Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2025-12-18 12:38:18

บทที่ 5

“ว่าแต่เราคุยกันตั้งนาน คุณน้ายังไม่รู้เลยว่าหนูน้อยคนสวยคนนี้ชื่ออะไร”

          “หนูชื่อจันทร์เจ้าค่ะ แล้วคุณน้าล่ะคะ ชื่ออะไร” เด็กน้อยถามกลับ

          “เรียกว่าน้าสิก็ได้จ๊ะ แล้ว…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดคุยต่อ เสียงของผู้หญิงคนนึงก็ดึงเอาความสนใจจนต้องหันไปมอง

          “จันทร์เจ้า! มาอยู่นี่นี่เอง ปล่อยให้มาลีตามหาตั้งนาน แล้วออกมาข้างนอกทำไมคะ ทำไมไม่อยู่ในห้อง รู้ไหมว่ามาลีต้องทำงาน ไม่มีเวลามาตามหนูทั้งวันหรอกนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอเดาได้จากชุดยูนิฟอร์มว่าน่าจะเป็นพนักงานของโรงแรมกำลังร่ายยาวด้วยท่าทางหงุดหงิดเต็มที

          “อย่าไปโทษเด็กเลยค่ะ ผิดที่ฉันเองที่ชวนเขาคุยนานไปหน่อย” ศิศิราออกตัวแทน ทำเอารายนั้นหันขวับมามอง

          “แล้วคุณเป็นใคร มาเกี่ยวอะไรด้วย” พนักงานสาวหันมาเหวี่ยงด้วยสีหน้าไม่พอใจ

          “เหมือนถูกด่าว่าเผือก เออ! เผือกก็เผือก ฉันก็เป็นคนที่ไม่ชอบเห็นความไม่ถูกต้องไง เรื่องนี้ถ้าจะมีคนผิดก็คุณนั่นแหละ ถ้าคุณดูแลเด็กดีๆ เด็กก็ไม่ต้องออกมาวิ่งเล่นจนคุณต้องมาตามหาแบบนี้ จริงอยู่ที่เด็กอาจจะผิดที่ออกมาโดยไม่บอกคุณ แต่คุณเองก็ผิดที่ดูแลเขาไม่ดี” ศิศิราว่าให้

          “กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้” พนักงานสาวนัยน์ตาขุ่นขวาง

          “ก็กล้าเหมือนที่คุณกล้านั่นแหละ เฮอะ! พูดกับคนอย่างคุณนี่เสียเวลาชะมัด จันทร์เจ้าคะ คุณน้าไปก่อนดีกว่านะ คุณน้ายังอยากเป็นนางฟ้าในสายตาหนู แต่ขอไม่อยู่บนสวรรค์นะ อ้อ! แล้วถ้าคราวหน้าจะออกไปไหน ต้องขออนุญาตคุณน้าหน้ายักษ์คนนั้นก่อนรู้ไหมคะ” ท้ายประโยคเธอเข้าไปกระซิบกระซาบเด็กน้อยให้ได้ยินกันสองคน แล้วทั้งคู่พากันหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เธอจะลุกเดินไปอีกทาง

          “นี่! จะไปไหนล่ะ แน่จริงก็กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” ศิศิราเพียงส่ายหน้าน้อยๆ กับเสียงที่ตะโกนไล่หลังมา ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เธอมาทำงานล่ะก็ เธอก็อยากจะกลับไปประจันหน้าให้มันรู้แล้วรู้รอดเหมือนกันนั่นแหละ

          “หนักมากเลยเหรอ” ทันทีที่กลับมานั่งข้างๆ บอสหนุ่ม เขาก็ยิงคำถามที่ทำให้เธอต้องฉงน

          “คะ?”

