ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที
"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย "นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก "ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที "พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน "นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน "ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที "มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด "ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจสันกับเวกัสก็เดิินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายด้วยเช่นกัน รอไม่นานคุณหญิงหยาดทิพย์และคุณโฉมก็เดินลงมาแล้วนั่งลงประจำที่ของตัวเอง แม้จะไม่มีสีหน้าที่ดูเศร้าเสียใจแต่แววตาของคุณผู้หญิงทั้งสองกลับแดงก่ำและบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด "จากที่พวกเราได้รับข่าวมาว่าคุณท่านเสียชีวิตแล้วที่ฮ่องกง...หลังจากตรวจสิบข้อเท็จจริงแล้ว...ฮึก...ปรากฏว่าเป็นความจริง" สิ้นสุดคำพูดของคุณโฉมลูกหลานทุกคนก็แสดงออกถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ลูกเขยลูกสะใภ้เองก็ยังเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วยเพราะถึงแม้ตระกูลนี้จะมีกฎที่เข้มงวดและน่ากลัวอยู่บ้างแต่คุณซ่งผู้นำตระกูลกับเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อลูกหลานทุกคนมากจึงทำให้ทุกคนต่างก็รักเขา "ย่ารองครับ...ย่ารองทราบเหตุผลที่คุณปู่จากไปไหมครับ" เทียนลุกถึงถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเมื่อคืนก่อนไปคุณปู่ของเขายังปกติดีอยู่เลย "เรื่องนี้คงต้องรอให้วิสุทธิ์กลับมาอธิบายเอง" คุณโฉมตอบ "แต่เมื่อคืนนี้ก่อนที่คุณปู่จะไปฮ่องกง คุณปู่ยังดีๆ อยู่เลยนะครับย่ารอง" เทียนพูด "ทำไมแกถึงรู้ว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกง พวกฉันไม่เห็นมีใครรู้เลยว่าคุณพ่อจะออกจากบ้าน" เอกถาม "ใช่ แล้วกำหนดกลับไทยของแกมันตั้งอีกอาทิตย์นึงไม่ใช่เหรอทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับมากระทันหันล่ะ" มุกดาถาม "พูดแบบนี้หมายความว่าไง" หล่งถามน้องทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจที่ทั้งคู่พูดเหมือว่าลูกชายของเขารู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการจากไปของพ่อตัวเอง "ผมก็แค่สงสัย ก็ในเมื่อพวกเราอยู่ที่ไทยยังไม่รู้เลยว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกงแต่ไอ้เทียนมันผู้ไกลถึงญี่ปุ่นทำไมถึงรู้แล้วกลับมาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้" เอกตอบ "แกพูดใหม่สิ!" หล่งลุกขึ้นชี้หน้าน้อฝชายด้วยความโกรธจนดารินต้องรีบห้ามเอาไว้ "คุณค่ะ" ดารินพูดแล้วพยายามดึงสามีให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อน เพล้ง!! "หยุดนะ!" คุณโฉมตะโกนห้ามแล้วขว้างแก้วน้ำชาลงมาจนแตกกระเด็นอยู่กลางห้อง "มันใช่เวลาจะมาทะเลากันไหม อายุขนาดนี้แล้วหัดมีความเกรงใจกันบ้าง