ทั้งๆที่รู้ว่าแฟนเก่าคือของแสลง แต่...คงไม่ผิดใช่ไหม หาก 'เธอ' จะกลับไปตกหลุมรักเขา 'คนเดิม'
View MoreTime to Say Goodbye
โรงอาหารคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
“ไปก่อนนะ” หญิงสาวยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บอกลาเพื่อนสาวในกลุ่มหลังทานอาหารบนจานของตัวเองหมดเรียบร้อย เธอเก็บของใส่กระเป๋าสะพายข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนร่างสมส่วนทรงนาฬิกาทรายจะลุกขึ้นหยิบจานเปล่าและแก้วน้ำอย่างเป็นนัย เร่งเพื่อนอีกสองคนให้ลุกตามไปยังจุดวางจานของโรงอาหารคณะ
“รีบอะไรขนาดนั้นอ่ะอิเจสซี่ แฟนมึงเขาไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง เลทนิดหน่อยเอง” ริชชี่เพื่อนสาวในร่างกำยำทักขึ้นเมื่อเห็นพฤติกรรมของเพื่อนลุกลี้ลุกลน
“มึงจะเข้าใจอะไรอิตุ๊ด ช่วงโปรโมชั่นอิเจสมันต้องรีบทำคะแนนเดี๋ยวชวดของดีๆ ไป” น้ำเสริมขึ้นหลังจากเห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของเพื่อนสาวที่กำลังยืนถือจานรออยู่
“เขาเป็นแฟนกันตั้งนานแล้วมั้ยจะมาทำคะแนนอะไรอิน้ำ เพ้อเจ้อ ไม่เชื่อก็ถามมันดูสิ” ริชชี่ลุกขึ้นเดินนำเพื่อนไปยังจุดเก็บจาน
“ยุ่ง!” เจสซี่อมยิ้มเล็กน้อยก่อนวางจานตามเพื่อน
“อยากสบายแบบมึงบ้างจังเรียนจบ 3 ปีครึ่งนี่มันดีจริงๆ ได้นอนเล่นตั้งเทอมหนึ่ง” น้ำถอนหายใจเบาๆพร้อมวางจานข้างๆ
“เอาอะไรมาสบาย เกือบตายตอนเรียนจบแล้วมึงลืมเหรอ” เจสซี่ตอบพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ามาตอบข้อความแจ้งเตือนจากแชตของคนที่คุ้นเคย
“ลำบากวันนั้น สบายวันนี้ไง รีบไปเถอะพวกกูไม่อยากเป็นตัวถ่วงความคิดถึงของคนบางคนละ” น้ำแซวหลังเหลือบเห็นชื่อของเจ้าของแชตที่เพื่อนสาวกำลังตอบ
“อยู่ห้องเดียวกันเอาอะไรมาคิดถึงวะ” ริชชี่ขมวดคิ้วสงสัย
“มึงไม่เข้าใจความรักหรอกอิริชซี่ดวง” น้ำใช้ศอกกระทุ้งเพื่อนด้านข้างเบาๆ อย่างหมั่นไส้
“งั้นไปก่อนนะ เหมือนนางมารอที่โต๊ะหินอ่อนหลังคณะ ไปเรียนคาบบ่ายให้สนุกน้า อย่าหลับละ บัยส์” เจสซี่บอกลาเพื่อนก่อนเดินตรงไปยังจุดนัดหมายระหว่างเธอกับคนรู้ใจของเธอ
ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่เคยเอ่ยปากขอเป็นแฟนจริงจัง แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาใครเห็นก็รู้ว่าเป็นคู่รักแน่นอน เพราะเธอกับเขาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้วยังไงล่ะ
“อุ๊ย พี่พี” เสียงตกใจของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกชื่อผู้ชายที่เจสซี่คุ้นเคย ทำให้เธอต้องหันกลับไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่เดินผ่านอีกครั้งว่ามีเขาอยู่ตรงนั้นจริงหรือเปล่า
‘อะไรวะเนี่ย’
เจสซี่ตกใจกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นหญิงสาวรุ่นน้องสวมชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงทรงเอเลยเข่าแหวกข้างขวากำลังนั่งอยู่บนตักของเขา ‘คนที่เธอรัก’
“เฮ่ย ไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นนะ” ชายหนุ่มร่างสูงเผยสีหน้าตกใจปล่อยมือหนาที่โอบร่างรุ่นน้องตรงหน้า พร้อมออกแรงผลักร่างที่นั่งอยู่บนตักก่อนรีบลุกขึ้น เขาเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนมองนิ่งอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า
‘เขาพูดอะไรนะ’
ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพยายามฟังสิ่งที่ร่างสูงตรงหน้ากำลังพูดบางสิ่ง แต่เธอกลับเห็นเพียงริมฝีปากของใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไหวไปมา โดยที่เธอไม่ได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเลยสักนิด เจสซี่ตัดสินใจหันหลังก้าวเดินไปยังทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
‘ที่ผ่านมา เราคงคิดไปเองทั้งนั้น’
แสงแดดยามบ่ายคล้อยลงทำให้ร่างเล็กที่เดินอยู่หยุดมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีส้มพาสเทล เจสซี่หยิบมือถือถ่ายภาพท้องฟ้าที่ดูเศร้ามากกว่าวันไหนๆ ก่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลมาอาบแก้มซ้ายของตัวเอง เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
ปี๊บ!
เสียงแตรรถบนท้องถนนดังขึ้นเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งข้ามถนนอย่างเร่งรีบ ทำให้เจสซี่หลุดออกจากภวังค์ก่อนเห็นผู้หญิงที่วิ่งข้ามมาเมื่อครู่ เธอหยุดฝีเท้าที่กำลังเดินอยู่ลงเมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้รถบีบแตรเสียงดังนั้นคือ พิ้ง รุ่นน้องในคณะที่เธอค่อนข้างสนิท
“เจ้ มาเดินทำอะไรตรงนี้คะ” หญิงสาวรุ่นน้องถามขึ้นอย่างร้อนใจ เจสซี่ส่งยิ้มให้หญิงร่างสูงกว่าเธอตรงหน้าพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย
‘ใครทำเจ้เป็นแบบนี้วะ’
“งั้นไปขึ้นรถพิ้งก่อน เจ้จะไปไหนเดี๋ยวพิ้งไปส่งค่ะ” พิ้งตัดสินใจจูงมือคนตรงหน้าให้เดินตาม ตอนนี้น่าจะถามอะไรไม่ได้คำตอบแน่นอน
“มือเย็นจัง ไม่สบายหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย ตัวร้อนหรือเปล่า” พิ้งถามรัวด้วยความเป็นห่วงหลังจากพารุ่นพี่ที่เธออยากถนุถนอมมากที่สุดขึ้นรถ และคาดเข็มขัดนิรภัยให้ก่อนใช้หลังมือทาบหน้าผากคนตัวเล็กแต่เป็นรุ่นพี่ตรงหน้า
“ปะ เปล่า พี่สบายดี พี่กำลังหาหอใหม่อยู่น่ะ” เจสซี่บอกก่อนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดเครื่องบิน
“แล้วเจ้เปิดโหมดเครื่องบิน?” พิ้งถามด้วยความสงสัยกับพฤติกรรมเหมือนคนตัวเล็กกำลังหนีอะไรบางอย่างมากกว่าหาหอตามคำบอกเล่าเสียมากกว่า
“แบตใกล้หมดแล้วน่ะ ดีนะที่เจอพิ้ง” เธอยิ้มร่าเริงก่อนหันไปหยิกแก้มรุ่นน้องที่เธอเอ็นดู
“พิ้งมีธุระหรือเปล่า ไปส่งพี่แถวๆ หลังมอก่อนก็ได้นะเดี๋ยวพี่หาทางไปต่อเอง”
“ว่างค่ะ เจ้อยากได้หอแถวหลังมอเหรอคะ นึกว่าเลิกหาหอไปแล้วนะเนี่ย เห็นอยู่กับพี่พีตลอดนึกว่าจะอยู่กับพี่พีจนหมดเทอมซะอีก ไอ้ตาบ้าคนนั้นใจร้ายจริงๆ ไล่พี่เจสซี่ของพิ้ง พิ้งจะไปจัดการมัน”
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลย พี่แค่อยากรีบย้ายไปหอใหม่เร็วๆ รบกวนพีมามากแล้ว พิ้งพาพี่ไปดูหอใกล้คาเฟ่ที่พิ้งชอบเค้กดาร์คช็อกก่อนได้มั้ย”
“เหมือนตรงนั้นห้องเต็มตลอดเลย แต่เดือนก่อนเห็นหอติดประกาศห้องว่างอยู่ ขอให้ว่างทีเถอะ เพี้ยง!” พิ้งยกมือไหว้ขอพรก่อนออกรถตรงไปยังจุดหมายที่เจสซี่นึกถึงได้เป็นที่แรกที่อยากไปพักใจตอนนี้
“เจ้จะย้ายเลยเหรอคะ” พิ้งถามอย่างตกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่จ่ายค่ามัดจำหอและแจ้งว่าต้องการเข้าอยู่ทันที
"อื้ม ก็มีห้องที่ดีพอดีเลย พี่เลยตัดสินใจเลย" เจสซี่ยิ้มให้พิ้งก่อนเก็บใบเสร็จค่ามัดจำหอใส่กระเป๋า
"สรุปคือ เจ้เลิกกับพี่พีและต้องการย้ายออกทันทีแบบที่ไม่รอบอกพี่พีว่าจะย้ายสินะ งั้นเจ้มานอนห้องพิ้งคืนนี้ก่อน วันมะรืนเราค่อยไปย้ายของกัน เดี๋ยวพิ้งหาแม่บ้านให้ ห้ามปฏิเสธ เพราะพิ้งจะไม่ยอมให้เจ้เหนื่อยกับเรื่องนี้ โอเคตามนี้" พิ้งรัวคำพูดกึ่งคำสั่งกับคนตัวเล็กข้างหน้าที่เธออยากให้รู้ความในใจของตัวเองมากที่สุด แต่ก็รู้ว่าถ้าคนตรงหน้ารู้ความในใจแล้วอาจจะปฏิบัติต่อเธอเปลี่ยนไปก็ได้ และเธอก็ยังไม่พร้อมรับความเสียใจในตอนนี้
