"เรามาดูเสื้อนักศึกษา มีไซส์ s ให้ลองมั้ยคะ พอดีว่าร้านข้างล่างไม่สะดวก" เจ้าเขาถามยิ้ม ๆ
"มีน่ะมี แต่ลองแล้วต้องซื้อนะคะน้อง แล้วร้านเราของแบรนด์ไม่มีตัวละร้อยนะ" พนักงานสาวพูดเสียงนิ่ง แต่ไม่ยอมขยับตัวเดินไปหยิบเสื้อมาให้เธอลอง
"รู้ค่ะ อ่านออกแล้วตกลงว่าจะให้ลองให้ซื้อมั้ยคะถ้าไม่จะได้ไปร้านอื่น" แมงปอตอบอย่างอารมณ์เสีย "คนพวกนี้ยังไงนะแค่เสื้อตัวไม่กี่บาททำยังกับตัวละแสนงั้นแหละ"
"ก็ดูสภาพน้องแล้วไม่น่าจะมีจ่ายนี่คะ งานเซลล์ชั้นล่างก็มีนะ" พนักงานคนเดิมว่าสวนขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกไปทางอื่น
"เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณหนูอยากได้อะไรพี่หาให้ค่ะ" ผู้ชายเรียบร้อยเดินออกมาจากด้านในแล้วกระวีกระวาดพุ่งมาทันที เมื่อเห็น 2 สาว ที่สาขาข้างล่างเพิ่งส่งรูปมาให้ดูเมื่อไม่ถึง 5 นาทีมายืนอยู่ที่ร้านตัวเอง
"เราอยากได้เสื้อนักศึกษาค่ะ พอดีว่าเห็นเนื้อผ้าที่ร้านข้างล่างแล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อ เห็นว่าแบรนด์เดียวกันเลยคิดว่าผ้าไม่น่าจะต่างกัน" เจ้าขาว่าว่ายิ้ม ๆ จริง ๆ ทีแรกก็กะว่าจะไปซื้อเซลล์นั่นแหละแต่ตอนนี้โมโหแล้วเจอเด็กเจ้าของบัตรมากวนประสาท เลยกะจะรูดบัตรเล่นซะซักแสนครึ่งแสนเอาให้เหงื่อซึมกันไปเลย
"ได้สิคะ คุณหนูเดี๋ยวเชิญด้านในเลยค่ะ จะให้พนักงานเอามาให้นะคะ วรรณ วรรณ...." เธอรีบเชื้อเชิญ 2 สาวเข้าร้านนั่งโซฟารับแขกแล้วเรียกพนักงานคนเดิมเสียงดัง
"ขา... พี่โม้นา"
"คุณหนูอยากได้เสื้อไซส์ไหนนะคะ ให้น้องหยิบมาให้ค่ะ" โม้นาพูดอย่างนอบน้อม ทำเอาพนักงานที่เดินออกมาต้อนรับหน้าบึ้งตึงยืนมือไขว้หลังอยู่เบะปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่รอดพ้นสายตาของเจ้าขาไปได้
"ปกติร้านพี่มีพนักงานแค่นี้หรือคะ" เจ้าขาถามยิ้ม ๆ แต่มือถือกดโทรออกหาคุณอาแม่ของโรมพร้อมกับคว่ำหน้าจอไว้บนโต๊ะ
"มีหลายคนเลยค่ะน้องวรรณเป็นนักศึกษาฝึกงานของร้านรับผิดชอบโซนนี้ค่ะ" โม้นาตอบยิ้ม ๆ
"งั้นจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าจะรบกวนคุณพี่โม้นาดูแลเรา 2 คนสักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ เพราะจากสภาพการแต่งตัวของเราแล้วพี่คงดูออกว่าเราไม่มีเงินจ่ายค่าเสื้อตัวละพันละหมื่นแบบที่พนักงานของพี่ว่าจริง ๆ นั่นแหละ" เจ้าขาว่าเสียงดังต้องการให้ปลายสายได้ยิน ทำเอาโม้นาหันขวับมองหน้าพนักฝึกงานของตัวเองตาเขียวปั้ดขึ้นมาทันที
"แกพูดอะไรเนี่ยวรรณ อยากตกงานรึไง" โม้นาหันไปดุรุ่นน้องที่มาขอฝึกงานที่ร้านเสียงดัง
