LOGINคณะเดินทางมาถึงดินแดนเศาะบาแล้ว แม้ที่นี่จะเป็นดินแดนแห่งทะเลทรายแต่ จุดที่ตั้งเมืองกลับดูคึกคัก ถึงจะเพิ่งมีการโจมตีจากพวกมนุษย์หนู แต่ก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่ลดความคึกคักลงไปเลย แม้แต่น้อยที่นี่ขายสินค้าหลายอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่ดินแดนมีขายแบบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคือ ทาส ซึ่งทาสส่วนใหญ่ของที่นี่นั้นเป็นเอลฟ์ ชีวิตของเอลฟ์ในดินแดนนี้ไม่ค่อยสวยงามนักคือ เพราะมีงานหลายอย่างต้องการแรงงานมากแต่มนุษย์ไม่ทำ ส่วนโดวาฟในเมืองจะมีเกียรติในฐานะ ช่างและพ่อค้า เลยต้องใช้เอลฟ์แทน มีชายร่างผอม สูง หัวโล้น แต่งกายด้วยเสื้อผ้าทำจากหนังเสือและขนนกยุง เขาเป็นนักบวชประจำเมือง สำหรับดินแดนเศาะบาแล้วนักบวชคือจอมเวทย์และอภิสิทธิ์ชนว่ากันว่าราชายังต้องฟังที่เขาพูด
“ขอเทพเจ้าราอวยพรพวกเจ้า ขอบคุณมากที่ยอมมาตามคำเชิญ ข้าชื่อ ฟาธีหัวหน้าหน้านักบวช ขอเชิญทุกท่านที่โต๊ะลงทะเบียนได้”
“ไม่ต้องให้เทพอวยพรหรอก แค่จ่ายเงินตรงเวลาก็พอ” ซามูเอลพูด กายสะกิดเป็นเชิงเตือน
“อย่าพูดอะไรส่งเดชเดี๋ยว ก็ได้โดนหิ้วไปหรอก”
ทุกคนไปที่โต๊ะลงทะเบียน และได้รับมอบกำไล มิก้ามองมันอย่างประหลาดใจ กายเลยพูดว่า
“พวกเศาะบาเนี่ย เวลาจะจ้างพวกเราให้ทำงานจะให้กำไลมนตร์นี่เพื่อเก็บ ความทรงจำของผู้ใส่ กันการโกงน่ะ” กายพูด ซามูเอลมองกำไลแล้วก็บ่น
“รสนิยมห่วยมาก บอกเลยนะถ้าไม่ใช่เพราะเงินข้าไม่ใส่หรอก”
“หลีก ๆ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา กลุ่มชายฉกรรณ์กลุ่มหนึ่งเดินแหวกมาโดยมาสนใจว่ามีการเข้าแถวอยู่ผู้นำเป็นชายผิวดำ รูปร่างสูงใหญ่ สวมเกราะ มีดาบคู่เป็นอาวุธ พวกนี้ดูท่าทางแล้วนักผจญภัยที่มีความเป็นนักเลงในตัว เขาชื่อว่าอาลี กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า นักรบทองคำ เป็นนักผจญภัยชื่อดัง ซามูเอลเห็นว่ามีเรื่องกับพวกนี้ไม่คุ้มเลยเดินเลี่ยงไป กลุ่มของอาลีได้กำไลแล้ว ก็พากันคุยข่มคนอื่น มีเอลฟ์สาวตนหนึ่งเดินเขามา เธอมีรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวสีทองเหมือนรวงข้าวสุก ผิวสีขาว ตาเหมือนแมวสีส้ม หูแหลมเชิด สวมชุดเขียว ถือคราดมาด้วย พนักงานมองเธอแล้วพูดว่า
“เราไม่ได้ต้องการคนสวนหรอกนะ”
“มีตาหามีแววไม่ ข้ามาสมัครล่าพวกหนูต่างหาก” นางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ คนรับสมัครทำหน้า งง ๆ แต่พวกของอาลีหัวเราะเสียงลั่น นางหันขวับมา
“หัวเราะอะไรมิทราบ”
“ก็ขำน่ะสิ พวกเอลฟ์ป่า นี่คิดจะเอาคราดมาจัดการมอนเตอร์เหรอ !”