“อย่าเรียกว่าเลิกกันเลย เขายังไม่เคยขอคบพี่เลย เฮ้อ ตอนนี้คิดไม่ออกเลย ไปหาอะไรกินกันเถอะ พี่อยากกินสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กร้านนั้นมากตอนนี้ รู้สึกร่างกายขาดน้ำตาลมานานมาก แหะๆ” เจสซี่ยิ้มให้รุ่นน้องร่างสูง ก่อนเดินนำหน้าไปยังร้านที่อยู่ใกล้หอพักใหม่ที่เธอเพิ่งจ่ายเงินเพื่อเข้าย้ายไป
เธอชอบบรรยากาศ รสชาติอาหาร และเครื่องดื่มของร้านนี้มากที่สุด การได้ย้ายมาอยู่ใกล้กับร้านกึ่งคาเฟ่แบบนี้ ก็หวังว่าเธอจะสามารถเอาตัวเองออกมารับพลังบวกจากสิ่งรอบตัวที่ดีได้
‘ขอบคุณในทุกสิ่งนะ ขออย่าให้เจอกันอีกเลย’
เจสซี่ปิดประตูบานคุ้นเคยก่อนยื่นคีย์การ์ดและกุญแจให้กับเพื่อนชายคนสนิทของเจ้าของห้อง
“เธอแน่ใจแล้วใช่มั้ย” ต้นถามขึ้นหลังเก็บคีย์การ์ดที่หญิงสาวยื่นมาให้ใส่กระเป๋ากางเกง
“พี่ต้นคิดว่าคนอย่างพี่เจสซี่เขาจะคิดชุ่ยๆ แบบเพื่อนพี่มั้ยคะ” พิ้งเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์เพราะรู้ว่าคนที่มาช่วยย้ายของอีกคนตอนนี้ คือคนที่แอบปันใจให้รุ่นพี่ตัวเล็กของเธอ
“พิ้ง ต้นเขามาช่วยนะ อย่าไปพูดถึงคนอื่นสิ” เจสซี่ปรามเด็กน้อยตัวโตที่เดินข้างๆ
“เราไม่อยากต้องทนกับอะไรที่ไม่ชัดเจนอีกแล้วต้น อยากใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดถึงใครว่าเขาจะทำอะไร จะเป็นยังไง จะโอเคมั้ย หรือจะคิดอะไรอยู่ เราแค่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้” ร่างเล็กอธิบายด้วยใบหน้านิ่งไม่สื่ออารมณ์แต่นัยน์ตาคล้ายซ่อนความสับสนปนเจ็บปวดอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่า ความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไร
“เดี๋ยวพิ้งไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้เอง เจ้จะได้ไม่เหงา” พิ้งใช้กล่องที่ถืออยู่กระทบไหล่คนตัวเล็กเบาๆ
“น่ารำคาญละสิไม่ว่า” ต้นเอ่ยเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังกลายมาเป็นคู่แข่งทางใจของเขาอีกครั้ง
“ก็แล้วแต่นะ” พิ้งยักไหล่
“แล้วก็ไม่ต้องบอกเขานะว่าเราอยู่ที่ไหน เพราะเราคงจะหมกตัวทำงานในห้องไม่ออกไปไหน เราไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายในตอนที่เราอยากใช้สมาธิน่ะ” เจสซี่บอกชายตัวสูงด้านข้าง
“ไม่บอกหรอก เธอนั่นแหละที่ต้องออกมาจากห้องบ้างนะ ถ้าพวกริชชี่ไม่ตามให้ออกมาหาที่คณะก็ไม่ยอมออกเลย” ต้นที่เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของห้องที่เจสซี่เคยอาศัยร่วมด้วยเอ่ยถึง ฤทธิ์ หรือ ริชชี่ เพื่อนสนิทของเขาสมัยเรียนมัธยมที่ตอนนี้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับคนตัวเล็กด้านข้าง
“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพวกนั้นต้องไปลากเราออกมาอยู่แล้วล่ะ” เจสซี่คลี่ยิ้มอย่างสบายใจ เมื่อคิดถึงกลุ่มเพื่อนที่แม้เธอจะไม่ค่อยได้พบปะหรือไปเที่ยวด้วยกันบ่อย แต่พวกเธอยังรู้ใจกันเสมอประหนึ่งอยู่ด้วยกันทุกวัน
