Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-12-18 13:45:02

“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตั้งแต่จันทร์เจ้าอายุไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เราก็เลยมีกันแค่สองคนพ่อลูก ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าที่ผมเลี้ยงเขามาทุกวันนี้ ผมเติมเต็มให้เขาพอรึยัง ลึกๆ เขาอาจจะยังโหยหาความรักจากแม่ บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่เขาต้องมีแม่” พูดแล้วเขาก็หันกลับไปมองที่ลูกสาวอีก แต่ให้ตายเถอะ พูดงี้หมายความว่าไงวะ

           “ไม่หรอกครับ ผมว่าคุณเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีให้ลูกได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจันทร์เจ้าคงไม่เป็นเด็กน่ารักขนาดนี้ ฮ่าๆๆ ใช่ไหมครับ” ให้ตายสิ มันเป็นเสียงหัวเราะที่ปลอมมาก เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอยากหัวเราะเลยสักนิด

           “ไม่หรอกครับ คุณรู้อะไรไหม ผมไม่ได้เห็นเขายิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว คุณศิทำให้ผมเห็นรอยยิ้มกว้างๆ ของจันทร์เจ้าอีกครั้ง” พูดจบ เจตต์ก็หันไปมองที่ลูกสาวอีกครั้ง ไม่หรอก หมอนี่ไม่ได้มองลูกสาว แต่กำลังมองเลขาของเขาต่างหาก ให้ตายสิ มีสิทธิ์อะไรมาเรียกเลขาเขาซะสนิทขนาดนี้

           “เอ้อ…ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต่อ ถ้าไงผมกับเลขาคงต้องขอตัวกลับก่อน” เขาผุดขึ้นราวกับมีไฟร้อนๆ มาลนก้นจนนั่งไม่ติด

           “จริงๆ นี่ก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว จะเป็นไรไหมครับ ถ้าผมจะขอเป็นคนไปส่งคุณศิเอง”

           “ไม่ได้!” เขาเผลอตอบเสียงดัง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร จึงรีบพูดใหม่

           “เอ่อ…พอดีผมมีงานต้องเคลียร์กับศิศิราอีกนิดหน่อยครับ มันเป็นงานรีบน่ะครับ ถ้าไงผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ” ภากรตัดบทด้วยการเดินตรงไปที่    ศิศิราทันที

           “กลับกันเถอะ ผมมีงานต่อ” ศิศิราหันมาทำหน้างงๆ ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างช่วยไม่ได้

           “งั้นวันนี้คุณน้ากลับก่อนนะคะ ไว้คราวหน้าคุณน้าจะมาเล่นด้วยใหม่ เป็นเด็กดีแล้วก็ห้ามออกมาวิ่งเล่นซนข้างนอกโดยไม่บอกผู้ใหญ่อีกนะคะ” เห็นเด็กน้อยหน้าสลดลงไปนิดนึง เธอจึงยื่นมือไปลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ซึ่งรายนั้นก็พยักหน้าให้อย่างว่าง่าย

           “ขอบคุณนะครับคุณศิ” เจตต์เองก็เข้ามาพูดขอบคุณ แต่เสียงทุ้มๆ กับแววตาอ่อนโยนอบอุ่นก็ทำเอาศิศิราถึงกับเสียการทรงตัว

           “ยินดีมากค่ะ ถึงฉันไม่ใช่นางงาม แต่ฉันก็รักเด็กค่ะ” คำตอบของเธอทำอีกฝ่ายยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้กลับทำเอาเธอใจสั่นจนเดินไม่ตรงทาง

           “ว้าย!” เพราะมัวแต่มองรอยยิ้มเจ้าของโรงแรม แม่คุณเลยสะดุดกับขาเก้าอี้ เสียงร้องเธอทำให้สองหนุ่มกระโจนเข้ามาพร้อมกัน ให้ตายสิ! รู้สึกมีเสน่ห์จนผู้ชายสองคนต้องแย่งกัน ถ้า…ไม่ติดว่าภาพที่เธอเห็นตอนนี้คือภาพที่สองหนุ่มกำลังยืนจับมือกัน ในขณะที่เธอนั่งจมปุ๊กอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าหงิกงอ ก็ไม่รู้ว่าทำกันอีท่าไหน จากที่จะเข้ามาช่วย ดันมายืนจับมือกันต่อหน้าต่อตาเธอได้

