“ง..งั้นหรอคะ”
วิเวียนถามตะกุกตะกักด้วยความเขอะเขินอีกทั้งยังทำตัวไม่ถูก ได้แต่หลบตาเขาที่หันมามองเธอด้วยสายตาลูกอ้อนนั่น “ล..แล้ว คุณพอจะบอกวิได้มั้ยคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น” วิเวียนตัดสินใจถามออกไป ทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดสำหรับเธอ “ผม… ทะเลาะกับพ่อครับ แล้วท่านก็ไล่ผมออกจากบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” “คืนนี้ผมขอค้างที่นี่อีกได้มั้ยครับ แต่ถ้าคุณวิไม่สบายใจ— ” “ ได้สิคะ คุณกำลังเดือดร้อน วิเข้าใจค่ะ” วิเวียนรีบตัดบทอีกคนแล้วตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ตอนนี้เขาเหมือนลูกหมาที่ไร้ที่พึ่ง ทำเธอสงสารจับใจ ไม่ยักษ์รู้ว่าผู้ชายที่ภายนอกดูขรึมๆแถมแข็งแกร่งอย่างเขาจะมีด้านที่อ่อนแอปวกเปียกมากขนาดนี้ สองคนเดินมาถึงหน้าห้อง แต่พอจะเข้าไปวิเวียนกลับหยุดชะงักนิ่งพร้อมหันมามองเขาที่ยืนรออยู่ด้านหลังเหมือนมีอะไรในใจ “มีอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างอ่อนโยน มองดูอีกคนที่ตะกุกตะกักเหมือนอยากจะพูดอะไร “คือว่า… อีกห้องวิยังไม่ได้ทำความสะอาดเลยค่ะ คุณคงนอนไม่ได้ เดี๋ยวจะแพ้ฝุ่นอีก” วิเวียนยิ้มแหยๆด้วยความเกรงใจ มัวแต่ยุ่งกับร้านดอกไม้ทั้งวันจนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย แถมใครมันจะไปคาดคิดว่าเขาจะมาค้างด้วยอีก ในเมื่อคืนนั้นมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ “ไม่เป็นไรหรอกครับ นอนแบบเมื่อคืนก็ได้ครับถ้าคุณวิไม่รังเกียจ” แบบนี้ยิ่งเข้าทางเลยสิ เซบาสเตียนรีบเสนอความคิด ไม่ยักษ์รู้ว่าโชคจะเข้าข้างคนเลวอย่างเขาได้ขนาดนี้ “งั้น… ก็ได้ค่ะ” คำตอบจากหญิงสาวเรียกรอยยิ้มจากคนรอฟังเผยออกมาทันที “ ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่ ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วิเองก็เคยผ่านความลำบากมา วิเข้าใจค่ะ” วิเวียนยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยและสนิทกับผู้ชายคนนี้ได้ไวกว่าคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเขาแสดงด้านที่ไม่ค่อยจะมีใครแสดงออกให้เธอได้เห็นบ่อยๆ หรือเพราะเธอเข้าใจความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบเพราะเคยผ่านจุดนั้นมา วิเวียนยืนคิดและกำลังตกอยู่ในภวังค์ ในขณะที่แววตาดวงน้อยกำลังเคลิบเคลิ้มสบอยู่กับตาเขาอย่างไม่รู้ตัว จนเสียงจากชายด้านหน้าดังเข้ามาในโสทประสาทเรียกสติที่เลือนลางให้กลับมา “ผู้ชายที่ได้คุณเป็นแฟนคงโชคดีสุดๆเลยนะครับ” “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ วิไม่ได้มีดีอะไรมากมายอย่างที่คุณคิดเลยค่ะ” วิเวียนยิ้มปฏิเสธเสียงหวาน เธอเองเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้พิเศษไปกว่าใครๆเลย “แต่ถึงยังไง ในสายตาผมคุณก็ยังคงดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แล้วก็สวยที่สุด…” คำตอบของชายหนุ่มทำเอาบรรยากาศปกคลุมด้วยความเงียบไปชั่วขณะ เมื่อคนตัวเล็กถึงกับไปต่อไม่เป็น แล้วเธอเองเดาทางผู้ชายคนนี้ไม่ถูกด้วย เขาดูอันตราย แต่ทำไมหัวใจเธอกลับไม่คิดที่จะหลบหนีเลยล่ะ แถมมันยังส่งเสียงตุบตับเหมือนว่าเต้นรับเขาเข้ามาเสียมากกว่าด้วยซํ้า แล้วเธอก็ไม่เคยสบตาเขาชนะเลยสักครั้ง ดูอย่างตอนนี้ที่ต้องรีบหลบสายตาหนีใบหน้าแพรวพราวนั่น พร้อมกล่าวตอบคำพูดตะกุกตะกักหลุดพิรุธให้เขาเห็นทุกที “ว..วิว่าเราไปนอนกันดีกว่าค่ะ นี่ก็ดึกมาแล้ว” “จริงด้วยสิครับ งั้นเชิญเจ้าของห้องเข้าไปก่อนเลยครับ” เซบาสเตียนสวนพร้อมยิ้มหว่านเสน่ห์ไม่หยุดหย่อน เท้าเล็กรีบก้าวเข้าห้องด้วยหัวใจที่เต้นตุบตับแข่งกันรัวเร็ว พอเข้ามาถึงจุดหมาย วิเวียนรีบคลานขึ้นเตียง แต่พอขึ้นไปนั่งแล้วหันมากลับพบเขายืนมองเธออยู่ปลายโซฟา ดั่งว่าต้องการจะพูดอะไร “เอ่อ… มีอะไรรึเปล่าคะ” วิเวียนตัดสินใจถามออกไปเสียงใส “คือว่า ผมถอดเสื้อนอนได้มั้ยครับ พอดีว่าเสื้อตัวนี้มันอึดอัด แล้วผมก็ไม่ได้เอาเสื้อเปลี่ยนมาด้วย” คนถามแสดงท่าทางหนักใจไปพร้อมๆกัน ซึ่งแตกต่างจากความคิดในหัวอย่างสิ้นเชิง เสื้อมันไม่ได้อึดอัดหรืออยากเปลี่ยนอะไรหรอก ก็แค่อยากถอดอ่อยเธอเฉยๆ แต่มีหรือคนตัวเล็กจะตามทัน เธอกลับมองว่ามันเป็นความจริง อยากจะไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนอยู่หรอก แต่เสื้อผ้าแต่ละตัวของเธอก็เล็กๆทั้งนั้น ขืนใส่เข้าไปคงอึดอัดทวีคุณ แค่ให้เขาถอดเสื้อนอนคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “เชิญตามสบายเถอะค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงโดยไม่ได้คิดอะไร ส่วนคนที่ได้คำตอบก็รีบเปลือยท่อนบนออกต่อหน้าต่อตาเธอทันที พอเห็นภาพตรงหน้าเท่านั้นถึงกับทำเธอแทบแข็งทื่อเป็นก้อนหิน สายตาไปจับอยู่ตรงหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นก้อนๆเรียงกันโดยไม่อาจละไปมองอย่างอื่นได้ เหมือนว่ามันกำลังสะกดเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ อยู่ๆใบหน้านวลก็ร้อนผ่าวขึ้นไม่พอยังแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นเขามองเธอด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มเหมือนชอบใจ จะบ้าจริง นี่เธอจะทำเรื่องน่าอายต่อหน้าผู้ชายคนนี้ไปถึงไหนกัน “หึ… ฝันดีนะครับ วิเวียน” เซบาสเตียนเป็นคนกล่าว ช่วยทำลายบรรยากาศให้คนตัวเล็กที่ทำตัวไม่ถูกกำลังเขอะเขินอยู่บนเตียง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา หารู้ไม่ว่าคำพูดเขานั้นมันยิ่งสร้างความหวั่นไหวให้เธอขึ้นทวีคุณ วิเวียนรีบนอนลงพร้อมมุดเข้าไต้ผ้าห่ม จะน่าอายเกินไปแล้ว แต่ทุกการกระทำของเธอกลับเป็นอันชอบใจสำหรับเซบาสเตียน ยืนยิ้มกรุ่มกริ่มมองดูคนบนเตียงอยู่พักใหญ่ไม่รู้ว่าเขินตามหรืออะไร กว่าจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาได้ด้วยสภาพที่เปลือยท่อนบน ยกท่อนแขนก่ายหน้าผากพร้อมหลับตาลงแต่ยังคงไม่อาจหุบยิ้มได้ หากตัดตอนที่ต้องนอนแยกกันคนละที่ไปละก็ เขากับเธอไม่ต่างจากสามีภรรยาที่พากันเข้านอนเลย สงสัยต้องเร่งภารกิจจีบว่าที่เมียเข้าแล้วปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ
ถ้อยเสียงเบาแผ่วเอ่ยขึ้นดั่งน้อยใจ เรียกรอยยิ้มซุกซนจากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างได้ใจ ดูเหมือนว่าแผนชั่วที่เพื่อนเขากล่าวจะได้ผลดีเลยล่ะ “คิดถึงผมหรอครับ” คนโตกว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้ามาพูดไกล้อีกคนจนลมหายใจอุ่นรดเข้าสัมผัสผิวเนียน นำพาเสียงหัวใจดวงน้อยลุกขึ้นเต้นแข่งกันตุบตับ “ผมมีงานใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะครับ พอรีบเคลียร์เสร็จผมก็รีบมาหาคุณนี่แหละอย่าน้อยใจสิครับ หื้ม” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมอีกคนทัดหูไปด้วยอย่างอ่อนโยน ทำหัวใจดวงน้อยวูบไหวรีบหลบสายตาที่มองมา “ว…วิไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อยค่ะ” “งั้นก็โอเคครับ เรามานั่งคุยกันดีกว่า ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยนิดหน่อย” ดวงตาวูบไหวเงยมองเจ้าของคำพูด เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงถ้อยเสียงของเขาที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรรึเปล่า “เรื่องอะไรคะ..” “คือว่า… ผมอยากให้คุณไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ สถานที่ขอแต่งงาน…” ดวงตาคนฟังเบิ่กกว้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์คำพูดของเซบาสเตียน เขาหมายความยังไงถึงคำว่าสถานที่ขอแต่งงาน คำถามมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด ใครกันที่จะแต่งงานหรือว่าเป็นเขา แล้วถ้าหากเป็นเขาล่ะ ทุกอย่
ผ่านไปสามวัน… “พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีใน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ คุณลุงสนใจดื่มชาก่อนมั้ยคะ” วิเวียนรีบยิ้มหวานชวนเบรย์เดนนั่งเป็นการไถ่โทษที่ต้องให้เขารอนาน ส่วนชายวัยกลางเมื่อสายตาสบอยู่บนใบหน้าสวยก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอสวยและเรียบง่ายจนสบายตาไม่พอแถมยังเพิ่มความสบายใจให้คนมองเข้าไปทวีคุณ ไม่แปลกใจหากลูกชายจะประทับใจในตัวแม่หนูคนนี้นักหนา “เอาสิ” เบรย์เดนไม่ตราหนักใจที่จะยิ้มตอบพร้อมนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนตามคำชวนของวิเวียน เขารู้สึกถูกชะตากับแม่หนูคนนี้เสียเหลือเกิน แม้กระทั่งท่าทางการรินชาของเธอยังดูเรียบร้อยสบายตาจนเขาประทับใจไม่น้อย “คุณลุงลองชิมดูนะคะ ชานี่เป็นชนิดพิเศษที่ทางร้านคิดค้นทำขึ้นมาเองค่ะ” “งั้นหรอ…” ชายวัยกลางเกิดนึกสงสัย ยกแก้วชาขึ้นจิบก็ต้องขมวดคิ้มเข้มเข้าหากัน เมื่อเพียงมันแตะถึงลิ้นเขาก็รับรู้ได้ถึงชนิดของชาทันที “ชาดอกไม้?” “ใช่ค่ะ คุณลุงเคยดื่มหรอคะ” “ภรรยาลุงชอบทำให้ดื่มอยู่บ่อยๆน่ะ” แววตาเขาดูมีความหมายเมื่อกล่าวถึงภรรยา แต่ก็แอบมีความเศร้าหมองแฝงอยู่ในนั้น จนวิเวียนที่จับสังเกตได้อดไม่ไหวที่จะพลั้งปากถามออกไป “คุณลุงคงจะรักเธอมากเลยสินะคะ..” “รักสิ รักมากเลยล่
“ร้านนี้หรอ” เสียงทุ้มจากชายวัยกลางถามขึ้น ในขณะที่สายตาทอดมองไปยันร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งประดับประดาสวยงามตรงหน้า เห็นลูกน้องมันมาฟ้องนักหนาว่าเจ้าลูกชายมันหลงเจ้าของร้านดอกไม้นี้หัวปักหัวปำ ก็เกิดนึกอยากจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อย “ใช่ครับท่าน” “อืม…” เบรย์เดนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปเยือนในร้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความคุ้นเคยที่ห่างหายมานานหลายปี… “ยินดีต้อนรับค่ะคุณผู้ชาย” ในขณะที่สายตาคมกำลังทอดมองรอบๆ ก็เกิดเสียงหวานจากสาวน้อยแทรกขึ้นมาต้อนรับ “เชิญเดินดูได้ตามสบายเลยนะคะ” ซาร่าพูดซํ้าพร้อมยิ้มแย้มเป็นมิตร “ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านนี้ฝีมือการจัดดอกไม้ดีมากและแตกต่างไปจากใครๆ” “จริงแท้แน่นอนค่ะคุณผู้ชาย อยากได้แบบไหนสามารถบอกได้เลยนะคะ ทางเราทำได้ทุกแบบทุกชนิดค่ะ” “อืม… จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ ถ้าผมอยากคุยกับเจ้าของร้านหน่อย” “ไม่มีปัญหาค่ะ คุณลูกค้าเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวซาร่าไปตามให้ค่ะ” ดวงตาคู่คมหันกลับไปกวาดมองรอบๆ บรรยากาศที่คุ้นเคยนี้นำพาเขาย้อนคิดกลับไปถึงวันวานเก่าๆ ในวันที่แสงแดดอ่อนๆจากท้องฟ้าสาดส่องลงมาแตะยันพื้นหญ้าเข
รอยถึงกับอ้าปากเหวอ พอเวลาธรรมดาก็เอาแต่ร้องเรียกหาแต่ว่าที่เมีย แต่พอมาเวลาแบบนี้ สันดานนักล่าผู้หญิงที่ติดตัวมาแต่เกิดก็ไม่เคยจางหายเลยจริงๆ ดูจากสายตาที่กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับนั่นสิ แหม เดี๋ยวจะฟ้องคุณคนสวยซะเข้าให้! “หืม ให้ผมหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดขึ้นข้างนึงเบาๆ เชิงมองหญิงตรงหน้าที่กำลังยื่นแก้วไวน์แดงให้กับเขา “รอบๆนี้คงไม่มีใครหล่อเท่าคุณแล้วแหละค่ะ” ก็แหงสิ เขามันเทพบุรุษ เซบาสเตียนเหยียดยิ้มซุกซนพร้อมยื่นมือไปรับแก้วไวน์โดยไม่ปฏิเสธ ก็ไม่ต่างจากการบ่งบอกว่าเขายอมรับข้อเสนอของผู้หญิงตรงหน้า “เห็นว่าคุณทำหน้าเครียดๆ … ก็เลยอยากจะมาเสนอเป็นที่ระบายให้สักหน่อยน่ะค่ะ” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า หญิงสาวรีบเซร่างตัวเองเข้าไกล้เขาพรางทาบฝ่ามือบางลงบนอกแกร่งแล้วลูบไล้ไปมา ส่งสายตาอ่อยสุดฤกษ์ วันนี้ไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไปอยู่บนเตียงก็ให้มันรู้ไป “ที่ระบาย… หึ น่าสนใจนะครับ” “ฉันไม้พายนะคะ บอกไว้เผื่อคุณติดใจอยากจะรู้จักขึ้นมา” “ไม้พาย… ชักอยากรู้แล้วสิครับ ว่าไม้พายนี้จะพาผมไปถึงฝั่งได้รึเปล่า” “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงกันล่ะคะ” “ผมกะว่าจะรีบกลับห้องไปนอนพัก แต่ดูเหมือนม