          “ก็เห็นหายไปเข้าห้องน้ำซะนาน ก็นึกว่าหนักมาก” สีหน้าคนพูดยังคงเรียบเฉย ต่างกับเธอที่กำลังกระอักกระอ่วนเต็มที เพราะถึงมันจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่กล้ายอมรับต่อหน้าผู้ชายว่าหายไปออก…มา โดยเฉพาะหายไปนานสองนานขนาดนี้ด้วย

          “พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยอะค่ะ” ทันทีที่ได้ยินคำว่าอุบัติเหตุ คนที่นั่งทำสีหน้าเรียบเฉยถึงกับหันขวับมาสำรวจด้วยสีหน้ากระวนกระวายทันที

          “อุบัติเหตุอะไร แล้วคุณเป็นอะไรมากรึเปล่า” เขาพยายามดึงแขนเธอมาสำรวจ ก่อนจะสำรวจไปทั้งตัว

          “มะๆ ไม่ได้เป็นอะไรค่ะบอส ก็แค่เดินชนกันธรรมดาค่ะ” เธอทำหน้าแหย เคลือบแคลงในสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออก

          “ชน? งั้นก็แสดงว่าคุณต้องเจ็บ” เขาจับแขนเธอมาพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อสำรวจอีกครั้ง

          “เอ่อ…ชนกับเด็กค่ะ” คำตอบของเธอทำเอาเขาปล่อยแขนแทบไม่ทัน ก่อนจะรีบหันหน้าไปอีกทาง ครั้นพอคิดทบทวนถึงพฤติกรรมน่าอายก่อนหน้า เขาก็ต้องหลับตาแน่น โชคดีที่เจ้าของห้องออกไปจัดการเอกสารเพิ่มเติม ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกอายมากกว่านี้

          “ขอโทษที่ให้รอ เอกสารทั้งหมดอยู่ในซองนี้แล้ว คุณลองตรวจดูก่อนนะครับว่ายังต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม” นึกถึงเจ้าของห้อง เจ้าของห้องก็เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้ ศิศิราจึงยื่นมือไปรับแทน แน่นอนว่าหน้าที่ตรวจทานเอกสารเป็นของเธอ แต่ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนช้อนตาประหนึ่งว่าเขินอายนักหนากะอีกแค่รับซองเอกสาร ก็ทำเอาภากรถึงกับออกอาการหมั่นไส้

          “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ ส่วนเอกสารนี่ หลังตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผมจะเข้ามาพบคุณอีกที” ภากรบอกเจ้าของโรงแรม ก่อนจะหันมาเขม่นแม่เลขาของตัวเองอีกที ก็รายนั้นเอาแต่ยืนมองผู้ชายตาเชื่อมเลยน่ะสิ

          “ครับ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันเร็วๆ นี้นะครับ” เจตต์บอกพลางยื่นมือไปให้จับ แต่แล้วมือที่ยื่นมาจับกลับไม่ใช่มือของภากร แต่เป็นมือของศิศิราที่เผลอยื่นมือมาตัดหน้าเจ้านาย

          “…” ทุกอย่างพลันสงบนิ่ง กระทั่งสองหนุ่มต่างพากันหันมาจับจ้องเธอเป็นตาเดียว และตอนนั้นเองที่สติสตังของเธอกลับคืนมา ศิศิรามองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมา ก่อนจะก้มมองมือตัวเอง

          “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เธอชักมือกลับราวต้องของร้อน แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มเอียงอายให้อีก ทำใครบางคนถึงกับกัดฟันกรอด

          “ถ้างั้นผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ” เขาตัดบทด้วยการเดินไปที่ประตู แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เอื้อมมือไปเปิด ประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมกับเด็กสาวตัวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู

          “ป๊ะป๋าขาจันทร์เจ้าอยากกินขนม” เสียงคุ้นหูของเด็กน้อยทำให้ศิศิราต้องหันไปดู

          “จันทร์เจ้า!” เธอเรียกเด็กน้อย ซึ่งรายนั้นก็หันมายิ้มให้ทันทีที่เห็นว่าเป็นเธอ

          “คุณน้านางฟ้า” เด็กน้อยเรียกเธอด้วยรอยยิ้มปรีดี พร้อมกับเดินเข้าไปหา ทำเอาสองหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับทำหน้างง