แม่ใหญ่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ" คุณโฉมพูดออกมาเสียงดังจนทุกคนค่อยๆ หยุดนิ่ง "นั่งลงก่อนเถอะค่ะคุณ" ดารินกระซิบบอกสามีเบาแล้วดึงแขนลูกชายให้นั่งลงด้วย "ขอโทษครับแม่รอง" หล่งพูดแล้วนั่งลงที่เดิม "ขอโทษครับคุณแม่" เอกพูดแล้วก็หันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาถูกตำหนิต่อหน้าทุกคน หล่งเองก็จ้องกลับไปที่เอกเช่นกันเพื่อให้เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กลัวน้องชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ "เรื่องเมื่อคืนที่ตาเทียนมันรู้ว่าคุณท่านจะไปฮ่องกงก็เพราะว่าคุณท่านเป็นคนเรียกตาเทียนมาคุยเอง ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงกลับมาตรงกับวันที่คุณท่านจะไปฮ่องกงมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ" คุณโฉมพูดแทนเทียนเลยทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรเขาอีก "เอาล่ะ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็ดีเพราะที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อบอกว่าถึงแม้คุณท่านจะจากปแล้วแต่พวกเราอยากจะให้ทุกคนตั้งใจและรับผิดชอบงานของตัวเองเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปิดพินัยกรรม" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดขึ้นหลังจากเงียบมาตลอด "ครับ/ค่ะ" ทุกคนตอบรับทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ร้าน Happy Time "วันนี้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อจะพูดคุยปัญหาเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย...ไหนมีใครอยากจะแจ้งอะไรผมไหมครับ" ปูนปั้นถาม พนักงานหันหน้ามองกันแล้วซุบซิบใหญ่แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน "มีไหมครับ" ปูนปั้นถามย้ำแล้วกวาดสายตามองไปทั่วๆ "มีค่ะ" เมย์ยกมือขึ้นแล้วตอบเสียงดัง "ว่าไงครับ" ปูนปั้นถาม "พี่อยากทราบว่าคุณเอมม่าจะกลับมาทำงานที่ร้านได้เมื่อไหร่คะ" เมย์พูด "ทำไมเหรอครับ" ปูนปั้นถาม เขารู้อยู่ว่าเมย์ไม่ค่อยพอใจกับการทำงานของเขาเพราะเธอแสดงออกอย่างชัดเจน "พี่ไม่อยากจะพูดตรงนะคะเพราะพี่รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้มากแต่ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ร้านของเรามีปัญหาหนักมากทำให้พนักงานต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว น้องปูนปั้นเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานมาก่อนพี่เลยคิดว่าน่าจะให้คุณเอมม่ากลับมาบริหารร้านน่าจะเหมาะสมกว่า" คำพูดของเมย์ฟังดูแรงมากแต่ก็จริงเพราะพนักงานหลายคนก็ดูจะเห็นด้วยมากๆ "เป็นพนักงานก็ควรตั้งใจทำงานไม่ใช่มายุ่งเรื่องการบริหารร้าน ร้านนี้เป็นของคุณเอมม่าและน้องปูนไม่ว่าใครจะบริหาร...ทุกคนตรงนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ทั้งนั้น" หลังจากนั่งเงียบมานานกุ๊กไก่ก็พูดขึ้นมาแล้วมองไปหาเมย์ด้วยความไม่พอใจ "แต่ถ้าร้านมีปัญหาหาเยอะๆ ลูกค้าก็ไม่อยากเข้านะคะแล้วถ้าร้านไม่มีลูกค้าพนักงานตาดำๆ อย่างพวกเราจะไปกันรอดได้ยังไง" พนักงานสาวอีกคนตอบ "ที่มันมีปัญหาก็เพราะพวกเธอบริการลูกค้าช้าเองไม่ใช่เหรอ" กุ๊กไก่พูด "พูดแบบนี้ได้ไงอ่ะ! งานในครัวมันไม่ต้องเดินไปมารับหน้าลูกค้าแบบพวกเราหนิ" เมย์ลุกขึ้นตอบด้วยความโมโห "แล้วใครบอกบอกว่างานในครัวมันไม่ต้องเดินอ่ะ" กุ๊กไก่ก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นโต้กลับเมย์เหมือนกันจนหมิงต้องรีบลุกขึ้นมาจับไว้ "แล้วมันเดินเยอะเท่ากันไหมล่ะ" เมย์ตอบแล้วจะเดินตรงเข้าไปหากุ๊กไก่จนเพื่อนก็ต้องรีบรั้งเธอไว้เหมือนกัน "ไม่มีฝีมือก็ต้องใช้แรงงานถูกแล้วป่ะ" กุ๊กไก่พูด "พี่กุ๊กไก่ใจเย็นก่อนครับ" หมิงพูดแล้วพยายามดึงกุ๊กไก่ไว้ "ว่าใครไม่มีฝีมือฮะ!" เมย์ตอบ "ก็พูดอยู่กับใครล่ะ" กุ๊กไก่ตอบ "มึงจะเอายังไงว่ะอีกะเทย" เมย์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว "แล้วมึงจะเอายังไงล่ะอีชะนี" พอได้ยินเมย์พูดจาไม่ดีใส่กุ๊กไก่เองก็ทนไม่ไหวเริ่มโต้กลับด้วยคำหยาบบ้าง "แน่จริงมึงก็เข้ามาดิ" "มึงก็มาดิ" โธ่~อีกะเทยเอ้ย" "กระเทยแล้วหนักหัวแม่มึงเหรอ" "หนักหัวกูนี่แหละ" "กูตัดออกให้ดีไหมเผือมันจะได้สวยขึ้นมาบ้าง" เมย์และกุ๊กไก่ต่างไม่มีใครยอมใคร ขนาดมีเพื่อนๆ ค่อยรั้งไว้ก็ยังแทบจะเอาไม่อยู่ "หยุดดดด!!" ปูนปั้นทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไปเสียงดังเพื่อห้ามทั้งสองคนให้เลิกทะเลาะกัน นอนแรกเขากะจะให้ทั้งสองคนคิดได้แล้วหยุดทะเลาะกันเองเพราะทั้งคู่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้แววเขาจึงรีบห้ามทัพก่อนที่จะซัดกันจริงๆ ซะก่อน "ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ" ปูนปั้นพูดด้วยความโมโหที่ทุกคนมายืนเถียงกันข้ามหน้าข้ามตาเขาอย่างกับไม่ให้เกียรติเขาในฐานะเจ้าของร้านเลย "พี่กุ๊กไก่ ในนี้นี่พี่โตที่สุดเลยนะครับ...ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผมแต่ช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นพูด เขารู้ว่ากุ๊กไก่เป็นคนใจร้อนและพูดจาโผงผางไปหน่อยแต่วันนี้ที่มาทะเลาะกันแบบนี้ต่อหน้าเขามันเกินไปจริงๆ "ส่วนพี่เมย์ ผมรู้นะครับว่าพี่เมย์ไม่ชอบผมปละผมก็ตอบพี่เมย์ไม่ได้ด้วยว่าพี่เอมม่าจะหายดีแล้วกลับมาทำงานได้เมื่อไหร่ ถ้าพี่เมย์ไม่พอใจกับการทำงานของผมแล้วอยากจะออกไปทำงานที่อื่นก็ได้ผมไม่บังคับ" คำพูดของปูนปั้นสร้างความไม่พอใจให้เมย์เป็นอย่างมากเพราะมันเหมือนกับเธอกำลังโดนไล่ออกต่อหน้าทุกคน "น้องปูนปั้นกำลังอยากจะไล่พี่ออกใช่ไหมคะ" เมย์ถาม "ผมไม่ได้พูดแบบนั้นครับ" ปูนปั้นตอบ "แต่มันก็เหมือนใช่หนิคะ น้องปูนปั้นทำงานได้ไม่ดีเองพอพี่พูดตรงๆ ก็ไม่พอใจอยากจะไล่พี่ออก...ดีจังเลยนะคะ" เมย์พูดแล้วจ้องมองไปที่ปูนปั้นอย่างท้าทาย "พูดให้มันดีๆ หน่อยนะ" กุ๊กไก่หมันไส้สีหน้าของเมย์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา "แล้วมึงจะทำไม" เมย์หันไปตวาดใส่กุ๊กไก่ทันทีที่เขาพูดขัดขึ้นมา "อย่ามาเสือก...