"มีอะไรครับพี่ฝน" ปูนปั้นถาม
"พอดีมีลูกค้ามาหลอกทานฟรีอีกแล้วค่ะ" น้ำฝนตอบ "อีกแล้วเหรอครับ...แล้วครั้งนี้ยอดกี่พันล่ะครับ" ปูนปั้นถาม "เห็นพี่เมย์บอกว่าเกือบสามหมื่นเลยค่ะ" น้ำฝนตก "ฮะ!" ปูนปั้นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที "แล้วเขาไปหรือยังครับ...ได้ขอบัตรประชาชนไว้ไหม...รู้หรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร...มีใครโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง...ก่อนหน้านี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่ครับทำไมไม่เห็นมีใครมาบอกผมเลยล่ะครับ" ปูนปั้นรัวคำถามออกไปด้วยความตื่นตกใจโดยที่ไม่เว้นช่องไฟให้น้ำฝนได้ตอบเลย "คือเราพยายามขอบัตรประชาชนจากเขาแล้วนะคะแต่ว่าเขาบอกว่ามันอยู่บนรถไม่ได้พกลงมาด้วย อ่อ! แต่เหมือนเขาจะบอกว่าชื่อ เทียน..." ทันทีที่ได้ยินชื่อเทียนหมิงก็หยุดนิ่งทันทีแล้วหันมามองน้ำฝนด้วยความสนใจ "เทียน...อะไรนะ เทียน~" น้ำฝนพยายามจะพูดออกมาแต่ก็พูดไม่ได้ มันเหมือนติดอยู่ที่ปากแต่พูดออกมาไม่ถูกเฉยๆ ตอนนี้ทั้งปูนปั้นและหมิงก็ต่างยืนลุ้นว่าเธอจะพูดว่าอะไรออกมา "อ่อ เทียน เมธัส สักอย่างเนี่ยแหละค่ะ" น้ำฝนพูดจบหมิงก็ถอดถุงมือสำหรับล้างจานออกแล้วรีบเดินผ่านทั้งสองคนออกจากห้องครัวไปเลย ปูนปั้นเห็นหมิงรีบผิดปกติจึงจะตามออกไปดู หน้าร้าน "พี่เมย์ครับ ที่ลานจอดรถไม่มีรถอยู่เลยสักคันครับ" เฟิร์สพูด "น่านไง ฉันกะไว้แล้วเชียวว่านายต้องเป็นพวกหลอกกินฟรี" เมย์พูดพร้อมชี้นิ้วใส่หน้าเทียนและด้วยความโมโหที่ถูกคนคนนี้พูดจาไม่ดีใส่หลายครั้งเทียนจึงปัดมือของเมย์ที่ชี้หน้าเขาอยู่ออกอย่างแรงจนเธอเจ็บ "โอ๊ย!" พอพนักงานคนอื่นได้ยินเสียงเมย์ร้องก็ต่างพากันหันมามองที่เทียนเป็นตาเดียวกันแต่เทียนหาได้สนไม่ เขาหันขวับไปมองที่เฟิร์สด้วยสายตาที่น่ากลัวสุดๆ จนเด็กเสิร์ฟตัวน้อยขนลุกซู่ไปทั้งตัว "เวกัสไม่มีทางทิ้งฉันแล้วกลับไปก่อนแน่นอน...บอกมา! ว่าแกโกหกใช่ไหม" เทียนถามด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก "ผมไม่ได้โกหกนะครับ" เฟิร์สตอบแล้วรีบถอยออกไปยืนอยู่ข้างหลังเมย์ "ยะ อย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลแถวนี้นะ" เมย์พูดด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ แล้วหันไปหาพนักงานสาวรุ่นน้องที่ยืนเกาะแขนเธออยู่ "ไปโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย" เมย์พูด "ค่ะ" เธอตอบแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่เคาน์เตอร์ "เดี๋ยวก่อนครับ" หมิงเอ่ยห้ามทันทีที่เดินมาถึงทำให้ทุกคนหยุดนิ่งแล้วหันไปสนใจที่เขาแทน เทียนพอเห็นเพื่อนสนิทวิ่งออกมาจากห้องครัวก็อึ้งไปพักนึง "ไอ้หมิง" เทียนอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจและดีใจ หมิงรีบสาวเท้ายาวๆ มาหาเทียนแล้วจับแขนเพื่อนของเขาไว้ทันที "เขาเป็นเพื่อนผมเอง...