          “สองคนรู้จักกันเหรอครับ” เจตต์ถามพลางขมวดคิ้วสงสัย

          “อ๋อ! เราเจอกันตอนฉันเอ่อ…ออกไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เธอยังตะขิดตะขวงใจเรื่องห้องน้ำไม่หาย

          “น่าแปลกนะครับ ปกติลูกสาวผมเขาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนที่ไม่สนิท ยิ่งคนแปลกหน้ายิ่งแล้วใหญ่”

          ‘คงเพราะฉันหน้าแปลกล่ะมั้ง ลูกคุณถึงเข้ากับฉันได้’ เธอแอบคิดในใจ ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้

          “ลูก?” เสียงเธอแทบเป็นเสียงตะโกน

          “ใช่! เขามีครอบครัวแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ เขามีเมียแล้ว” แทนที่จะเป็นเจตต์ที่ตอบ แต่กลับเป็นภากรที่เดินมายืนข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้เขามายืนกระซิบอยู่ข้างๆ หูเธอ

          “ครับ นี่ลูกสาวผม เมื่อกี้…” ยังไม่ทันที่เจตต์จะได้พูดจนจบ ประตูห้องก็ถูกเคาะพร้อมกับเปิดปึงเข้ามา เป็นมาลินีพนักงานสาวที่เพิ่งจะวางมวยกับเธอก่อนหน้า แล้วก็เป็นอีกครั้งที่รายนั้นวิ่งหน้าตื่นกระหืดกระหอบมาตามหาเด็กน้อย แต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งที่แล้ว เมื่อที่นี่ไม่ได้มีแค่ศิศิรา แต่ยังมีพ่อเด็กด้วย ซึ่งอาจจะทำให้หน้าที่การงานของคุณเธอสั่นคลอนได้

          “ขอโทษค่ะท่านประธาน จันทร์เจ้าคะไปกับมาลีค่ะ มาลีจะพาไปหาอะไรกินนะคะ” มาลินีพยายามกวักมือเรียก แต่เด็กน้อยกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้ศิศิรามากขึ้น

          “ไม่เอา หนูจะอยู่กับคุณน้านางฟ้า ป๊ะป๋าขาหนูไม่อยากไปกับคุณน้าหน้ายักษ์คนนี้” เด็กน้อยหันไปบอกคุณพ่อ ทำเอาคนถูกหาว่าหน้ายักษ์ถึงกับหันขวับไปมองที่ศิศิราตาขวาง แต่เธอเพียงยักไหล่ให้

          “แต่คุณน้าต้องกลับแล้วนะคะ ไว้ถ้ามีโอกาสคุณน้าจะมาหาหนูอีกโอเคไหม” เด็กน้อยพยักหน้าด้วยสีหน้าสุดสลด

          “จะรังเกียจไหมครับ ถ้าผมจะชวนคุณสองคนลงไปทานของว่างกันข้างล่าง พอดีโรงแรมเราเพิ่งเปิดร้านกาแฟใหม่ จะได้คุยเรื่องงานกันต่อด้วย” เจตต์ชวน ในขณะที่เธอได้แค่หันไปรอคำตอบจากเจ้านายหนุ่ม ตอนนี้ดูเหมือนความกดดันทั้งหมดจะตกอยู่ที่เขาคนเดียว เมื่อทุกสายตาพากันจับจ้องมาที่เขาเป็นจุดเดียว โดยเฉพาะสายตาของเด็กน้อย