"วรรณก็พูดตามเห็นนี่คะ เข้ามาจับดูนั่นนี่แล้วลองไม่ซื้อก็กลายเป็นของเก่านะคะพี่โม้นา วรรณก็บอกน้องเขาไปแล้วว่าตรงนี้งานแบรนด์ งานเซลล์อยู่ชั้นล่าง วรรณหวังดีกับน้องเขานะคะ ไม่มีเงินจะมาลองเล่น ๆ ทำไม" พนักงานชื่อวรรณว่าพร้อมกับมองตั้งแต่หัวจรดเท้า 2 สาวเหยียด ๆ อย่างเปิดเผย
"นังวรรณ!" "ถามจริงเหอะ มึงคนที่ไหนวะ ทำงานบริการแบบนี้ทำไมมึงถึงเหยียดคนจัง เค้าจะซื้อไม่ซื้อ มันสิทธิ์ของเค้ามั้ย ไม่ใช่แค่ลองก็ยังไม่มีสิทธิ์เพราะคิดว่าเขาไม่มีเงินจ่าย" แมงปอว่าขึ้นเสียงดังจนคนในร้านหันมามอง
"อย่าอ้างสิทธิ์ค่ะ แค่ลองเล่น ๆ จะมาทำให้เสียเวลาทำไม แล้วเงินไม่มีสภาพแบบนี้ยังจะมาดูของแบรนด์ ไม่เจียมกะลาหัวเลยน้อง" วรรณปากไวตอบโต้ทำเอาโม้นาอ้าปากค้างอึ้ง
" แล้วตกลงว่าจะขายไม่ขาย พี่คะถ้าพนักงานร้านคนอื่นไม่ว่างรบกวนพี่เอามาให้ลองหน่อย เราไม่ได้จะมาแค่ร้านนี้ร้านเดียวนะคะ เรามีธุระต้องไปต่ออีก" แมงปอสวนขึ้นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดังอย่างเหลืออด
"ที่รัก... ใจเย็น นั่งลงก่อน" เจ้าขาว่าพรางกระตุกแขนเพื่อนรักนั่งลงข้าง ๆ แล้วเงยหน้ามองโม้นายิ้ม ๆ
"เดี๋ยวเราจะรอที่ห้องลองชุดเลยนะคะพี่โม้นา อ้อ รบกวนเป็นตัวยาวนะคะ" เจ้าขาบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับลุกขึ้น
"ได้ค่ะคุณหนู แล้วกระโปรงด้วยมั้ยคะ" โม้นารีบรับคำพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเอาใจ พรางมองหญิงสาวอย่างพิจารณา ถ้าข้างล่างไม่ส่งรูปขึ้นมาให้ดูเธอคงไม่รู้ว่านี่คือหลานสาวของคุณหญิงรวิดาเจ้าของแบรนด์นี้ เพราะถ้าดูจากเสื้อผ้าตลาดนัดทั่วไปที่เธอใส่กับรองเท้าผ้าใบหลักพัน ไม่บอกฐานะที่แท้จริงของเธอได้เลย ถ้าเธอไม่รู้ก่อนก็คงจะไล่ออกจากร้านเหมือนที่เด็กฝึกงานของร้านทำเหมือนกัน ต่อไปเธอต้องระวังให้ดีเพราะบางทีพวกลูกเศรษฐีก็ชอบทำอะไรแบบนี้โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง
"กระโปรงไม่ต้องค่ะ ปกติเราจะมีช่างประจำตัวอยู่แล้ว" เจ้าขาบอกยิ้ม ๆ แล้วเดินจูงมือเพื่อนเดินเข้าไปในห้องลองชุดแล้วยกมือถือขึ้นแนบหู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอโทรกดออกตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว วรรณถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ฟังคำตอบ
"มีช่างส่วนตัวเลยเหรอ" วรรณถามรุ่นพี่ของตัวเองอึ้ง ๆ
"เตรียมชะตาขาดค่ะ นั่นน่ะหลานสาวคนเดียวของคุณหญิงรวิดาเจ้าของแบรนด์นี้ คุณหญิงน่าจะส่งมาตรวจร้าน" โม้นาว่าพลางรีบกระวีกระวาดเดินเข้าไปหาเสื้อนักศึกษามาให้ 2 สาวลองตามต้องการ
ทางฝั่งของเจ้าขาเมื่อเดินเข้ามาในห้องลองชุดแล้ว
"ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณอา เจ้าไม่ได้เรื่องมากอะไรนะคะ แต่แค่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ" หญิงสาวว่าเสียงอ่อยแต่ยิ้มเหยียดที่มุมปาก
(อาจะจัดการให้ลูก อาไม่เคยรู้เลยว่าที่หน้าร้านเป็นแบบนี้เห็นทีต้องอบรมกันใหม่ยกใหญ่)
"เจ้าคงผิดไปน่ะค่ะ ที่เสื้อผ้าไม่มียี่ห้อเข้าห้าง ก็ไม่รู้นี่คะว่าอยู่ในกรุงเทพต้องเจออะไรแบบนี้" คนสวยว่าเสียงอ่อย ๆ อย่างน่าสงสารแต่คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับกลั้นขำสุดชีวิตกับละคร ดราม่าของเพื่อน
(เจ้าไม่ผิดอะไรเลยลูก โอ๋นะคะ เดี๋ยวอาให้พี่จีเรียกประชุมทุกสาขาวันนี้เลยค่ะ) คุณอาผู้แสนดีว่ามาเสียงหวานถ้าใครอยู่ใกล้จะเห็นสายตาละห้อยของคุณหญิงที่สงสารหลานสาวจับใจ
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา เจ้าคงต้องทำตัวให้ชินค่ะเพราะคงต้องเจอแบบนี้อีกนานเลย เดี๋ยวเราลองเสื้อกันแล้วว่าจะหากระเป๋าซักใบกันด้วยค่ะ อุตส่าห์มีป๋าให้แบล็คการ์ดมาจะจัดให้คุณเขาหน่อย " หญิงสาวว่าพลางหัวเราะทำเอาปลายสายหัวเราะชอบใจเสียงดัง
(ขึ้นไปชั้น 5 นะลูก ร้านขวามือหน้าลิฟต์กระเป๋าคอลเลคชันใหม่เพิ่งเข้า อยากได้ใบไหนก็เอาเลย ไม่ต้องดูราคา พี่โรมไม่จนลงหรอก อ้อ... เดี๋ยวอาฝากเอากระเป๋าที่อาสั่งไว้มาให้ด้วยนะคะ) คุณหญิงรวิดาบอกหลานสาวอย่างอารมณ์ดี
"ได้ค่ะคุณอา แค่นี้นะคะสวัสดีค่ะ" ว่าจบเธอก็วางสายพร้อมกับหันมายักคิ้วให้เพื่อน พอดีกับโม้นาเข็นราวเสื้อนักศึกษาเข้ามาให้ 2 สาวลองจนพอใจก่อนจะพากันกลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม
"เอาตามที่เราแยกไว้ค่ะพี่โม้นา แยกเป็น 2 ถุง แต่คิดรวมเลยนะคะ นี่ค่ะ" เจ้าขาสั่งโม้นาพร้อมกับยื่นแบล็คการ์ดของโรมให้ยิ้ม ๆ ทำเอาวรรณที่ยืนอยู่ไม่ไกลอ้าปากค้างกับยอดที่สมควรจะเป็นของเธอแต่แรก แล้วที่สำคัญบัตรที่เธอยื่นมานั้นขัดกับการแต่งกายของเธอโดยสิ้นเชิง
"เฮ้ย เดี๋ยวกูจ่ายเองไม่กี่ตังค์" แมงปอว่าอย่างเกรงใจถึงเพื่อนจะสั่งหลายตัวตัวละเป็นพันแต่เธอก็มีเงินเก็บมากพอจะจ่ายได้อยู่
"ไม่เป็นไรแค่นี้ จิ๊บ ๆ วันนี้จะพารูดเล่นให้บัตรเปลี่ยนสีเลย" เจ้าขายักคิ้วให้เพื่อนซน ๆ ในขณะที่เล็กและน้อยพากันเดินเข้ามาในร้าน
"เสร็จยังเจ้า วันนี้พี่รันชวนกินข้าวเที่ยงที่นี่นะ" เล็กพูดขึ้นขณะที่วางถุงของลงที่โต๊ะ
"เสร็จแล้ว ๆ จ่ายเงินแป๊บดิ" เจ้าขาหันไปบอกเล็กยิ้ม ๆ
"ขอบคุณมากนะคะที่มาอุดหนุน โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ...