ไม่ต้องโทรแจ้งตำรวจหรอกครับ" หมิงพูด "ฮะ!" ทุกคนร้องอุทานออกมาพร้อมกับด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อเท่าไหร่ "นี่เพื่อนพี่หมิงเหรอคะ" เมย์ถาม "ครับ" หมิงตอบ "ทำไมพี่หมิงถึงเลือกคบเพื่อนที่มีนิสัยเป็นพวกนักต้มตุ๋นแบบนี้ล่ะคะ" เมย์ถาม "เธอว่าใคร ฮะ!" เทียนถามด้วยความไม่พอใจแต่หมิงก็รีบบีบแขนของเขาไว้เพื่อดึงสติ "ไอ้เทียน!" หมิงดุเพื่อนทันทีที่เห็นว่าเขาเริ่มทำตัวไม่เหมาะสมกับผู้หญิงแล้ว "มีอะไรกันครับ" พอเสียงนี้ดังขึ้นพนักงานทุกคนก็หยุดอยู่ในความสงบทันทีพร้อมกับแหวกทางให้เขาเดินออกมา ภาพของปูนปั้นที่กำลังเดินตรงมาหาเขาตัวเขาเองก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาแปลกๆ ใบหน้าขาวสวยบวกกับดวงตาสีฟ้ามันช่างทำให้เขาดูมีสเน่ห์มากจริงๆ หัวใจของเทียนมันรู้สึกสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายมันรู้สึกร้อนผ่าวเนื่องจากหัวใจเต้นเร็วผิดปกติจนเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด ปูนปั้นเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเทียนแล้วมองดูเหตุการณ์รอบๆ ว่ามีอะไรผิดปกติไหม "ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าไม่พอใจกับการบริการของพนักงานตรงไหนหรือเปล่าครับ" ปูนปั้นถาม แต่ตอนนี้หูของเทียนมันอื้อจนไม่ได้ยินอะไรแล้ว "คุณลูกค้าครับ...คุณลูกค้า" ปูนปั้นพยายามพูดคุยกับเขาแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบแถมยังจ้องมองหน้าเขาอยู่ตลอดเลยด้วย "ไอ้เทียน~ไอ้เทียน!" "ฮะ!" หมิงเห็นว่าเทียนเงียบไปก็เลยช่วยเรียกเขาให้ "อ่อ ครับ" เทียนหันกลับไปหาปูนปั้นอีกครั้งหลังได้สติ "พอดีลูกค้าท่านนี้ทานอาหารแล้วไม่ยอมชำระเงินค่ะ" เมย์พูด "ผมขอบิลด้วยครับ" ปูนปั้นหันไปพูดกับเมย์พร้อมกัับยื่นมือไปขอบิลค่าอาหารจากเธอมาดู "อาหารของลูกค้าทั้งหมด 16 รายการรวมเป็นเงินทั้งสิน 27,864 บาท" ปูนปั้นพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเทียน "ลูกค้าจะชำระเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีครับ" ปูนปั้นถามแล้วจ้องมองไปที่เทียนอย่างไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด "ผมก็อยากจ่ายนะครับแต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท" เทียนตอบ "งั้นทางเราก็ต้องขออนุญาตเรียกตำรวจมานะครับ" ปูนปั้นพูดแล้วหันไปหาพนักงานที่ยืนอยู่ในเคาน์เตอร์เพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เธอโทรแจ้งตำรวจได้เลย "เดี๋ยวพี่จ่ายเอง" อยู่ดีๆ หมิงก็พูดขึ้นมาเพื่อห้ามไม่ให้พนักงานคนนั้นโทรแจ้งตำรวจเพราะถ้าเกิดปูนปั้นแจ้งความจับเทียนจริงๆ ร้านนี้คงได้เดือดร้อนแน่ "คุณเทียนครับ" เวกัสเดินเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยเรียกเทียนทำให้้เจ้าตัวต้องรีบหันไปหาเขาทันที "นี่คุณหายไปไหนมาเนี่ย!" เทียนเดินปรี่เข้ามาถามเอาความกับเวกัสจนเจ้าตัวต้องรีบก้มหัวสำนึกผิด "ขอโทษครับ พอดีรถของเราจอดขวางทางเข้าออกอยู่ผมก็เลยต้องเอาไปจอดไว้อีกซอยนึง...ผมเห็นว่ามันดึกมากแล้วแต่คุณเทียนยังไม่กลับมาสักทีก็เลยออกมาดูที่ร้านน่ะครับว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า" เวกัสตอบ "เดี๋ยวคุณนั่นแหละจะได้มีปัญหาหาแน่" เทียนพูดแล้วยื่นมือไปขอกระเป๋าสตางค์จากเวกัส "กระเป๋าสตางค์ของผมละ" เทียนถาม "อยู่นี่ครับ" เวกัสตอบแล้วรีบล้วงเอากระเป๋าสตางค์สุดหรูของเทียนออกมา "โอ๊ะ! คุณหมิงหนิครับ" เวกัสทักทายหมิงหลังจากที่เขามาตั้งนานแต่ไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา หมิงพยักหน้าตอบเขาเพราะตอนนี้บรรยากาศไม่พร้อมพูดคุยสักเท่าไหร่ "ไปเอารถมาได้แล้วไป" เทียนพูด "ครับ" เวกัสตอบแล้วก็รีบออกไปทันที เทียนค่อยๆ หันกลับมาหาทุกคนแล้วจ้องมองไปที่ปูนปั้นอีกครั้ง ปูนปั้นเองแม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งแต่จริงๆ ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจกับผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก เทียนเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบแบล็คการ์ดออกมาแล้วยื่นไปให้ปูนปั้น "คิดเงินสองเท่าได้เลยนะครับ ถือซะว่าเป็นคำขอโทษจากผมที่ทำให้พวกคุณต้องเสียเวลา" เทียนพูด  "ไม่เป็นไรครับ" ปูนปั้นตอบแล้วรับบัตรเครดิตจากเทียนส่งให้เมย์ไปจัดการต่อ หลังจากจบเรื่องค่าอาหารกันไปหมิงก็ขออนุญาตปูนปั้นออกไปคุยกับเทียนสักครู่แล้วจะรีบกลับเข้ามาทำงานต่อซึ่งปูนปั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วก็บอกหมิงว่าไม่ต้องรีบคุยหรอกเพราะวันนี้เขานอกเหนือจากงานของตัวเองมาเยอะแล้ว "สรุปที่มึงหายไปคือมึงมาทำงานที่นี่เหรอ" เทียนถาม ตอนนี้ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่หน้าประตูร้าน "เออ แต่กูไม่ได้หายไปนะเว้ย" หมิงตอบ "ไม่ได้หายไปเหี้ยอะไร! กูติดต่อมึงไม่ได้กี่วันแล้วมึงรู้ป่ะ" เทียนพูด "ก็กูไม่มีโทรศัพท์นี่หว่าแล้วกูจะรู้ได้ไงว่ามึงติดต่อมาอ่ะ" หมิงตอบ "อะไรนะ!" เทียนถามออกไปทั้งๆ ที่เขาก็ได้ยินมันชัดเจน "เออ~กูเอาไปฝากไว้แล้วอ่ะ" หมิงตอบ (ฝากคือการเอาไปจำนำไว้) "นี่มึงต้องใช้เงินมากขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ ก็ไหนมึงเพิ่งขายคอนโดไปเองหนิ" เทียนถาม "ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินมากหรอกแต่ตอนนี้กูจำเป็นต้องเตรียมเงินสำรองเอาไว้มากๆ เผื่อเกิดเหตุฉุนเฉินขึ้นมอีกจะได้ไม่ลำบากไปหาหยิบยืมใครเขา อีกอย่างนะเว้ย กูไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ชีวิตกูตอนนี้วันๆ นึงนอกจากดูแลแม่ มาทำงานก็มีแค่นอนพักผ่อนแค่นั้นแหละ" หมิงตอบ "มึงมีอะไรทำไมไม่บอกกูว่ะ" เทียนถาม หมิงถอนหายใจแล้วเงียบไป "มึงคิดว่ากูจะไม่ช่วยมึงงั้นหรอ" เทียนถาม "กูรู้เทียน กูรู้ว่ามึงไม่มีทางทิ้งกูอยู่แล้ว...แต่ถ้ามึงลองคิดในมุมของกูอ่ะมึงก็จะเข้าใจเองว่าการที่เราต้องเป็นภาระของเพื่อนอยู่บ่อยๆ มันรู้สึกแย่แค่ไหน" หมิงตอบ "ที่ผ่านมากูไม่เคยมองว่ามึงเป็นภาระกูเลยนะ" เทียนพูด "แต่กูรู้สึกแบบนั้นว่ะ..." หมิงหันไปมองหน้าเทียนแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ "มึงรู้ป่ะว่าตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมาเกือบ 20 ปีเนี่ยกูแม่งเอาแต่พึ่งพามึงมาตลอดเลย" หมิงพูด (รู้จักกันมาตั้งแต่ ม.4 จนปัจจุบันอายุ 35 ปีแล้ว) "ขนาดจะจีบสาวสักคนกูยังต้องให้มึงช่วยเป็นพ่อสื่อให้เลย กูไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้วว่ะเทียน กูอยากลองยืนและเดินด้วยตัวเองดูสักครั้งต่อให้กูจะสะดุดล้มจนแขนขาหักกูก็ยังอยากลองทำมันด้วยตัวเองดู...มึงเข้าใจกูใช่ไหมว่ะ" หมิงหันไปถามเทียนด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่มีความสุขเอาซะเลย "แต่มึงไม่ลืมใช่ไหมว่าไม่ว่ายังไงกูก็จะอยู่ตรงนี้ข้างๆ มึงเสมอ" เทียนถาม "ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะถ้าวันไหนกูไปไม่รอดแล้วเดี๋ยวกูจะคลานเข่ากลับมาหามึงเอง โอเคป่ะ" หมิงตอบ "ฮึ~ มึงนี่แม่งทำกูเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย" เทียนพูดแล้วต่อยเข้าไปที่หัวไหล่ของเพื่อนเบาๆ หนึ่งที ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นานแต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้นปูนปั้นได้แอบมองดูพวกเขาจากข้างในร้านอยู่ตลอด "เฮ้ย~ ว่าแต่น้องคนเมื่อกี้คือใครว่ะ" เทียนขยับเข้าไปใกล้หมิงแล้วกระซิบถามเบาๆ ทั้งที่ตรงนั้นมีพวกเขาอยู่กันแค่สองคน หมิงรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนตัวดีกำลังถามถึงใครอยู่และใช่แล้วเทียนชอบผู้ชาย