“ไม่ต้องถึงมือพวกพี่ริชชี่ พิ้งตั้งใจจะไปหาเจ้อยู่แล้วล่ะ ทางสะดวกขนาดนี้ ไม่มีคนขวางแล้วด้วย” พิ้งพิงไหล่ออดอ้อนรุ่นพี่ตัวเล็ก
“เราจะได้เจอเจสใช่มั้ย” ต้นวางกล่องลงบนหลังรถขนย้าย ใบหน้าคมสื่อนัยน์ตาเศร้าถามหญิงสาวอย่างเสียดายว่า เขาจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วเหรอ
เป็นความจริงที่เขานั้นคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน แต่คนตัวเล็กตรงหน้าได้ขีดเส้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอไว้ให้เป็นเพื่อนกันอย่างชัดเจน ต้นเองยินดีที่จะเป็นเพียงเพื่อนของเธอ เพราะรู้ว่าเจสซี่นั้นมีใจให้กับเพื่อนสนิทของเขา
จู่ๆ ความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยมีก็กลับมาทำให้เขาสับสนอีกครั้ง ตอนนี้คนที่เขาห่วงใยตรงหน้าสถานะว่างแล้ว แล้วเขายังมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปดูแลเธอมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า
“แน่นอนสิ ถ้ามีโอกาสและเราไม่ขี้เกียจนะ” เจสซี่หัวเราะร่าเริง เพื่อให้เพื่อนชายตรงหน้าสบายใจ ต้นเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอ เธอรู้ว่าร่างสูงนั้นเคยคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน แต่เธอก็ไม่สามารถให้สถานะที่มากกว่าเพื่อนกับเขาได้
“ขอให้โชคดีนะ” ต้นคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ของหญิงสาวตรงหน้ายิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ รอยยิ้มของเธอยังคงสดใสเหมือนเดิม แม้โลกกำลังทำร้ายจิตใจของเธออยู่ก็ตาม ต้นยืนรอเจสซี่ขึ้นรถไปพร้อมกับรุ่นน้องอีกคนและโบกมืออำลา
‘ลาก่อนนะ พี’
Special Part V“ทำไมคำพูดคำจามันหวานเลี่ยนขนาดนั้นล่ะ” จินตะเอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้ พลางสื่อสีหน้ายียวนกวนใจน้องสาวของตัวเองหลังที่จินตะได้ไปพักผ่อนที่บ้านพักของทั้งคู่ ทำให้ตัวเขารู้สึกอิจฉาในความคลั่งรักของน้องสาวตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แถมยังระแวงว่าจะโดนไอน้องเขยหน้าหล่อแย่งความรักของน้องสาวจากเขาไปอีก แต่เขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาเป็นแค่ผู้ปกครองที่ทำได้แค่มองดูอย่างหวงๆ เท่านั้น“จินตะอย่าแซวน้อง” กรชวัลปรามลูกชายคนโตของบ้าน ก่อนหลุดขำเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวตนเองกำลังแลบลิ้นหยอกล้อใส่พี่ชาย นี่สินะที่เขาบอกว่าต่อให้ลูกโตขึ้นขนาดไหนยังไงก็ยังเด็กสำหรับพ่อแม่เสมอ“พวกลูกเหนื่อยกันหรือเปล่าจัดเตรียมของกันตั้งแต่เมื่อคืนน่าจะนอนไม่พอนะ ไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้นะ พวกพ่อกับแม่จะนั่งเล่นตากแอร์ในนี้สักพักก่อน” ภูดิศเสนอขึ้น เขารู้ดีว่าลูกสาวตัวเองน่าจะยังไม่ได้นอนแม้หน้าตาจะสดชื่นออร่าผ่องสวยมากก็ตาม“งั้นพวกหนูขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกั
Special Part IV“หอบเลยเหรอครับ” ดวงหน้าหล่อจรดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม ก่อนเคลื่อนดวงหน้าพรมจูบคนรักด้วยความเสน่หา ยิ่งเห็นว่าอีกคนมีอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน เขาเองก็ยิ่งรู้สึกอยากทำสิ่งที่มากกว่านี้เพิ่มขึ้นตามพายุรักที่กำลังก่อตัว“ที่รักอย่าทำเสียงดังนะคะ พี่จินอยู่อีกห้องนะ” ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์สูดหายใจเข้าเล็กน้อยพร้อมเตือนสิ่งที่เธอและเขารู้ดีว่าห้องนอนของทั้งคู่ตอนนี้เก็บเสียงในหนึ่งระดับ แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่เธอและเขาต้องการเสียเท่าไหร่ แม้จะรู้ว่าเสียงเพลงรักของพวกเขาอาจจะไม่ได้ดังรบกวนคนข้างห้องแต่ว่าเธอก็อยากให้คนรักป้องกันไว้ก่อนดีกว่า“เรียกสามีขาสิคะเด็กดี” แววตาสีน้ำตาลประกายออดอ้อน ก่อนร่างสูงจะเคลื่อนดวงหน้าลงจูบหน้าผากคนรักอย่างเอ็นดูในความกังวลเรื่องเสียงที่อาจเล็ดลอดออกไป“สะ สามีขา อย่าทำเสียงดังนะคะ” นัยน์ตาสีอัลมอนด์สั่นไหว ร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเล็กน้อย มือเล็กค่อยๆ เอื้อมเขี่ยลูกผมที่ปรกหน้าของค
Special Part III“แน่ใจนะวิว่าไม่มีอะไรแอบแฝงอะ” เจสซี่หรี่ตาลงคาดคั้น ไม่ต่างจากจินตะที่กำลังขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมได้แล้ว“ฮ่าๆ ก็รดน้ำดำหัวพ่อแม่ไง ไม่ได้รดน้ำสังข์เจ้าบ่าวเจ้าสาวสักหน่อย” ภูดิศหลุดขำสีหน้าของลูกชายและลูกสาวอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นว่าลูกทั้งสองของเขาสามัคคีกันดีแบบนี้ยิ่งทำให้ชื่นใจ เพราะปกติทั้งจินตะและเจสซี่มักชอบขัดคอกันบ่อยกว่ามีความเห็นตรงกันเสียมากกว่า“ไม่เถียงด้วยแล้วค่ะ พี่จินตะคุยกับพ่อไปนะคะ เจสไปทำน้ำจิ้มต่อละ” เจสซี่มุ่ยหน้าเล็กน้อยก่อนเดินกลับไปยังของที่เตรียมไว้และเริ่มทำน้ำจิ้มอย่างตั้งใจปล่อยให้พี่ชายและคนรักคุยกับผู้เป็นบิดาต่อไปหลังจากทานมื้อเย็นและเก็บของทำความสะอาดครัวเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อนที่ห้องนอนของตนเอง“คิดมากเรื่องที่พ่อโทรมาเมื่อตอนเย็นเหรอครับ” ร่างสูงโอบกอดหญิงสาวที่รักจากทางด้านหลังที่กำลังยืนมองวิวยามดึกริมระเบียงอย่างเหม่อลอย
Special Part IIเจสซี่และพีย้ายมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลที่พ่อแม่ของพีมอบให้เป็นของขวัญสำหรับพวกเขาทั้งสอง เธอและเขาตัดสินใจไม่จัดงานแต่งงานเพราะอยากใช้ชีวิตด้วยกันโดยไม่ยึดบรรทัดฐานของสังคมแม้ตอนแรกอาจจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งเสียเท่าไหร่ แต่ครอบครัวของพวกเขานั้นเคารพในการตัดสินใจของทั้งคู่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันทางครอบครัวของทั้งคู่นั้นไม่ได้บังคับหรือต่อว่าใดๆ พวกท่านค่อนข้างเข้าใจความคิดของลูกตัวเองเป็นอย่างดีว่า ลูกชายและลูกสาวตัวเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูงขนาดไหน อีกทั้งพ่อแม่ของเธอและพีนั้นรู้จักกันทางธุรกิจมาก่อนจึงทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งทำทุกอย่างตามธรรมเนียมครอบครัว เพียงแต่ไม่ได้จัดงานแต่งงานเชิญแขกเอิกเกริกเหมือนคู่บ่าวสาวทั่วไปถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าทั้งเจสซี่และพีเองจะไม่เคยคิดเรื่องการจัดงานให้เป็นกิจลักษณะ ทั้งคู่ตกลงเพียงว่าจะจัดงานเลี้ยงอาหารเพียงครอบครัวภายในและถ่ายเพียงรูปครอบครัวเ
Special Part Iเสียงคลื่นกระทบชายหาดเป็นจังหวะรับสายลมยามเช้าที่พัดเข้าฝั่ง หญิงสาวร่างเล็กผละตัวออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊คก่อนลุกขึ้นจากซอกโซฟาที่เธอใช้พิงหลังทำงานมาตลอดคืน‘อากาศดีจัง’ นัยน์ตาสีอัลมอนด์ทอดมองวิวนอกหน้าต่างยามเช้าอย่างอารมณ์ดี“อยากกินมื้อเช้าก่อนนอนไหมครับ” ร่างสูงที่เพิ่งตื่นเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง พลางใช้ดวงหน้าหล่อซบไหล่เล็กออดอ้อนด้วยความคิดถึงหลายคืนแล้วที่คนรักของเขาทำงานโต้รุ่งโดยปล่อยให้เขานอนกอดหมอนข้างมองเธอจนหลับไป โชคดีที่ทั้งเขาและเธอนั้นทำงานอิสระและเป็นเจ้านายตัวเอง จึงทำให้ต่างคนต่างเข้าใจหน้าที่การงานของกันและกันพร้อมทั้งช่วยเหลือกันได้เป็นอย่างดี หากเขาต้องทำงานเป็นเวลาแบบพนักงานประจำมีหวังได้มีน้อยใจคนขยันในอ้อมกอดเป็นแน่“ไข่กระทะไหมคะ หรือว่าอยากไปเดินตลาดเช้าไหม กำลังเมื่อยหลังเลย” ร่างเล็กเอ่ยชวนพร้อมขยับหัวอิงซบดวงหน้าหล่อของร่างสูงที่อยู่บนไหล่ของเธอ&ldq
ตอนที่ 47หนังสือเล่มเดิม“เค้าปลดบล็อกจินนี่ตอนที่รักสลับมือถือไปเล่นเมื่อคืนค่ะ ตอนนั้นเค้าถามแล้วนะว่าปลดได้หรือเปล่า” หญิงสาวสวมชุดนอนนั่งด้วยท่าสบายบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม เธอใช้ที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่กำลังอ่านไว้หลังเห็นร่างสูงออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีกรมท่า พร้อมเอ่ยชี้แจงเรื่องราวที่คนตัวสูงได้ส่งข้อความถามเมื่อช่วงบ่าย“เค้านึกว่าที่รักปลดบล็อกแค่ไลน์ ไม่คิดว่าที่รักจะปลดบล็อกไอจีด้วย แบบนี้ที่รักจะไม่คิดมากจริงๆ เหรอครับถ้าจินนี่ทักมา” นัยน์ตาสีน้ำตาลสื่อประกายความเป็นห่วง พร้อมทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างโอบกอดคนตัวเล็ก“ที่ผ่านมาที่รักก็ทำตัวชัดเจนขนาดนี้แล้ว เค้าต้องกังวลอะไรอีกคะ หรือว่าความจริงแล้วที่รักหวั่นไหว” ดวงหน้าเปี่ยมสเน่ห์ขมวดคิ้วถาม“ไม่เคยเลยครับ ที่เค้าบล็อกไว้เพราะไม่อยากให้ที่รักเป็นกังวล เค้าบล็อกน้องไปตั้งแต่วันแรกที่ที่รักไม่กลับคอนโดของเราจนถึงเมื่อคืนนี่แหละครับ แล้ววันนี้จู่ๆ
Comments