ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที
"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย "นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก "ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที "พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน "นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน "ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที "มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด "ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจสันกับเวกัสก็เดิินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายด้วยเช่นกัน รอไม่นานคุณหญิงหยาดทิพย์และคุณโฉมก็เดินลงมาแล้วนั่งลงประจำที่ของตัวเอง แม้จะไม่มีสีหน้าที่ดูเศร้าเสียใจแต่แววตาของคุณผู้หญิงทั้งสองกลับแดงก่ำและบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด "จากที่พวกเราได้รับข่าวมาว่าคุณท่านเสียชีวิตแล้วที่ฮ่องกง...หลังจากตรวจสิบข้อเท็จจริงแล้ว...ฮึก...ปรากฏว่าเป็นความจริง" สิ้นสุดคำพูดของคุณโฉมลูกหลานทุกคนก็แสดงออกถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ลูกเขยลูกสะใภ้เองก็ยังเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วยเพราะถึงแม้ตระกูลนี้จะมีกฎที่เข้มงวดและน่ากลัวอยู่บ้างแต่คุณซ่งผู้นำตระกูลกับเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อลูกหลานทุกคนมากจึงทำให้ทุกคนต่างก็รักเขา "ย่ารองครับ...ย่ารองทราบเหตุผลที่คุณปู่จากไปไหมครับ" เทียนลุกถึงถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเมื่อคืนก่อนไปคุณปู่ของเขายังปกติดีอยู่เลย "เรื่องนี้คงต้องรอให้วิสุทธิ์กลับมาอธิบายเอง" คุณโฉมตอบ "แต่เมื่อคืนนี้ก่อนที่คุณปู่จะไปฮ่องกง คุณปู่ยังดีๆ อยู่เลยนะครับย่ารอง" เทียนพูด "ทำไมแกถึงรู้ว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกง พวกฉันไม่เห็นมีใครรู้เลยว่าคุณพ่อจะออกจากบ้าน" เอกถาม "ใช่ แล้วกำหนดกลับไทยของแกมันตั้งอีกอาทิตย์นึงไม่ใช่เหรอทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับมากระทันหันล่ะ" มุกดาถาม "พูดแบบนี้หมายความว่าไง" หล่งถามน้องทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจที่ทั้งคู่พูดเหมือว่าลูกชายของเขารู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการจากไปของพ่อตัวเอง "ผมก็แค่สงสัย ก็ในเมื่อพวกเราอยู่ที่ไทยยังไม่รู้เลยว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกงแต่ไอ้เทียนมันผู้ไกลถึงญี่ปุ่นทำไมถึงรู้แล้วกลับมาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้" เอกตอบ "แกพูดใหม่สิ!" หล่งลุกขึ้นชี้หน้าน้อฝชายด้วยความโกรธจนดารินต้องรีบห้ามเอาไว้ "คุณค่ะ" ดารินพูดแล้วพยายามดึงสามีให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อน เพล้ง!! "หยุดนะ!" คุณโฉมตะโกนห้ามแล้วขว้างแก้วน้ำชาลงมาจนแตกกระเด็นอยู่กลางห้อง "มันใช่เวลาจะมาทะเลากันไหม อายุขนาดนี้แล้วหัดมีความเกรงใจกันบ้าง แม่ใหญ่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ" คุณโฉมพูดออกมาเสียงดังจนทุกคนค่อยๆ หยุดนิ่ง "นั่งลงก่อนเถอะค่ะคุณ" ดารินกระซิบบอกสามีเบาแล้วดึงแขนลูกชายให้นั่งลงด้วย "ขอโทษครับแม่รอง" หล่งพูดแล้วนั่งลงที่เดิม "ขอโทษครับคุณแม่" เอกพูดแล้วก็หันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาถูกตำหนิต่อหน้าทุกคน หล่งเองก็จ้องกลับไปที่เอกเช่นกันเพื่อให้เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กลัวน้องชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ "เรื่องเมื่อคืนที่ตาเทียนมันรู้ว่าคุณท่านจะไปฮ่องกงก็เพราะว่าคุณท่านเป็นคนเรียกตาเทียนมาคุยเอง ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงกลับมาตรงกับวันที่คุณท่านจะไปฮ่องกงมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ" คุณโฉมพูดแทนเทียนเลยทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรเขาอีก "เอาล่ะ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็ดีเพราะที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อบอกว่าถึงแม้คุณท่านจะจากปแล้วแต่พวกเราอยากจะให้ทุกคนตั้งใจและรับผิดชอบงานของตัวเองเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปิดพินัยกรรม" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดขึ้นหลังจากเงียบมาตลอด "ครับ/ค่ะ" ทุกคนตอบรับทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ร้าน Happy Time "วันนี้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อจะพูดคุยปัญหาเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย...ไหนมีใครอยากจะแจ้งอะไรผมไหมครับ" ปูนปั้นถาม พนักงานหันหน้ามองกันแล้วซุบซิบใหญ่แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน "มีไหมครับ" ปูนปั้นถามย้ำแล้วกวาดสายตามองไปทั่วๆ "มีค่ะ" เมย์ยกมือขึ้นแล้วตอบเสียงดัง "ว่าไงครับ" ปูนปั้นถาม "พี่อยากทราบว่าคุณเอมม่าจะกลับมาทำงานที่ร้านได้เมื่อไหร่คะ" เมย์พูด "ทำไมเหรอครับ" ปูนปั้นถาม เขารู้อยู่ว่าเมย์ไม่ค่อยพอใจกับการทำงานของเขาเพราะเธอแสดงออกอย่างชัดเจน "พี่ไม่อยากจะพูดตรงนะคะเพราะพี่รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้มากแต่ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ร้านของเรามีปัญหาหนักมากทำให้พนักงานต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว น้องปูนปั้นเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานมาก่อนพี่เลยคิดว่าน่าจะให้คุณเอมม่ากลับมาบริหารร้านน่าจะเหมาะสมกว่า" คำพูดของเมย์ฟังดูแรงมากแต่ก็จริงเพราะพนักงานหลายคนก็ดูจะเห็นด้วยมากๆ "เป็นพนักงานก็ควรตั้งใจทำงานไม่ใช่มายุ่งเรื่องการบริหารร้าน ร้านนี้เป็นของคุณเอมม่าและน้องปูนไม่ว่าใครจะบริหาร...ทุกคนตรงนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ทั้งนั้น" หลังจากนั่งเงียบมานานกุ๊กไก่ก็พูดขึ้นมาแล้วมองไปหาเมย์ด้วยความไม่พอใจ "แต่ถ้าร้านมีปัญหาหาเยอะๆ ลูกค้าก็ไม่อยากเข้านะคะแล้วถ้าร้านไม่มีลูกค้าพนักงานตาดำๆ อย่างพวกเราจะไปกันรอดได้ยังไง" พนักงานสาวอีกคนตอบ "ที่มันมีปัญหาก็เพราะพวกเธอบริการลูกค้าช้าเองไม่ใช่เหรอ" กุ๊กไก่พูด "พูดแบบนี้ได้ไงอ่ะ! งานในครัวมันไม่ต้องเดินไปมารับหน้าลูกค้าแบบพวกเราหนิ" เมย์ลุกขึ้นตอบด้วยความโมโห "แล้วใครบอกบอกว่างานในครัวมันไม่ต้องเดินอ่ะ" กุ๊กไก่ก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นโต้กลับเมย์เหมือนกันจนหมิงต้องรีบลุกขึ้นมาจับไว้ "แล้วมันเดินเยอะเท่ากันไหมล่ะ" เมย์ตอบแล้วจะเดินตรงเข้าไปหากุ๊กไก่จนเพื่อนก็ต้องรีบรั้งเธอไว้เหมือนกัน "ไม่มีฝีมือก็ต้องใช้แรงงานถูกแล้วป่ะ" กุ๊กไก่พูด "พี่กุ๊กไก่ใจเย็นก่อนครับ" หมิงพูดแล้วพยายามดึงกุ๊กไก่ไว้ "ว่าใครไม่มีฝีมือฮะ!" เมย์ตอบ "ก็พูดอยู่กับใครล่ะ" กุ๊กไก่ตอบ "มึงจะเอายังไงว่ะอีกะเทย" เมย์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว "แล้วมึงจะเอายังไงล่ะอีชะนี" พอได้ยินเมย์พูดจาไม่ดีใส่กุ๊กไก่เองก็ทนไม่ไหวเริ่มโต้กลับด้วยคำหยาบบ้าง "แน่จริงมึงก็เข้ามาดิ" "มึงก็มาดิ" โธ่~อีกะเทยเอ้ย" "กระเทยแล้วหนักหัวแม่มึงเหรอ" "หนักหัวกูนี่แหละ" "กูตัดออกให้ดีไหมเผือมันจะได้สวยขึ้นมาบ้าง" เมย์และกุ๊กไก่ต่างไม่มีใครยอมใคร ขนาดมีเพื่อนๆ ค่อยรั้งไว้ก็ยังแทบจะเอาไม่อยู่ "หยุดดดด!!" ปูนปั้นทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไปเสียงดังเพื่อห้ามทั้งสองคนให้เลิกทะเลาะกัน นอนแรกเขากะจะให้ทั้งสองคนคิดได้แล้วหยุดทะเลาะกันเองเพราะทั้งคู่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้แววเขาจึงรีบห้ามทัพก่อนที่จะซัดกันจริงๆ ซะก่อน "ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ" ปูนปั้นพูดด้วยความโมโหที่ทุกคนมายืนเถียงกันข้ามหน้าข้ามตาเขาอย่างกับไม่ให้เกียรติเขาในฐานะเจ้าของร้านเลย "พี่กุ๊กไก่ ในนี้นี่พี่โตที่สุดเลยนะครับ...ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผมแต่ช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นพูด เขารู้ว่ากุ๊กไก่เป็นคนใจร้อนและพูดจาโผงผางไปหน่อยแต่วันนี้ที่มาทะเลาะกันแบบนี้ต่อหน้าเขามันเกินไปจริงๆ "ส่วนพี่เมย์ ผมรู้นะครับว่าพี่เมย์ไม่ชอบผมปละผมก็ตอบพี่เมย์ไม่ได้ด้วยว่าพี่เอมม่าจะหายดีแล้วกลับมาทำงานได้เมื่อไหร่ ถ้าพี่เมย์ไม่พอใจกับการทำงานของผมแล้วอยากจะออกไปทำงานที่อื่นก็ได้ผมไม่บังคับ" คำพูดของปูนปั้นสร้างความไม่พอใจให้เมย์เป็นอย่างมากเพราะมันเหมือนกับเธอกำลังโดนไล่ออกต่อหน้าทุกคน "น้องปูนปั้นกำลังอยากจะไล่พี่ออกใช่ไหมคะ" เมย์ถาม "ผมไม่ได้พูดแบบนั้นครับ" ปูนปั้นตอบ "แต่มันก็เหมือนใช่หนิคะ น้องปูนปั้นทำงานได้ไม่ดีเองพอพี่พูดตรงๆ ก็ไม่พอใจอยากจะไล่พี่ออก...ดีจังเลยนะคะ" เมย์พูดแล้วจ้องมองไปที่ปูนปั้นอย่างท้าทาย "พูดให้มันดีๆ หน่อยนะ" กุ๊กไก่หมันไส้สีหน้าของเมย์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา "แล้วมึงจะทำไม" เมย์หันไปตวาดใส่กุ๊กไก่ทันทีที่เขาพูดขัดขึ้นมา "อย่ามาเสือก...