           ‘อื้อหือ! ฉันต้องรู้สึกยังไงกับภาพภาพนี้เนี่ย ต้องจิ้นไหม’ เธอได้แต่ครวญในใจ กระทั่งถูกบอสหนุ่มประคองขึ้นมา แล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินออกไป

           “มีงานอะไรอีกเหรอคะบอส แต่เท่าที่จำได้วันนี้ก็หมดแล้วนี่คะ” ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ เธอก็ถามด้วยความสงสัยทันที แน่นอนว่าหน้าที่เลขาจำเป็นต้องรู้ตารางงานทั้งหมดของเจ้านาย แต่เขากลับบอกว่ามีงานต่อ โดยที่เธอไม่รู้เรื่องเนี่ยนะ หรือเธอทำหน้าที่บกพร่อง

           “ทำไม? ยังไม่อยากกลับว่างั้น” คำถามใส่อารมณ์แบบไร้เหตุผลของเขาทำเธอไม่ค่อยเข้าใจนัก

           “คะ?”

           “ช่างเถอะ” เขาตัดบทดื้อๆ จนเธอไม่กล้าถามต่อ กระทั่งต้องมานั่งตัวแข็งทื่อ เมื่อคนที่กำลังทำหน้าบึ้งจู่ๆ ก็โน้มตัวพร้อมกับวาดแขนลงมาเพื่อรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าเขาที่ห่างจากใบหน้าเธอไม่ถึงคืบ มันใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ พระเจ้า! ตอนนี้ใจเธอเต้นโครมครามเชียวล่ะ เพราะถึงหน้าเขาจะบูดบึ้ง แต่การกระทำของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

           “ขอบคุณค่ะ” ให้ตายสิ เธอแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็นั่งเงียบกันมาตลอดทาง กระทั่งรถเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ของเธอ

           “ไหนบอสบอกว่ามีงานต่อ” เธอหันมาทำหน้าสงสัย ครั้นพอเห็นหน้าของเขาที่ยังบึ้งตึงอยู่ เธอจึงไม่กล้าถามต่อ แต่เลือกที่เปิดประตูรถแล้วเดินลงไปเงียบๆ

           “ศิศิรา!” ยังไม่ทันที่เธอจะเดินเข้าไปด้านในก็ต้องหันกลับมาเพราะเสียงของเจ้านาย

           “คะ?”

           “พรุ่งนี้ผมมารับ” สิ้นเสียงเขาก็ขับรถออกไป ในขณะที่เธอยังยืนอ้าปากค้าง ไม่มีแม้แต่โอกาสจะถาม

           “อะไรของเขาวะเนี่ย” เธอเดินเกาหัวเข้าไปด้านใน

           “ศิเพื่อนรัก” ทันทีที่ก้าวเข้ามาด้านใน เสียงของเพื่อนรักก็ดังมาแต่ไกล ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะหายตัวออกไปจากตรงนี้เหลือเกิน ด้วยรู้ดีถึงจุดประสงค์ที่แวววิวาห์อุตส่าห์มาดักรอเจอ

           “เพื่อนศิหิวไหม ไปหาอะไรกินที่ห้องฉันสิ ฉันเตรียมของชอบของแกไว้เยอะเลยนะ” แวววิวาห์เดินจับแขนเพื่อนให้เดินไปด้วยกัน

           “ถ้าจะลากกันขนาดนี้ ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง” ศิศิราอดประชดไม่ได้ แต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนเข้าไปในลิฟต์อย่างว่าง่าย

           “ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ ว่าธุระของแกมา” เธอมองของกินที่วางกองอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาว่างเปล่า ผิดไปจากปกติวิสัยที่ของกินมักใช้ได้ผลกับเธอ และแน่นอนว่าแวววิวาห์รู้ดี จึงใช้วิธีนี้ แต่วันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เธอจึงไม่อยากไม่อ้อมค้อมอีก

           “เอาตรงๆ เลยนะ ฉันอยากได้บอสของแก” เอ่อ…นี่ก็ตรงไป

           “ไอ้วา…ไอ้ผู้หญิงน่าไม่อาย อยู่ๆ ก็มาบอกว่าอยากได้ผู้ชาย แกอยากได้เขา แกก็ไปบอกเขาเองสิ มาบอกฉันทำไมเล่า” ศิศิราโวยวาย

           “ฉันบอกแน่ แต่แกก็ต้องช่วยฉันไง ช่วยฉันหน่อยนะเพื่อนรัก” แวววิวาห์ทำเสียงออดอ้อน

           “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยเล่า” ศิศิราโอดครวญ

           “ก็แกเป็นคนใกล้ตัวคุณภากรมากที่สุดไง แล้วแกก็เป็นเพื่อนฉัน ถ้าฉันไปขอช่วยคนอื่นมันก็จะดูไม่ดีไง”

           “ถึงเป็นฉันมันก็ดูไม่ดีย่ะ แล้วนี่แกคิดอะไรของแกอยู่ จู่ๆ ก็รีบร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ ชอบเขามากขนาดนั้นเลย?” ศิศิราถามคาดคั้น

           “ก็เปล่า แต่ฉันไม่มีเวลาแล้วไง แกไม่รู้อะไร วันนี้แม่กับยายโทรมาเร่งให้ฉันกลับบ้าน”

           “แล้วไง ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง” ศิศิรายังคงขมวดคิ้วสงสัย

           “เกี่ยวเต็มๆ เลยแหละ เพราะแม่กับยายรบเร้าจะให้ฉันกลับไปแต่งงานให้ได้เลยไง นี่ถึงขั้นยื่นคำขาดว่าจะตัดหางปล่อยวัดฉันเลย ไม่รู้ไปถูกชะตาอะไรนักหนากับผู้ชายคนนั้น”

           “แต่จริงๆ มันก็ดีออก เลือกผู้ชายที่แม่กับยายชอบ” ศิศิราสนับสนุน

           “มันก็ดีหรอกถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เกย์” ศิศิราได้ฟังคำบอกเล่าของเพื่อนถึงกับตาโต

           “แล้วแม่กับยายแกก็ดูไม่ออกเนี่ยนะ”

           “ก็ไม่แปลก เพราะขนาดฉันยังดูไม่ออก ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนแถวบ้านฉันเขาเห็นมากับตาว่าผู้ชายคนนั้นเขาทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายเป็นโขยง ฉันคงรีบกลับไปแต่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเหมือนกันนั่นแหละ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องโสดอยู่บนคานใช่ไหมล่ะ คิดๆ แล้วก็เสียดาย ทำไมผู้ชายหน้าตาดีต้องกินกันเองด้วยเนี่ย” ในขณะที่แวววิวาห์กำลังโอดครวญ เธอกลับนัยน์ตาวิววับเป็นประกาย ประหนึ่งกำลังอยากรู้อยากเห็น

           “ไอ้ที่เห็นอะ เห็นยังไงวะแก”

           “อื้อหือ! ตาเป็นประกายขนาดนี้ แกจินตนาการไปจนถึงตอนจบแล้วมั้งเนี่ย ไอ้ศิไอ้หื่น” แวววิวาห์มองเพื่อนด้วยสายตากล่าวหา

           “บ้า! จินตนาการอะไรเล่า ปกติก็อ่านแต่แนวชายหญิง ยังไม่เคยลองอ่านวายสักที ฉันก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะอะไรยังไง แล้วก็แบบไหน อ๊าย! หรือฉันควรหานิยายวายมาลองอ่านดู” เห็นเพื่อนคลั่งนิยายขึ้นสมอง แวววิวาห์ถึงกับทำหน้าแหย

           “แกควรเพลาๆ บ้างนะไอ้นิยายของแกน่ะ”

           “แกไม่เข้าใจ ให้ฉันอดมื้อกินมื้อ ยังดีกว่าห้ามไม่ให้ฉันซื้อนิยาย วงการนิยายเข้าแล้วออกยาก โดยเฉพาะวงการดองนิยาย ใช่! ฉันอาจจะยังอ่านไม่ครบทุกเล่ม แต่ของมันต้องมีแกเข้าใจไหม มันเป็นความชอบส่วนตัว มันมีคุณค่าทางจิตใจ เฮอะ! พูดไปคนจิตใจหยาบกระด้างอย่างแกก็ไม่เข้าใจหรอก” ว่าแล้วศิศิราก็หันมาจิกกัดเพื่อนอีก

           “เอ้า! แค่ไม่อ่านนิยายเนี่ยนะ จิตใจหยาบกระด้าง ตรรกะไหนของแกวะ”

           “เออ! จะตรรกะไหนก็ช่าง สรุปแกจะให้ฉันช่วยยังไงว่ามา ฉันจะได้รีบกลับไปอาบน้ำนอนอ่านนิยายสักที ฉันอยากอ่านนิยาย หลายวันแล้วที่ฉันไม่ได้อ่าน” ศิศิรารวบรัดตัดความ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   จบบริบูรณ์

    บทที่ 65“แต่ทุกคนอุตส่าห์มาเพื่อฉันนะคะ แล้วถ้าฉันกลับก่อน คนอื่นจะรู้สึกยังไง” เหตุผลของเธอทำคนอยากกอดเมียคอตกทันที ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอกศิ แกไปเถอะ อย่าลืมสิว่าคนสละโสดไม่ได้มีแค่แกซะเมื่อไหร่ ไอ้วามันก็ยังอยู่ เดี๋ยวพวกฉันสนุกกันเองต่อได้ แกพาคุณภากรกลับไปนอนเหอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้” ศิศิราหันไปมองหน้าพริมรตาด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ ด้วย แต่เมื่อทุกคนพากันพยักหน้าให้ แม่งานอย่างเธอจึงได้แต่ถอนหายใจ “โอเค! กลับก็กลับค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะทุกคน เอ้อ! ยัยมัดแล้วแกล่ะจะกลับยังไง” ก่อนจะทันได้ออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วงด้วย “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันเอาตัวรอดได้ ห่วงตัวเองเถอะ จะได้นอนไหมคืนนี้น่ะ” มัดหมี่อดล้อเลียนพี่สาวไม่ได้ “เดี๋ยวเหอะยัยเด็กแก่แดด” ศิศิราคาดโทษน้องสาวพลางยิ้มเขินอายกับสายตาล้อเลียนของทุกคนที่กำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ทำให้เธอต้องรีบลากตัวต้นเหตุความอายครั้งนี้ออกไปจากห้องโดยเร็ว “หิวจัง!” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็พูดขึ้นลอยๆ “เอ้า! นี่ค

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 64

    บทที่ 64“เฮ้ย! แปลกแฮะ ดื่มไปตั้งหลายแก้ว ทำไมไม่เมาวะ หรือว่า…แอลกอฮอล์มันจะทำปฏิกิริยาแต่เฉพาะเวลาอยู่กับผู้ชาย” ด้วยรูปการณ์ตอนนี้ มันทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ “บ่นอะไรของแกศิ แล้วปฏิกริยาอะไรของแก เมารึเปล่าเนี่ย” แวววิวาห์แสร้งล้อ “นั่นสิ ปกติถ้าดื่มเข้าไปขนาดนี้ ฉันต้องนอนสลบเหมือดไปแล้ว ไอ้พรีมแกใส่อะไรลงไปเหล้าเนี่ย ทำไมกินเท่าไหร่ก็ไม่เมาเลยล่ะ” คิดไปคิดมา ศิศิราจึงหันไปถามคนชง “อะไรของแก ฉันก็ใส่ปกติเหมือนที่เคยชงให้แกกินทุกทีนั่นแหละ” พริมรตาตอบพลางลอบมองนาฬิกา “นี่คือปกติที่พวกพี่กินกันเหรอ” มีนาอดถามไม่ได้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าของทั้งสามคน “กินแบบนี้ กินทั้งคืนก็ไม่เมาหรอกค่ะ” มีนาเสริมอีก “ก็เพราะไม่อยากให้เมาไง พี่ก็เลยใส่ไปแค่แก้วละหยดสองหยด ที่เหลือก็โซดาล้วนๆ อะ! อย่างวันนี้ก็ดีหน่อยไม่ใช่โซดาแต่เป็นน้ำอัดลมแทน กินแล้วสติครบถ้วน ที่สำคัญ…ไม่เปลืองด้วย” คนขี้งกบอกด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะที่อีกสองสาวถึงกับหันขวับมามองคนพูดเป็นตาเดียว “อา…ถึงว่าทำไมรู้สึกเหมือนปาร์ตี้น้ำอัดลม นี่ถ้ากินแ

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 63

    บทที่ 63“ผมลานะครับคุณพ่อคุณแม่” เขาเองก็ไหว้ลาบ้าง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ก้าวขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เสียงของครูศิรีก็ทำให้เท้าของเขาพลันหยุดชะงัก “ถึงจะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอาเปรียบลูกสาวฉันได้ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้ยัยมะขวิดต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน” คนเป็นแม่พูดทิ้งท้าย ในขณะที่เขายังงงกับชื่อที่ได้ยิน “มะขวิด?” เขาหันมาถามเธอ “โอ๊ย! อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหมเล่า หันไปตอบแม่ก่อน” แน่นอนมันเป็นคำถามที่กระดากเกินกว่าที่จะตอบ จึงใช้อีกเรื่องมาเป็นข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยง “เอ้อ! ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอมะขวิด เอ๊ย! ศิศิราให้เร็วที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เพราะชื่อมะขวิดที่ยังติดค้างอยู่ในใจเลยทำให้เผลอพูดออกมา แต่มันทำให้เจ้าของชื่อถึงกุมขมับทันที “อืม! ไปเถอะ ขับรถดีๆ ล่ะ” ครูศิรีทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อรถเคลื่อนออกไป แล้วแม่ลูกสาวตัวดีก็โบกมือหยอยๆ ร่ำลา แล้วความอาลัยอาวรณ์ก็ทำให้คนเป็นแม่โบกมือตอบกลับไปอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบเอามือลงเมื่อถูกสามีล้อเลีย

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 62

    บทที่ 62“เห็นคุณเจตต์เขาเล่าว่าพวกมันมีทั้งปืนทั้งมีด โชคดีนะที่แกรอดมาได้ ว่าแต่แผลที่คอแกเป็นไงบ้าง” พริมรตาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้รู้แผนการอะไรกับเพื่อนด้วย แต่มันก็เข้าทางเจ้าของแผนพอดิบพอดี เพราะมันทำให้คนเป็นแม่ทันได้สังเกตผ้าก๊อซที่ปิดอยู่ที่ต้นคอลูกสาว ซึ่งนั่นจะช่วยเสริมให้ท่านรู้ว่าสิ่งที่พวกเธอพูดมันคือเรื่องจริง “ไม่เป็นไรแล้ว ห่วงก็แต่เขา ไม่รู้เป็นไงบ้าง ยังเจ็บแผลรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเมื่อวานเขาไม่เข้ามารับคมมีดแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้ฉันจะเป็นยังไง พรีมฝากบอกให้เขาไปล้างแผลทุกวันด้วยนะ” ศิศิราทำหน้าเศร้าทันทีที่พูดถึงชายคนรัก ในขณะที่พริมรตาก็ได้แต่พยักหน้ารับ ตอนนั้นเองคนที่ยืนฟังนิ่งอยู่ห่างๆ ก็เดินเข้ามาแต่กลับไม่พูดอะไร จากนั้นก็ออกไปเงียบๆ ดังเดิม “เฮ้อ!” แวววิวาห์ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ รู้สึกเหมือนสิ่งที่พวกตนกำลังพยายามอยู่มันเสียเปล่า ไม่แคล้วแผนวันนี้ก็ต้องล้มเหลวอีกตามเคยหลังจากที่เพื่อนๆ ของเธอพากันกลับไป เธอก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องอีกเช่นเคย เธอเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 61

    บทที่ 61“รักเหรอ? ถ้ามันรักแกจริง มันต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ย่ำยี่แกแบบนี้” คนเป็นแม่ขึ้นเสียงด้วยความเดือดดาล ตอนนี้แทบไม่รู้เลยว่าระหว่างความโกรธกับผิดหวัง อย่างไหนมีมากกว่ากัน “ไม่จริง! หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขา หนูนี่แหละที่ย่ำยีเขา” สิ้นเสียงมือของคนเป็นแม่ก็ตวัดลงบนหน้าขาวๆ ของเธอ “เพียะ! ลูกไม่รักดี แกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ยังมีความละอายอยู่ไหม ฉันเคยสอนนักสอนหนาว่าให้แกทำตัวดีๆ รักนวลสงวนตัว แต่แกกลับลืมทุกอย่างที่ฉันพูด แกอยากให้ฉันอกแตกตายนักใช่ไหม” “ใจเย็นๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน มะขวิดลูกเองก็ผิดที่ทำอะไรข้ามขั้นตอน ส่วนแม่ แม่เองก็ผิดที่ใจร้อนเกินไป ไหนๆ ตอนนี้เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว เราควรปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองนะแม่นะ ลูกมันก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว” คนเป็นพ่อที่อยู่ตรงกลางจำต้องเกลี้ยกล่อมให้สองฝ่ายมาบรรจบกัน แต่ภรรยาเขาก็ดื้อรั้นเกินไป “ปล่อยให้มันโดนหลอกแล้วมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะเหรอ ผู้ชายถ้ามันจริงจัง มันต้องมาทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่อง

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 60

    บทที่ 60“ทำไมพวกคุณต้องทำเหมือนกลัว พวกเขาเป็นใคร แล้วทำไมต้องกลัว” พ่อเลี้ยงพิมายที่ติดสอบห้อยตามพริมรตามาด้วยถามด้วยความสงสัย “ก็ถ้าคุณรู้จักแม่เพื่อนฉันดี คุณจะหายสงสัย นี่ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าฉันควรทำไงไม่ให้พวกท่านรู้ว่ายัยศิไปอยู่ที่ไหนกับใคร โดยที่ฉันไม่ต้องโกหก” พริมรตาหันไปขอความช่วยเหลือพิมาย แต่อีกฝ่ายกลับตอบกลับมาสั้นๆ พลางยักไหล่ “ทำใจ” คำตอบของพิมายทำพริมรตาเม้มปากแน่น ก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะเสียงของครูศิรี “ว่าไงพรีม มัด ตอนนี้มะขวิดอยู่ที่ไหน” สองสาวที่ถูกคาดคั้นหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก่อนที่พวกเธอจะคิดหาคำตอบดีๆ ได้ ครูศิรีก็พูดแทรกขึ้นมาอีก “สองคนคงไม่คิดโกหกป้าหรอกใช่ไหม รู้นะว่าป้าไม่ได้โง่พอที่จะดูไม่ออก” คนถูกพูดดักทางพากันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ตอนนี้คงต้องสุดแล้วแต่โชคชะตาของ ศิศิรา สิบนาทีต่อมา ตอนนี้ทั้งหมดนั่งกันอยู่บนรถของพ่อเลี้ยงพิมายอย่างไม่มีทางเลือก และจุดหมายปลายทางก็คือโรงพยาบาลที่ศิศิรากับภากรพากันไปทำแผลและตรวจร่างกาย “ให้มัดช่วยถือไหมจ๊ะป้า” มีนาอาสา ไม่ใช่เพราะมีน้ำใจ แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status