“ผายลม ! ข้าเป็นรูมิแย่ ไม่ใช้พวกฟอร์แคร์ หรือ รานุนโวย ! อีกอย่าง อย่าได้ดูถูกอาวุธข้า” แจนพูดเสียงดังหวิดจะมีเรื่องแต่ซามูเอลพูดขึ้นมาว่า
“จะมีตีกันตรงนี้คิดดีแล้วเหรอ ทหารเพียบเลยนะ”
ทุกคนเลยต้องเลิกแล้วต่อกัน เอลฟ์สาวเลยได้กำไลไป
ซามูเอล มิก้า กายไปกินอาหารที่ร้านอาหาร แห่งหนึ่ง อาหารที่ส่วนใหญ่จะทำจากเนื้อไดโนเสาร์ทั้งนั้น และร้านนี้ก็ถูกเหมาเอาไว้แล้ว เอลฟ์สาวเมื่อครู่เข้ามาในร้าน
“ขอโทษนะเราไม่บริการเอลฟ์หรอก ไปกินที่อื่นเถอะ” เจ้าของร้านพูดด้วยน้ำเสียงเหยียด นางทำหน้าไม่ถูก มิก้าทนไม่ไหวเลยเห็นพูดว่า
“ให้มันน้อย ๆ เถอะนางเป็นนักผจญภัย” เจ้าของร้านเห็นกำไลข้อมือเลยพูดว่า “ขออภัยขอรับ งั้นก็ตามสบายเลย” เอลฟ์สาวหันมาขอบคุณและแนะนำตัว
“ข้าชื่อแจนเป็นจอมเวทย์สายดิน และพืซน่ะ”
“ข้าชื่อ มิก้า”
มิก้าเลยชวนแจนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย หลายคนมองมาที่โต๊ะด้วยสายตาแปลก ๆ จนทำให้มิก้ารู้สึกอึดอัด เหมือนแจนจะรู้เลยจะเปลี่ยนโต๊ะ แต่ซามูเอลกลับบอกว่า
“นั่งไปเถอะ ข้าเจอสายตาแบบนี้มาจนชินแล้ว”
หลังนั้นทุกคนก็กินอาหารและพูดคุยสร้างความคุ้นเคย ดูแจนจะสนิทกับมิก้าเร็วมาก
เสียงระฆังดังขึ้นมาเป็นสัญญาณ “มันมาแล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้นทุกรีบออกมาไปจากร้าน มีเพียง ซามูเอลที่นั่งอย่างใจเย็น จนมิก้าต้องถามว่า
“นี่เจ้าจะซุ่มโจมตีอีกหรือไง” ซามูเอลไม่ตอบเขาหันไปทางเจ้าของร้านแล้วถามว่า
“ที่นี่มีอาหารเก็บเอาไว้แยอะสินะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ร้านอาหารก็ต้องมีอาหารแยอะอยู่แล้วล่ะน่า” เจ้าของตอบ ซามูเอลพยักหน้า เนื่องจากเขาคลุมหน้าอยู่เลยไม่รู้ว่าทำหน้ายังไง แต่มิก้ากลับรู้สึกว่า ซามูเอลกำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งั้นก็น่าเสียดาย พอพวกมันเข้าได้รับรองมันตรงมานี่แน่ ร้านท่านได้จัดปาร์ตี้หนูก็งานนี้ล่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าของร้านก็หน้าเสียแล้วพูดว่า
“คงไม่มั้ง พวกนักผจญภัยคงจัดการมันได้หมดนั่นล่ะ”
“ก็หวังว่าจะเป็นงั้นแต่ฝูงใหญ่ขนาดนี้ ข้าว่าก็คงจะมีหลุดมาบ้างล่ะ และถ้าพวกมันเข้ามาในร้านได้ ท่านได้ขายอาหารไม่ได้ก็งานนี้ล่ะ” ซามูเอลพูด มิก้าเหมือนจะรู้ว่า ซามูเอลคิดจะทำอะไร
“นี่เจ้า อย่าบอกนะว่า.... ” ซามูเอลไม่ตอบ เจ้าของร้านเริ่มกลัวแล้ว เขารีบถามซามูเอลว่า
“ถะ ถ้าข้าจ้างให้ช่วยคุ้มกันร้าน อย่าให้พวกมันเข้ามาได้ เจ้าคิดเท่าไหร่”