โรม หรือ รวัช ขึ้นรับตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารแทนผู้เป็นพ่อด้วยการขอร้องของครอบครัวในอีก 3 ปีหลังจากที่เขาจบดอกเตอร์ และหลังจากนั้นอีก 5 ปีเขาและเพื่อน ๆ ได้ตกลงกันที่จะปิดบริษัทที่ต่างประเทศ เพราะศิลาและมาร์คย้ายกลับมาไทยถาวร ศิลาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นบอสใหญ่แห่ง เคเอส กรุ๊ป มีรองประธานฝ่ายบริหารผู้มากความสามารถอย่างมาร์คหรือมนัสพงษ์ 1 ในเพื่อนรักเคียงข้าง โดยที่คุณปู่ของศิลาให้มาร์คถือหุ้นในบริษัทถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบแทนความดีและความซื่อสัตย์ที่เขามีให้คุณหญิงรวิดาวางมือจากร้านเสื้อผ้าของตัวเองให้ลูกสะใภ้ทั้ง 2 ร่วมกันบริหารและถือหุ้นร่วมกันคนละครึ่ง โรมตัดสินใจขายผับให้กับรุ่นน้อง แต่สร้างรีสอร์ตริมทะเลเพิ่มขยายพื้นที่จนใหญ่ที่สุดในจังหวัด โดยให้ปิยะเป็นผู้ดูแลและให้แฮคกับอาร์ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของตัวเองที่บริษัทส่วน สรัญ เขาประสบความสำเร็จกับบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เริ่มก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 3 ล้านบาทและมีพนักงานแค่เขากับภรรยาในช่วงเริ่มแรกด้วยการช่วยวางแผนของน้องชาย ตอนนี้กิจการก้าวหน้าจนเป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ และเขาก็ปฏิเสธหุ้นของโรงทอที่พ่อจ
งานฉลองบัณฑิตจบใหม่ถูกจัดขึ้นที่ผับชื่อดังไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ รถสปอร์ตเปิดประทุนคันสวยวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้า พร้อมกับการปรากฎกายของสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่วันนี้เธอจัดเต็มมาด้วยเสื้อผ้าหน้าผมสมกับเป็นภรรยาเจ้าของผับ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าจะแต่งกายด้วยชุดอะไรหรือเทศกาลอะไรนั่นก็คือสร้อยคอเส้นเล็กจี้พระจันทร์เสี้ยวกับตัวอาร์ที่ใส่ติดคอเธอตลอดตั้งแต่วันแรกที่โรมใส่ให้เมื่อ 4 ปีก่อน เจ้าขาในวันนี้แขวนนวมนักมวยขึ้นเป็นผู้บริหารร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังร่วมกับแม่สามีหญิงสาวก้าวเข้ามาในร้านอย่างมาดมั่น แต่ต้องหยุดชะงักกับภาพเห็นตรงหน้า กับไอ้หนุ่มผมยาวคุ้นตาที่กำลังนั่งดื่มกินและหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับสาวสวยคุ้นหน้าคนหนึ่งอยู่ในร้าน"อิป๋า! เมียมายืนหัวโด่อยู่นี่ไม่คิดจะเชิญนั่งรึไง" เสียงหวานปนเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันขวับกลับมามองก่อนจะยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นเดินมาโอบเอวหญิงสาวไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดิม"ฟาง นี่เจ้าขา ภรรยาไอ...เจ้า นี่พี่ฟางฉีเพื่อนร่วมคณะพี่ แล้วนี่ก็พี่จิ๊กหรือพี่แจ็คแฟนพี่ฟาง" ชายหนุ่มแนะนำให้หญิงสาวรู้จักกับเพื่อนผ