          “ครับ” เขาตอบออกไปอย่างไม่มีทางเลือก กระทั่งทั้งหมดพากันย้ายลงมานั่งในร้านกาแฟที่แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่กาแฟ เพราะว่าเจ้าของโรงแรมตั้งใจเปิดไว้เพื่อลูกสาว ดังนั้นร้านนี้จึงเต็มไปด้วยขนมหวานมากมาย รวมทั้งไอศกรีมที่สองสาวต่างวัยสั่งมากินด้วยกัน ในขณะที่สองสาวนั่งเล่นกันอยู่มุมหนึ่ง สองหนุ่มก็แยกออกมานั่งคุยกันอีกโต๊ะนึง

          “แล้วเอ่อ…แม่ของลูก ผมหมายถึงภรรยาคุณล่ะครับ” ภากรถามทำลายความเงียบ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองไปที่โต๊ะของลูกสาว ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองลูกสาวหรือมองใครกันแน่

          “ภรรยาผมเสียไปนานแล้วครับ” เจตต์หันมาตอบ

          “อ้อ! เสียใจด้วยนะครับ” 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   จบบริบูรณ์

    บทที่ 65“แต่ทุกคนอุตส่าห์มาเพื่อฉันนะคะ แล้วถ้าฉันกลับก่อน คนอื่นจะรู้สึกยังไง” เหตุผลของเธอทำคนอยากกอดเมียคอตกทันที ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอกศิ แกไปเถอะ อย่าลืมสิว่าคนสละโสดไม่ได้มีแค่แกซะเมื่อไหร่ ไอ้วามันก็ยังอยู่ เดี๋ยวพวกฉันสนุกกันเองต่อได้ แกพาคุณภากรกลับไปนอนเหอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้” ศิศิราหันไปมองหน้าพริมรตาด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ ด้วย แต่เมื่อทุกคนพากันพยักหน้าให้ แม่งานอย่างเธอจึงได้แต่ถอนหายใจ “โอเค! กลับก็กลับค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะทุกคน เอ้อ! ยัยมัดแล้วแกล่ะจะกลับยังไง” ก่อนจะทันได้ออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วงด้วย “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันเอาตัวรอดได้ ห่วงตัวเองเถอะ จะได้นอนไหมคืนนี้น่ะ” มัดหมี่อดล้อเลียนพี่สาวไม่ได้ “เดี๋ยวเหอะยัยเด็กแก่แดด” ศิศิราคาดโทษน้องสาวพลางยิ้มเขินอายกับสายตาล้อเลียนของทุกคนที่กำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ทำให้เธอต้องรีบลากตัวต้นเหตุความอายครั้งนี้ออกไปจากห้องโดยเร็ว “หิวจัง!” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็พูดขึ้นลอยๆ “เอ้า! นี่ค

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 64

    บทที่ 64“เฮ้ย! แปลกแฮะ ดื่มไปตั้งหลายแก้ว ทำไมไม่เมาวะ หรือว่า…แอลกอฮอล์มันจะทำปฏิกิริยาแต่เฉพาะเวลาอยู่กับผู้ชาย” ด้วยรูปการณ์ตอนนี้ มันทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ “บ่นอะไรของแกศิ แล้วปฏิกริยาอะไรของแก เมารึเปล่าเนี่ย” แวววิวาห์แสร้งล้อ “นั่นสิ ปกติถ้าดื่มเข้าไปขนาดนี้ ฉันต้องนอนสลบเหมือดไปแล้ว ไอ้พรีมแกใส่อะไรลงไปเหล้าเนี่ย ทำไมกินเท่าไหร่ก็ไม่เมาเลยล่ะ” คิดไปคิดมา ศิศิราจึงหันไปถามคนชง “อะไรของแก ฉันก็ใส่ปกติเหมือนที่เคยชงให้แกกินทุกทีนั่นแหละ” พริมรตาตอบพลางลอบมองนาฬิกา “นี่คือปกติที่พวกพี่กินกันเหรอ” มีนาอดถามไม่ได้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าของทั้งสามคน “กินแบบนี้ กินทั้งคืนก็ไม่เมาหรอกค่ะ” มีนาเสริมอีก “ก็เพราะไม่อยากให้เมาไง พี่ก็เลยใส่ไปแค่แก้วละหยดสองหยด ที่เหลือก็โซดาล้วนๆ อะ! อย่างวันนี้ก็ดีหน่อยไม่ใช่โซดาแต่เป็นน้ำอัดลมแทน กินแล้วสติครบถ้วน ที่สำคัญ…ไม่เปลืองด้วย” คนขี้งกบอกด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะที่อีกสองสาวถึงกับหันขวับมามองคนพูดเป็นตาเดียว “อา…ถึงว่าทำไมรู้สึกเหมือนปาร์ตี้น้ำอัดลม นี่ถ้ากินแ

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 63

    บทที่ 63“ผมลานะครับคุณพ่อคุณแม่” เขาเองก็ไหว้ลาบ้าง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ก้าวขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เสียงของครูศิรีก็ทำให้เท้าของเขาพลันหยุดชะงัก “ถึงจะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอาเปรียบลูกสาวฉันได้ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้ยัยมะขวิดต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน” คนเป็นแม่พูดทิ้งท้าย ในขณะที่เขายังงงกับชื่อที่ได้ยิน “มะขวิด?” เขาหันมาถามเธอ “โอ๊ย! อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหมเล่า หันไปตอบแม่ก่อน” แน่นอนมันเป็นคำถามที่กระดากเกินกว่าที่จะตอบ จึงใช้อีกเรื่องมาเป็นข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยง “เอ้อ! ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอมะขวิด เอ๊ย! ศิศิราให้เร็วที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เพราะชื่อมะขวิดที่ยังติดค้างอยู่ในใจเลยทำให้เผลอพูดออกมา แต่มันทำให้เจ้าของชื่อถึงกุมขมับทันที “อืม! ไปเถอะ ขับรถดีๆ ล่ะ” ครูศิรีทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อรถเคลื่อนออกไป แล้วแม่ลูกสาวตัวดีก็โบกมือหยอยๆ ร่ำลา แล้วความอาลัยอาวรณ์ก็ทำให้คนเป็นแม่โบกมือตอบกลับไปอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบเอามือลงเมื่อถูกสามีล้อเลีย

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 62

    บทที่ 62“เห็นคุณเจตต์เขาเล่าว่าพวกมันมีทั้งปืนทั้งมีด โชคดีนะที่แกรอดมาได้ ว่าแต่แผลที่คอแกเป็นไงบ้าง” พริมรตาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้รู้แผนการอะไรกับเพื่อนด้วย แต่มันก็เข้าทางเจ้าของแผนพอดิบพอดี เพราะมันทำให้คนเป็นแม่ทันได้สังเกตผ้าก๊อซที่ปิดอยู่ที่ต้นคอลูกสาว ซึ่งนั่นจะช่วยเสริมให้ท่านรู้ว่าสิ่งที่พวกเธอพูดมันคือเรื่องจริง “ไม่เป็นไรแล้ว ห่วงก็แต่เขา ไม่รู้เป็นไงบ้าง ยังเจ็บแผลรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเมื่อวานเขาไม่เข้ามารับคมมีดแทน ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้ฉันจะเป็นยังไง พรีมฝากบอกให้เขาไปล้างแผลทุกวันด้วยนะ” ศิศิราทำหน้าเศร้าทันทีที่พูดถึงชายคนรัก ในขณะที่พริมรตาก็ได้แต่พยักหน้ารับ ตอนนั้นเองคนที่ยืนฟังนิ่งอยู่ห่างๆ ก็เดินเข้ามาแต่กลับไม่พูดอะไร จากนั้นก็ออกไปเงียบๆ ดังเดิม “เฮ้อ!” แวววิวาห์ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ รู้สึกเหมือนสิ่งที่พวกตนกำลังพยายามอยู่มันเสียเปล่า ไม่แคล้วแผนวันนี้ก็ต้องล้มเหลวอีกตามเคยหลังจากที่เพื่อนๆ ของเธอพากันกลับไป เธอก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องอีกเช่นเคย เธอเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 61