เก็บร่างกายเน่าๆ ของมึงไว้เจ็บกับอีพวกเสี่ยเงินหนาเถอะ ฮึ!" เมย์พูดเน้นเสียงใส่หน้ากุ๊กไก่และแสยะยิ้มใส่เขาด้วยความสะใจ "อ้าวอีนี่!" กุ๊กไม่พอใจจะกระโจนเข้าไปใส่เธอแต่ก็ถูกปูนปั้นจับไหล่เอาไว้ก่อนเพื่อบอกให้เขาใจเย็น ซึ่งตัวกุ๊กไก่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมาปูนปั้นเดินมาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ "ไม่พอใจเหรอครับ" ปูนปั้นถาม "เฮอะ~ น้องปูนปั้นอย่าคิดนะคะว่าแค่เพิ่มเงินเดือนให้พวกเราแค่นิดหน่อยมันจะมาทดแทนความเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของพวกเราได้" เมย์ตอบอย่างลอยหน้าลอยตาจนปูนปั้นเองก็แทบจะอดทนไม่ไหวอยากจะกระชากหัวเธอแรงๆ สักครั้งแต่ติดที่เธอเป็นผู้หญิงและเขาเองก็อยู่ในฐานะผู้นำเลยไม่อยากทำอะไรที่มันไม่สมควร "แล้วทนอยู่ทำไมล่ะครับ ผมมาบริหารอยู่ตั้งเกือบ 4 เดือนถ้าพี่เมย์ไม่พอใจทำไมยังไม่ไปอีกล่ะหรือว่าไม่มีที่ไหนจ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะร้านผมให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าร้านอื่นๆ จะยอมเสียศักดิ์ศรีทนหน่อยก็คงไม่เป็นไร อ่อ~แต่ถ้าพี่เมย์อยากได้เงินเดือนที่สูงกว่านี้ผมแนะนำให้ได้นะครับ....เอ้~เหมือนจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยชัชที่ปล่อยเงินกู้อยู่แถวตลอดสดเจ๊สีนะครับ ถ้าพี่เมย์อยากสบายแล้วได้เงินเยอะก็บอกผมได้นะผมมีเบอร์เสี่ยชัชเขาอยู่" ปูนปั้นพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมย์อย่างไม่กลัว ที่พนักงานในร้านไม่ค่อยเคารพเขาเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยแล้วก็ยอมทนคนมาตลอด พอพนักงานรู้ว่าสามารถพูดจายังไงกับเขาก็ได้พักหลังถึงกล้าทำตัวล้ำเส้นกับเขามากขึ้น ดังนั้นนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาแบบนี้กับทุกคนและเป็นการเตือนทุกคนด้วยว่าเขาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรและต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พนักงานคนไหนกล้าปีนเกลียวกับเขาอีก "อีตุ๊ด!" เมย์ว่าปูนปั้นแล้วง้างมือขึ้นมาหมายจะตบหน้าเขาแต่ก็ถูกปูนปั้นชี้หน้าแล้วห้ามไว้ซะก่อน "หยุดนะ! อย่ามาทำตัวกร่างแถวนี้ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้" ปูนปั้นพูด ทำเอาเมย์ไม่กล้าไม่ลงมือกับเขาเลย "มึงจำให้ดีนะว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง...แล้วมึงจะเสียใจ" เมย์พูดแล้วเดินถอยหลังออกไป "พวกมึงทุกคนด้วย คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กน้อยโง่ๆ คนนึงพวกมึงก็เตรียมตัวอดตายไปกับมันได้เลย ร้านเนี่ยมันไปไม่รอดหรอกโว้ย~ ฮ่าๆๆ" เมย์พูดแล้วก็เดินออกไปแถมยังถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งไว้ที่พื้นอีก "เออ มึงไปเลยนะ ไป!" กุ๊กไก่ตะโกนไล่ตามหลังเมย์ไปด้วยความโมโหเช่นกันและหลังจากที่เมย์ออกไปบรรยากาศในร้านก็เงียบลงทันที ทุกคนที่ยืนตรงนั้นล้วนแต่เกิดคสามรู้สึกอึดอัดใจกันไปหมด ปูนปั้นถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสับสนพร้อมไล่สายตามองไปที่พนักงานทุกคนส่วนหมิงก็เดินไปเก็บผ้ากันเปื้อนผืนนั้นที่เมย์โยนทิ้งเอาไว้แล้วหันกลับมามองสบตากับปูนปั้นด้วยความรู้สึกเห็นใจเทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร