Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-12-18 13:45:22

“แกก็แค่…ช่วยเป็นบันไดพาฉันไปส่งให้คุณภากรไง เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ฉันรีบ”

           “แล้วแกมั่นใจได้ไงว่าเขาจะเอากับแกด้วย” ศิศิราหยั่งเชิงอีก จริงๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดเพื่อนหรอก แต่ก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนที่ดีกว่านี้

           “ฉันว่าเขาต้องมีใจให้ฉันบ้างแหละ ไม่อย่างนั้นเขาจะจำชื่อฉันได้ยังไง แล้วก็ยังอุตส่าห์เอามื้อเที่ยงมาให้ฉันอีก ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้…น่ารักที่สุด” แวววิวาห์ทำหน้าเคลิ้ม

           “เดี๋ยวๆๆ นั่นมันของฉันย่ะ รู้เอาไว้ด้วยว่าเขาไม่ได้เตรียม แต่เขาเอาของของฉันไป” ศิศิราพูดเพื่อให้เพื่อนได้ตาสว่าง

           “โถ! พ่อคุณพ่อขนุนหนัง ถึงขั้นยอมมีปัญหากับเลขาเพื่อให้ฉันได้กินของอร่อย ทำไมน่ารักขนาดนี้เนี่ย” ดูเหมือนทุกอย่างจะผิดไปจากที่ศิศิราคิดอย่างสิ้นเชิง

           “ตรรกะอะไรของมันวะ เฮ้อ! แล้วแต่เลยค่ะ” ศิศิราถึงกับเบ้หน้ากลอกตา ก่อนจะผงะตาโตเมื่อจู่ๆ ฝ่ายนั้นก็เสียงดังขึ้นมา

           “แกต้องช่วยให้ฉันได้เจอเขา ทำยังไงก็ได้ให้เราได้อยู่กันตามลำพัง” เธอได้ฟังก็ทำหน้าหนักใจทันที

           “อยู่กันตามลำพัง? แล้วหลังจากนั้นล่ะ” ถึงเธอจะดูกร้านโลกเพราะชอบอ่านนิยายสิบแปดบวก แต่เธอก็ไม่สนับสนุนให้เพื่อนใช้วิธีนี้เข้าหาผู้ชาย ด้วยรู้ดีว่าหญิงชายอยู่ใกล้กันก็เปรียบเสมือนไฟกับน้ำมัน แล้วถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด คนที่เสียหายก็คือเพื่อนของเธอ

           “เราก็จะเปิดอกคุยกัน แล้วฉันก็จะ…” ยังไม่ทันที่แวววิวาห์จะได้พูดจนจบ ศิศิราก็โวยวายขึ้นมา

           “อย่าบอกนะว่าแกจะยอมเขา”

           “บ้า! ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นแกก็รู้ ฉันก็แค่จะขอคบเขาเป็นแฟน”

           “เอ้อ! เจริญละเพื่อนฉัน อยู่ๆ ก็ปรี่เข้าไปขอผู้ชายเป็นแฟน ฉันล่ะนึกหน้าเขาตอนนั้นไม่ออกเลยจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อฉันดันหลงมาเป็นเพื่อนกับแก ถ้าไม่ช่วยแกก็ไม่รู้จะไปช่วยแมวที่ไหน เอาเป็นว่าฉันจะหาทางให้แกได้เข้าไปพบเขาตามที่ต้องการ พอใจไหม” ศิศิราจำใจยอมรับอย่างช่วยไม่ได้

           “พอใจมากจ๊ะเพื่อนรัก ขอบใจแกมากนะ รับรองว่าถ้าเพื่อนได้ดีมีสามีเป็นตัวเป็นตน เพื่อนจะไม่ลืมเพื่อนเลย” แวววิวาห์เข้ามากอดเธอไว้ทั้งตัว

           “เออๆๆ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับห้อง”

           “เอ้า! แล้วของกินพวกนี้ล่ะ ฉันอุตส่าห์เตรียมไว้เพื่อแกเลยนะ” แวววิวาห์ชี้ไปที่ถุงอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเหลอหลา

           “เก็บไว้กินเองเหอะ ไม่อยากกิน ฉันอยากนอน จบนะ” คนที่ยังอิ่มมื้อเที่ยงมาจากภัตตาคารปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน

           เช้าตรู่ของอีกวัน ใช่! มันคือเช้าตรู่จริงๆ รถของภากรเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าอพาร์ทเมนท์ของเธอ เขานั่งรออยู่ในรถเพราะคิดว่ามันเช้าเกินกว่าที่จะโทรไปบอกว่าเขารออยู่ด้านล่าง เดี๋ยวคุณเธอจะได้ใจคิดว่าเขามารอ ซึ่งจริงๆ ก็รอนั่นแหละ แต่ดูเหมือนเช้าของเขาจะไม่เท่าเช้าของใครอีกคน

           “ฉันไม่ได้ออกมาวิ่งแบบนี้นานแล้ว เหนื่อยเหมือนกันนะคะเนี่ย” ศิศิราที่ไม่ได้นอนอยู่บนห้องอย่างที่คิด แต่เธอกำลังเดินคุยกระหนุงกระหนิงมากับเจตต์และเด็กน้อยจันทร์เจ้า พร้อมด้วยหมาตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว เห็นแบบนี้คนที่ตั้งใจจะนั่งรออยู่บนรถถึงกับนั่งไม่ติด รีบเปิดประตูแล้วเดินดุ่มๆ ตรงมายังเธอ

           “เอ้า! บอสมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมเช้าจัง” ศิศิราทำสีหน้าแปลกใจ ทีแรกก็ไม่คิดว่าเขาจะมารับจริงๆ โดยเฉพาะมาเช้าขนาดนี้ด้วย

           “คงไม่เช้าเท่าคุณเจตต์ล่ะมั้ง ใช่ไหมครับคุณเจตต์” เขาแอบเหน็บกลายๆ

           “ครับ พอดีเมื่อคืนสองสาวเขาโทรคุยกันเรื่องเจ้าลักกี้ ผมก็เลยถือโอกาสพามันมาออกกำลังกายกับคุณศิด้วยเลย ดูเหมือนมันจะถูกชะตากับคุณศินะครับ” เจตต์พูดพลางหันไปมองศิศิรากับลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นกับเจ้าหมาลักกี้ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เขามีเบอร์โทรกัน เขาโทรคุยกันเมื่อคืน

           “ไม่ใช่แค่มันที่ถูกชะตากับศิ ศิเองก็ถูกชะตากับมันมากค่ะคุณเจตต์ ใช่ไหมลักกี้” เธอหันมาบอกเจ้าของหมาด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหันกลับไปเล่นกับหมาต่อ แต่เดี๋ยวนะ ศิเหรอ? เธอแทนชื่อตัวเองกับผู้ชายคนนั้น ไปสนิทกันตอไหนวะให้ตายสิ! ในใจเขาร้อนรุ่มไปหมด

           “ไว้ผมจะพามันมาหาบ่อยๆ นะครับ” เจตต์หันไปบอกด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าเช่นกัน แต่คนที่ยิ้มไม่ออกเห็นจะเป็นเขาคนเดียว ให้ตายสิ! แค่เด็กน้อยยังพอทน นี่ถึงกับมีหมามาเป็นตัวช่วยอีก

           “งั้นเราพาลักกี้มาหาน้าศิทุกวันเลยดีไหมคะป๊ะป๋า” คำถามของเด็กน้อยทำคนที่กำลังร้อนรุ่มถึงกับหันขวับ รู้สึกประหนึ่งมีศึกรอบด้าน โดยเฉพาะเจ้าหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นที่มันดึงเอาความสนใจของเธอไปจนหมด และเขาควรทำอะไรสักอย่าง

           “รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวสิ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก ผมไม่มีเวลามารอคุณทั้งวันหรอกนะ ผมยังมีงานต้องทำอีก” ถ้านี่คือการพูดเพื่อทำลายบรรยากาศ ใช่! เขาทำสำเร็จ เพราะตอนนี้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะติดเธอมากขึ้นทุกที

           “จริงๆ ถ้าคุณภากรมีงานด่วน เดี๋ยวผมไปส่งคุณศิแทนให้ก็ได้นะครับ วันนี้ผมว่าง” เจตต์เสนอตัว ทำเอาเขาถึงกับหันขวับมามองตาขวางอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบปรับสีหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด

           “ไม่รบกวนดีกว่าครับ ถึงคุณว่างแต่ผมไม่ว่าง พอดีผมกับเลขาต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอก แล้วที่ต้องมารอรับแต่เช้าเนี่ย ก็เพราะต้องเผื่อเวลารถติดด้วยครับ” เอ่อ…นี่คือปกติที่สุดแล้วใช่ไหม

           “เอ้า! มีนัดนอกตารางเหรอคะบอส งั้นรอเดี๋ยวนะ ขอฉันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน สัญญาว่าจะวิ่งผ่านน้ำให้เร็วที่สุด จะไม่ทำให้บอสผิดนัดแน่นอนค่ะ” ศิศิราผุดลุกขึ้นทันที แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

           “งั้นเราแยกตรงนี้เลยนะคะคุณเจตต์ ขอบคุณที่อุตส่าห์มารับไปออกกำลังกาย แล้วก็ขอบคุณสำหรับความน่ารักแสนรู้ของเจ้านี่ด้วย” เธอหันมาบอกลาเจตต์ ก่อนจะหันไปลูบหัวเจ้าหมาตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ และไม่ลืมที่จะหันไปบอกลาสาวน้อยที่ยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ ด้วย  

           “น้าไปนะคะสาวน้อย ไว้เราพาเจ้าลักกี้ไปเดินเล่นกันอีกเนอะ”

           “งั้นพรุ่งนี้ไปกันอีกได้ไหมคะ” สาวน้อยเจื้อยแจ้วขึ้นมาทันที และไอ้รอยยิ้มที่ดูจะสดใสขึ้นก็ทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ

           “ได้แน่นอนค่ะ ถ้าหนูตื่นไหวอะนะ” จริงๆ คนที่ตื่นไม่ไหวคือเธอต่างหาก ขนาดวันนี้ยังทำเอาแทบคลานลงมาจากที่นอน ก็เมื่อคืนกว่าเธอจะอ่านนิยายจบก็ปาไปกว่าค่อนคืน ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าเผื่อเวลามานั่งแต่งหน้าอีก ใช่! เธอแต่งหน้าออกไปวิ่ง ใครจะยอมหน้าสดออกไปวิ่งล่ะ โดยเฉพาะวิ่งกับผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้ด้วย

           “ไหวค่ะ เมื่อเช้าหนูเป็นคนไปปลุกป๊ะป๋าค่ะ”

           “โอเคค่ะ งั้นพรุ่งนี้เราเจอกันเหมือนเดิมเนอะ ส่วนวันนี้หนูกลับไปพักผ่อนแล้วก็อ่านหนังสือก่อนนะ สัปดาห์หน้าโรงเรียนเปิดแล้ว คนเก่งของน้าจะได้พร้อมไปเรียน”

           “หนูอยากให้คุณน้าไปส่ง คุณน้าไปส่งหนูที่โรงเรียนได้ไหมคะ” ดูเหมือนเด็กน้อยจะติดเธอในเวลาอันรวดเร็ว จนคนเป็นพ่อยังแปลกใจ

           “ไม่เอา อย่ารบกวนคุณน้าสิคะจันทร์เจ้า” เจตต์ติงลูกสาวด้วยความเกรงใจ

           “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปได้ แต่ขอเปลี่ยนจากไปส่งเป็นไปรับแทนได้ไหมอะ” ท้ายประโยคเธอหันมาถามเด็กน้อย

           “อืม! ก็ได้ค่ะ หนูจะรอนะคะ” เด็กน้อยทำท่าคิดก่อนตอบ เรียกรอยยิ้มทั้งจากเจตต์และศิศิราที่หันมายิ้มให้กัน ทำเอาคนที่ถูกตัดออกจากสารบบหน้าตาเฉยถึงกับหันรีหันขวางด้วยความหัวร้อน

           “ขอบคุณนะครับคุณศิ” เจตต์มองเธอด้วยความซาบซึ้ง แล้วทั้งคู่ก็หันมาสบตากันอีกครั้ง

           “ผมมีนัดวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ศิศิรา” เสียงเขาดังแทรกขึ้นมาจนเธอต้องหันไปมอง ครั้นพอเห็นเจ้านายทำหน้าบอกบุญไม่รับ เลขาอย่างเธอจึงรีบรับคำอย่างไว

           “โอเคค่า จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะบอส บ๊ายบายนะคะคุณเจตต์ บ๊ายบายนะคะจันทร์เจ้า” สิ้นเสียงเธอก็รีบวิ่งเข้าลิฟต์ที่เปิดมาพอดี แต่ก่อนประตูจะปิด แม่คุณก็ยังไม่วายหันมาโบกมือให้สองพ่อลูกอีก แน่นอนว่าพวกเขาเองก็โบกมือตอบ ก็ขนาดว่าประตูปิดไปแล้ว คุณพ่อลูกติดก็ยังไม่วายโบกอยู่อย่างนั้นด้วยความลืมตัว

           “ตัดมือทิ้งซะดีไหมเนี่ย” เขาหันมางึมงำอีกทาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   จบบริบูรณ์

    บทที่ 65“แต่ทุกคนอุตส่าห์มาเพื่อฉันนะคะ แล้วถ้าฉันกลับก่อน คนอื่นจะรู้สึกยังไง” เหตุผลของเธอทำคนอยากกอดเมียคอตกทันที ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอกศิ แกไปเถอะ อย่าลืมสิว่าคนสละโสดไม่ได้มีแค่แกซะเมื่อไหร่ ไอ้วามันก็ยังอยู่ เดี๋ยวพวกฉันสนุกกันเองต่อได้ แกพาคุณภากรกลับไปนอนเหอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้” ศิศิราหันไปมองหน้าพริมรตาด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ ด้วย แต่เมื่อทุกคนพากันพยักหน้าให้ แม่งานอย่างเธอจึงได้แต่ถอนหายใจ “โอเค! กลับก็กลับค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะทุกคน เอ้อ! ยัยมัดแล้วแกล่ะจะกลับยังไง” ก่อนจะทันได้ออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วงด้วย “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันเอาตัวรอดได้ ห่วงตัวเองเถอะ จะได้นอนไหมคืนนี้น่ะ” มัดหมี่อดล้อเลียนพี่สาวไม่ได้ “เดี๋ยวเหอะยัยเด็กแก่แดด” ศิศิราคาดโทษน้องสาวพลางยิ้มเขินอายกับสายตาล้อเลียนของทุกคนที่กำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ทำให้เธอต้องรีบลากตัวต้นเหตุความอายครั้งนี้ออกไปจากห้องโดยเร็ว “หิวจัง!” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็พูดขึ้นลอยๆ “เอ้า! นี่ค

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 64

    บทที่ 64“เฮ้ย! แปลกแฮะ ดื่มไปตั้งหลายแก้ว ทำไมไม่เมาวะ หรือว่า…แอลกอฮอล์มันจะทำปฏิกิริยาแต่เฉพาะเวลาอยู่กับผู้ชาย” ด้วยรูปการณ์ตอนนี้ มันทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ “บ่นอะไรของแกศิ แล้วปฏิกริยาอะไรของแก เมารึเปล่าเนี่ย” แวววิวาห์แสร้งล้อ “นั่นสิ ปกติถ้าดื่มเข้าไปขนาดนี้ ฉันต้องนอนสลบเหมือดไปแล้ว ไอ้พรีมแกใส่อะไรลงไปเหล้าเนี่ย ทำไมกินเท่าไหร่ก็ไม่เมาเลยล่ะ” คิดไปคิดมา ศิศิราจึงหันไปถามคนชง “อะไรของแก ฉันก็ใส่ปกติเหมือนที่เคยชงให้แกกินทุกทีนั่นแหละ” พริมรตาตอบพลางลอบมองนาฬิกา “นี่คือปกติที่พวกพี่กินกันเหรอ” มีนาอดถามไม่ได้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าของทั้งสามคน “กินแบบนี้ กินทั้งคืนก็ไม่เมาหรอกค่ะ” มีนาเสริมอีก “ก็เพราะไม่อยากให้เมาไง พี่ก็เลยใส่ไปแค่แก้วละหยดสองหยด ที่เหลือก็โซดาล้วนๆ อะ! อย่างวันนี้ก็ดีหน่อยไม่ใช่โซดาแต่เป็นน้ำอัดลมแทน กินแล้วสติครบถ้วน ที่สำคัญ…ไม่เปลืองด้วย” คนขี้งกบอกด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะที่อีกสองสาวถึงกับหันขวับมามองคนพูดเป็นตาเดียว “อา…ถึงว่าทำไมรู้สึกเหมือนปาร์ตี้น้ำอัดลม นี่ถ้ากินแ

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 63

    บทที่ 63“ผมลานะครับคุณพ่อคุณแม่” เขาเองก็ไหว้ลาบ้าง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ก้าวขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เสียงของครูศิรีก็ทำให้เท้าของเขาพลันหยุดชะงัก “ถึงจะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอาเปรียบลูกสาวฉันได้ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้ยัยมะขวิดต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน” คนเป็นแม่พูดทิ้งท้าย ในขณะที่เขายังงงกับชื่อที่ได้ยิน “มะขวิด?” เขาหันมาถามเธอ “โอ๊ย! อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหมเล่า หันไปตอบแม่ก่อน” แน่นอนมันเป็นคำถามที่กระดากเกินกว่าที่จะตอบ จึงใช้อีกเรื่องมาเป็นข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยง “เอ้อ! ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอมะขวิด เอ๊ย! ศิศิราให้เร็วที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เพราะชื่อมะขวิดที่ยังติดค้างอยู่ในใจเลยทำให้เผลอพูดออกมา แต่มันทำให้เจ้าของชื่อถึงกุมขมับทันที “อืม! ไปเถอะ ขับรถดีๆ ล่ะ” ครูศิรีทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อรถเคลื่อนออกไป แล้วแม่ลูกสาวตัวดีก็โบกมือหยอยๆ ร่ำลา แล้วความอาลัยอาวรณ์ก็ทำให้คนเป็นแม่โบกมือตอบกลับไปอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบเอามือลงเมื่อถูกสามีล้อเลีย

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 62

    บทที่ 62“เห็นคุณเจตต์เขาเล่าว่าพวกมันมีทั้งปืนทั้งมีด โชคดีนะที่แกรอดมาได้ ว่าแต่แผลที่คอแกเป็นไงบ้าง” พริมรตาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้รู้แผนการอะไรกับเพื่อนด้วย แต่มันก็เข้าทางเจ้าของแผนพอดิบพอดี เพราะมันทำให้คนเป็นแม่ทันได้สังเกตผ้าก๊อซที่ปิดอยู่ที่ต้นคอลูกสาว ซึ่งนั่นจะช่วยเสริมให้ท่านรู้ว่าสิ่งที่พวกเธอพูดมันคือเรื่องจริง “ไม่เป็นไรแล้ว ห่วงก็แต่เขา ไม่รู้เป็นไงบ้าง ยังเจ็บแผลรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเมื่อวานเขาไม่เข้ามารับคมมีดแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้ฉันจะเป็นยังไง พรีมฝากบอกให้เขาไปล้างแผลทุกวันด้วยนะ” ศิศิราทำหน้าเศร้าทันทีที่พูดถึงชายคนรัก ในขณะที่พริมรตาก็ได้แต่พยักหน้ารับ ตอนนั้นเองคนที่ยืนฟังนิ่งอยู่ห่างๆ ก็เดินเข้ามาแต่กลับไม่พูดอะไร จากนั้นก็ออกไปเงียบๆ ดังเดิม “เฮ้อ!” แวววิวาห์ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ รู้สึกเหมือนสิ่งที่พวกตนกำลังพยายามอยู่มันเสียเปล่า ไม่แคล้วแผนวันนี้ก็ต้องล้มเหลวอีกตามเคยหลังจากที่เพื่อนๆ ของเธอพากันกลับไป เธอก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องอีกเช่นเคย เธอเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 61

    บทที่ 61“รักเหรอ? ถ้ามันรักแกจริง มันต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ย่ำยี่แกแบบนี้” คนเป็นแม่ขึ้นเสียงด้วยความเดือดดาล ตอนนี้แทบไม่รู้เลยว่าระหว่างความโกรธกับผิดหวัง อย่างไหนมีมากกว่ากัน “ไม่จริง! หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขา หนูนี่แหละที่ย่ำยีเขา” สิ้นเสียงมือของคนเป็นแม่ก็ตวัดลงบนหน้าขาวๆ ของเธอ “เพียะ! ลูกไม่รักดี แกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ยังมีความละอายอยู่ไหม ฉันเคยสอนนักสอนหนาว่าให้แกทำตัวดีๆ รักนวลสงวนตัว แต่แกกลับลืมทุกอย่างที่ฉันพูด แกอยากให้ฉันอกแตกตายนักใช่ไหม” “ใจเย็นๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน มะขวิดลูกเองก็ผิดที่ทำอะไรข้ามขั้นตอน ส่วนแม่ แม่เองก็ผิดที่ใจร้อนเกินไป ไหนๆ ตอนนี้เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว เราควรปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองนะแม่นะ ลูกมันก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว” คนเป็นพ่อที่อยู่ตรงกลางจำต้องเกลี้ยกล่อมให้สองฝ่ายมาบรรจบกัน แต่ภรรยาเขาก็ดื้อรั้นเกินไป “ปล่อยให้มันโดนหลอกแล้วมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะเหรอ ผู้ชายถ้ามันจริงจัง มันต้องมาทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่อง

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 60

    บทที่ 60“ทำไมพวกคุณต้องทำเหมือนกลัว พวกเขาเป็นใคร แล้วทำไมต้องกลัว” พ่อเลี้ยงพิมายที่ติดสอบห้อยตามพริมรตามาด้วยถามด้วยความสงสัย “ก็ถ้าคุณรู้จักแม่เพื่อนฉันดี คุณจะหายสงสัย นี่ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าฉันควรทำไงไม่ให้พวกท่านรู้ว่ายัยศิไปอยู่ที่ไหนกับใคร โดยที่ฉันไม่ต้องโกหก” พริมรตาหันไปขอความช่วยเหลือพิมาย แต่อีกฝ่ายกลับตอบกลับมาสั้นๆ พลางยักไหล่ “ทำใจ” คำตอบของพิมายทำพริมรตาเม้มปากแน่น ก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะเสียงของครูศิรี “ว่าไงพรีม มัด ตอนนี้มะขวิดอยู่ที่ไหน” สองสาวที่ถูกคาดคั้นหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก่อนที่พวกเธอจะคิดหาคำตอบดีๆ ได้ ครูศิรีก็พูดแทรกขึ้นมาอีก “สองคนคงไม่คิดโกหกป้าหรอกใช่ไหม รู้นะว่าป้าไม่ได้โง่พอที่จะดูไม่ออก” คนถูกพูดดักทางพากันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ตอนนี้คงต้องสุดแล้วแต่โชคชะตาของ ศิศิรา สิบนาทีต่อมา ตอนนี้ทั้งหมดนั่งกันอยู่บนรถของพ่อเลี้ยงพิมายอย่างไม่มีทางเลือก และจุดหมายปลายทางก็คือโรงพยาบาลที่ศิศิรากับภากรพากันไปทำแผลและตรวจร่างกาย “ให้มัดช่วยถือไหมจ๊ะป้า” มีนาอาสา ไม่ใช่เพราะมีน้ำใจ แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status