เก็บร่างกายเน่าๆ ของมึงไว้เจ็บกับอีพวกเสี่ยเงินหนาเถอะ ฮึ!" เมย์พูดเน้นเสียงใส่หน้ากุ๊กไก่และแสยะยิ้มใส่เขาด้วยความสะใจ "อ้าวอีนี่!" กุ๊กไม่พอใจจะกระโจนเข้าไปใส่เธอแต่ก็ถูกปูนปั้นจับไหล่เอาไว้ก่อนเพื่อบอกให้เขาใจเย็น ซึ่งตัวกุ๊กไก่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมาปูนปั้นเดินมาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ "ไม่พอใจเหรอครับ" ปูนปั้นถาม "เฮอะ~ น้องปูนปั้นอย่าคิดนะคะว่าแค่เพิ่มเงินเดือนให้พวกเราแค่นิดหน่อยมันจะมาทดแทนความเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของพวกเราได้" เมย์ตอบอย่างลอยหน้าลอยตาจนปูนปั้นเองก็แทบจะอดทนไม่ไหวอยากจะกระชากหัวเธอแรงๆ สักครั้งแต่ติดที่เธอเป็นผู้หญิงและเขาเองก็อยู่ในฐานะผู้นำเลยไม่อยากทำอะไรที่มันไม่สมควร "แล้วทนอยู่ทำไมล่ะครับ ผมมาบริหารอยู่ตั้งเกือบ 4 เดือนถ้าพี่เมย์ไม่พอใจทำไมยังไม่ไปอีกล่ะหรือว่าไม่มีที่ไหนจ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะร้านผมให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าร้านอื่นๆ จะยอมเสียศักดิ์ศรีทนหน่อยก็คงไม่เป็นไร อ่อ~แต่ถ้าพี่เมย์อยากได้เงินเดือนที่สูงกว่านี้ผมแนะนำให้ได้นะครับ....เอ้~เหมือนจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยชัชที่ปล่อยเงินกู้อยู่แถวตลอดสดเจ๊สีนะครับ ถ้าพี่เมย์อยากสบายแล้วได้เงินเยอะก็บอกผมได้นะผมมีเบอร์เสี่ยชัชเขาอยู่" ปูนปั้นพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมย์อย่างไม่กลัว ที่พนักงานในร้านไม่ค่อยเคารพเขาเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยแล้วก็ยอมทนคนมาตลอด พอพนักงานรู้ว่าสามารถพูดจายังไงกับเขาก็ได้พักหลังถึงกล้าทำตัวล้ำเส้นกับเขามากขึ้น ดังนั้นนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาแบบนี้กับทุกคนและเป็นการเตือนทุกคนด้วยว่าเขาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรและต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พนักงานคนไหนกล้าปีนเกลียวกับเขาอีก "อีตุ๊ด!" เมย์ว่าปูนปั้นแล้วง้างมือขึ้นมาหมายจะตบหน้าเขาแต่ก็ถูกปูนปั้นชี้หน้าแล้วห้ามไว้ซะก่อน "หยุดนะ! อย่ามาทำตัวกร่างแถวนี้ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้" ปูนปั้นพูด ทำเอาเมย์ไม่กล้าไม่ลงมือกับเขาเลย "มึงจำให้ดีนะว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง...แล้วมึงจะเสียใจ" เมย์พูดแล้วเดินถอยหลังออกไป "พวกมึงทุกคนด้วย คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กน้อยโง่ๆ คนนึงพวกมึงก็เตรียมตัวอดตายไปกับมันได้เลย ร้านเนี่ยมันไปไม่รอดหรอกโว้ย~ ฮ่าๆๆ" เมย์พูดแล้วก็เดินออกไปแถมยังถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งไว้ที่พื้นอีก "เออ มึงไปเลยนะ ไป!" กุ๊กไก่ตะโกนไล่ตามหลังเมย์ไปด้วยความโมโหเช่นกันและหลังจากที่เมย์ออกไปบรรยากาศในร้านก็เงียบลงทันที ทุกคนที่ยืนตรงนั้นล้วนแต่เกิดคสามรู้สึกอึดอัดใจกันไปหมด ปูนปั้นถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสับสนพร้อมไล่สายตามองไปที่พนักงานทุกคนส่วนหมิงก็เดินไปเก็บผ้ากันเปื้อนผืนนั้นที่เมย์โยนทิ้งเอาไว้แล้วหันกลับมามองสบตากับปูนปั้นด้วยความรู้สึกเห็นใจ17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