“เจ้ามีเครื่องเทศ แยอะมั้ยล่ะ”
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปซามูเอลมองวิวข้างทางโดยไม่ได้พูดอะไร เขานึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ตอนอายุ 5 ขวบแม่ของเขาพามาอยู่กับลุงป้า เพราะบิดาของเขาเป็นนินจาได้เสียชีวิตตอนทำภารกิจหนึ่ง แม่ไม่มีที่ไปเลยต้องมาขออยู่กับพี่สาวและพี่เขย ป้าเขาชื่อ เฮเลน ส่วนลุงนี้ชื่อ โจเซฟ โดยลุงกับป้ามีลูกแล้วสองคน ลูกชายคนโตเชื่อ โจเอล และลูกสาวชื่อ เอลิน่า ตอนแรกโจเซฟไม่อยากให้อยู่ด้วยนัก เหตุเพราะซามูเอลเป็นลูกของนินจาซึ่งแน่นอน นินจาคือพวกสังคมถูกรังเกียจขั้นรุนแรง เพราะหลายคนยังมีความเชื่อว่า นินจาเป็นคนที่นำปีศาจและสัตว์ประหลาดเข้ามาในดาวดวงนี้ทำเกิดยุค เคออส ซึ่งโจเซฟก็เป็นหนึ่งในนั้น การมีลูกหลานนินจาอยู่ในบ้านไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่เพราะแม่ของซามูเอลมาพร้อมกับเงินทองที่ทำให้ทั้งสองมีไร่ข้าวโพดที่ใหญ่ขึ้นได้ แต่พอซามูเอลอายุได้ 7 ขวบแม่ของเขาก็เสียชีวิต ลุงกับป้าเลี้ยงดูเขาได้พอใช้เท่านั้น เพราะโจเซฟไม่ค่อยเต็มใจเลี้ยงเขาเท่าไหร่ ซามูเอลอยู่เหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เพราะเฮเลนเมตตาเขาอยู่บ้าง ความสัมพันธ์กับลูก ๆ ของโจเซฟนั้น กับเอลิน่านางเห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ผิดกับโ
“ก็ได้ข้าจ้างเจ้า และเอานี่ไปด้วยพวกเราจะได้เห็นภาพด้วย” เถาะส่งกระจกให้ ซามูเอลพยักหน้า และรีบเข้าไป เถาะเสกกระจกบานใหญ่ขึ้นมา ก็เห็นว่าซามูเอลกำลังลอบเข้าไป ซึ่งไม่ได้ยากเลยสำหรับเขา หาจุดแอบซุ่มจนไปถึงท้องพระโรงที่องค์หญิงเข้าไปได้แล้ว โมลี่ฮัวเดินไปอย่างเป็นกังวล ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว เธอเห็นราชินีย์ออโรล่า นั่งอยู่บนบัลลังค์ตรงหน้า เธอเป็นหญิงวัย 50 เศษ ที่ดูแข็งแรง มีใบหน้างดงามหากแต่ไม่ใช่ความงามแบบผู้หญิงอ่อนโยนกลับดูแข็งแกร่งแบบหญิงเหล็ก เธอมีผมยาวสีทอง ดวงตาสีฟ้า ข้างกายของนางมีผู้หญิงรูปร่างผอม อยู่ข้าง ๆ นางพูดออกมาเป็นภาษากรีก ผู้หญิงข้าง ๆ แปลให้ทันที “ขอต้อนรับองค์หญิงโมลี่ฮัว สู่อาณาจักอาเธน่าของเรา”องค์หญิงรีบทำความเคารพในแบบของชาวเทียนคือคุกเข่าและถวายพระพร “หม่อนฉันองค์หญิงโมลี่ฮัว ขอถวายพระพร ขอให้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” ออโรล่ายิ้มออกมาพูดล่ามรีบแปลให้ทันที “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องให้ข้าอายุยืนขนาดนั้นก็ได้นะ” เหล่าขุนนางต่างขำกันหมด ทำให้องค์หญิงทำหน้าไม่ถูก ส่วนสามนักฆ่าและมิก้าที่ดูผ่านกระจก กัดฟันกรอด ๆ จนกา
“ก็ แค่อยากจะพานางไปจากที่นี้ เพื่อให้นางหนีจากการแต่งงานไปเริ่มชีวิตใหม่เท่านั้น” มิก้าพูด ซามูเอลเลยหันไปถามองค์หญิงโมลี่ฮัวต่อ“แล้วหลังจากหนีออกไป ท่านจะทำอะไรต่อเหรอขอรับองค์หญิง”องค์หญิงโมลี่ฮัวได้ยินก็พูดไม่ออก นางยังไม่คิดถึงข้อนั้นเลย “ตอบไม่ได้สินะ ท่านน่ะเหมือนนกน้อยในกรงทองที่หาทางหนีออกจากกรงแต่ดันไม่รู้วิธีบิน และไม่รู้เลยโลกนอกกรงเป็นยังไง อย่างท่านเนี่ย ข้าขอพูดตรง ๆ นะ จะเอาตัวรอดได้เกินสามวันหรือเปล่ายิ่งในยุค เคออสเนี่ย ที่ท่านเห็นถือว่าสบายแล้วนะ” โมลี่ฮัวพูดไม่ออก จริงของซามูเอล นางไม่เคยออกจากวังนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต และถ้าหนีนางจะทำอะไรล่ะ ซามูเอลเห็นท่าทางนางเริ่มลังเลก็เลยพูดต่อว่า “แล้วอยู่ ๆ หนีไปเนี่ย ท่านรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น”องค์หญิโมลี่ฮัวทำหน้าไม่ถูก เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ซามูเอลเลยตอบสั้น ๆ “สงครามไง”โมลี่ฮัวตะลึงเธอคิดไม่ถึงเลยจะมีผลร้ายแรงขนาดนี้ “เจ้าพูดอะไร” นางรีบถาม “ก็ง่าย ๆ อาเธน่าเป็นอาณาจักรที่ถือเรื่องศักดิ์ศรีสูงมาก การที่องค์หญิงหนีไปแบบน
ซามูเอลหลบด้วยความเร็ว ทำให้อิบรามโจมตีพลาดและโดนซามูเอลสวนกลับด้วยค้อนของเขา โดนฟาดเข้าที่ท่อนแขน ทำให้อิมรามแขนหัก เขากำลังจะต่อสู้แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวเลยหันไป ร่างของถังเล่ยกระเด็นออกมาจากรถม้า พร้อมกับอำมาตถัง สามนักฆ่าใช้โอกาสเล่นงานคนทั้งคู่ อิมรามแขนหักทำให้ช่วยไม่ได้ “อย่าข้าเป็นขุนนางรับใช้มานานแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าส่งเดชไม่ได้” แต่สามนักฆ่าไม่ฟัง ระกาใช้พัดปาดคอของอำมาตถังตายคาที่ ถังเล่ยถึงกลัวจนฉี่ราด “ไอ้คางคกคิดจะกินเนื้อหงค์เจ้าก็ตายตามพ่อไปอีกคนก็แล้วกัน” เถาะพูดก็จะใช้ท้ายคถาแทงร่างฟาดไปที่หัวของถังเล่ยเขากลายเป็นน้ำแข็งและระเบิดทันที ทุกคนหันมามองอิมรามเป็นตาเดียว ซามูเอลเลยพูดขึ้นมาว่า “ปล่อยมันไป” “เจ้าว่าไงนะ” เถาะถามอย่างไม่พอใจนัก “ก็ปล่อยมันไปไง นายจ้างมันตายแล้ว งานจบแล้ว พวกนินจาไม่มีมาแก้แค้นให้ใครหรอก มันแค่งานต่อให้เพื่อนมันตายในงานมันก็ไม่แค้นเพราะว่าเป็นงาน แต่ถ้าเจ้าฆ่ามันตอนนี้ซึ่งนอกเหนือจากงาน ได้เจอพวกของมันมาแก้แค้นแน่ ซึ่งองค์หญิงจะเจอเรื่องเสี่ยงมากกว่านี้นะ”
อิมรามมองซามูเอล เขาทำการทักทายทันที“สวัสดีข้าชื่อ อิมราม และเจ้าขว้างงานข้า”“สวัสดีข้าชื่อ ซามูเอล และเจ้าคืองานข้า !”เมื่อได้ยินแบบนั้นอิมรามก็ตะโกนเสียงดังลั่น “กองกำลังตะขาบจงมา” เมื่อสิ้นเสียงตะโกน มีหุ่นตะขาบยักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นหุ่นเชิดเหมือนกับมังกรเชิด ที่ต้องใช้คนหลายเป็นคนเชิด ขาตะขาบนั้นเป็นใบมีด ส่วนหัวก็มีใบมีดคู่“เอาจริงดิ !” ซามูเอลอุทาน มันเข้ามาโจมตีซามูเอลทันทีเขาหลบแทบไม่ทันใบมีดมากมายเฉียบสีข้างเขาไปนิดเดี๋ยว อิมรามให้ชิโมน่า ตามเขาไปคุ้มกันอำมาตถัง ส่วนสามนักฆ่า และมิก้าลังเล ซามูเอลเลยพูดว่า “ตามมันไป”ตะขาบเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง ซามูเอลหลบและซัดชูริเคนออกไปแต่ กลายเป็นหุ่นตะขาบนั้นเกราะหนามาก อาวุธเจาะไม่เข้า เขาหลบคมมีดอีกครั้งหนึ่งคราวนี้เขาช้าไปเลยโดยไปแผลหนึ่ง ซึ่งถือว่าโชคดีแล้ว เพราะถ้าช้ากว่าเขาจะกลายเป็นชิ้น ๆ แน่ และเขาเจ้าตะขาบก็พ่นไฟออกมา ซามูเอลรีบหลบ ตะขาบยังคงโจมตีมาไม่หยุด ขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาตายแน่ ซามูเอลมองไปที่ขาของคนเชิด ก็คิดบางอย่างออก ถอยห่างพวกมันไปหลายก้าวหยิบเคียวออกมา เจ้าหุ่นตะขาบวิ่งเข้ามาหมายจะเล่นงานเ
“ท่านพ่อเจ้าสาวของข้ามาแล้ว เจ้าสาวของข้ามาแล้ว” “พ่อเห็นแล้วล่ะ ทำงานได้ดีมากนี่เหล่านินจาทะเลทราย” อำมาตถังพูดขึ้นมา “คงต้องขอเพิ่มค่าจ้าง เพราะข้าเสียมือดีไปสองคน” อิมรามพูดขึ้นมา ถังเล่ยได้ยินก็พูดขึ้นมา “จะเอาอะไรอีก พวกเจ้าได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้ว” “เงียบไปก่อนเลย พวกข้าจะเพิ่มให้แต่เจ้าต้องคุ้มกันพวกเราจนกว่างานแต่งจะจบนะ” อำมาตถังพูด “ตามนั้น” อิมรามพูดจบก็เดินออกไปทันทีองค์หญิงโมลี่ฮัวยังคงตกใจและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อำมาตถังไม่ใช่ขุนนางที่เลวอะไรเลย ตรงกันข้าม เขาเป็นขุนนางน้ำดีที่รับใช้มาถึงสองแผ่นดินทำไมถึงจับตัวนางมา “ท่านทำแบบนี้ทำไมกัน” “ใจเย็นก่อนข้าไม่ได้คิดร้ายกับท่านหรอก คือลูกชายข้าหลงรักท่านมาก ข้าเลยต้องทำแบบนี้” “รัก ข้าเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงวันเกิดเสด็จพี่หู่เองนะ แล้วจะรักข้าได้ยังไง” โมลี่ฮัวพูด ถังเล่ยรีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าหลงรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ทุกวันข้าก็คิดถึงท่านตลอดเลย จนข้าแทบจะอกแตกตายเมื่อรู้ว่าท่านจะต้องไปแต่งกับคนเมืองอื่นแบบนั