2 ปีต่อมาอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษโรมเดินขึ้นบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์แล้วหยุดยืนเคาะประตูหน้าห้องที่ติดบันไดทางเดิน ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ รอคนที่อยู่ข้างในมาเปิดให้ ชายร่างผอมสวมแว่นสายตาค่อนข้างหนาเดินออกมาเปิดประตูแล้วมองหน้าผู้มาเยือนเป็นคำถาม กว่า 2 ปีแล้วที่สรัญพาครอบครัวของเขามาอยู่ที่นี่ โดยการช่วยเหลือของโรมและเพื่อน ๆ โดยที่พ่อเขาไม่ทราบมาก่อน ทั้งเขาและภรรยาทำงานเป็นลูกจ้างร้านสะดวกซื้อที่ไม่ไกลจากที่พักมากนักและให้ลูกชายคนเดียวเข้าเรียนอยู่ที่โรงเรียนฝึกภาษาไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะตอนที่เกิดเรื่องบัญชีของเขาที่รับโอนเงินจากบัญชีหุ้นของโรมถูกทางธนาคารสำนักงานใหญ่อายัดไว้ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบและโยงไปถึงบัญชีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันด้วย ทำให้เขาค่อนข้างลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก การมาที่นี่ในตอนแรกนั้นได้ความช่วยเหลือจากศิลาให้พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของทางบริษัทที่ศิลากับมาร์คพักอยู่ แต่เมื่อทั้งคู่ได้งานจึงขอย้ายออกมาอยู่ที่นี่ และเพราะตอนที่ออกมาจากไทยทั้งคู่ไม่ได้นำเอกสารใด ๆ ติดตัวมาด้วย จึงทำงานได้เพียงพนักงาน
"โอ๊ย! เจ้าลูก หล่อขนาดนี้ รวยก็ปานนี้ แถมรับความมึนของเราได้ขนาดนี้ เป็นแม่นะ แม่พยักหน้าตั้งแต่เกริ่น 3 ประโยคแรกแล้วลูก หรือยังไง อึกอักนี่คือพี่เขาไม่แซบว่างั้น" คุณนายเตือนตาว่ากับลูกสาวพร้อมกับเอ่ยแซวในตอนท้ายทำเอาคนโดนถามถึงกับอายม้วนก้มหลบตาประชาชนแทบมุดม้าหินอ่อนหนี"ก็แซบอยู่" หญิงสาวตอบเสียงอ่อย ๆ อาย ๆ"ถ้าแซบก็เก็บไว้กินเองค่ะลูก รีบรับก่อนผู้ชายจะเปลี่ยนใจค่า" คุณแม่บอกลูกสาวเสียงประชด เจ้าขาเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มนิ่ง ๆ ตอนนี้ทั้งลานเงียบรอฟังผลตอบรับเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนรอคำตอบซะเอง"ว่าไง เป็นแฟนกับพี่มั้ย" ชายหนุ่มเอ่ยถามยิ้ม ๆ"เป็นแค่แฟนนะ" "อืม...ตอนนี้เป็นแค่แฟนก่อน" ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับอมยิ้มขำ ๆ *ตอนนี้เป็นแฟนถึงห้องนอนแล้วค่อยเป็นเมียพี่ก็ได้* ชายหนุ่มคิดในใจ"ก็ได้" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบอาย ๆ"อะไรนะ!!" คำถามพร้อมเพรียงเสียงดังขึ้นทันที หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองพี่น้องนักมวยรอบลานแล้วมองหน้าพ่อกับแม่ พี่สาวคนสนิทก่อนจะหันมาตอบชายหนุ่มอีกครั้งอย่างเสียงดังและฟังชัด"เออ...เป็นแฟนกับพ