    บทที่ 61“รักเหรอ? ถ้ามันรักแกจริง มันต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ย่ำยี่แกแบบนี้” คนเป็นแม่ขึ้นเสียงด้วยความเดือดดาล ตอนนี้แทบไม่รู้เลยว่าระหว่างความโกรธกับผิดหวัง อย่างไหนมีมากกว่ากัน “ไม่จริง! หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขา หนูนี่แหละที่ย่ำยีเขา” สิ้นเสียงมือของคนเป็นแม่ก็ตวัดลงบนหน้าขาวๆ ของเธอ “เพียะ! ลูกไม่รักดี แกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ยังมีความละอายอยู่ไหม ฉันเคยสอนนักสอนหนาว่าให้แกทำตัวดีๆ รักนวลสงวนตัว แต่แกกลับลืมทุกอย่างที่ฉันพูด แกอยากให้ฉันอกแตกตายนักใช่ไหม” “ใจเย็นๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน มะขวิดลูกเองก็ผิดที่ทำอะไรข้ามขั้นตอน ส่วนแม่ แม่เองก็ผิดที่ใจร้อนเกินไป ไหนๆ ตอนนี้เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว เราควรปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองนะแม่นะ ลูกมันก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว” คนเป็นพ่อที่อยู่ตรงกลางจำต้องเกลี้ยกล่อมให้สองฝ่ายมาบรรจบกัน แต่ภรรยาเขาก็ดื้อรั้นเกินไป “ปล่อยให้มันโดนหลอกแล้วมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะเหรอ ผู้ชายถ้ามันจริงจัง มันต้องมาทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่อง

  • Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง   บทที่ 60

    บทที่ 60“ทำไมพวกคุณต้องทำเหมือนกลัว พวกเขาเป็นใคร แล้วทำไมต้องกลัว” พ่อเลี้ยงพิมายที่ติดสอบห้อยตามพริมรตามาด้วยถามด้วยความสงสัย “ก็ถ้าคุณรู้จักแม่เพื่อนฉันดี คุณจะหายสงสัย นี่ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าฉันควรทำไงไม่ให้พวกท่านรู้ว่ายัยศิไปอยู่ที่ไหนกับใคร โดยที่ฉันไม่ต้องโกหก” พริมรตาหันไปขอความช่วยเหลือพิมาย แต่อีกฝ่ายกลับตอบกลับมาสั้นๆ พลางยักไหล่ “ทำใจ” คำตอบของพิมายทำพริมรตาเม้มปากแน่น ก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะเสียงของครูศิรี “ว่าไงพรีม มัด ตอนนี้มะขวิดอยู่ที่ไหน” สองสาวที่ถูกคาดคั้นหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก่อนที่พวกเธอจะคิดหาคำตอบดีๆ ได้ ครูศิรีก็พูดแทรกขึ้นมาอีก “สองคนคงไม่คิดโกหกป้าหรอกใช่ไหม รู้นะว่าป้าไม่ได้โง่พอที่จะดูไม่ออก” คนถูกพูดดักทางพากันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ตอนนี้คงต้องสุดแล้วแต่โชคชะตาของ ศิศิรา สิบนาทีต่อมา ตอนนี้ทั้งหมดนั่งกันอยู่บนรถของพ่อเลี้ยงพิมายอย่างไม่มีทางเลือก และจุดหมายปลายทางก็คือโรงพยาบาลที่ศิศิรากับภากรพากันไปทำแผลและตรวจร่างกาย “ให้มัดช่วยถือไหมจ๊ะป้า” มีนาอาสา ไม่ใช่เพราะมีน้ำใจ แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status