เอิ๊ก~ (เสียงเรอ)

"อิ่มจัง" ผมยกมือขึ้นมาลูบท้องเพราะรู้สึกแน่นไปหมดจนลุกไม่ไหวแล้ว

"ขออนุญาตค่ะคุณลูกค้า" พนักงานเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ

"ครับ" ผมถาม

"พอดีร้านของเราจะปิดให้บริการตอน 5 ทุ่ม รบกวนลูกค้าชำระค่าอาหารก่อนได้ไหมคะ" พนักงานพูด

"อ่อ ได้ครับ" ผมตอบแล้วล้วงหากระเป๋าสตางค์เพื่อที่จะจ่ายค่าอาหารแต่ไม่ว่าจะล้วงไปตรงไหนก็ไม่เจอกระเป๋าสตางค์เลย 

"เอ่อ~สักครู่นะครับ" ผมพยายามจับดูตามตัวอีกรอบเพื่อความแน่ใจแต่คำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือผมไม่เอาพกมา

"ขะ ขอโทษนะครับแต่ผมน่าจะลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถยังไงช่วยรอสักครู่ได้ไหมครัับเดี๋ยวผมจะรีบวิ่งไปหยิบมาให้เลย" ผมพูด สีหน้าของพนักงานเริ่มเปลี่ยนไปทันที

"มาไม้นี้อีกแล้วนะคะคุณลูกค้า" พนักงานตอบ

"ครับ" ผมอุทานออกไปด้วยความสงสัย

"พวกเราทำงานอยู่ที่นี่เจอเคสกินแล้วหนีมาก็ไม่ใช่น้อยๆ ดิฉันว่าลูกค้าจ่ายเงินมาซะดีๆ เถอะนะคะพวกเราจะได้ไม่ต้องลำบากเรียกคุณตำรวจมา" พนักงานพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่มาให้ผม

หลังจากโต้ตอบฉันไปมาพนักงานก็เริ่มพูดจาเป็นกันเองกับผมมาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเรายืนเถียงกันอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์มาสักพักแล้วแต่ก็ดูเหมือนเหตุการณ์จะไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมเองก็ไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไหร่แต่ครั้งนี้ผมผิดติดที่มาทานอาหารแล้วไม่ได้พกเงินมาด้วยจึงได้ทนพูดกับเขาดีๆ แม้ว่าปกติผมจะไม่ใช่คนแบบนี้เลยก็ตาม

"เงินผมอยู่ในรถจริงๆ" ผมพูด

"แล้วพวกเราจะเชื่อได้ไงว่าถ้าปล่อยให้คุณออกไปคุณจะไม่หนีไป" เธอตอบ 

"งั้นคุณก็ให้คนตามผมไปด้วยสิ" ผมพูด

"แล้วถ้าคุณมีอาวุธอยู่ในรถพวกเราไม่ตายกันหมดเหรอ" เธอตอบ 

(โอ๊ย~ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ)

"เอางี้ไหม เดี๋ยวคุณเอานาฬิกาผมไว้พอผมเดินไปเอาเงินมาชำระให้คุณเสร็จคุณค่อยคืนนาฬิกาผม" ผมพูด

"เงินค่าอาหารยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยจะเอานาฬิกามาอะไรก็ไม่รู้มาเป็นตัวประกัน" เธอตอบ ผมนี่ขึ้นเลยกล้าพูดว่านาฬิกาอะไรก็ไม่รู้ได้ไงว่ะ ผมถกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นข้อมือไปตรงหน้าเธอเพื่อมห้เธอเห็นชัดๆ ว่านี่มันไม่ใช่นาฬิการาคาถูกๆ เลยนะ

"นี่มัน Rolex เชี่ยวนะ" ผมพูด

"ของจริงหรือเปล่าล่ะ" เธอถาม

"ก็ต้องขิงจริงดิ" ผมตอบ เธอทำหน้าไม่เชื่อแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อนพนักงานของเธอ 

"จะออกไปเอาเงินที่รถก็ได้แต่ต้องทิ้งบัตรประชาชนไม่ก็มือถือไว้เท่านั้นถึงจะออกไปได้" เธอพูด

"ก็ถ้ามีมือถือจะยืนเถียงอยู่ตรงนี้ตั้งนานไหมล่ะส่วนบัตรประชาชนก็อยู่ในกระเป๋าสตางค์นั่นแหละ" ผมตอบ 

"งั้นจะเอาไง ให้เรียกตำรวจเลยไหม" เธอเท้าเอวถามผม

"คุณให้ใครก็ได้เดินไปที่ลานจอดรถบอกคนที่เฝ้ารถอยู่ใครเขาเอาโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ของผมมาที่นี่" ผมตอบ

"ได้" เธอตอบแล้วมองหาพนักงานคนอื่นที่กำลังทำความสะอาดร้านอยู่ใกล้ๆ

"เฟิร์ส" เธอพูด

"ครับพี่" พนักงานชายอีกคนรีบวางอุปกรณ์แล้ววิ่งมาหาเธอทันที

"เดี๋ยวไปที่ลานจอดรถหน่อยนะ ดูสิว่าตรงนั้นมีคนอยู่หรือเปล่า ถ้ามีก็บอกเขาว่าคนชื่อ..." เธอหันหน้ามาหาผมเหมือนเป็นการถามว่าผมชื่ออะไร

"เทียน เมธัส สิริยากร" ผมตอบ เธอหลุดขำออกมาแล้วก็หันกลับไปหาพนักงานชายคนนั้น

"ชื่อเทียนให้เขามาหาแล้วก็เอาเงินมาจ่ายค่าอาหารให้ด้วย" เธอพูด

"ได้ครับพี่" พนักงานชายตอบแล้วก็รีบออกไปทันที

"เมธัส สิริยากร ฮึๆๆ" เธอพูดออกมาเบาๆ แล้วก็หัวเราะคิกคักใหญ่เลย

(จบพาร์ทเทียน)

ในระหว่างที่รอกันอยู่พนักงานสาวคนนึงกลัวว่าทั้งคู่จะมีปัญหากันก็เลยรีบเข้าไปในครัวเพื่อแจ้งให้กับเจ้าของร้านรับรู้ว่าข้างหน้ามีคนทะเลาะกันอยู่

"น้องปูนปั้นค่ะ น้องปูนปั้น" เสียงพนักงานสาวกระโกนถามหาเจ้าของร้านของเธอที่วันนี้วิ่งวุ่นอยู่ในครัวตลอดทั้งคู่ทั้งๆ เเพราะลูกค้าแน่นร้านไปหมดและเขาเองก็เพิ่งจะได้หยุดพักเมื่อไม่กี่นาทีนี้นี่เอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   จบ

    17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   87 วาเลนไทน์

    14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   86

    กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   85

    มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   84

    ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ

  • My little boy ปูนปั้นน้อยของเฮีย   83

    ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status