ตกเย็น ร้านหมูกระทะที่โรมให้น้อยไปสั่งขับรถขนหมูกระทะและอุปกรณ์มาส่งที่โรงซ้อม ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มเป็นอัดลมและน้ำผลไม้ให้อย่างไม่อั้น ท่านอัฐยืนมองความสนุกสนานของเด็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันจัดสถานที่ในการปาร์ตี้กันคืนนี้ยิ้ม ๆ"คิดยังไงมาเลี้ยงหมูกระทะเด็ก ๆ" ท่านอัฐเอ่ยถามหลานชาย"ก็เห็นบ่นอยากกินกันครับแล้วอีกอย่างพวกไปเรียนกรุงเทพก็มากันหมดแล้วเลยเลี้ยงซะหน่อย พรุ่งนี้ผมว่าจะเข้ากรุงเทพด้วยครับลุงว่าจะไปดูคุณพ่อหน่อยครับ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับถอนหายใจภายหลัง"แล้วไอ้เจ้าว่าไงล่ะ น้องมาเราจะกลับ""ก็...ยังไม่คุยเลยครับ ช่วงนี้น้องต้องซ้อมผมไม่อยากทำให้เจ้าเสียสมาธิ เอาจริง ๆ ที่ผมหนีมานี่ช่วงน้องสอบก็กลัวว่าจะเผลอทำอะไรน้องอีก ไม่อยากให้น้องเสียสมาธิครับลุง" ชายหนุ่มตอบแบบตรงไปตรงมา"แล้ววันนี้ก็หน้าบึ้งทั้งวันทะเลาะกันอีกหรือไง" ท่านอัฐเอ่ยถามพลางปรายตามองชายหนุ่ม"หึ! เปล่าหรอกครับแค่โดนกวนเมื่อคืนแล้วเมื่อเช้าไม่ได้ซ้อมกับเพื่อนแล้วงอแงใส่แค่นั้นครับ แต่เห็นบอกว่าจะออกไปรับแฟนเขาไม่ใช่หรือครับลุง" ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอตอบผู้เป
"ให้ไปอ่านหนังสือสอบ ไม่ใช่ให้ไปหาวิชาปราบผัว" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับสะโพกที่ขยับอย่างต่อเนื่อง "ซี้ด...เจ้าอย่ารัด" ชายหนุ่มครางยาวแล้วลงประกบจูบ เอวหนาสาวขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง คนใต้ร่างเสียวสะท้านทุกจังหวะที่แก่นกายเข้าไปกระทบผนังด้านในสุด เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง เมื่อทั้งคู่ใกล้ถึงฝั่ง ร่างบางเกร็งกระตุกถี่ตอดรัดแก่นกาย แล้วหอบหายใจแรง ๆ จนอกกระเพื่อม เอวหนาเร่งส่งแรงกระแทกกระทั้นส่งตัวเองเสร็จสมตามหญิงสาวไปไม่ห่างกัน ส่งลาวาสีขาวขุ่นพวยพุ่งเข้าร่องสาวแล้วกดแช่ไว้อย่างตั้งใจ "อ่า...เมียพี่สุดยอด" คนตัวโตเอ่ยชมพร้อมกับก้มลงกดหอมที่หน้าผากชื้นเหงื่อแรง ๆ"งือ ออกไปได้แล้ว อิคนบ้าพลัง" หญิงสาวว่าพลางทุบอกแกร่งอาย ๆ"เข้าแล้วไม่มีออกถ้าไม่หมดแม็ก แต่คืนนี้น่าจะสว่างคาตาเพราะคนแถวนี้ปล่อยพี่อดมาหลายวัน" ชายหนุ่มว่าพร้อมกับขยับสะโพกเบา ๆ"อ๊ะ! พี่ ยะ อย่าเพิ่งขยับ อูย..." หญิงสาวรีบทัดทานขึ้นพร้อมกับสูดปากเมื่อรู้สึกว่าสิ่งแปลกปลอมที่อยู่กลางกายเริ่มขยับขยายขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย มือบางดันอกแกร่งไว้ทั้ง 2 ข้าง"ไม่ทันแล้วครับ ตัวเล็ก