เทียนคบกับผู้ชายมาตลอดและเมื่อกี้ตรงนั้นนอกจากตัวเขาเองกับเทียนก็มีผู้ชายอยู่อีกแค่สองคน จะบอกว่าเป็นเฟิร์สมันก็คงไม่ใช่เพราะเฟิร์สไม่ใช่ไทป์ของเทียนเลยสักนิดแต่สิ่งที่ทำให้หมิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยก็คือเทียนสนใจปูนปั้นซึ่งปูนปั้นเองก็อายุแค่ 23 ปีเท่านั้น เขาไม่ได้คิดว่าปูนปั้นปูนปั้นเด็กไปหรอกนะแต่เพราะปกติแล้วเทียนไม่ค่อยชอบยุ่งกับคนที่อายุน้อยกว่าเขามากเท่าไหร่นักยิ่งถ้าเกินห้าปีไปแล้วเขายิ่งไม่เอาเลยแต่นี่เขากับสนใจคนที่อายุห่างกันเป็นสิบปีเลยนะ "น้องเขาชื่อปูนปั้นเป็นเจ้าของร้านที่นี่" หมิงตอบ "ฮะ! เชี่ย~ยังดูเด็กอยู่เลย...เห็นทุกคนเกรงใจกูก็นึกว่าเป็นผู้จัดการที่ไหนได้เป็นเจ้าของร้านเลยหรอว่ะ" เทียนพูด "เออ แต่จริงๆ เจ้าของร้านคนปัจจุบันคือพี่สาวน้องเขาอ่ะแต่เห็นว่าไม่ค่อยสบายก็เลยให้น้องเขามาดูแลแทนก่อน" หมิงตอบ "เหรอว่ะ" เทียนพูดแล้วหันเข้าไปมองในร้าน "เอาจริงดิ เด็กมากเลยนะเว้ย" หมิงพูด "เอาจริงไรงว่ะกูก็แค่ถามดูเฉยๆ" เทียนตอบ "ปูนปั้นเป็นเด็กดีคนนึงเลยนะเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ชอบเขาจริงจังล่ะกูว่าอย่าเริ่มเลยดีกว่า" หมิงพูด อะไรเนี่ย~ นี่ไม่ใช่สเปคมึงไม่ใช่เหรอ" เทียนถามเพราะเห็นว่าเพื่อนดูเป็นใส่ใจเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ "ก็ไม่ได้ชอบน้องเขาแค่สงสารเฉยๆ" หมิงตอบ "สงสาร...สงสารอะไรว่ะ" เทียนถาม หมิงมองตาเทียนแล้วถอนหายใจออกมา "เอ่อ~คุณเทียนครับ" เวกัสเดินเข้ามาตามหลังจากที่รอเทียนอยู่บนรถมาสักพักแล้ว "ว่าไง" เทียนหันไปถาม "เมื่อกี้คุณซ่งโทรมาบอกว่าอยากให้ผมพาคุณเทียนไปพบเดี๋ยวนี้เลยครับ" เวกัสตอบ "คุณปู่โทรมาเหรอ" เทียนถาม "ครับ" เวกัสตอบ "คุณปู่โทรมาเองเลยเหรอ" เทียนถามย้ำอีกครั้งเพราะเวลานี้ปู่ของเขาควรหลับไปแล้วแต่ทำไมถึงได้โทรมาหาเขาล่ะ เทียนยกแขนขึ้นมาเพื่อดูเวลา "คุณปู่โทรมาตอนตี 1 เนี่ยนะ" เทียนพูดออกมาลอยๆ "เป็นคุณซ่งจริงๆ ครับ" เวกัสตอบ "มึงรีบกลับไปเถอะเดี๋ยวกูก็ต้องเข้าไปทำงานต่อแล้วเหมือนกัน" หมิงพูดแล้วเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ "ก็ได้ งั้นเดี๋ยวไว้ว่างๆ กูมาหาใหม่นะ" เทียนตอบ "เออ" หมิงตอบ "เชิญครับคุณเทียน" เวกัสพูดแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้เทียน "กูไปแล้วนะ" เทียนหันไปบอกกับหมิงก่อนจะเดินตามเวกัสไป "โชคดีเว้ย" หมิงตอบแล้วโบกมือลาเทียน เขายืนส่งจนรถของเทียนขับออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านเทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร