ทำไมนะ
01.30 น.
นิ้วมือเรียวเคาะสัมผัสคีย์บอร์ดตรงหน้าเป็นจังหวะโดยไม่ได้ออกแรงกดแป้นพิมพ์ ดวงตาคมมองข้อมูลที่เรียบเรียงในไฟล์เอกสารอย่างครุ่นคิด
‘นี่แกพิมพ์อะไรไปวะเจสซี่’
หญิงสาวอ่านข้อมูลตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่หงุดหงิดตัวเอง ดูเหมือนว่าสมาธิในการทำงานของเธอนั้นลดลง หลังจากวางสายของชายหนุ่มที่ตั้งใจโทรหาเธอเพื่อทวงเสื้อของเขา
‘คงต้องพักจริงๆก่อนสินะ’
เจสซี่ถอนหายใจยอมรับความจริงตรงหน้า หากเธอฝืนทำงานต่อไปอาจทำให้งานที่ทำออกมาไม่ตรงตามมาตรฐานของตัวเอง ก่อนลุกจากโต๊ะทำงานตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อสีดำของคนโทรมาเมื่อตอนห้าทุ่ม
หลังจากรื้อเสื้อผ้าในตู้จนมั่นใจว่าครบทุกซอกทุกมุมแล้ว เธอจึงปิดตู้เสื้อผ้าลงใบหน้าพราวเสน่ห์ฉายความเศร้าหมองคล้ายมีเมฆบดบัง ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นตะกร้าผ้าที่เธอดองไว้ 2 กองใหญ่เพราะยังไม่ได้เคลียร์ไปซักในระหว่างปั่นงาน ถ้าคุณป้าแม่บ้านที่บ้านเห็นต้องโดนบ่นไป 3 ชาติแน่ๆ
‘ไม่น่าอยู่ในกองปะวะ เพราะในกองก็มาจากตู้เสื้อผ้า’
เธอคิดในใจก่อนเดินตรงไปหย่อนตัวลงนั่งพร้อมค่อยๆ รื้อเสื้อผ้าในตะกร้าออกมาตรวจสอบทีละตัว
‘เอาชัวร์ไว้ก่อนละกัน’
เจสซี่ดึงตะกร้าทั้งสองใบออกมาเทรวมเป็นกองใหญ่เพื่อจะได้สะดวกในการรื้อหา แต่เมื่อได้หยิบเสื้อผ้ามาตรวจสอบแล้ว จิตวิญญาณของความขยันก็ดันผุดขึ้น ทำให้รู้สึกอยากทำการซักและคัดแยกภูเขาตรงหน้าให้เสร็จไปเลย เธอตัดสินใจคัดแยกเพื่อเอากองภูเขาตรงหน้าไปซักทันที
‘ถามจริง!?’
เมื่อเห็นเสื้อฮู๊ดสีดำคุ้นตาอยู่ในกองผ้า มือเล็กรีบหยิบขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอรีบเช็กยี่ห้อของเสื้อเพื่อความมั่นใจอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ของเธอจริงหรือเปล่า ก่อนพบว่า ใช่ มันคือของเขา
เธอจำได้ว่าพีชอบใส่เสื้อผ้าแบรนด์นี้ และส่วนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าของเขาก็มีแต่เสื้อผ้าแนวเดิมๆ โดยเฉพาะฮู๊ดสีดำสไตล์นี้น่าจะมีซ้ำกันสองถึงสามตัว
‘แล้วมาได้ไงวะ’
เจสซี่เกาหัวงุนงงก่อนสังเกตเห็นชุดเดรสซาตินสีชมพูที่เคยใส่ไปงาน Bye’noir เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนพันอยู่กับแขนของเสื้อฮู๊ด
‘ขออย่าให้เป็นวันนั้นเลยเถอะ’
หญิงสาวภาวนาในใจพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ G Club เธอจำได้เลือนลางคล้ายความฝันว่าเห็นเขามานั่งย่อตัวตรงหน้าพร้อมลูบแก้มของเธออย่างอ่อนโยน เหมือนพยายามอธิบายบางอย่าง แต่นั้นแหละ เธอคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน เพราะวันนั้นคนที่ดูแลเธอก็มีริชชี่ น้ำ และบาส เธอมั่นใจว่าคนที่อุ้มเธอขึ้นมาส่งบนห้องคือ บาส แต่…แล้วเสื้อของเขามาได้ยังไง
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้นร่างเล็กเด้งตัวตรงไปยังโต๊ะทำงาน พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเสื้อในมือทันที
1.45 น.
Thank you, next Group [3]
Jazzyy : อิไหนยังไม่นอนตอบกูด่วน
Namnom : ว่า
Richy : มีไร หิวเหรอ
Jazzyy : ใครมาส่งกูคืนวันที่กูเมา
Richy : พวกกูไง
Namnom : เออ ใครจะรู้จักหอมึงถ้าไม่ใช่พวกกู
Richy : อิบาสอีกคนด้วยอะ
Jazzyy : Sent a photo
Jazzyy : แล้วอันนี้ มันมาอยู่ในตะกร้าห้องกูได้ไง
Read2
Jazzyy : ตอบค่ะ มึงอ่านแล้วโทรศัพท์ระเบิดใส่หน้าเหรอ
Richy : เกรี้ยวกราดจุม
Namnom : ใจเย็นๆ ก่อนแม๊
Jazzyy started a group call. . .
Jazzyy : ทำไมไม่รับสาย เตี๊ยมกันอยู่หรือไง
Namnom : บ้า กูอยู่ข้างนอก มันเสียงดังรับไม่ได้
Richy : ใจเย็น กำลังพิมพ์
Jazzyy : รอ
Jazzyy : @Namnom มึงไปไหน
Namnom : ออกมากินนมปั่น
Jazzyy : กับ?
Namnom : เพื่อนต่างคณะ
Jazzyy : คณะไหน
Namnom : คณะหมูกรอบ
Jazzyy : อิน้ำมีความลับกับกูเหรอ
Namnom : ไม่นะเพื่อนรัก กูจริงใจกับมึงที่สุดแล้ว
Jazzyy : มองบนจนตาถล่นออกมาละ
Jazzyy : กินนมปั่น หรือเหล้าปั่นเอาดีๆ อยู่ร้านไหนอะ จะตี 2 ละ
Namnom : ร้าน Mooมีนมไง เปิด 24 ชม. มึงลืมเหรอ
Jazzyy : โอ๊ะ โทษทีพอดีว่ามีคาเฟ่ที่อาหารอร่อยใกล้หออ่ะ ไม่ต้องไปไหนไกล
Namnom : มึงแค่ขี้เกียจขับรถอิเจส ถ้าเจอร้านอร่อยมึงก็ตะลอนเหมือนกูนั้นแหละค่ะ
Richy : วันนั้นพีไปรับไอ้ต้น เพราะมันไปเลี้ยงเหล้ารุ่นน้องแล้วโดนมอมจนกลับเองไม่ได้ แต่ว่าพีบังเอิญมาเจอมึงที่เมาเหมือนหมาอยู่กับพวกกูก่อน เลยเห็นมึงดิ้นแล้วนมเด้งๆ จะไปเรียกแขก มันเลยเป็นห่วงเอาเสื้อมันมาคลุมให้ พวกกูถอดคืนมันไปละนะ แต่ว่าพียืนยันว่าจะคลุมให้มึงให้ได้ไม่งั้นจะตามกลับมาด้วย พวกกูเลยต้องรับเสื้อมาคลุมไว้ให้มึงนอนหลับสบายๆ ไม่หนาวในรถตอนกลับ แล้วตอนอิน้ำพามึงไปนอนกูเลยโยนเสื้อพีไว้ที่ตะกร้าให้มึงซักไง นี่มึงดองยาวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อี๋
Jazzyy : อิริชมึงพิมพ์เหมือนกูเมาเป็นหมาแล้วมันคือพระเอกที่สมเพชกูเลย
Namnom : นมปั่นกูเกือบพุ่ง 555
Jazzyy : เขาไม่ได้โดนตัวกูใช่มั้ย
Namnom : เขาอุ้มมึงไปที่รถค่ะเพื่อนรัก อิอิ
Jazzyy : แล้วพวกมึงก็ยอม?
Richy : สภาพพพพ พวกกูก็เมามั้ยล่ะ
Jazzyy : แล้วบาสล่ะ
Richy : ขับรถไง งงไร
Namnom : พีสัญญากับพวกกูไว้แล้วว่าจะไม่ถามเรื่องที่อยู่มึงอีก พวกกูก็เลยไม่ปฏิเสธในน้ำใจของเขา เพราะพวกกูก็จะเอาตัวเองไม่รอดเหมือนกันค่า
Jazzyy : รู้เรื่อง! มีไรที่พวกมึงยังไม่บอกกูอีกมั้ย
Namnom : @Richy พูดได้มั้ยพี่จี้
Richy : ถามกูเพื่อ!? อย่าดึงกูไปรับบทลงโทษด้วยสิ กูไม่พร้อม
Jazzyy : พูดดด @Namnom
Namnom : กูได้ข่าวมาจากทุกคนที่กูรู้จักว่า พีบอกทุกคนที่เป็นผู้หญิงที่ทักหาว่า มีแฟนแล้วเลยไม่อยากตอบข้อความพวกนางอีก รวมทั้งเหมือนห่างจากรุ่นน้องนมโตคนนั้นไปเลย แต่ไม่รู้ว่าแฟนที่เขาพูดๆ ถึงกันนี่คือใครเพราะกูก็เห็นแค่ว่าไปไหนมาไหนคนเดียว
Jazzyy : ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู ไม่ต้องบอกก็ได้จ้าาา
Richy : 55555
Jazzyy : ขำไร
Richy : ไม่มีไรจ้ะแม๊
Namnom : ก็นะ วันนั้นกูเห็นเขาลูบแก้มมึงด้วยความอาลัยอาวรณ์เลยนึกขึ้นได้ว่า หรือแฟนที่เขาว่ากันคือ มึง ก็เลยบอกมึงไง
‘ไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นเหรอ กรี๊ด อยากกรี๊ดให้กับความไม่มีสติของตัวเอง’
เจสซี่กุมขมับอย่างใช้ความคิด เธอพยายามนึกถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นที่เธอเข้าใจผิดว่าฝันไป แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง
Thank you, next Group [3]
Jazzyy : ไม่น่าใช่ กูไม่ได้ยุ่งกับเขามานานมากละ
Namnom : มึงกับเขาบอกเลิกกันเป็นกิจลักษณะแล้วเหรอ
Jazzyy : กูยังไม่เคยคบกันด้วยซ้ำมั้งพวกมึงก็รู้
Richy : ถ้าอ่านจากสถานการณ์ตอนนี้ กูคิดว่า มันคือ แฟนกันที่งอนกันเรื่องมือที่สาม ซึ่งอิมือที่สามที่อิเจสเข้าใจเนี่ย เขาเป็นคนที่สามจริงหรือเปล่าก็ยังฟันธงไม่ได้
Namnom : ช่ายยยย แต่เพื่อนเรามันปัง มันตัวมัม ย้ายหนีเขาเลย ไม่ถามเขาสักคำ
Jazzyy : เรื่องมันผ่านมาละ กลับไปแก้อะไรไม่ทันแล้วล่ะ กูไปทำงานต่อละ
Richy : พอพวกกูเริ่มมันส์ก็เทไปทำงานอีกละ
Namnom : กูละเพลีย มากระตุกต่อมเผือกพวกกูเวลานี้เนี่ย
Jazzyy : บัยส์
‘วันนี้มันวันอะไรกันวะ แม่ง’
ดวงตาคมมองเสื้อฮู๊ดสีดำที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ ภาพชัดเจนตรงหน้าค่อยๆ เลือนลางเพราะถูกบดบังด้วยน้ำใสในดวงตากำลังแข่งกันจะออกมาเจอโลกภายนอก ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองเพดานเพื่อประคองไม่ให้น้ำตาที่กำลังเอ่อล้นร่วงลงมา
‘ทำไมวะเจสซี่’
ฝ่ามือเล็กปาดน้ำใสที่กำลังไหลอาบแก้มเนียน หญิงสาววางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงาน เธอหยิบเสื้อฮู๊ดเจ้าปัญหากลับมายังกองผ้าที่รื้อไว้ยังไม่เสร็จ
ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยน้ำใสไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคมอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้สาเหตุว่าจะร้องไห้ทำไม ดูท่าว่าจะไม่สามารถห้ามไม่ให้สะอื้นได้ด้วย
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีน้ำตาให้กับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาเลยสักครั้ง เธอจึงกล้าและมั่นใจในการทำชาเลนจ์ปลดบล็อก แต่ใครจะรู้ละว่า ผลออกมาจะเป็นแบบนี้
มือเรียวเอื้อมจัดการเสื้อผ้าทั้งหมดแยกใส่ตะกร้าก่อนนำไปลงเครื่องซักผ้า เจสซี่ยกไหล่เล็กขึ้นอาศัยแขนเสื้อซับน้ำตาตัวเองเนื่องจากมือทั้งสองไม่ว่าง ร่างเล็กยังคงสะอื้นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อเวลาในการซักปรากฏขึ้นบนเครื่องซักผ้า เธอจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อตั้งเวลานับถอยหลังแจ้งเตือนการซักผ้าว่าจะเสร็จภายใน 60 นาที ก่อนตรงไปทิ้งตัวลงโซฟา
นิ้วเรียวเลื่อนหาแอ็กเคานต์แชตที่ถูกบล็อก ก่อนกดปลดบล็อก ‘เขา’ ตามที่เธอได้กล่าวสัญญาเอาไว้
‘ทำไมไม่ลืมวะ’
Special Part V“ทำไมคำพูดคำจามันหวานเลี่ยนขนาดนั้นล่ะ” จินตะเอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้ พลางสื่อสีหน้ายียวนกวนใจน้องสาวของตัวเองหลังที่จินตะได้ไปพักผ่อนที่บ้านพักของทั้งคู่ ทำให้ตัวเขารู้สึกอิจฉาในความคลั่งรักของน้องสาวตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แถมยังระแวงว่าจะโดนไอน้องเขยหน้าหล่อแย่งความรักของน้องสาวจากเขาไปอีก แต่เขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาเป็นแค่ผู้ปกครองที่ทำได้แค่มองดูอย่างหวงๆ เท่านั้น“จินตะอย่าแซวน้อง” กรชวัลปรามลูกชายคนโตของบ้าน ก่อนหลุดขำเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวตนเองกำลังแลบลิ้นหยอกล้อใส่พี่ชาย นี่สินะที่เขาบอกว่าต่อให้ลูกโตขึ้นขนาดไหนยังไงก็ยังเด็กสำหรับพ่อแม่เสมอ“พวกลูกเหนื่อยกันหรือเปล่าจัดเตรียมของกันตั้งแต่เมื่อคืนน่าจะนอนไม่พอนะ ไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้นะ พวกพ่อกับแม่จะนั่งเล่นตากแอร์ในนี้สักพักก่อน” ภูดิศเสนอขึ้น เขารู้ดีว่าลูกสาวตัวเองน่าจะยังไม่ได้นอนแม้หน้าตาจะสดชื่นออร่าผ่องสวยมากก็ตาม“งั้นพวกหนูขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกั
Special Part IV“หอบเลยเหรอครับ” ดวงหน้าหล่อจรดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม ก่อนเคลื่อนดวงหน้าพรมจูบคนรักด้วยความเสน่หา ยิ่งเห็นว่าอีกคนมีอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน เขาเองก็ยิ่งรู้สึกอยากทำสิ่งที่มากกว่านี้เพิ่มขึ้นตามพายุรักที่กำลังก่อตัว“ที่รักอย่าทำเสียงดังนะคะ พี่จินอยู่อีกห้องนะ” ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์สูดหายใจเข้าเล็กน้อยพร้อมเตือนสิ่งที่เธอและเขารู้ดีว่าห้องนอนของทั้งคู่ตอนนี้เก็บเสียงในหนึ่งระดับ แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่เธอและเขาต้องการเสียเท่าไหร่ แม้จะรู้ว่าเสียงเพลงรักของพวกเขาอาจจะไม่ได้ดังรบกวนคนข้างห้องแต่ว่าเธอก็อยากให้คนรักป้องกันไว้ก่อนดีกว่า“เรียกสามีขาสิคะเด็กดี” แววตาสีน้ำตาลประกายออดอ้อน ก่อนร่างสูงจะเคลื่อนดวงหน้าลงจูบหน้าผากคนรักอย่างเอ็นดูในความกังวลเรื่องเสียงที่อาจเล็ดลอดออกไป“สะ สามีขา อย่าทำเสียงดังนะคะ” นัยน์ตาสีอัลมอนด์สั่นไหว ร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเล็กน้อย มือเล็กค่อยๆ เอื้อมเขี่ยลูกผมที่ปรกหน้าของค
Special Part III“แน่ใจนะวิว่าไม่มีอะไรแอบแฝงอะ” เจสซี่หรี่ตาลงคาดคั้น ไม่ต่างจากจินตะที่กำลังขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมได้แล้ว“ฮ่าๆ ก็รดน้ำดำหัวพ่อแม่ไง ไม่ได้รดน้ำสังข์เจ้าบ่าวเจ้าสาวสักหน่อย” ภูดิศหลุดขำสีหน้าของลูกชายและลูกสาวอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นว่าลูกทั้งสองของเขาสามัคคีกันดีแบบนี้ยิ่งทำให้ชื่นใจ เพราะปกติทั้งจินตะและเจสซี่มักชอบขัดคอกันบ่อยกว่ามีความเห็นตรงกันเสียมากกว่า“ไม่เถียงด้วยแล้วค่ะ พี่จินตะคุยกับพ่อไปนะคะ เจสไปทำน้ำจิ้มต่อละ” เจสซี่มุ่ยหน้าเล็กน้อยก่อนเดินกลับไปยังของที่เตรียมไว้และเริ่มทำน้ำจิ้มอย่างตั้งใจปล่อยให้พี่ชายและคนรักคุยกับผู้เป็นบิดาต่อไปหลังจากทานมื้อเย็นและเก็บของทำความสะอาดครัวเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อนที่ห้องนอนของตนเอง“คิดมากเรื่องที่พ่อโทรมาเมื่อตอนเย็นเหรอครับ” ร่างสูงโอบกอดหญิงสาวที่รักจากทางด้านหลังที่กำลังยืนมองวิวยามดึกริมระเบียงอย่างเหม่อลอย
Special Part IIเจสซี่และพีย้ายมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลที่พ่อแม่ของพีมอบให้เป็นของขวัญสำหรับพวกเขาทั้งสอง เธอและเขาตัดสินใจไม่จัดงานแต่งงานเพราะอยากใช้ชีวิตด้วยกันโดยไม่ยึดบรรทัดฐานของสังคมแม้ตอนแรกอาจจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งเสียเท่าไหร่ แต่ครอบครัวของพวกเขานั้นเคารพในการตัดสินใจของทั้งคู่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันทางครอบครัวของทั้งคู่นั้นไม่ได้บังคับหรือต่อว่าใดๆ พวกท่านค่อนข้างเข้าใจความคิดของลูกตัวเองเป็นอย่างดีว่า ลูกชายและลูกสาวตัวเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูงขนาดไหน อีกทั้งพ่อแม่ของเธอและพีนั้นรู้จักกันทางธุรกิจมาก่อนจึงทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งทำทุกอย่างตามธรรมเนียมครอบครัว เพียงแต่ไม่ได้จัดงานแต่งงานเชิญแขกเอิกเกริกเหมือนคู่บ่าวสาวทั่วไปถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าทั้งเจสซี่และพีเองจะไม่เคยคิดเรื่องการจัดงานให้เป็นกิจลักษณะ ทั้งคู่ตกลงเพียงว่าจะจัดงานเลี้ยงอาหารเพียงครอบครัวภายในและถ่ายเพียงรูปครอบครัวเ
Special Part Iเสียงคลื่นกระทบชายหาดเป็นจังหวะรับสายลมยามเช้าที่พัดเข้าฝั่ง หญิงสาวร่างเล็กผละตัวออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊คก่อนลุกขึ้นจากซอกโซฟาที่เธอใช้พิงหลังทำงานมาตลอดคืน‘อากาศดีจัง’ นัยน์ตาสีอัลมอนด์ทอดมองวิวนอกหน้าต่างยามเช้าอย่างอารมณ์ดี“อยากกินมื้อเช้าก่อนนอนไหมครับ” ร่างสูงที่เพิ่งตื่นเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง พลางใช้ดวงหน้าหล่อซบไหล่เล็กออดอ้อนด้วยความคิดถึงหลายคืนแล้วที่คนรักของเขาทำงานโต้รุ่งโดยปล่อยให้เขานอนกอดหมอนข้างมองเธอจนหลับไป โชคดีที่ทั้งเขาและเธอนั้นทำงานอิสระและเป็นเจ้านายตัวเอง จึงทำให้ต่างคนต่างเข้าใจหน้าที่การงานของกันและกันพร้อมทั้งช่วยเหลือกันได้เป็นอย่างดี หากเขาต้องทำงานเป็นเวลาแบบพนักงานประจำมีหวังได้มีน้อยใจคนขยันในอ้อมกอดเป็นแน่“ไข่กระทะไหมคะ หรือว่าอยากไปเดินตลาดเช้าไหม กำลังเมื่อยหลังเลย” ร่างเล็กเอ่ยชวนพร้อมขยับหัวอิงซบดวงหน้าหล่อของร่างสูงที่อยู่บนไหล่ของเธอ&ldq
ตอนที่ 47หนังสือเล่มเดิม“เค้าปลดบล็อกจินนี่ตอนที่รักสลับมือถือไปเล่นเมื่อคืนค่ะ ตอนนั้นเค้าถามแล้วนะว่าปลดได้หรือเปล่า” หญิงสาวสวมชุดนอนนั่งด้วยท่าสบายบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม เธอใช้ที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่กำลังอ่านไว้หลังเห็นร่างสูงออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีกรมท่า พร้อมเอ่ยชี้แจงเรื่องราวที่คนตัวสูงได้ส่งข้อความถามเมื่อช่วงบ่าย“เค้านึกว่าที่รักปลดบล็อกแค่ไลน์ ไม่คิดว่าที่รักจะปลดบล็อกไอจีด้วย แบบนี้ที่รักจะไม่คิดมากจริงๆ เหรอครับถ้าจินนี่ทักมา” นัยน์ตาสีน้ำตาลสื่อประกายความเป็นห่วง พร้อมทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างโอบกอดคนตัวเล็ก“ที่ผ่านมาที่รักก็ทำตัวชัดเจนขนาดนี้แล้ว เค้าต้องกังวลอะไรอีกคะ หรือว่าความจริงแล้วที่รักหวั่นไหว” ดวงหน้าเปี่ยมสเน่ห์ขมวดคิ้วถาม“ไม่เคยเลยครับ ที่เค้าบล็อกไว้เพราะไม่อยากให้ที่รักเป็นกังวล เค้าบล็อกน้องไปตั้งแต่วันแรกที่ที่รักไม่กลับคอนโดของเราจนถึงเมื่อคืนนี่แหละครับ แล้ววันนี้จู่ๆ